ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ EXO ] Winter in Frost .. {Chen x Xiumin} ft.exo

    ลำดับตอนที่ #6 : .: Winter in Frost :: Chapter 4 :: Instruder :.

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 57



    seven dwarf.



    .: Winter in Frost :.

     

    { Forst Herb }




































     

                       หลังออกจากห้องของมินซอก คริสก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ให้จงแดฟัง

    จงแดจำใจต้องไปกับพวกคริส เพราะถึงอยู่ .. มินซอกคงไม่อยากเห็นหน้าเขาอยู่
    แล้ว

    ทั้งห้าเตรียมม้า ก่อนจะมุ่งหน้าไปแดนคิมหันต์ที่
    พวกเขาจากมาอย่างรวดเร็ว

     

     
     

































    ณ แดน คิมหันต์











     


    ในยามบ่ายแบคฮยอนหมกตัวอยู่ในห้องพลางนั่งอ่านเอกสารเรื่องรายรับรายจ่ายของวัง พร้อมกับเช็คความเรียบร้อยของ

    ประชาชน


    ก๊อกๆ

    ชานยอลเดินเข้ามาแล้วถือชาร้อนๆของโปรดแบคฮยอนเข้ามาด้วย ก่อนจะวางไว้ข้างๆโต๊ะทำงาน

    " แบคฮยอนข้าว่าเจ้าควรจะพักบ้าง การที่เจ้านั่งทำงานหลายๆชั่วโมง มันจะทำให้สุขภาพของเจ้าแย่ลงนะ "

    " อีกนิดเดียวข้าจะทำงานเสร็จแล้ว "

    แบคฮยอนยังก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา 

    " แบคฮยอน "

    ชานยอลเดินเข้ามาแล้วคว้าเอกสารจากมือแบคฮยอน

    " ย่าาาา! เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ย "

    " ข้าบอกให้เจ้าพักบ้าง เจ้าก็ไม่ยอมเชื่อข้า "

    " อีกนิดก็เสร็จแล้ว "

    " ไม่มีนิดเดียว ถ้าข้าว่าเจ้าควรพักเจ้าก็ต้องพัก "

    " ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้า "

    แบคฮยอนแก้มป่อง 

    " เพราะข้าเป็นห่วงเจ้า "

    แบคฮยอนอ้าปากพะงาบๆพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ ชานยอลหัวเราะในลำคอแล้ววางเอกสารลงก่อนจะเอาชาวางลงตรง

    หน้าแบคฮยอน แบคฮยอนหน้างุดแล้วก่อนจะค่
    อยๆหยิบถ้วยชามาดื่มจนหมดแก้ว 


    " ดีมาก "

    " ทำเหมือนข้าเป็นเด็กๆไปได้ "

    " สำหรับข้าเจ้าคือเด็กน้อยที่น่ารักของข้าเสมอ :) "

    " เจ้าเนี่ย -///- "

    " งั้นเจ้าก็พักก่อนละกัน ค่อยทำงานต่อ ข้าจะแวะไปดูความเรียบร้อยในปราสาทสักครู่แล้วข้าจะมา "

    " อืม _//_ "

    ชานยอลเดินออกจากห้องไปปล่อยให้คนตรงหน้านั่งหน้าแดงเป็นเวลานาน... ไม่ได้ๆ ข้าต้องมีกะจิตกะใจในการทำงานสิ

    " สวัสดี ผู้พิทักษ์แสงสว่าง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน "

    เฮือก!!

    แบคฮยอนสะดุ้งกับน้ำเสียงที่มาด้านหลังของตน แล้วหันไปเผชิญหน้ากับ ' ผู้บุกรุก '

    " เจ้าเป็นใคร เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไงกัน! "

    แบคฮยอนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ชายตรงหน้าทำหน้าเซ็ง

    " นี่เจ้าจำ ' ฟิวริค ' คนนี้ไม่ได้งั้นเหรอ ? แย่จริง.. สงสัยการที่เจ้าจำข้าไม่ได้ต้องเป็นฝีมือ ' เจ้านั่นแน่ ' "

    " เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน!!! "

    " ข้าก็แค่อยากจะแก้แค้น ' เจ้านั่น ' เสียหน่อย "

    " แก้แค้น?? แล้วเจ้านั่นใครกัน  "

    " ฮึ! ถึงเจ้ารู้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก "

     

    แบคฮยอนเผลอก้าวเท้าถอยหลัง รับรู้ได้ถึงความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากผู้ชายคนนี้

    " เอาล่ะ ข้ามาไม่นาน ก็แค่มีธุระกับเจ้านิดหน่อย "

    " แต่ข้าไม่มีธุระกับเจ้า "

    ฟิวริคเดินมาแล้วเข้ามาบีบคอแบคฮยอนอย่างรวดเร็วจนแบคฮยอนตั้งตัวไม่ทัน ทำให้เท้าของแบคฮยอนลอยขึ้นกับพื้น

    " แก่นกลางพลังอยู่ในตัวเจ้าสินะ"

    " เจ้า...จะ...ทำ....อะไร.... "

    แบคฮยอนเค้นน้ำเสียงออกมา พร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆไหล เนื่องจากการหายใจเริ่มติดขัด ฟิวริคเงื้อมือขึ้นมาพร้อม

    กั
    บพลังสีดำทะมึนก่อนจะซัดเข้าหาหน้าอกของแบคฮยอนพอดิบพอดี..
    .

     

     

     




























     

     

     

     

    " ทางนี้เหรอที่ไปเหมันต์ "

    " ใช่ ถ้าข้ามสะพานนี้ไป "

    จุนมยอนกับเซฮุนเดินกันจนมาถึงหน้าสะพานที่จะข้ามไปเหมันต์ ทั้งคู่ยืนลังเลชั่วครู่ก่อนจะตกลงที่จะข้ามสะพานนั้นไป

    แต่ยังไม่ทันใดก็เห็นม้าสีขาวทั
    ้งห้ามาแต่ไกล ก่อนจะข้ามสะพานจากฝั่งเหมันต์มา ทำให้จุนมยอนกับเซฮุนอุทานพร้อมกัน


    " อี้ชิง!! / ลู่ฮ่าน!! "

    อี้ชิงกับลู่ฮ่านเองก็ตกใจเช่นกัน ที่บังเอิญมาเจอกันที่สะพานแห่งนี้ เลยสั่งให้ทั้งหมดหยุดม้าก่อน อี้ชิงลงจากม้าก่อนจะ

    เข้
    าไปกอดจุนมยอน ส่วนลู่ฮ่านเองก็เช่นกัน


    " อี้ชิงข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน ถึงข้าจะไม่ได้เจอหน้าเจ้าไม่กี่วันก็ตาม "

    " ข้าก็เช่นกัน "

    ทางฝั้งเซฮุนกับลู่ฮ่านก็วิ่งเข้าไปปกอดกันกลมกิ๊ก เซฮุนทนหมั่นไส้ไม่ไหวเลยหอมแก้มดังฟอดไปทีหนึ่งจนลู่ฮ่านหน้าแดง

    " ว่าแต่ทำไม เจ้า กับคนอื่นๆถึงมาคิมหันต์กัน ทั้งที่พวกเจ้าไปเหมันต์ได้เพียงไม่กี่วันแท้ๆ "

    เซฮุนเอ่ยถาม ทำให้ลู่ห่านหันไปมองคริสกับเทา คริสกับเทาพยักหน้า ลู่ฮ่านจึงกลับมามองเซฮุนอีกครั้ง

    " ตอนนี้เจ้ากับข้าต้องไปหาแบคฮยอน ระหว่างทางข้าจะเล่าให้ฟังเองว่าเกิดอะไรขึ้น "

    แล้วทั้งเจ็ดก็เริ่มเดินทางอีกครั้ง โดยที่เซฮุนซ้อนท้ายม้าของลู่ฮ่านและจุนมยอนซ้อนม้าของอี้ชิง โดยมีจุดหมายที่ปราสาท

    เงิน เมื่อเรื่องทั้งหมดถูกถ่
    ายทอดมายังคนทั้งสองก็พากันทำหน้าประหลาดใจ


    " ในภาพนั้นพวกเจ้าเห็นพวกข้ากำลังร้องไห้? ข้าไม่เห็นจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแบบนั้นเลย "

    จุนมยอนเอ่ยออกมาเมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมด

    " ข้าว่าพวกเจ้าคิดมากรึเปล่า บางทีอาจจะเป็นกับดักก็ได้? "

    เซฮุนพูดแทรกขึ้น 

    " ก็เพราะข้าเป็นห่วงเจ้าน่ะสิ ....ที่จริงข้าก็อยากมาพบหน้าเจ้าเช่นกัน "

    ประโยคสุดท้าย ลู่ฮ่านพูดเสียงเบา มีแต่เซฮุนเท่านั้นที่ได้ยิน 

    " ข้าขอโทษ "

    เซฮุนกระซิบที่ข้างหูลู่ฮ่านแล้วเกยคางบนไหล่ของลู่ฮ่าน ลู่ฮ่านเพียงยิ้มน้อยๆเท่านั้น

    " ว่าแต่จุนมยอน เจ้าอยู่คิมหันต์ไม่พบความผิดปกติอะไรบ้างเหรอ? "

    อี้ชิงหันไปถามจุนมยอนที่นั่งซ้อนท้ายมืพลางกอดแน่น

    " . . . "

    " จุนมยอน ? "

    " ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน "

    " พะ พูดอะไรนะ "

    " ข้าคิดถึงเจ้าจนข้าจะบ้าตาย "

    " ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ไหม -///- "

    " ข้าว่าพวกเจ้าควรจะรีบไปที่ปราสาทมากกว่านะ ส่วนเรื่องอื่นพวกเจ้าค่อยคุยกันทีหลัง "

    เทาหันมาพูดแล้วพลางมองใบหน้าของคริสที่มีสีหน้ากังวล

    " คริส? "

    " ... "

    " คริส??!? "

    " อะ มีอะไรเหรอเทา "

    " เจ้าเป็นอะไร สีหน้าเจ้าดูไม่ดีเลย "

    " ข้าแค่กังวล แต่ข้าคงคิดมาก "

    " เรื่องอะไรกัน?? 

    " เรื่องของแบคฮยอน  "

    พลางมองไปที่ปราสาทเงินที่เหลืออีกไม่กี่เมตรข้างหน้า

































     


    " คยองซู ~ "

    " z Z Z "

    " คยองซู ~ ~ "

    " z Z Z "

    " คยองซู ~ ~ ~ "

    " z Z Z "

    " คยองซู!!!! "

    โป๊ก! 

    " โอ๊ย! / โอ๊ย! "

    คยองซูที่หลับอยู่ก็ตื่นสะดุ้งเสียงปลุกของจงอินทำให้จงอินที่หน้าอยู่ใกล้คยองซูไม่กี่เซนหน้าผากของทั้งคู่ชนกัน คยองซู

    มองจงอินตาเหลือก


    " เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้าเนี่ย "

    " ข้าก็แค่ปลุกเจ้า ข้าปลุกเจ้าดีๆแต่เจ้าไม่ยอมตื่น ข้าเลยตะโกนเรียกชื่อเจ้าก็เท่านั้นเอง "

    จงอินพูดพลางลูบหน้าผากตัวเอง

    " เจ้าคิดไม่ออกรึไงนอกจากตะโกนเนี่ย อย่างอื่นคิดเป็นไหม "

    " น่าจะ "

    " -_- "

    " โอ๋ๆ อย่าโกรธข้าเลย วันหลังข้าจะไม่แกล้งเจ้าแล้ว "

     

    " ช่างมันเถอะ ว่าแต่เจ้ามาปลุกข้าทำไม เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ชอบให้ใครมาปลุกเวลาข้าหลับ "
     

    " ชานยอลเรียกพวกเราสองคน "
     

    " อืมๆ โอเคๆ ไปกันเถอะ ไปหาชานยอลกัน "
     

    คยองซูกับจงอินเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่เห็นว่าชานยอลกำลังแบ่งงานให้พวกองครักษ์อยู่ที่นั่น เมื่อมาถึงห้องโถง

    ชานยอลก็เห็นคยองซูกับจงอินพอดี

     

    " พวกเจ้าสองคนมาก็ดี ข้าว่าจะไหว้วานพวกเจ้าสักประเดี๋ยว "
     

    " มีเรื่องอะไรกันถึงต้องให้เราช่วย "
     

    จงอินพูดขึ้นแล้วเกาหัวแกรกๆ
     

    " ข้าว่าจะ .... "
     

    " ท่านชานยอล!!!! "
     

    องครักษ์คนหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร่งรีบทำเอาที่ชานยอลจะพูดต้องหยุดไปโดยปริยาย ถึงจะหัวเสียหน่อยที่ขัดเขาพูด

    แต่ชานยอลก็ยอมฟัง

     

    " มีอะไรรึ "
     

    " เมื่อกี้พวกข้าพึ่งตรวจสอบได้ว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในปราสาทขอรับ "
     

    " !!?! "
     

    คยองซูกับจงอินมองหน้ากัน
     

    " จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อปราสาทของเรามีพลังป้องกันหนาขนาดนั้น! "
     

    " ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันขอรับ "
     

    " แสดงว่าผู้บุกรุกรายนี้มีพลังพอๆกับพวกผู้พิทักษ์ "
     

    คยองซูเอ่ยขึ้น จงอินเลยพูดแทรกขึ้น
     

    " แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง จะแอบลักลอบเข้ามาทำไม "
     

    " .......... แบคฮยอน .............. แบคฮยอน!!! "
     

    ชานยอลเหมือนสมองว่างเปล่าชั่วครู่ ถ้าผู้บุกรุกบุกเข้ามาก็มีอยู่ทางเดียวคือจะต้องเป็นเรื่องของแก่นกลางพลังแน่ๆ

    คิดได้ชานยอลก็พุ่งตัวไปด้วยความเร็ว จนคยองซูกับจงอินแทบตามไม่ทัน ชานยอลวิ่งมาถึงชั้นบนสุดของปราสาทแล้ว

    ถีบประตูเข้าไป

     

    ปัง!!
     

    ภาพที่ชานยอลเห็นคือชายแปลกหน้าใช้พลังสีดำอัดเข้าหน้าอกแบคฮยอนอย่างพอดิบพอดี
     

    " แบคฮยอน!!!!!!!!!!! "
     

    ชานยอลโกรธจัดวิ่งเข้ามาเพื่อช่วยแบคฮยอน ชายแปลกหน้าเมื่อเสร็จภารกิจบรรลุตามเป้าหมายก็ปล่อยแบคฮยอนไป

    ทำให้ชานยอลมารับแบคฮยอนได้ทัน ชานยอลหันมามองหน้าชายแปลกหน้า พร้อมกับเสกลูกไฟรอบตัวแล้วพุ่งโจมตีไป

    ยังชายแปลกหน้า แต่ชายแปลกหน้าก็หลบได้อย่างง่ายดาย

     

    " แกเป็นใครกันแน่ และแกต้องการอะไร!!! "
     

    " ฮึ... ถ้าอยากรู้ ก็ไปถาม ' เจ้านั่นสิ ' "
     

    แล้วชายแปลกหน้าก็กระโดดออกจากหน้าต่างไป ชานยอลกลับมาสนใจแบคฮยอนต่อ เป็นจังหวะเดียวกับคยองซูและ

    จงอินมาถึงพอดี

     

    " แบคฮยอน!! เจ้าฟื้นสิ!! "
     

    " .... "
     

    " แบคฮยอน!!! "
     

    " .... "
     

    " แบคฮยอน!!!! "
     

    ชานยอลตะโกนพร้อมกับกอดร่างบางตรงหน้าอย่างแน่น ...

     


     

     

     

     

    " แอ่กๆ เจ้าทำข้าหายใจไม่ออกนะ "
     

    " แบคฮยอน!!! "
     

    ชานยอลดีใจนึกว่าแบคฮยอนจะไม่รอดแล้วเล่นทำเอาใจหายเลยกอดแบคฮยอนอีกรอบ
     

    " พอแล้วๆ ข้าจะตายจริงๆก็เพราะเจ้านี่แหละ "
     

    คยองซูจงอินเดินเข้ามาในห้อง มองหน้ากันอย่างงงๆว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเขาทั้งคู่เพิ่งมาถึง
     

    " ว่าแต่เจ้าไม่เป็นอะไรเลยงั้นรึ ก็ข้าเห็นว่าเจ้าโดนเล่นงาน "
     

    ชานยอลจับแบคฮยอนยืนขึ้นสำรวจทั่วทั้งตัว ทำเอาแบคฮยอนหัวเราะอย่างอดไม่ได้
     

    " ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าแทบไม่รู้สึกว่าจะเจ็บหรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แปลกมาก ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้านั่นจะทำลาย

    แก่นกลางพลังของข้าเสียอีก "

     

    แบคฮยอนเอามือกุมอกรับรู้ถึงแก่นกลางพลังในตัวเอง
     

    " ถ้าเจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่อย่างน้อยข้าว่าเจ้ารีบไปให้หมอดูดีกว่า และก็นอนพักผ่อนตอนนี้เลยยิ่งดี "
     

    " ข้าสบายดีน่า "
     

    " ไม่ได้ "
     

    " ชานยอล.. "
     

    " เจ้าห้ามดื้อ "
     

    " ก็ได้ .. "
     

    ชานยอลดันแบคฮยอนออกจากห้องแล้วหันมาบอกคยองซูกับจงอิน
     

    " ไว้ข้าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้พวกเจ้าฟัง ตามข้ามา "

     

     

     






























     

     

     

    ความเจ็บปวดทรมานซึมออกมาจากแก่นพลังภายใน มือซีดเซียวกุมอกด้วยความทรมานจนแทบขาดใจ

    พยายามประคองตัวเองเดินกลับไปที่เตียงอีกครั้ง พลางหอบใจถี่เหมือนหายใจติดขัด อีกมือก็ควานหาขวดยาอะไร

    บางอย่างในลิ้นชันโต๊ะข้างๆเตียง แล้วจัดการดื่มขวดยาหมดขวด ผ่านไปสักพักอาการที่เจ็บปวดก็ทุเลาลงแต่ก็ยังไม่

    หายดีร้อยเปอร์เซ็น ต้องรออีกพักใหญ่เลยทีเดียว

     

    เปราะ.. เปราะ ..

     

    มินซอกล้วงสร้อยคอของตนออกมาดูอีกรูปก็พบว่าคราวนี้ดูเหมือนจะรุนแรงจริง ลูกปัดแตกไปสอง


     

                                        

     

    ขนาดอยู่เฉยๆเขายังโดนเล่นงานเสียเองสงสัยต้องมีเรื่องบางเรื่องเกิดขึ้นที่คิมหันต์แน่ ... มินซอกกุมหัวใจตัวเองอย่าง

    อ่อนแรง .. ทั้งภายนอก ... และ




       ภายใน
    ....







     

    นับวัน..  เวลาก็ยิ่งเหลือน้อยลงไปทุกวัน........




































    ............. ( มาอัพเพิ่ม 100%
    )














     

    พวกของจงแดและคนอื่นๆก็มาถึงปราสาทเงิน พอเดินเข้าปราสาทไปก็พบคยองซูกับจงอินพอดี คยองซูกับจงอินดูท่า

    จะแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าพวกจงแดกลับมา

     

    " พวกเจ้า? "
     

    " เอาน่าไว้พวกข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง ว่าแต่แบคฮยอนล่ะ "
     

    จงแดเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึง คยองซูเพียงสบตากับจงอินเท่านั้นด้วยท่าทีปรึกษากันชั่วครู่แล้วพูดออกมา
     

    " ตามข้ามา เดี๋ยวก็รู้ "

     

     

     

     














     

     

     

    คยองซูกับจงอินพาพวกจงแดและคนอื่นๆเดินขึ้นบันไดมาจนถึงชั้นบนสุด เพราะมันเป็นห้องของแบคฮยอนเอง

    แล้วเปิดประตูเข้าไป ก็พบว่าแบคฮยอนกำลังโวยวายใสชานยอลอยู่

     

    " ไม่เอาข้าไม่กินยา มันขม!! "
     

    " เจ้าต้องกิน! "
     

    " ข้าไม่กิน! ข้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย!! "
     

    " ยังไงเจ้าก็ต้องกิน "
     

    " ไม่อาวววววววว ~ "
     

    ภาพตรงหน้าทำให้จงแดโล่งอกอย่างน้อยเรื่องที่คริสเล่าให้ฟังคงไม่ได้เกิดขึ้นจริง...
     

    " พวกเจ้า?? "
     

    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แบคฮยอนกับชานยอลเลิกทะเลาะกันตั้งแต่ตอนไหน เลยหันมามองจงแดและคนอื่นๆตาปริบๆ
     

    " พวกข้ามาหาเจ้า "
     

    " เอาน่า ในเมื่อเจ้าไม่เป็นอะไรก็ดี "

    ลู่ฮ่านพูดขึ้นเพราะว่าภาพตรงหน้าไม่เหมือนในภาพที่ปรากฎในลูกแก้วเลยสักนิด

     

    " ไม่ดี "
     

    " หมายความว่าไง "
     

    ชานยอลเอ่ยขึ้นทำให้คนอื่นสงสัยยกเว้นคยองซูกับจงอิน
     

    " พวกเจ้ามาก็ดี มานั่งใกล้ๆนี่ ข้าจะเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่นานนี้ให้พวกเจ้าฟังสักหน่อย และก็อี้ชิงถ้าเป็นไปได้มาช่วย

    เช็คความผิดปกติร่างกายของแบคฮยอนด้วย
    "

     

    ชานยอลเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังโดยมีแบคฮยอนคอยช่วยเล่าด้วย เมื่อฟังจบทุกคนต่างมองหน้ากัน แต่เรื่องที่ชานยอลเล่า

    ให้ฟังมันไม่ตรงกับภาพที่เห็นในลูกแก้วนั่นเลย... หรือว่าภาพนั้นจะเป็นอนาคต
    ?

     

    แล้วจากนั่นคริสก็เล่าเรื่องบ้างว่าทำไมพวกเขาถึงมาที่คิมหันต์นี้ คริสเล่าไปสีหน้าของแบคฮยอนก็ปรากฏด้วยความกังวล

    ชานยอลเห็นสีหน้าแบคฮยอนก็กุมมือให้กำลังใจ แบคฮยอนเพียงยิ้มน้อยๆเท่านั้น ใช้เวลาไม่นานมากนักคริสก็เล่าจบ

     

    " เรื่องที่เจ้าเล่ามาทั้งหมดนั้นมันมีอะไรบางอย่างที่ต้องเชื่อมโยงกันอยู่แน่ๆ แต่ข้าล่ะแปลกใจว่าทำไมสิ่งที่เกิดขึ้นกับ

    แบคฮยอนมันไม่ตรงกับภาพนั้นที่อยู่ในลูกแก้วนั่นละ
    "

     

    จงอินเอ่ยขึ้น
     

    " ข้าก็ไม่รู้หรอก "
     

    " ถ้าเรื่องนี้มีไอ้คนที่ชื่อฟิวริคอยู่เบื้องหลังละก็ไม่แน่ มันอาจจะจงสร้างเรื่องขึ้น "
     

    " ถ้าอย่างงั้นก็ต้องตามหาศัตรู เจ้าจำหน้าของไอ้ที่ชื่อฟิวริคได้ใช่ไหมแบคฮยอน "
     

    ชานยอลถาม
     

    " อืม ข้าจำได้ "
     

    " งั้นก็ดี แต่ก่อนอื่นอี้ชิงร่างกายของแบคฮยอนเป็นยังไงบ้าง? "
     

    อี้ชิงวางมือแบคฮยอนแล้วหันมาบอกด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ถ้าแบคฮยอนโดนพลังที่เป็นสีดำอัดเข้ากลางอกพอดี..แต่....
     

    " ข้าไม่พบความผิดปกติเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกอย่างปกติหมดทุกอย่าง ถ้าโดนพลังจริงก็ต้องมีอะไรบ้างถึงแม้น้อยนิดข้าก็

    รู้ได้ แต่นี่ข้าไม่พบอะไรจริงๆ
    "

     

    " จะเป็นไปได้อย่างไง "
     

    " หรืออาจจะเป็นแก่นกลางพลัง "
     

    ลู่ฮ่านเงียบไปนานแล้วเอ่ยขึ้น ทำให้เซฮุนหันไปถาม
     

    " ทำไมเจ้าคิดอย่างงั้น "
     

    " พวกเจ้าลองคิดสิ การที่ศัตรูบุกมาถึงปราสาททำร้ายแบคฮยอนแต่แบคฮยอนกลับไม่เป็นอะไร ทั้งที่ศัตรูมีจุดประสงค์ที่

    แก่นกลางพลังของแบคฮยอน .. บางทีพลังนั้นอาจจะซึมไปที่แก่นกลางพลังของเจ้าแบคฮยอน และแน่นอนถึงจะเป็น

    ผู้พิทักษ์จริง แต่ก็ไม่สามารถตรวจสอบความผิดปกติของแก่นกลางพลังจากภายนอกได้หรอก .. แต่ทำไมเจ้าไม่เป็นอะไร

    เลยทั้งที่แก่นกลางพลังก็เปรียบเสมือนชีวิตของผู้ครอบครอง เรื่องนี้ข้าก็กำลังสงสัยอยู่
    "

     

    ทุกคนฟังไปคิดตามไปพอลู่ฮ่านพูดจบ ทุกคนก็มองไปที่แบคฮยอนหมด ทำเอาแบคฮยอนดหงื่อตก
     

    " ขะ ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ .. พวกเจ้าเล่นจ้องข้าด้วยสายตาแบบนั้นข้าประหม่านะ "
     

    จงแดถอนหายใจแล้วพูดออกมา
     

    " แล้วจะเอายังไงต่อ ในเมื่อพวกเราไม่สามารถยืนยันได้ว่าแก่นกลางพลังของเจ้าจะปลอดภัยดี "
     

    " พวกเจ้าคิดมาก ถ้าแก่นกลางพลังของข้าเป็นอะไรจริงป่านนี้ข้าคงล้มป่วยไม่ก็ล้มพับไปแล้วน่า "
     

    " ก็จริง "
     

    " แต่... "
     

    " มีอะไรหรือ? "
     

    " ข้าเคยได้ยินเรื่องบางอย่างจากบรรพบุรุษรุ่นก่อนของข้า.. "
     

    " บรรพบุรุษของเจ้า เรื่องอะไรกัน? ข้าเพิ่งเคยเห็นเจ้าพูดถึงบรรพบุรุษครั้งแรก "
     

    " บรรพบุรุษของข้าเคยกล่าวไว้เมื่อตัวข้ายังเป็นเด็กนัก ยามใดที่เจ้าถูกพลังแห่งความมืดชั่วร้ายทำร้ายเจ้าหรือแก่นกลาง

    พลังของเจ้าจากภายนอกเจ้าจะเจ็บเจียนตาย แต่กลับกันถ้าพลังชั่วร้ายนั่นแทรกซึมเข้ามาในร่างกายและทำลาย

    แก่นกลางพลังของเจ้าจากภายในตัวเจ้าจะไม่รู้สึกเสมือนเจ้ายามปกติ แต่กลับกันอีกฝ่ายที่เหมือนกับเจ้าจะเจ็บเจียนตาย

    แทน เพราะเจ้ากับอีกฝ่ายมีสิ่งเดียวที่เชื่อมกันอยู่ นั่นก็คือ แก่นกลางพลังยังไงเล่า
    .... เรื่องทั้งหมดนี้ข้าไม่รู้ว่าเป็นจริงรึ

    เปล่าเพราะเรื่องนี้บรรพบุรุษของข้าเล่าให้ฟังก็ผ่านมาร้อยกว่าปีแล้ว
    "

     

    " งั้น... อีกฝ่ายที่ว่า เป็นแก่นกลางพลังเหมือนกัน "
     

    " มินซอก.... "
     

    จงแดสติแทบหลุดเมื่อฟังเรื่องของแบคฮยอนเล่าจบ พวกคริสมองหน้ากันอย่างเป็นห่วง เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงละก็ .....
     

    " ข้าจะไปกลับไปหามินซอก "
     

    จงแดลุกขึ้นยืนทันที โดยมีเทารั้งไว้
     

    " เจ้าเพิ่งมาถึงคิมหันต์ เจ้าจะกลับเลยเหรอ อีกอย่างเรื่องที่แบคฮยอนเล่ามานั้นแบคฮยอนยังไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องจริงรึ

    เปล่า เจ้าใจเย็นก่อน
    "

     

    " จงแดข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วง พวกข้าเองก็เช่นกัน "
     

    คริสเอ่ยขึ้น
     

    " ข้าจะไป! "


     

     

    " นั่นสิ เจ้าจะไปทำไม "


     

     

    ทุกคนหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงอื่นนอกจากในที่นี่ และมองไปยังที่หน้าต่างก็พบเพียงนกตัวหนึ่งเท่านั้นแต่ไปนกสีขาว

    บริสุทธิ์ที่งดงาม ไม่อยากจะเชื่อว่าคิมหันต์นี้จะมีนกสีขาวด้วยหรือถึงเขาจะอยู่คิมหันต์มานานก็ตาม

     

    " ??? "
     

    " ใยต้องห่วงข้า "
     

    นกตัวนั้นอ้าปากพะงาบๆแต่เสียงกลับเป็นเสียงของมินซอกแทน
     

    " มินซอก?? นั่นเจ้าหรือ? "
     

    " ใช่ข้าเอง "
     

    " เจ้ากลายเป็นนก?? "
     

    " ไม่ใช่ นกตัวนี้เป็นเพียงพลังของข้าเท่านั้นมันเป็นเพียงแค่ตัวกลางในการสื่อสารของข้าก็เท่านั้น "
     

    " แล้วทำไม "
     

    " ข้าไม่ได้ห่วงพวกเจ้าหรอก ข้าแค่บังเอิญมาได้ยินเรื่องที่พวกเจ้าคุยกันเท่านั้น "
     

    ทุกคนมองหน้ากันด้วยความมึนงง
     

    " ผู้พิทักษ์แห่งแสง แบคฮยอนสินะ "
     

    แบคฮยอนแอบสะดุ้งเล็กน้อย แล้วหันไปพูดกับนก(?)
     

    " ข้าเหรอ "
     

    " ถ้าไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร มันคงเป็นครั้งแรกที่ข้าได้พูดกับเจ้า ข้าแต่เพียงจะมายืนยันกับเจ้าว่าเรื่องที่เจ้าพูดมานั้นมัน

    ไม่เป็นความจริงหรอก
    "

     

    " หมายความไงในเมื่อบรรพบุรุษของข้าเป็นคนบอก "
     

    แบคฮยอนเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีไม่พอใจนิดๆ ที่พูดเหมือนกับว่าบรรพบุรุษของตัวเองพูดโกหก
     

    " ถ้าอย่างงั้นป่านนี้ข้าคงต้องล้มนอนอยู่กับพื้นแล้วสิ คงไม่ลุกขึ้นมาคุยกับพวกเจ้าได้หรอก "
     

    น้ำเสียงและคำประชดประชันถูกเอ่ยออกมาทำเอาแบคฮยอนถึงกับพูดไม่ออก ชานยอลเลยพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ

    ที่เมื่อคนรักของตนเงียบปากเงียบไปโดยปริยาย

     

    " เจ้าควรจะพูดดีๆกับคนที่เพิ่งพบเจอ เจ้าไม่ควรพูดจาเช่นนี้ "
     

    " จะคิดอย่างไรก็เรื่องของเจ้า เพราะตัวตนของข้าก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว "
     

    " เจ้า... "
     

    " มินซอกหยุดเถอะ "
     

    จงแดร้องขอ พลางเสียงก็เงียบไป นกสีขาวเพียงกระพิบตาปริบๆเท่านั้น
     

    " มินซอก... "
     

    จงแดลองเรียกอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆดังขึ้น จงแดลองเดินเข้าไปใกล้นกตัวนั้น ..
     

    " อย่าห่วงข้าอีกเลย.. "
     

    เสียงเบาๆเล็ดลอดออกมาเพียงแค่จงแดได้ยินเท่านั้น แล้วนกสีขาวนั่นก็บินออกไปทันที....   ปล่อยให้จงแดยืนค้าง

    เพราะน้ำเสียงที่ได้ยินมาเมื่อกี้มันช่างเป็นเสียงที่เศร้านัก ....

     

    " นี่หรือคนที่พวกเจ้าจะต้องไปปกป้อง "
     

    เซฮุนกล่าวขึ้หลังจากนกสีขาวบินจากไป
     

    " ข้าว่าคนแบบนั้นไม่ต้องไปปกป้องหรอก "
     

    จุนมยอนเหมือนจะเห็นด้วยกับเซฮุน แล้วจุนมยอนก็พูดต่อ
     

    " แบคฮยอนข้าคิดว่าไม่ต้องส่งพวกจงแดไปสัมพันธไมตรีอะไรพันนั้นหรอก ขนาดพูดกับเจ้าครั้งแรกยังเป็นอย่างนี้เลย "
     

    " ข้าก็ว่า "
     

    จงอินพูด
     

    " แต่... "
     

    เหมือนแบคฮยอนจะพูด แต่พอนึกถึงสิ่งที่มินซอกพูดแบคฮยอนก็เงียบปากไป
     

    " แต่ข้าไม่คิดแบบนั้น "
     

    จงแดเอ่ยขึ้น
     

    " ทำไมเจ้าคิดเช่นนั้น "
     

    คยองซูถามขึ้น ชานยอลเองก็สงสัยเช่นกันทำไมจงแดถึงพูดแบบนั้น
     

    " เพราะข้ารู้ได้ถึงบางอย่างที่ตรงกันข้ามกับตัวตนที่มินซอกแสดงออกมา.... ถึงข้าจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร "
     

    " ข้าก็คิดเช่นเดียวกับจงแด "
     

    " อี้ชิง? "
     

    อี้ชิงเอ่ยขึ้นเป็นให้จุนมยอนแปลกใจ ทำให้อี้ชิงพูดต่อ
     

    " ข้ารู้สึกว่าที่จริงแล้วมินซอกนั้นอาจจะเป็นอย่างที่จงแดพูดก็ได้ "
     

    " ข้าล่ะไม่เข้าใจพวกเจ้าจริงๆ "
     

    จงอินเอ่ยขึ้น
     

    " เอาเป็นว่าก็ทำตามใจพวกเจ้าไปก่อน ถ้าไม่ไหวๆจริงๆพวกเจ้าค่อยกลับคิมหันต์ "
     

    ชานยอลพูดขึ้น

     

    " แต่ตอนนี้ ' ศัตรู ' ต้องมาก่อน "

     

     









































    ...........

    Talk :ถ้าไรท์พิมพ์ผิดต้องขออภัยล่วงหน้า (ชอบพิมพ์ผิดเป็นประจำ)

    ไรท์เลือดคลั่งในสมอง (???)

    >>> สลบแปบ

    ตอนนี้ก็อัพเต็มแล้วน๊าาา

    เป็นไงบ้าง ไรท์แต่งน่าเบื่อไปเปล่า??

    ยังไงก็พออ่านจบแล้วต้อง >> เม้นๆๆๆๆ

    รักคนอ่านทุกคนและคนที่เม้น 5555





    น่ารักฟรุ้งฟริ้ง



















    " ฝะ ฝาก ติดตามเรื่องของพวกเราด้วย "







     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×