ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love choice เทพบุตรทั้งสี่รักนี้จะเลือกใคร

    ลำดับตอนที่ #1 : 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 25
      0
      11 ม.ค. 64


    1
                    โคตรหนาวววว
                    รู้ทั้งรู้ว่าญี่ปุ่นเป็นเมืองหนาวยังจะดันทุรังใส่กระโปรงยีนส์สั้นจู๋กับเสื้อยืดตัวเดียวไปเรียนอีก จะกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดก็คงไม่ทันแล้ว คนญี่ปุ่นเขายิ่งซีเรียสกับเรื่องเวลาอยู่แล้วเชียว ทำไมเราโง่อย่างงี้เนี่ยยยย
                    เหวอออ.....หนาววววววว
    ช่างดูโหดร้ายเกินไปสำหรับสาวน้อยวัย19อย่างฉันที่ต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนที่เคยอาศัยอยู่กับคุณยายเข้ามาในเมืองใหญ่ที่มีชื่อว่าโตเกียว
     ตั้งแต่จำความได้นะ ครั้งสุดท้ายที่ฉันมาโตเกียวก็นู่น....ตอนฉันอายุ14ปี ตอนนั้นคุณแม่ของฉันที่อาศัยอยู่ในโตเกียวไม่มีเวลาไปหาฉันที่ฮอกไกโด เลยส่งตั๋วเครื่องบินให้ฉันกับคุณยายถ่อมาถึงที่นี่
              ตอนนี้ฉันโตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว คุณแม่สุดที่รักต้องการให้ฉันเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยในโตเกียว และเหมือนแม่จะรู้ว่าสมองอันน้อยๆของฉันอาจจะสอบได้ไม่ถึงครึ่งข้อสอบเอนทรานซ์เลยด้วยซ้ำ แม่เลยเลือกมหาวิทยาลัยเอกชนไว้ให้ฉันเรียบร้อยแล้ว โชคดีแม่มีตังค์โฮะๆๆๆ
                    แม่ฉันทำงานอะไรน่ะเหรอ?
                    ผลงานละครทางโทรทัศน์ไม่ว่าจะเป็นฉากนางเอกตบนางร้าย พระเอกเป็นตุ๊ด นางเอกข่มขืนพระรอง อ้ะ!แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าแม่ฉันเป็นดารานะ บทบาททั้งหมดเนี่ย...มาจากปลายปากกาแม่ฉันหมด
                    ทีนี้เข้าใจรึยังว่าแม่ฉันเป็นนักเขียนบทโทรทัศน์
                    “คงจะเป็นตรงนี้สินะ...เดินไปอีก50เมตรแล้วก็เลี้ยวทางนี้”ฉันคลี่แผนที่อันแสนจะยับยู่ยี่เป็นกระดาษเช็ดขี้ออกมาดู
    ฮึ่ย..นี่แม่เขียนแผนที่ภาษาอะไรนะดูไม่รู้เรื่องเลย หวังว่าฉันคงจะไม่ไปโผล่ที่อื่นแทนที่จะเป็นมหาวิทยาลัยหรอกนะ
                            “นี่เป็นแผนที่สำหรับเดินทางไปมหาลัยนะจ๊ะลูกรัก อ้ะๆที่สำคัญอย่านั่งแท็กซี่ไปเรียนเด็ดขาด เพราะแม่อยากให้ลูกสัมผัสกับบรรยากาศเมืองใหญ่ จะได้คุ้นเคยไว้ โชคดีนะจ๊ะลูกรัก“นั่นเป็นประโยคที่ดังก้องอยู่ในหัวฉันหลังจากที่แม่พูดจบก็ส่งไอ้ลายแทงบ้านั้นให้ฉัน
                    แม่นะแม่...แทนที่จะให้ฉันนั่งแท็กซี่ไปเรียนอย่างสบายใจเฉิบกลับเป็นต้องมาเดินถือแผนที่ยังกับหาขุมทรัพย์อมตะนครอะไรไม่รู้ 
    ฮือ...ๆๆๆๆแม่ใจร้ายยยย 
    แต่น....แต่น...แต๊นนนน
    ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะคะ “มิอุระ เอโกะ” 
                    แฮ่กๆๆ
                    เหนื่อยโคตร.....นับว่าสวรรค์ยังคงเมตตาฉันที่ให้มาหยุดอยู่ที่คาเฟ่เล็กๆแห่งหนึ่งมีที่นั่งอยู่ไม่กี่โต๊ะ สัมผัสแรกที่ฉันก้าวเข้าไปในร้านกลิ่นไอศกรีมวานิลลาราดด้วยซอสสตรอเบอรี่ก็เตะจมูกอันโด่งๆของฉัน ผนังร้านถูกละเลงด้วยสีชมพูนมเย็น ว้าววว....พนักงานร้านแต่งตัวได้น่ารักมากเป็นชุดกระโปรงสีชมพูแขนตุ๊กตาแถมมีโบว์สีบานเย็นอันเบ้อเริ่มผูกอยู่ที่ผม
                    “irasshimase”(ยินดีต้อนรับค่ะ)
    เสียงหวานๆของพนักงานสาวดังเข้ามาในโสตประสาททันทีที่ฉันเดินไปถึงหน้าเคาน์เตอร์
                    ฉันยืนมองกระดานเมนูที่ติดอยู่บนผนังหลังเคาน์เตอร์อยู่ครู่หนึ่ง อืม...นี่เขาไม่ได้ขายแค่เครื่องดื่มอย่างเดียวนี่นา...มีทั้งเค้กและอาหารสารพัดนานาเอาใจคนที่กำลังอินเลิฟเป็นที่สุด/////ไม่ว่าจะเป็น----
    หัวใจสีชมพู                           335เยน
    ทะเลสีครามกับสองเรา         280เยน
    พระอาทิตย์ยามเหงา              342เยน
                พระจันทร์สีรุ้ง                       255 เยน      และอีกบลาๆๆ
    ฟะ...นี่มันเครื่องดื่มอะไรวะชื่อแปลกพิกลไม่รู้จะกินได้รึเปล่า ความสงสัยเข้ามาแทนที่ความกระหายของฉันในทันใด ฉันลืมสังเกตุชื่อร้านซะสนิทนี่ถ้าฉันเดาไม่ผิดมันคงชื่อร้านกอริลลาเต้นอะโกโก้มั้งเนี่ย....
    “รับอะไรดีคะ”เสียงพนักงานสาวปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์
    เบาๆก็ได้ค่ะพี่ พี่น่าจะเข้าใจลูกค้าหน้าใหม่อย่างหนูนะคะ ก็ร้านพี่ดันตั้งชื่อเมนูแปลกใครมันจะไปกล้าสั่งสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ....เกิดกินเข้าไปแล้วลงไปนอนชักแด่วๆใครจะรับผิดชอบชีวิตอันน้อยๆของหนูล่ะคะ
    “เอ่อ...พี่คะขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ....”ได้ไม่ได้ก็ต้องถามล่ะวะ“ไอ้ทะเลสีครามกับสองเรานี่มันคืออะไรคะ”ฉันถามพลางเกาหัวไปด้วย หวังว่าพี่คงให้ความกระจ่างกับหนูได้นะคะ
    “บลูเบอรี่ปั่นผสมกับนมสดไงคะ”
    “งั้น...เอาอันที่พี่พูดนั่นแหล่ะค่ะ”
    โล่ง....นี่ฉันยังคิดว่าพี่แกจะเอาน้ำทะเลเค็มๆรินใส่แก้วมาให้ฉันกินแกล้มกับแมงกะพรุนซะอีก
    จะว่าไปการตั้งชื่อเมนูแปลกๆแบบนี้ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของร้านเลยนะ มันทำให้ดูน่าค้นหาทำให้ลูกค้าอยากรู้อยากเห็นจะได้สั่งมากินใช่ป่ะล่ะ ถ้าฉันมีแฟนอ่ะนะ...(ถึงมันจะห่างไกลความจริงก็เหอะ) ฉันจะพาเขามานั่งเล่นที่ร้านนี้บ่อยๆเชียวล่ะ
    ฉันนั่งดูพี่พนักงานโชว์ฝีไม้ลายมือในการผสมเครื่องดื่ม ไม่นานทะเลสีครามกับสองเราก็วางอยู่เบื้องหน้าฉันแล้ว หวังว่าถ้าฉันดื่มเข้าไปแล้วคงไม่อ้วกออกมาหรอกนะ ริมฝีปากน้อยๆของฉันค่อยๆแตะไปที่ปลายหลอดของเหลวเย็นๆไหลเข้ามาในปากของฉันรสชาติเปรี้ยวหวานมันอร่อยแบบแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก แปลกเหมือนชื่อมันนั่นแหล่ะ
    พรู้ดด....
    ฉันพ่นน้ำออกจากปากยังกับยายแก่พ่นน้ำหมาก
    O-O
    ฉันก้มมองนาฬิกา
    นี่มันกี่โมงกี่ยามกันเนี่ย...คุณแม่นะคุณแม่จะให้หนูมาท่องโลกกว้างอะไรเวลานี้ วันนี้หนูต้องไปเรียนวันแรกนะคะ ขอโทษนะคะคุณแม่ที่หนูต้องผิดสัญญา ฉันลุกพรืดออกจากเก้าอี้ก่อนจะวางเงินห้าร้อยเยนไว้บนโต๊ะแล้วรีบวิ่งออกไปโบกแท็กซี่
                    ตึง...
                    เสียงปิดประตูรถดังขึ้นหลังจากที่ก้นของฉันสัมผัสไปที่เบาะ
                    “mori daigakkou made onegaishimasu”(ช่วยไปที่มหาวิทยาลัยโมริด้วยค่ะ)
                    แล้วอีตาลุงคนขับมันก็หันมามองเหมือนกับว่าฉันจะรีบไปตามควายที่ไหนหรือที่แย่กว่านั้นลุงแกคงนึกว่าฉันปวดขรี้อย่างแรง แต่ก็แล้วแต่ลุงแกจะคิดเหอะ ตอนนี้ช่วยเหยียบคันเร่งให้มิดเลยฉันรีบจะแย่อยู่แล้ว ลุงขา...ซิ่งโลดดดดด
     
                    ตึกๆๆตึกๆๆ
                    เสียงย่ำฝีเท้าอย่างไม่ลดละ แม้แต่นักวิ่งทีมชาติก็ต้องคารวะฉันล่ะ ฮ่วย!จะมามัวชมตัวเองอยู่ทำไมเล่าเอโกะรีบวิ่งเร็วเข้าเดี๋ยวสาย ไม่ใช่สิเดี๋ยวมันจะสายไปมากกว่านี้เพราะมันสายมากแล้วต่างหาก
                    อ๊ากกกส์....วิ่งสู้ฟัด
                    ฉันก้มหน้าก้มตาวิ่งไปยังตึกเรียนที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า
    โครม!!!
    ร่างของฉันได้ชนอะไรเข้าอย่างจัง ฉันคงไม่ได้โดนรถชนหรอกนะใช่มั้ย (สักพักมีเสียงคนอ่านด่ากลับมาว่า...ใครใช้ให้แกวิ่งไม่ดูทางล่ะ)ร่างกายของฉันกำลังโอนเอนล้มลงไปบนพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ทว่ามีร่างกายกำยำร่างหนึ่งมารองรับเอาไว้ ตัวของฉันแผ่กว้างอยู่บนตัวของอีกคนแล้ว เขาเป็นใครกันนะ .ฉันลืมตาขึ้นมาดู ใบหน้าของฉันกับเขาห่างกันเพียง10เซนติเมตรเท่านั้น ยังไม่ถือว่าใกล้เกินไปใช่ป้ะ
                    แต่เดี๋ยวก่อน นี่ฉันล้มทับรูปปั้นหรือเปล่าทำไมมันไม่ยอมขยับแถมจ้องฉันเขม็งไม่กระพริบตา ก็จะไม่ให้คิดอย่างงั้นได้ไง ใบหน้าอันเรียวแหลมเล็กน้อย แถมเกลี้ยงเกลาขาวเหมือนไข่ปอกนี่ฉันยังอายเลยอ่ะ จมูกโด่งเป็นยอดเขาเอเวอเรสต์ ดวงตาสีนิลที่กำลังมองมาที่ฉัน กับริมฝีปากอันน่าจูจุ๊บ
                    “ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ”เสียงเปล่งออกมาจากปากรูปปั้นที่ฉันนอนทับอยู่
                    “กรี้ดดดด.....รูปปั้นพูดได้”ฉันกรี้ดดดสุดเสียงก่อนจะรีบลุกขึ้นออกจากรูปปั้นหน้าหล่อ ดูเขาจะตกใจเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของฉัน มันคงไม่คิดว่าฉันเป็นอีบ้าที่หลุดออกมาจากโรงพยาบาลนะ
                    “อะไรของเธอ”เขาลุกขึ้นพลางใช้มือปัดฝุ่นออกจากตัว
                    “O^O
                    ฮ่วยยย!!ไอ้หมอนี่มันเป็นคนเหมือนกับเรานี่หว่า...ไหง...มันหล่อลากกระชากตับไตไส้พุงขนาดนี้อ่ะ
                            “sumimasen”ฉันรีบขอโทษขอโพยเขาเป็นการใหญ่เพราะไม่รู้ว่าเขาจะโกรธพอทีจะเอาเรื่องฉันมั้ย
    ฉันเพิ่งสังเกตุเห็นหุ่นและก็ขายาวๆอันเซ็กซี่น่าเร้าใจของเขา(ไม่ใช่แระ....เช็ดน้ำลายหน่อยสิยัยเอโกะ)รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อเท้าช่างแมทกันดีกับกางเกงยีนส์สีดำกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก๊อตดำแดง กับผมสีน้ำตาลที่ลงมาปรกหน้าเขาเล็กน้อย เท่ห์ซะไม่มี อ๊ากก...ดาราชัดๆ ใช่ๆมหาวิทยาลัยใหญ่โตขนาดนี้ต้องมีดาราเรียนอยู่แน่ๆเลย
    พอฉันเรียกสติตัวเองกลับคืนมาได้ก็ปรากฏว่าพ่อรูปหล่อนั่นวิ่งไปไกลสุดลูกหูลูกตาแล้ว นี่ฉันว่าฉันรีบที่สุดแล้วนะ ไอ้หมอนั่นมันรีบกว่าฉันอีก
    กว่าฉันจะมาถึงห้องเรียนก็สายมากแล้ว โชคดีที่อาจารย์อนุโลมให้เพราะเห็นว่าเป็นวันแรกกว่าจะหาห้องเรียนเจอก็ใช้เวลาอยู่พอควร
    “เธอมาจากฮอกไกโดใช่มั้ย ที่นู่นเป็นไงมั่ง ”เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งโต๊ะติดกับฉันหันมาถาม

    ฉันหันไปหาต้นเสียงปรากฏว่าเป็นหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนเกลียวยาวสไตล์สาวญี่ปุ่น

    0U0”ฉันมองหน้ายัยนั่นแบบงงๆถามเหมือนคนรู้จักซะงั้น
    “อุ๊ย...โทษทีจ้ะฉันลืมแนะนำตัว ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันมิราจัง แล้วเธอล่ะชื่ออะไร” มิราจังคงจะเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศเชียวแหล่ะ ขนาดฉันทำหน้าอารมณ์บ่จอยเธอยังอยากรู้จักฉันอีก
    “ฉันชื่อเอโกะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ
    ว้าว...ฉันเพิ่งสังเกตเห็นลักยิ้มของมิราจัง อิจฉา....น่ารักมากเลยอ่ะ เธอแต่งตัวได้ทะมัดทะแมงมากกางเกงยีนส์เสื้อยืดสวมทับด้วยเสื้อโค้ต รองเท้าส้นเข็มของเธอน่าจะประมาณสามนิ้วได้ ถือว่ายังไม่สูงเว่อร์
    ในขณะที่ฉันกำลังตั้งใจเรียนอยู่นั้นภาพตอนที่ฉันลงไปนอนอยู่บนตัวไอ้หมอนั่นเกิดแว้บเข้ามาในหัวฉัน บ้าๆๆบ้าที่สุด เขาเป็นใครกันนะ ฉันจะได้เจอเขาอีกหรือเปล่า แล้วทำไมฉันต้องอยากเจอเขาด้วยเล่า เธอคิดอะไรของเธออยู่เนี่ยมิอุระ เอโกะ มัวคิดถึงผู้ชายแปลกหน้าจนไม่เป็นอันเรียนหนังสือหนังหา
    ไม่ได้ๆๆฉันสลัดภาพนั้นทิ้งซะให้พ้น หน้าที่ของฉันตอนนี้คือตั้งใจเรียน เรียนและก็เรียนเพื่อคุณแม่สุดที่รัก
     
    ....นี่คือสถานแห่งบ้านทรายทองที่ฉันปองมาสู่....
    ฉันไม่ได้กำลังเพ้ออะไรหรอกนะเพียงแต่บ้านที่ถูกตกแต่งสไตล์โรมันที่ฉันอาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคนมันดูใหญ่เกินไปอยู่ดี ข้างหน้ามีสวนหย่อมเล็กๆพอให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ
    รองเท้าบูตถูกวางไว้บนชั้นวางเรียบร้อย ก่อนที่เจ้าของจะตรงเข้าไปในครัวแล้วหาเครื่องดื่มเย็นๆมาโซ้ยให้ชื่นใจ นึกถึ่งเครื่องดื่มเมื่อเช้านี้ก็ตลกดีเนอะ ไม่คิดว่าจะมีของกินอะไรที่ชื่อแปลกแบบนั้น วันหลังฉันจะสั่งอย่างอื่นมากินมั่ง ถึงจะไม่มีแฟนแต่ฉันมีเพื่อนใหม่คือมิราจัง ไว้ค่อยชวนยัยนั่นไปก็ได้
    “กลับมาแล้วเหรอคะแม่”ฉันวางแก้วน้ำส้มลง ก่อนจะเดินไปถือของช่วยแม่ ดูเหมือนว่าแม่จะช็อปปิ้งมาหนักพอสมควร นี่ถ้าเหมายกห้างได้แม่คงทำไปนานแล้ว
    ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหล่ะว่าฉันอยู่กับแม่สองคน ถึงฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่วันก็เถอะ ก่อนหน้านี้ที่ฉันจะได้ไปอยู่ฮอกไกโดก็เป็นเพราะเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว คุณพ่อดาราของฉันเนื้อหอมเกินไปมีข่าวกับผู้หญิงไม่เว้นแต่ละวัน พ่อของฉันตอนนั้นเขาเป็นพระเอกชื่อดัง กระแสความนิยมของเขาไม่ลดลงเลยถึงแม้จะเป็นคุณพ่อลูกหนึ่งแล้วก็ตาม
    ฮึ...คนๆนี้ที่ฉันไม่อยากจะเรียกพ่อสักเท่าไหร่ แต่ฉันก็รู้เพราะมีเขาฉันถึงได้เกิดมา วันหนึ่งแม่ทนไมไหวในความเจ้าชู้ของพ่อ ทั้งสองตัดสินใจอย่ากัน แม่ให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนยายที่ฮอกไกโดตอนนั้นตาพึ่งเสียไปหมาดๆ ทุกปีแม่จะมาเยี่ยมฉันหรือถ้าแม่ไม่ว่างฉันก็จะเป็นฝ่ายมาหาแม่เอง
    ทุกเดือนพ่อจะส่งเงินค่าเลี้ยงดูมาให้ฉันตลอด แต่สำหรับฉัน.....เงินไม่ใช่วิธีการรับผิดชอบแต่อย่างใด มันเป็นเพียงวิธีของคนที่มองข้ามความรู้สึกของคนอื่นวันเกิดฉันเขาก็ไม่เห็นโผล่หน้ามาเลยสักครั้ง ถ้าฉันไม่เห็นหน้าเขาในทีวีป่านนี้ฉันคงลืมหน้าพ่อบังเกิดเกล้าไปแล้ว
    พ่อคงไม่รู้หรอกว่าฉันมีDVDหนังทุกเรื่องที่พ่อเล่นสะสมไว้ที่บ้าน เมื่อไหร่ที่ฉันคิดถึงพ่อฉันก็จะหยิบมันมาเปิดดู แต่ฉันเกลียดเวลาที่พ่อเข้าฉากเลิฟซีนกับนางเอกมากที่สุด ไม่แปลกเลยที่แม่ทนไม่ไหว
    “ไง...ไปเรียนวันแรกเป็นไงมั่งลูกรัก”
    “ก็ดีค่ะ”ประชดนะคะแม่
    หนูอยากจะบอกว่ามันแย่ตั้งแต่ตอนที่แม่โยนลายแทงอะไรนั่นให้หนู ต่อด้วยการเสียเวลาที่ร้านเครื่องดื่มบ้าบออะไรนั่น แล้วไหนจะวิ่งชนไอรูปปั้นหน้าหล่อนั่นอีกแถมเข้าเรียนสาย แต่ก็ดีอย่าง...ได้เจอคนหล่อ บุญตาของฉันแท้ๆ
    “วันนี้ลูกคงเหนื่อยมากสินะ แต่เชื่อที่แม่บอกเถอะ แม่อยากจะให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีแล้วก็เข้มแข็งรู้เท่าทันคน โดยเฉพาะพวกผู้ชายเห็นแก่ตัว”คำสุดท้ายที่แม่พูด ฉันเอาหูข้างเดียวฟังก็รู้ว่าแม่ขื่นขมกับการกระทำของพ่อมากแค่ไหน ถึงมันจะผ่านมานานแต่ในความรู้สึกของแม่มันอาจจะเหมือนกับว่าพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
    “หนูรู้ค่ะแม่”ฉันเดินเข้าไปกอดแม่เบาๆแต่อ้อมกอดของเราคงจะอบอุ่นมากกว่านี้ถ้ามีพ่อ แต่...มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ
     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×