คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : one × DEATH WINGS × end
สิ่งที่ตรงข้ามกับผู้ชายคือผู้หญิง
สิ่งที่ตรงข้ามกับความรักคือความเกลียดชัง
สิ่งที่ตรงข้ามกับสีขาวคือสีดำ
สิ่งที่ตรงข้ามกับนางฟ้าคือซาตาน
แต่ถ้าหากนางฟ้า…กลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ล่ะ?
แล้วสิ่งที่ตรงข้ามกับนางฟ้าตกสวรรค์จะเป็นอะไร…
…คงไม่มี
ตำนานรักบทใหม่กำลังจะถูกเปิดหน้าใหม่ขึ้นอีกครั้ง ปลายปากกาขนนกถูกจุ่มลงในน้ำหมึกและจรดลงบนหน้ากระดาษ เรื่องราวความรู้สึกจากอดีตที่ส่งทอดมายังปัจจุบัน กำลังได้รับการเล่าขาน ดั่งเสียงเพลงของป่าที่กำลังบรรเลงเพื่อบูชายัญต่อสายฝน
เรื่องราวของนางฟ้ากับปีกมาร…
หากแต่นั่นไม่ใช่เพียงนิทานปรัมปรา…แต่คือเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น
หน้ากระดาษถูกพลิกเปิดขึ้น บันทึกเก่าแก่ของบ้านตระกูลชเวที่มีมานานกว่าศตวรรษถูกเล่าผ่านปากจากรุ่น…สู่รุ่น
“นี่ๆ งั้นคุณปู่ก็เป็นลูกหลานนักเวทย์หรอครับ?”
แน่นอนว่า ‘เวทมนต์’ คือหนึ่งในสิ่งลี้ลับที่คนในยุคปัจจุบันอาจไม่เชื่อ และตระกูล ‘รัตนชาต’ คือหนึ่งในตระกูลที่เคยเป็นลูกศิษย์ของนักเวทย์มือหนึ่งอย่างตระกูลชเวและสืบลูกหลานมาจนถึงยุคสมัยนี้
‘มิ้ง’ คือลูกชายคนโตของบ้านที่สืบสายเลือดมาโดยตรง จากพ่อที่เป็นคนเกาหลีนามสกุลชเว และคุณแม่ที่เป็นคนไทยโดยแท้ กำลังเรียนอยู่ชั้นประถมต้น
“ก็ใช่แหละนะ”
“ต้นตระกูลนักเวทย์นี่ดูมีเรื่อวราวเยอะนะฮะ”
ยังไม่ทันที่คุณปู่จะได้เล่าอะไรต่อ เสียงโหวกเหวกและสองร่างเล็กของเด็กอีกสองคนก็วิ่งเบียดกันเข้ามา คนหนึ่งคือน้องสาวคนเล็ก ‘ไมตี้’ และอีกคนคือน้องชายข้างบ้าน ‘เคย์’
“พี่มิ้ง! คุณปู่! ทำอะไรฮะ!”
“อ้ะนี่! พี่เคย์! อย่าแย่งที่นั่งข้างพี่มิ้งนะ!”
“เอ้าๆ อย่าแย่งกันน่า ไมตี้มานั่งข้างปู่นี่” คุณปู่อุ้มเด็กหญิงตัวเล็กมานั่งอีกด้านหนึ่ง เมื่อหลานมากันครบ คุณปู่จึงเริ่มเกริ่นถาม
“ทั้งสามคน อยากรู้ตำนานความรักของจอมเวทย์ตระกูลชเวกับตระกูลคิมมั้ย?” ทั้งสามคนพยักหน้ากันหงึกหงัก
“อ๊า คุณปู่ ขอไมตี้นั่งตักคุณปู่นะคะ”
“ฮ่ะๆๆ ไม่อยากแพ้พี่เคย์เขาล่ะสิ อ้าว อย่าทำเสียงชิสิไมตี้” น้องสาวคนเล็กทำเสียงชิในลำคออีก มิ้งมองไปที่เคย์ที่บ่นมุบมิบเหมือนกัน ยกมือขึ้นยีผมอีกคน
“เอ้า ฟังนะ ปู่จะเล่าให้ฟัง…มันเป็นเรื่องตอนที่พวกเขาอายุเท่าหลานเลย”
เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อน ที่เมืองแห่งเวทมนต์นั้นไม่ได้แตกต่างกับเมืองของมนุษย์เท่าไหร่นัก เด็กทุกคนจะต้องตื่นมาตอนเช้า เพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนสำหรับจอมเวทย์
ชีวิตของ ‘คิม คิบอม’ หรือ ‘คีย์’ นักเวทย์อายุน้อยที่เพิ่งเข้ามาเรียนหลังเพื่อน ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและไม่มีอะไรนอกจากมาโรงเรียน กินข้าว และกลับบ้าน ทำการบ้าน อาบน้ำ และนอน ถ้าแปลกจากนี้ก็แค่การให้พ่อช่วยสอนเวทมนต์ให้เท่านั้น
“เอ้า เปิดหนังสือหน้า M09 นะ อ่านรอเลย แล้วครูจะเรียกตามเลขที่ให้ออกมาลองใช้เวทที่ครูสอนเมื่อวานให้ดู”
นักเรียนถูกเรียกออกไปทีละคน คีย์ถอนหายใจและก้มลงอ่านหน้าตำราใหม่ แต่ยังไม่ทันไล่สายตาอ่านก็ถูกคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเรียก
“นี่ นาย…ชื่อคีย์หรอ?” คนคนนั้นถามด้วยรอยยิ้ม ทั้งตัวหันหลังกลับมาคุยด้วย
รอยยิ้มแบบนั้น…น่าหงุดหงิดเป็นบ้า
“แล้วมันหนักส่วนไหนของนายรึเปล่า?” คนคนนั้นผิวปาก ไม่ได้คิดถึงความปากร้ายของเจ้าตัวไว้เลย คนคนนั้นยิ้มอีกครั้ง ตอนที่คีย์กำลังจะก้มลงอ่านหนังสืออีกครั้งก็มีมือยื่นมาตรงหน้า
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อมินโฮนะ ชเวมินโฮ” คนคนนั้นเน้นแต่ละคำให้ชัดๆ กลัวคีย์ที่ไม่สนใจจะได้ยินไม่ชัด คีย์ถอนหายใจ ยิ่งฟังยิ่งหงุดหงิด มือที่ใส่แหวนอยู่หลายนิ้วนั้นข้างหนึ่งยกขึ้นจับท้ายทอย
นั่นทำให้มินโฮกลั้นหัวเราะไม่อยู่…ถ้าจะให้พูด นั่นน่ะ มันเขินมากกว่าล่ะมั้ง
“9142 คีย์” คีย์แทบจะหัวเสีย ถึงเลขประจำตัวของเขาแล้ว แต่คีย์ยังไม่ได้อ่านเวทย์บทใหม่ถึงไหนเลย เพราะชเวมินโฮคนเดียว…
“ครับ” คีย์ลุกขึ้น มินโฮมองตามคีย์ที่เผลอยกมืออีกข้างขึ้นแตะท้ายทอยตัวเอง
ชินสินะเนี่ย
“อะ จริงสิ คีย์!”
“นี่!!...”
พรึ่บ!
เพราะคีย์กำลังจะเดินไปหน้าห้อง แต่มินโฮกลับรั้งเสื้อคลุมไว้ ทำให้เข็มกลัดกลางอกที่คีย์ไม่ได้ติดไว้แน่นนักหลุดออกจนเสื้อคลุมหลุดตามลงมาด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจนั้นไม่ใช่ว่าเสื้อคลุมของคีย์หลุด…
แต่เพราะปีกสองข้างกลางหลังที่กำลังสยายออก แม้มันจะไม่ได้ใหญ่มากเหมือนพวกสัตว์ในตำนานแต่มันกำลังกระพือราวกับมีชีวิต แน่นอนอยู่แล้ว…เพราะมันเป็นสิ่งที่เชื่อมกับคีย์ เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นทีทุกคนได้เห็นผ้าคลุมก็ถูกเวทมนต์เสกให้กลับเข้าที่
สิ่งที่เรียกว่าปีกนั้น นอกจากพระเจ้าหรือคนธรรพ์ของสวรรค์แล้ว นักเวทย์จะไม่มี เพราะก็ถือว่าเป็นมนุษย์ แต่คีย์ก็ไม่คิดจะให้ใครเห็นปีกนี้เด็ดขาด เพราะอะไรน่ะหรอ…
คำตอบมันไม่ยากเลย
“ปีศาจ”
“คีย์…” มินโฮลุกขึ้นจากโต้ะทันที บอกให้ทุกคนเงียบ มือหนาจะเข้าไปแตะคีย์แต่กลับถูกคีย์ปัดออกอย่างแรง ดวงตาเรียวมองมาเพียงครู่เดียวก็ละไป
“อย่ามาแตะนะ!!” คีย์ที่ปกติจะไม่ค่อยพูดไม่ค่อยสนิทกับใคร ตอนที่ตะโกนออกมานั้นทำให้แม้แต่ครูที่ยืนอยู่หน้าชั้นก็สะดุ้งกันสุดตัว คีย์กัดฟันแน่น คำว่า ปีศาจ มันดังก้องอยู่ในหัวจนน่ารำคาญ เสื้อคลุมถูกสลัดหลุดอีกครั้ง ความดันอากาศภายใต้ปีกดันให้ตัวเด็กหนุ่มลอยขึ้น ก่อนจะกระแทกผ่านหน้าต่างออกไป
“คีย์!!!”
เย็นวันนั้นเอง ที่คนอย่างชเวมินโฮที่ไม่เคยคิดจะเข้าห้องสมุดแม้ซักครั้งเพราะเดินไปทางไหนก็เจอแต่หนังสือกลับกำลังเปิดค้นตำรา ทั้งจากหนังสือเรียนและชีวประวัติในห้องสมุด
ตำนานของ ‘นางฟ้าตกสวรรค์’ เล่ากันว่า นางฟ้าตกสวรรค์มักมีรูปร่างหน้าตาที่สะสวยมากกว่านางฟ้าหรือเทพธิดาองค์ไหนๆ แต่การที่ได้ชื่อว่านางฟ้าตกสวรรค์นั้น อาจเพราะทำความผิดร้ายแรงถึงขนาดที่ว่าสวรรค์ไม่สามารถอภัยให้ได้ จึงถูกส่งลงมายังโลกมนุษย์ ปีกสีขาวนั้นจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสีดำและไม่อาจกลับมาบนสวรรค์ได้อีก
ปีกสีดำนั้นว่ากันว่าเมื่อผ่านไปที่ไหนก็นำแต่ความหายนะมาให้ ทั้งผู้คนล้มตาย พืชผักเสียหาย เกิดเหตุโกลาหลเพราะปีกสีดำไม่สิ้นสุด
“แต่คีย์ก็ไม่เคยทำแบบนั้นซักหน่อยนี่นา”
แต่ในครั้งนี้ ปีกสีดำนั่นจะใช่หายนะที่มาเยือนโลกเวทมนต์จริงหรือไม่นั้น ไม่มีใครที่ล่วงรู้ได้…
เพล้ง!
เสียงเหมือนกระจกแตกจากอีกฝั่งของตึก มินโฮรีบปิดหนังสือวางกลับที่และใช้เวทย์เคลื่อนย้ายตัวเองไปยังจุดเกิดเหตุที่อยู่ไม่ไกลทันที แต่พอมาถึงสิ่งที่มินโฮได้เห็นนั่นคือเลือดข้นสีแดงที่เลอะอยู่ทั่วบันได
“นี่!! คีย์!! เฮ้ย!!” มินโฮพยายามจะเขย่าตัวคีย์ที่นอนไม่ได้สติอยู่ ปีกที่หลังเหมือนจะเพิ่งถูกยิงมาและเลือดกำลังไหลไม่หยุด
“เจอตัวแล้ว!!” เหล่าบรรดาทหารในเครื่องแบบของกองทัพเข้าล้อมทั้งสองคนเอาไว้ มินโฮกำหมัดแน่นลุกยืนขึ้นให้ไอ้พวกไร้สมองที่เป็นคนยิงคีย์มองเห็นหน้าชัดๆ
“เจอใครงั้นหรอ?” เพียงแค่เห็นหน้า ชเวมินโฮ ทายาทคนเดียวของบ้านตระกูลชเวที่เป็นหัวหน้าองครักษ์รักษาพระองค์ของพระราชา พลทหารมากมายก็ทรุดเข่าลงและพูดเสียงดังพร้อมกัน
“คุณชายน้อย!!!”
“เออ ฉันเอง” มินโฮเดินลงจากบันไดไปหาทหารที่อยู่ใกล้ที่สุดและแย่งปืนมาถือไว้
“พวกแกคิดว่า…พวกแกเพิ่งจะยิงใครไปงั้นหรอ?” รัศมีความน่ากลัวแผ่ออกมาคูณพัน เล่นเอาทหารทั้งกองหนาวไขสันหลังอย่างบอกไม่ถูก มินโฮชักปืนหนึ่งครั้งและยิงขึ้นฟ้าจนเพดานตึกแตกร่วงกราวลงมาและโยนปืนทิ้ง
“เขาเป็นเพื่อนของฉัน…พวกแกคิดว่ายิงเพื่อนของฉันแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?” ถึงนั่นของมินโฮจะเรียกว่าเป็นคำถาม แต่ถ้าใครซักคนปริปากตอบออกไป เชื่อได้เลยว่า ปากคงโดนยิงพรุน
“รีบไสหัวไปให้พ้นๆ หน้าฉัน!!! แล้วถ้าหน่วยพยาบาลไม่ไปที่บ้านใน 5 นาทีนี้ฉันจะใช้คฑานี่เป่าพวกแกให้กระเด็นไปเป็นอาหารของคิเมร่าซะ!!!!!”
“รับทราบครับคุณชายน้อย!!!!!” พลทหารรับคำอย่างแข็งขัน ยืนตัวตรงแน่ว ก่อนจะรีบวิ่ง เรียกได้ว่ารีบเผ่นไปให้ไกลเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ลืมให้คนในกองซักคนไปเรียกหมอและพยาบาลประจำตระกูลไปที่บ้าน
“เฮ้อ…แล้วจะพาไปที่บ้านยังไงล่ะเนี่ยเรา…” ถึงจะพูดไว้แบบนั้น แต่มินโฮก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะพาคีย์ไปยังไง จะใช้เวทมนต์เคลื่อนย้าย มินโฮก็เคลื่อนย้ายได้แค่คนเดียวเท่านั้น
แต่พอหันกลับมาอีกทีเห็นอีกคนตื่นอยู่ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
“คีย์ เจ็บมากมั้ย?”
“น…นาย…” มินโฮขมวดคิ้ว สีหน้าคีย์ในตอนนี้ไม่ใช่สีหน้าที่กำลังบ่งบอกว่าเกลียดเขา แต่มันเป็นสีหน้าของคนที่กำลังหวาดกลัวแบบสุดขีด พอมินโฮเดินเพียงก้าวเดียว ปีกก็กระพือพรึ่บขึ้นบินอีกครั้ง
“คีย์! เดี๋ยวสิ! นายยัง!...คีย์!!!” บินออกไปได้ไม่เท่าไหร่ ปีกข้างหนึ่งที่บาดเจ็บก็เหมือนขัดคำสั่ง ปีกตกลงมาทำให้การบินบนอากาศเสียศูนย์ เป็นผลให้ร่างของคีย์ร่วงลงมา มินโฮไม่มีเวลาพอให้คิดบทมนต์ของเวทเคลื่อนย้ายแล้ว จะเคลื่อนย้ายก็ใช้เท้านี่แหละ!
มินโฮวิ่งเข้าไปรับคีย์ว้ได้ทัน อยากจะออกปากต่อว่าซักหน่อย หากแต่อาการของอีกคนกำลังแย่ลงคีย์หอบแฮ่ก เหมือนว่าเลือดจะไหลลงมามากว่าเดิมด้วย มินโฮเอาเสื้อคลุมของตัวเองคลุมให้คีย์แทนและรีบใช้เวทย์ร่ายไม้กวาดออกมา
หลังจากกลับมาบ้านก็โดนพ่อบ่นหูชา มินโฮทำแค่เพียงเมินเสียงนั่นและพาคีย์ไปที่ห้องของเขาเพื่อให้คุณหมอช่วยรักษา ระหว่างนั้นมินโฮก็เรียกทหารมาให้ข้อมูล
ได้ความมาว่าทางโรงเรียนแจ้งเรื่องนักเรียนจอมเวทย์ที่มีปีกสีดำกับทางกองทัพ พ่อจึงสั่งให้ทหารออกจับกุมตัวให้ได้เพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อน
พวกผู้ใหญ่พวกนี้กำลังกลัวตำนานกันอยู่หรือไงนะ
“คุณชายน้อย” เสียงของคุณหมอประจำบ้านเรียก มินโฮหันกลับไป
“คีย์ไม่เป็นไรแล้วหรอครับ?”
“ครับ เพื่อนของคุณชายปลอดภัยแล้ว ที่เหลือก็แค่พักฟื้น และให้กินยาพวกนี้ด้วยนะครับ” คุณหมอส่งยาผงที่บรรจุไว้ในกระดาษให้มินโฮ มินโฮพยักหน้า กล่าวขอบคุณ และเดินสวนกลับเข้าห้องตัวเอง
“คุณหมอจงฮยอน ท่านหัวหน้าองครักษ์เรียกพบค่ะ” จงฮยอนพยักหน้าให้กับสาวใช้ที่เดินขึ้นมาตามและบอกว่าซักครู่จะไป พอสาวใช้ไปแล้วจงฮยอนจึงมองกลับเข้าไปในห้องของมินโฮอีกครั้ง
“เป็นปีกที่สวยมากเลยนะคะ” พยาบาลผู้ช่วยเสนอความเห็นและนั่นจงฮยอนเห็นด้วยอย่างยิ่ง
“ใช่…น่าสนใจมาก”
“เจ็บมากมั้ย?”
“อย่ามายุ่งนะ”
“อ้าว แต่นายติดหนี้ฉันนะ” มินโฮถอนหายใจกับคนหัวดื้อที่ยังคงไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ คีย์นั่งกอดเข่าแต่แอบเหลือบตามองมาที่มินโฮ
“ไม่กลัวฉันหรือไง?”
“ฮะ?”
“ไม่คิดว่าฉันเป็นปีศาจ เหมือนอย่างที่คนอื่นคิดหรือไง?”
“หา? เรื่องไร้สาระแบบนั้นฉันไม่เชื่อหรอกนะ อีกอย่าง เรื่องพวกนั้นมันก็แค่ตำนาน ถึงนายเป็นปีศาจจริงๆ ก็เป็นปีศาจที่คบได้ล่ะนะ แถมเรียนเก่งสุดๆ” คีย์มองมินโฮที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเตียง
แล้วนายจะรู้ว่าจริงๆ มันอาจไม่ได้เป็นแบบนั้น…
“เด็กคนนั้น…” สายตาของคีย์ไม่ได้มองมาที่มินโฮแต่กำลังมองไปที่สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนนั่น
นั่นน่ะ…ใช้อุ้มเรามาที่นี่งั้นหรอ…
“เด็ก? อ้อ…เจ้านี่น่ะนะ?” เด็กหนุ่มมองสัตว์เลี้ยงของตัวเองในมือ ก่อนจะโยนให้มันไปทางคีย์ เจ้าตัวเล็กที่มีปีกเหมือนกับคีย์แต่ร่างกายเป็นสัตว์สีทองมีเขาร่วงตุบลงบนเตียงใกล้กับคีย์ มันเดินเข้ามาดมมือคีย์ก่อนจะงับเบาๆ แต่ปฏิกิริยาตอบรับของคีย์คือการขยับหนีอย่างรวดเร็วจนติดมุมห้อง
“เฮ้ยๆ กลัวอะไรของนายน่ะฮะ”
“นั่น…คิเมร่า…ใช่มั้ย…?”
“ใช่สิ ทำไมล่ะ? มันแค่ยังเล็กมากเท่านั้นเอง” เจ้าตัวเล็กทำท่าจะกระโดดเข้าหาคีย์อีก แต่คราวนี้คีย์หยิบคฑาของตัวเองออกมา มินโฮจึงเข้ามาช่วยอุ้มมันไว้ มือหนาลูบหัวเจ้าตัวเล็กเบาๆ
“ฉัน…ไม่ถูกกับคิเมร่า มันเคย…จะฆ่าฉัน”
“แต่ว่าเจ้านี่ฉันเลี้ยงมากับมือ มันไม่เคยทำอะไรนอกเหนือคำสั่งฉันหรอก อย่ากลัวเลยน่า”
นั่นล่ะที่คีย์ยิ่งไม่ไว้ใจเข้าไปใหญ่ ทำกับเจ้านายเขาไว้เยอะแยะ ยังเป็นพวกหัวดื้อไม่ยอมทดแทนบุญคุณอีก มีหวังถ้าโดนเขมือบขึ้นมามินโฮก็คงไม่ช่วยแน่
“เอาน่าๆ ถ้ามันทำอะไร ฉันจะตีให้เอง”
“ม…ไม่ต้อง!” อะไรคือการที่มินโฮบอกว่าเลี้ยงมาเองกับมือ มันเลี้ยงแน่ใช่มั้ย? ใช้คำว่าตีเนี่ยมันเป็นการเลี้ยงแบบโหดร้ายสุดๆ เลยไม่ใช่หรือไง
“เอ้า…” คีย์คิดด่าในใจได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าตัวเล็กสีทองก็มาอยู่ตรงหน้าอีกครั้งพร้อมกับเจ้าของมือที่ยังอุ้มมันไว้ เจ้าตัวเล็กเหมือนจะยิ้ม มันแลบลิ้นออกเลียจมูกคีย์เบาๆ
น่ารักมาก…
หน้าคีย์ร้อนแทบระเบิด ถึงคีย์จะไม่ถูกโรคกับคิเมร่าเท่าไหร่นัก แต่เด็กคนนี้มันน่ารักเหลือกินจริงๆ คีย์รับตัวเล็กๆ ที่พอดีอุ้งมือนั้นมาอุ้มไว้ ใบหน้าขาวแดงถึงหู
“เจ้านั่น ยังไม่ได้ตั้งชื่อ เพราะฉะนั้น…ฉัน…ยกให้นาย”
“หา?” มินโฮถอนหายใจ พูดอีกว่าก็อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ คีย์ดีใจจนพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าตัวเล็กที่กำลังส่งยิ้มมา ก่อนที่คีย์จะนิ่งค้างเพราะสัมผัสอุ่นที่จับที่หัวของเขา ผมถูกยีจนยุ่งเหยิง คีย์หน้าแดง และรีบเปลี่ยนเรื่อง ในตอนนั้นที่นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“แล้วที่บอกว่าจะให้คิเมร่ากินนี่…ตัวนี้งั้นหรอ?”
“ก็ใช่แหละ มันเป็นสัตว์เลี้ยงที่ฉันชอบมากน่ะ พวกนั้นก็รู้แค่ว่าฉันเลี้ยงคิเมร่าแต่ไม่เคยเห็น แต่ถ้าเกิดว่าต้องจับให้กินจริงๆ ก็คงจะทำแบบนี้…” มินโฮหยิบเอาคฑาของตัวเองออกมาและร่ายมนต์อะไรบางอย่าง แสงสีขาวส่องวาบขึ้นก่อนจะหายไป ทันทีที่คีย์ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เจอกับคิเมร่าตัวใหญ่ยักษ์ที่กำลังใช้อุ้งเท้าเหยียบอกเขาอยู่…
“อ้าว เป็นลมไปซะแล้ว”
มินโฮถอนหายใจลุกร่ายมนต์ให้คิเมร่ากลับเป็นเหมือนเดิม เดินไปอุ้มคีย์ขึ้นจากพื้นพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่ยังคงหมอบนอนมองหน้าคีย์ไม่ห่าง
และแล้ว…ความเกลียดชังก็ค่อยๆ จางหายไป…
วันคืนค่อยๆ หมุนวนผ่านไปรวดเร็วราวกับฝัน ฤดูกาลผันแปร อากาศเปลี่ยนแปลง ชีวิตและการเป็นอยู่ของผู้คนภายในโลกแห่งเวทมนต์พัฒนาขึ้นและดำเนินไปอย่างสงบสุข ภายในบ้านหลังใหญ่ของตระกูลชเวอบอวลไปด้วยไออุ่นและความสุข ในสวนหลังบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ มีเสียงของเด็กหนุ่มกำลังวิ่งเล่นดูสดใส
ปีกสีดำนั้นกลับมาร่าเริงและแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว…รวมถึงเจ้าของปีกด้วย
“เอ้า 1…2…3!!”
ตูม!!!
เพียงแค่คุณชายน้อยของตระกูลหันกลับมาเท่านั้น พลังเวทย์ทำลายก็ถูกร่ายใส่จนกระโดดหลบแทบไม่ทัน คุณชายขี่ไม้กวาดขึ้นและตะโกนจากด้านบน
“มันขี้โกงนี่! ไหนบอกนับสามก่อนไง!”
“ฉันไม่ได้บอกเลยนะว่าฉันจะหันตอนนับสาม! ฮ่าๆๆๆ!”
หลังจากผ่านมานานหลายปี คีย์กับมินโฮก็เริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ความคิดความอ่านเปลี่ยนไป รวมถึงฝีมือเวทมนต์ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย พวกเขาทั้งสองคนเปลี่ยนจากความเกลียดชังในตอนแรกไปเป็นสายสัมพันธ์ที่ค่อยๆ เชื่อมโยงเข้าหากัน และกลายเป็นความเชื่อใจในที่สุด…
“เอล! ไปล่ะนะ!”
และถ้าจะให้พูดเจ้าตัวเล็กที่คีย์ได้รับสิทธิ์ให้ตั้งชื่อให้นั้น ในตอนนี้มันได้ชื่อของมันแล้ว นั่นคือ ‘เอเลอ’ ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ปีก แต่จนถึงตอนนี้มินโฮก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมคีย์ต้องใช้ภาษาฝรั่งเศส การเดาใจคีย์ก็เป็นเรื่องยากพอสมควรซะด้วย อย่าคิดจะดีกว่า
คีย์กับสัตว์เลี้ยงคู่ใจที่คีย์เคยไม่ถูกด้วย ตอนนี้กำลังเข้ากันเหมือนช้อนกับส้อม ทั้งสองสยายปีกบินผ่าอากาศขึ้นมาจนมินโฮม้วนไปหลายตลบ
อะ…
แต่ปีกที่กำลังขยับของคีย์นั้นอยู่ๆ ก็หยุดไปซะดื้อๆ ร่างของคีย์ร่วงอีกครั้งเหมือนกับคราวก่อน มินโฮรีบทิ้งตัวลงให้ถึงพื้นก่อนคีย์ ทั้งมินโฮและเอเลอลงมารับคีย์ได้ทันพอดี
“คีย์! คีย์! เป็นอะไรมั้ย!”
“ม…มินโฮ…” มือของคีย์ทั้งสองข้างนั้นสั่น ยื่นเข้ามากำเสื้อมินโฮไว้แน่น มินโฮลูบหัวอย่างร้อนรนและบอกให้คีย์ใจเย็นๆ
“ท…ทำยังไง…ดี…ปีก…”
“คีย์…”
“ปีกฉัน…มัน…ไม่ยอมขยับ…”
และนั่น…เป็นจุดเริ่มต้น…ของความเศร้าที่กำลังจะเกิดขึ้นในเรื่องนี้...…
แกร๊ก
“มินโฮ ออกห่างจากคีย์ซะ” ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้าง ปืนกำลังถูกเล็งจากทหารรักษาพระองค์ที่เข้ามาล้อม รวมถึงพ่อของเขาเองที่ก็กำลังเล็งปืนมาที่คีย์ด้วย มินโฮขยับตัวเองบังคีย์
“พ่อจะทำอะไร!!”
TBC...
“พ่อจะทำสิ่งที่ควรทำ”
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่พ่อควรทำ!! คีย์ไม่ได้ทำอะไรผิด!! ผมจะไม่ยอมให้พ่อแตะต้องคีย์เด็ดขาด!!”
“ถอยออกมามินโฮ!!!” ทุกคนเริ่มเล็งอีกครั้ง แม้จะเล็งไปที่คีย์แต่เพราะมีคุณชายน้อยของบ้านขวางอยู่ทำให้ไม่สามารถยิงออกไปได้ พริบตาเดียวที่ทั้งสองคนไม่ได้ตั้งตัว เข็มยาสลบก็ถูกยิงใส่เอเลอจนคิเมร่าตัวใหญ่ล้มพับ
“เอล!!!”
“พ่อ!!! หยุดนะ!! เอลไม่ถูกกับยาสลบพ่อน่าจะรู้ดี!!!” มินโฮกัดฟันแน่น มองหน้าชายหนุ่มด้วยดวงตาแข็งกร้าว คนคนนี้…ใช่พ่อของเขาแน่หรือเปล่า
“นั่นไม่ใช่ยาสลบ…”
“อะไรนะ?”
“แต่เป็นยาพิษ”
ตูม!!!!!
“คีย์! เป็นอะไรมั้ย!” เศษดินที่กระจายไปเพราะแรงระเบิดจากอะไรบางอย่างใต้ดินไม่ทำให้คีย์บาดเจ็บนัก เพราะมีมินโฮช่วยบังไว้ คีย์ยกสองมือขึ้นปิดหน้า มินโฮแตะมือคีย์เบาๆ และในตอนนั้นที่มินโฮเห็นตาของคีย์…เปลี่ยนสีไป
“เอลน่ะ…เป็นเพื่อนของฉัน…เพื่อนของฉัน…” คำพร่ำเรียกเพื่อนคนสำคัญของคีย์พร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆ หลั่งรินออกเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเจ็บปวดแสนสาหัส เจ้าของปีกสีดำผลักมินโฮออก เขี้ยวเล็บของคีย์ยาวขึ้นจนน่าตกใจ ปีกทั้งสองข้างโบกพัดจนทำให้เกิดลมแรง ปีกสีดำพาคีย์ทะยานไปเบื้องหน้า
พวกที่ฆ่าเพื่อนของเขา…ต้องตายไปให้หมด
“อึ่ก…แก!!!”
“คีย์!!!” ปืนจากทุกทิศทางถูกเล็งเข้าหาคีย์ที่กำลังบีบคอของหัวหน้าองครักษ์ไว้แน่น เล็บถูกจิกที่ลำคอจนเลือดไหลเป็นทางยาว มินโฮรีบร่ายเวทและกางบาเรียป้องกันให้คีย์ทันที
ปังๆๆๆๆๆๆ!!
ไม่มีลูกกระสุนแม้ซักลูกที่สามารถทำลายเขตป้องกันได้ มินโฮวิ่งเข้าไปหาคีย์และจับตัวไว้ให้คีย์ปล่อยมือจากพ่อของเขา แต่ทันทีที่แตะคีย์ คีย์เปลี่ยนเป้าหมายจากพ่อมาเป็นมินโฮแทน มินโฮถูกจับกดหัวกระแทกลงกับพื้นและถูกบีบคอแบบเดียวกัน
ก็แน่สิ…กลิ่นพ่อกับลูกมันก็เหมือนกันนั่นแหละ
“อย่ายิงนะ!!! ถ้ายิงฉันจะร่ายเวทให้พวกแกหายไปให้หมด!!!” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่การที่โดนคีย์บีบคอทำให้มินโฮหายใจไม่ออกจนภาพเบื้องหน้าเริ่มจะพร่า
คีย์…นาย…ทำแบบนี้ทำไม
“คีย์! ได้สติซะที!!” ดวงตาแดงฉานกำลังเกรี้ยวโกรธราวกับพายุโหมกระหน่ำ มือที่คอออกแรงบีบมากขึ้น จนมินโฮทำคฑาหลุดมือ…ถึงมีเขาก็ไม่คิดจะใช้กับคีย์อยู่แล้ว…
“คีย์…อึก!...”
“เพื่อน…”
“คีย์…”
“เพื่อนของฉัน…นั่นน่ะ…เป็นเพื่อนของฉัน…ทำไมถึงต้องทำร้ายด้วย…ทำไมถึงต้องรังแกด้วย!” เสียงตะโกนของเจ้าของปีกสีดำดังสะท้อนไปทั่ว มือทั้งสองข้างสั่นเทา แรงบีบดูเหมือนจะลดลง มินโฮรู้สึกถึงน้ำตาอุ่นที่หยดลงมาบนใบหน้าของเขา…
“เพื่อนของฉัน!!!! เพื่อนของฉัน!!!!! ทำไม! ทำไมๆๆๆๆๆ!!!” คีย์สะดุ้งสุดตัวทันทีที่มินโฮยื่นมือมาจับบริเวณใบหน้า นิ้วหัวแม่มือปาดเช็ดน้ำตาให้แผ่วเบา ความอบอุ่นจากฝ่ามือเหมือนกำลังส่งถ่ายไปยังหัวใจให้หัวใจที่เย็นชาของคีย์กลับมาเต้นอีกครั้ง…
“ฉัน…ก็เป็นเพื่อนของนาย…”
“ม…”
“คีย์…” เพียงแค่ชื่อที่คีย์ยังจดจำได้ หัวใจดวงเดิมเริ่มต่อสู้อีกครั้ง จิตใจที่ถูกปีศาจภายในตัวครอบงำค่อยๆ กลับมา…ดวงตา เปลี่ยนกลับมาเป็นสีดำอีกครั้ง
“ม…มินโฮ…”
“คีย์…”
“ฉันรักคีย์”
ปัง!!!!
ไม่นะ…ทั้งที่เพิ่งจะได้บอกออกไปแท้ๆ…ทำไมเราถึงต้องแยกจากกันล่ะ?
พระเจ้าไม่ยุติธรรม…
“ปล่อยนะ!!!!! ปล่อยผม!!!!! จะพาคีย์ไปไหน!!!!! ปล่อยนะ!!!! ปล่อยยยยยยยยยยย!!!!!!!!” เสียงเรียกที่ตะโกนทั้งน้ำตานั้นเหมือนเป็นเพียงสายลมที่ผ่านไป ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครใส่ใจ ร่างของคีย์ถูกจับยัดใส่กรงอย่างไม่ใยดี ไม่กลัวความเสียหาย ดวงตาเรียวค่อยๆ เปิดขึ้นมองมินโฮ
ฉันก็รักนายนะ…มินโฮ
แต่น่าเสียดาย…ที่ดวงตาของเขามืดจนมองไม่เห็นหน้ามินโฮแล้ว…
พายุพัดผ่านไป เหลือเพียงความเสียหายและความสูญเสียใหญ่หลวงที่ไม่อาจเรียกคืนจากใคร มินโฮนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับไปไหน ในหัวคิดหาหนทางต่างๆ นาๆ เพื่อช่วยคีย์กลับมา แต่สุดท้ายแล้ว…ก็พบเพียงทางตัน
ร่างของมินโฮไม่สามารถขยับได้อย่างใจคิด เด็กหนุ่มตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นหญ้า และที่อยู่ตรงหน้าคือเพื่อนของเขา…ซึ่งเขาไม่สามารถปกป้องไว้ได้
“ขอโทษนะ…เอล…” มินโฮบรรจงลูบขนสีทองแผ่วเบา ไม่มีสัญญาณการเต้นของหัวใจหรือจังหวะการหายใจแม้แต่น้อย…
“ขอโทษนะ…คีย์…” มือทั้งสองกำแน่น น้ำตาไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่า ความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดนี้ คีย์เอง…ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
“เอล…ฉัน…”
สิ่งที่มินโฮหยิบออกมา คือลูกแก้วเวทมนต์สีส้มที่กำลังส่องแสงอ่อนๆ เป็นลูกแก้วประจำตัวที่นักเวทย์ทุกคนย่อมต้องมี และจะมีเพียงคนละอันเท่านั้น
มินโฮกำลูกแก้วในมือไว้แน่น…
“ฉัน…จะพานายกลับมา…”
และกฎเพียงข้อเดียวที่ห้ามฝ่าฝืนโดยเด็ดขาดในการใช้เวทมนต์นั่นคือ…
ห้ามใช้เวทมนต์เพื่อชุบชีวิต…
“เสียใจด้วยนะหนุ่มน้อย…หนีไปไหนก็คงหนีไม่รอดแล้วล่ะ” ร่างทั้งร่างของคีย์ถูกตรึงอยู่กับเตียงจนขยับไปไหนไม่ได้ กลิ่นฉุนยาและแอลกอฮอล์ทำให้คีย์เวียนหัวแทบอาเจียน และแน่นอนสถานที่แบบนี้คนที่จะอยู่ได้…ก็มีอยู่ไม่กี่คน
“ทำแบบนี้ทำไมครับ คุณหมอ”
“โอ้ ไม่ต้องสุภาพก็ได้นะ จริงๆ ถ้าเธอแสดงพลังแบบที่ทำให้ผู้การบาดเจ็บเมื่อกี้ออกมาอีก ฉันก็จะดีใจมาก” ร่างหนาเดินมาด้านหน้าคนที่ถูกตรึงโดยนอนคว่ำอยู่ จับคางอีกคนเชยขึ้น
“ก็ปีกของเธอ…มันสวย…จนน่านำมาศึกษาน่ะสิ”
“อะ…อะไรนะ…?”
“เฮ้ยๆ คุณหมอ เดี๋ยวสิ ไหนบอกว่าเมื่อกี้ที่ให้ไปจับคีย์มาเพราะเป็นคำสั่งของพระราชาไง?” จงฮยอนปรบมือเสียงดังไปฉาดหนึ่ง เท่านั้นก็รู้แล้วว่าหัวหน้าองครักษ์นั้นช่างแสนโง่เขลา…
“ปิ้ว…”
ปัง!!!
เพียงแค่จงฮยอนออกเสียงเบาๆ ทั้งกองร้อยทหารก็ล้มพับกันไประเนระนาด รวมถึงนัดสุดท้าย จงฮยอนยกมือเปล่าทำท่าเป็นปืนเล็งไปที่ผู้การใหญ่
“ปิ้ว…”
ปัง!!!
ลูกกระสุนถูกเจาะเข้ากลางศีรษะอีกคนจากด้านหลัง หัวหน้าองครักษ์รักษาพระองค์ล้มตึงลง ทำเอาจงฮยอนกลั้นขำไม่อยู่
นี่มัน…โรคจิตชัดๆ
“จะว่าไงดี…อยากรู้มั้ยล่ะ? ว่าฉันสนใจในปีกนายแล้วยังไง? อยากศึกษาแล้วยังไง?”
“……”
“ฉันก็ต้องเอามาศึกษาให้ได้น่ะสิ”
เรื่องที่จงฮยอนพูด ราวกับบเรื่องโกหกหลอกเด็กที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ การรอคอยมาหลายปีของจงฮยอนก็เพื่อวันนี้…ในวันนั้นที่เขาเข้าไปให้การรักษากับคีย์และได้เห็นปีกนั่นก็เกิดความหลงใหลจนแทบจะคุมสติไม่อยู่ มือที่ทำแผลให้นั้นสั่นอยู่ตลอดเวลา คิดเพียงว่า…อยากศึกษาให้มากกว่านี้…
ยาชนิดพิเศษที่จะค่อยๆ ออกฤทธิ์มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป จงฮยอนฉีดเข้าไปที่ปีกของคีย์ หลังจากนั้นก็รอ…รอวันที่เขาจะได้นำปีกของคีย์มาศึกษาอย่างจริงจังซะที และเมื่อคีย์โตเป็นหนุ่มเต็มตัว ปีกของคีย์…ก็จะไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป
เลว…
“แกเอง…ก็ฆ่าเพื่อนของฉัน…” ไม่อยาก…
ไม่อยากจะให้ถูกครอบงำอีก…จะต้องพลั้งมือ…พลั้งมือฆ่าไปแน่ๆ…
แต่ว่า…
ฉันจะไปตามหานายที่ไหนดี…
คีย์…
ความสิ้นหวังถาโถมรุนแรงจนขาหมดเรี่ยวแรงจะเดินต่อ มินโฮเดินตามหาคีย์มาทั้งคืน แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะไปหาที่ไหน โลกแห่งเวทมนต์นี้มันกว้างใหญ่เกินไปที่กำลังของเขาจะตามหาได้…
ลูกแก้ว…แตกไปแล้ว
หลังจากที่มินโฮใช้เวทมนต์เพื่อจะชุบชีวืตให้เอเลอฟื้นกลับมาอีกครั้ง พลังก็ถูกดึงออกไปจนหมดแล้วลูกแก้วก็แตก…ความเป็นนักเวทย์ของเขา หายไปแล้ว
แต่เอลก็ไม่กลับมา…
จากนี้สิ่งที่มินโฮทำได้ คือการออกตามคีย์ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เขามี…เพื่อช่วยคีย์ จะให้ลำบากขนาดไหนก็ต้องทำให้ได้…
และที่นั่นเอง…ที่ป่าลึกนั้น ที่ปลายหน้าผาตรงนั้น…
มีร่างของใครบางคนนอนอยู่…ที่แผ่นหลัง มีปีกสีดำ…
“คีย์…อึก…คีย์…” มินโฮดึงตัวคีย์เข้ามากอดไว้แน่น กลิ่นคาวเลือดคะคลุ้งจนน่ากลัว มินโฮไม่อยากจะคิดถึงก่อนหน้านี้ว่าคีย์อาจจะต้องเผชิญอะไรที่ลำบากมากมา แต่เขากลับไม่ได้ช่วยอะไร
“มินโฮ…ฉัน…ฆ่าพวกมัน…ไปหมดแล้ว” มินโฮกอดคีย์ไว้แน่น น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาอีกครั้ง มินโฮลูบหัวคีย์และบอกเพียงว่า ไม่เป็นไร…
“คีย์…”
แต่สิ่งที่ทำให้มินโฮตกใจมันมากกว่านั้น…
“คีย์…”
“ปีกของนาย…?”
ปีกของคีย์…มีแค่ข้างเดียว
“ปีกของฉัน…ถูก…ถูกมันตัดไปแล้ว…เจ็บ…”
“ไม่…ไม่เป็นไร…ฉ…ฉันจะเป็นคนปกป้องคีย์เอง…”
“ฉันเจ็บ…มินโฮ…”
“คีย์…” มินโฮสูดลมหายใจเข้าลึกและค่อยๆ ผ่อนออกเพื่อเรียกสติและทำให้ตัวเองใจเย็นลงมากกว่านี้ มินโฮกอดคีย์ไว้แนบอก ในหัวใจมันเต้นระรัวจนเจ็บ
“ฉัน…ก็ไม่มีลูกแก้วเวทมนต์แล้ว…แต่ฉัน…” มินโฮจับมือคีย์ไว้มาแนบกับหน้าอกด้านซ้ายที่กำลังมีสิ่งที่เต้นตุบอยู่ข้างใน
“ฉันจะปกป้องนาย…”
“มินโฮ…”
“มีปีกแค่ข้างเดียว…ก็ไม่เป็นไร…” เหมือนว่าจะมีอะไรเริ่มจุกอยู่ที่คออีก มินโฮพยายามยิ้มและบีบมือคีย์ไว้แน่น รอยยิ้มและฝ่ามือนั้นช่างอบอุ่นและมั่นคง…คีย์เชื่อใจมินโฮ
“ถ้าวันไหน…ที่นายบินขึ้นไปแล้วต้องตกลงมา…”
“……”
“ถ้าจะตกลงมา…ก็ตกลงมาพร้อมกันนั่นแหละ…”
“มินโฮ…ฉัน…”
“แต่ถ้าวันไหนนายต้องตกลงมาอย่างโดดเดี่ยว…”
“ฮึก…รัก…”
“ฉัน…จะเป็นคนคอยรับนายเอง”
“มินโฮ…ฉัน…ฉันก็รักนาย…”
เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้งพร้อมกับชีวิตใหม่ อ้อมกอดอบอุ่นราวกับแสงของตะวันกำลังคลอเคลียอยู่ข้างกาย ก้อนเมฆสีขาวลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงพายุร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไป รอยยิ้มถูกส่งกลับคืนสู่ทั้งสองคนอีกครั้ง
และแล้วเรื่องราวของนางฟ้าตกสวรรค์กับปีกนำพาหายนะ…
จริงๆ แล้วมันก็แค่นิทานหลอกเด็ก…
เรื่องจริงนั้นคือ เรื่องราวของนางฟ้าตกสวรรค์ที่น่าสงสารกับปีกสีดำ
ที่ในที่สุดแล้ว…ก็จบอย่างมีความสุข
หน้ากระดาษถูกพับปิดลง บันทึกเก่าแก่ของบ้านตระกูลชเวที่มีมานานกว่าศตวรรษถูกเล่าผ่านปากจากรุ่น…สู่รุ่น ได้จบลง…
“ฮึก ฮึก ทำไมล่ะ ปีกของคุณคีย์ต้องสวยมากแน่ๆ เลย ฮือ”
“เอ้าๆ ไมตี้อย่าร้องสิ คุณคีย์สุดท้ายเขาก็มีความสุขนะ”
“มีความสุขจริงๆ หรอฮะปู่?” คุณปู่หันกลับมายิ้มให้มิ้ง มือที่เต็มไปด้วยผิวหนังเหี่ยวย่นลูบหัวหลานชายเบาๆ
“แน่นอนสิ”
“เคย์ ร้องไห้ด้วยหรอ?” ทั้งมิ้งและไมตี้ได้ยินแบบนั้นจึงหันขวับไปหาเคย์ เคย์รีบเบือนหน้าหนีและเช็ดน้ำตา
“ป…เปล่านะ! ใครบอกว่าร้องกัน!” เคย์พยายามเช็ดน้ำตาแต่มันก็ยังไม่ยอมหยุดไหล โธ่เอ๊ย หยุดไหลซะทีๆ มันน่าอายไม่ใช่หรือไง ลูกผู้ชายมาร้องไห้กับเรื่องแบบนี้
“เอ้า…” มืออุ่นของพี่ชายข้างบ้านลูบหัวเบาๆ ทำให้เคย์หยุด หันกลับมามอง
“นี่ พี่มิ้ง…”
“ว่า?” เคย์เบ้ปาก น้ำตาคลออีกรอบ มองไปยังด้านหลังของมิ้ง มือของเคย์ลูบที่แผ่นหลังเบาๆ
“ฟังเรื่องนี้แล้ว…พี่อย่าร้องนะ…ห้ามร้องเด็ดขาดเลย”
“อ้าว ทำไมอ่ะ?” แต่จะว่าไปคนที่ร้องน่ะ ไม่ใช่เขาไม่ใช่หรือไงนะ?
“ผมน่ะ…ไม่ได้เกลียดนะ ไม่ได้เกลียด…ปีกของพี่เลย…" มิ้งฟังแล้วก็หัวเราะเบาๆ
ใช่แล้ว…ที่แผ่นหลังนี้ตั้งแต่เกิดมาก็มีปีกทั้งสองข้าง…ปีกสีขาว
มิ้งดึงน้องชายตัวแสบเข้ามากอดปลอบ น้องสาวตัวเล็กแทนที่จะโวยวายกลับหัวเราะซะยกใหญ่
“ไมตี้ก็ไม่เกลียดนะ ไม่เกลียดปีกของพี่”
“หืมม์? อื้ม อันนั้นรู้นานแล้ว” มิ้งส่งยิ้มให้กับน้องสาวด้วย
บรรยากาศอบอุ่นและความสุขยังคงอยู่ในบ้านตระกูลชเวไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนับรสิบ ร้อย หรือพันปี
และแล้ว…เรื่องราวความรักบทใหม่ก็ถูกขับขานอีกครั้ง…หน้าใหม่ของสมุดบันทึกเปิดขึ้นและจบลงครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าทุกเรื่องมันอาจไม่จบอย่างสวยงาม แต่สุดท้ายแล้ว หน้ากระดาษสุดท้ายก็ยังทำให้คนอ่านมีรอยยิ้มได้เสมอ…
ขอบคุณ…สำหรับรอยยิ้มที่อบอุ่น
THE END...
ถ่อก ถ่อกก LOVE:BB
ดีจรัยยย อันนี้แต่งวันเดียวจบบ กรีดร้องฮุยเล่ฮุยดังๆ สามครั้ง บูมมมม! แนวคิดมาจาก MR.WING ค่ะ ชอบหนังสือเล่มนี้มาก และปลื้มมากเลยเอามาแต่งให้คีย์มีปีก T v T แล้วก็รูปFA มินคีย์กอดกันแล้วมีปีกนี่มันชรั่ยยย ตอนแรกกะจะแต่งให้จิตๆ แต่ลืมพล็อต พอรู้ตัวอีกทีจบแล้วมันเลยไม่ตรงกับปกเท่าไหร่ 5555
ขอบคุณมากค่ะ แล้วเจอกันใหม่ <3 LOVE <3
ความคิดเห็น