คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : หลง
ปานดาววางร่างบางลงบนเตียงหลังจากที่เธอประคองมาหนักมากพอดู เธอมองใบหน้าหวานที่ซีดเผือกลงถนัดตาแค่เจอเธอยั่วโมโหนิดเดียวทำไมถึงเป็นลมได้ คิดแล้วรู้สึกผิดเหลือเกินเธอยิ้มน้อยๆพลางปัดปอยผมที่ปกลงใบหน้าหวาน เวลาเป็นลมไม่รู้เรื่องนี่ก็ดีเหมือนกันดูแล้วไม่มีปากไม่มีเลียง
ร่างบางค่อยๆรู้สึกตัว สายตาพร่ามัวพยายามมองคนที่นั่งปัดปอยผมว่าคือใครยิ่งมองยิ่งชัดว่าใคร นราปัดมือปานดาวทิ้งอย่างโมโหเมื่อนึกถึงสายตาดูถูกนั่นยิ่งทำให้ครอบตาร้อนผ่าว เธอเกลียดปานดาว เกลียดสายตาดูถูกนั่น
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ปานดาวพูดอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร”
นราตอบกลับด้วยสายตาเฉยชา พลางเมินหน้าหนีสายตาว้าววอนนั่น จนเธอกลัวใจตัวเองเหลือเกิน
“เธอไปหาหมอมั้ย ฉันจะพาไป” ปานดาวพูดอย่างเป็นห่วงคนตรงหน้านี้จริงๆ
“ไม่จำเป็น”
ที่เธอทำมันเกินไปจริงๆ เธอไม่ควรพูดจาดูถูกนราแบบนั้นเลยแล้วที่นี้จะทำยังไง รูสึกไม่สบายใจเลยกับสายตาเย็นชานั่น คิดแล้วได้แต่ถอนหายใจ
“ฉันอยากอยู่คนเดียว คุณออกไปเถอะ”
“แต่ว่า
”
“ไม่ได้ยินหรอไง บอกว่าอยู่คนเดียว”
นราพูดเสียงดังอย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ให้ร่างสูงต้องเดินออกไปอย่างช่วยไม่ได้ ปานดาวหันกลับมามองนราก่อนจะเดินออกไปอีกครั้งแต่ฝ่ายนั้นกลับเมินหน้าหนีเธออยู่อย่างนั้น ตอนนี้คงเกลียดเธอจริงๆแล้วซิ
“นิ่มเป็นยังไงบ้างครับคุณปาน” รชานนท์รีบถามเมื่อเห็นปานเดินออกจากห้องมา
“นอนพักอีกสักพักเดี๋ยวก็คงดีขึ้นเอง ไม่เป็นไรมากหรอก”
“แค่นี้ใช่มั้ย ฉันไปล่ะ”
“เดี๋ยวครับคุณ”
ปานดาวเดินออกไปอย่างไม่ใส่กลับเสียงรชานนท์ที่เรียกตามหลังมา ก็เธอมั่วแต่เป็นห่วงความรู้สึกของคนป่วยที่นอนอยู่ในห้องนั้น
ร่างกายที่อ่อนล้าไม่มีแรงแม้จะลุกเดินแต่หัวใจนี่สิ กลับรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของตัวเองต่อคนที่เดินคอตกออกไปนั่น นี่เธอพูดจาแรงไปมั้ยแล้วปานดาวจะคิดยังไงกับเธอ รึจะเกลียดเธอมากกว่าเดิม
“เป็นอะไรปาน” ระวีร์ถามปานดาวที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว พลางเม่อลอยมองไปไหนต่อไหน
“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่รู้สึกผิดยังไงไม่รู้สิ เฮ้อออ”
เรื่องกลุ้มใจที่ไม่น่าเอามากลุ้มใจทำให้คนอย่างเธอเป็นถึงขนาดนี้เลยหรอ คนอย่างปานดาวไม่เคยแคร์ความรู้สึกใคร แล้วยัยนี่เป็นใครเนี่ยทำไมต้องมานั่งคิดมากด้วย ใช่สิเธอจะคิดมากทำไม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“อากาศร้อน แกคงเพี้ยนแล้วมั้งปาน”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไปเที่ยวกันดีมั้ยคืนนี้”
“แล้วไม่กลับเชียงใหม่รึไงคุณปานดาวขา ไหนบอกกว่าไม่อยากอยู่นานไงนี่อยู่ข้ามคืนแล้วนะค่ะคุณขา”
ระวีร์พูดแกมประชดประชันปานดาวที่ไม่สนใจกับอะไรเลย แม้แต่มารดาที่เป็นห่วงนักหนา
“ตกลงแกจะไปมั้ยวีร์ ถ้าไม่ไปฉันไปเองคนเดียวก็ได้” ปานดาวพูดอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร
“ไปก็ไปสิว้า ทำเป็นโมโหไปได้น่า”
หญิงสาวร่างรูปเพรียวใส่เสื้อกล้ามสีขาวรัดรูป เข้ากับกางเกงยีนต์เอวต่ำตามสมัยนิยมใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอ่อนๆทำให้ใบหน้าขาวใสน่ามองขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ปานดาวเดินออกมาอย่างอารมณ์ดีพลางฮัมเพลงไปด้วย
“จะไปไหนลูกปาน” เสียงเรียกทำให้เธอต้องเหลียวหลังกลับมาอีก
“จะไปเที่ยวค่ะ มีอะไรมั้ยค่ะฉันจะไปแล้ว เอ่อ คืนนี้อาจจะไม่กลับมานะค่ะ” ปานดาวตอบอย่างไม่ใส่ใจนักแล้วเดินออกไปหน้าตาเฉย
เสียงเครื่องยนต์ติดๆดับๆทำให้ปานดาวต้องถอยรถกลับมา เมื่อพบรถยนต์คันหรูที่ไม่สามารถสตาร์ทติดได้อาการกระวนกระวายของผู้เป็นแม่บวกกับการแต่งตัวที่หรูหราเหลือเกิน ต้องไปงานเลี้ยงไฮโซแน่ๆเธอคิดไม่ผิดแน่นอน
ในที่สุดเธอต้องพามารดามาส่งยังงานเลี้ยงหรูหรา ทั้งที่ไม่เต็มใจเท่าไรก็เธอแพ้สายตาอ่อนโยนความห่วงใยที่บอกด้วยสายตาเห็นที่ไรใจอ่อนทุกที
งานเลี้ยงสุดหรูที่ถูกออกแบบให้ใหญ่โตสมกับเป็นเจ้าของร้านเพชรชื่อดังรายใหญ่ คุณหญิงหรือผู้มีอันจะกินทั้งหลายพากันอวดเครื่องเพชรที่แวววับสะท้อนแสงแยงสายตาให้ปานดาวต้องหลบ กลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่ามีสตางค์กันปานดาวได้แต่คิดอย่างพาลๆ
หญิงสาวในชุดราตรีสีขาวเรียบหรูที่สะกดทุกสายตาให้หันมามองหล่อนตาค้าง ปานดาวเพ่งมองหญิงสาวที่ดูโดดเด่นท่ามกลางผู้คนที่รุมล้อมอย่างเอาใจ ยิ่งมองยิ่งคุ้นยิงชัดเข้าไปใหญ่ก็เธอคือแม่สาวใหญ่ที่ว่านเสน่ห์ให้เธอต้องหลงคืนนั้นใครจะลืมหล่อนลง
สาวสวยหยิบแก้วไวน์แล้วดื่มเพื่อเป็นพิธีกับผู้คนที่รุมล้อมหล่อนอย่างเอาใจ ภาพนี่มารยาสิ้นดีเธอรู้สึกได้เพียงแค่ภาพสวยงามที่ถูกฉาบไว้เบื้องหน้าเท่านั้น แต่ดูเหมือนสายตาทั้งหลายที่รุมล้อมเธออยู่ ต่างหันไปสนใจกับหญิงสาวร่างสูงเพรียวที่แต่งตัวไม่เหมือนใครแต่ดูดีเหลือเกิน เธอยิ้มน้อยๆเมื่อรู้ว่าคือใคร
“สวัสดีค่ะ มาด้วยหรอค่ะ” สาวสวยยิ้มหวานพลางมองสำรวจการแต่งตัวอย่างสงสัย
“ฉันไม่ได้จะมาหรอกค่ะ บังเอิญมาส่งคุณแม่ท่านเลยให้อยู่เป็นเพื่อนแปบหนึ่ง ”
“หรอค่ะ”
เธอยิ้มเขินๆกับสายตาที่จ้องมองอย่างมีเลศนัย สายตาคมกริบที่สะกดให้ใจเธอหวั่นไหวตั้งแต่แรกเจอ แต่หัวใจเธอกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะคนตรงหน้านี้
“ไม่รู้เลยนะค่ะว่าคุณมางานนี้ด้วย”
มณีรินทร์คนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ถ้าไม่ใช่แขกสำคัญจริงๆคงไม่ได้รับเชิญมางานเลี้ยงที่รวมผู้ส่งออกเพชรระดับต้นๆของประเทศแน่นอน
“คือฉัน เป็นน้องสาวพี่นันท์เจ้าของร้านเพชรนี่ค่ะเลยมาช่วยรับแขก”
“ ดีใจนะค่ะที่ได้เจอคุณอีกครั้ง”
มณีรินทร์ยิ้มหวานเธอต้องเมินหน้าหนีสายตาหวานเชื่อม ทำให้เธอต้องเขินจัดไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตาคมกริบที่แฝงความเจ้าชู้เอาไว้ ปานดาวคงเจ้าชู้ไม่ใช่เล่นดูจากสายตาหวานเชื่อมขนาดนั้นแต่เธอก็ชอบไม่ใช่หรือ มณีรินทร์ขำกับความคิดตัวเองให้ปานดาวที่มองอยู่ขมวดคิ้วเป็นคำถาม
“ป่าวค่ะ แค่คิดอะไรเพลินๆ”
“คิดอะไรค่ะ ยิ้มใหญ่เลยหรือคิดถึงปานค่ะ”
นั่นไงปานดาวชั่งรู้ทันความคิดเธอเสียจริง มณีรินทร์ต้องหัวเราะอีกครั้งเพราะความคิดปานดาวที่แทงใจดำเธออย่างแรง
“รู้ได้ไงค่ะ อ่านใจคนออกด้วยหรอ”
“อาจจะใช่ค่ะ เพราะแววตาคุณฟ้องอย่างนั้น” แววตาที่จริงจังทำให้มณีรินทร์ต้องหลบสายตาที่จดจ้องเธออยู่
สายลมที่พัดมาทำให้มณีรินทร์ต้องกอดอกเพราะความเหน็บหนาว เพราะชุดที่เธอใส่มันช่างบางเบาเหลือเกิน ปานดาวถอดเสื้อโค้ดตัวนอกออกบรรจงสวมทับให้มณีรินทร์ที่หันมาสบตาพอดีแววตาลึกซึ้งที่ประสานกันอย่างรู้ความในใจ เป็นมณีรินทร์ที่ต้องเมินใบหน้าหนีสายตาหวานเชื่อมคู่นั่นซะก่อน เธอกำลังหลงเด็กคนนี้เข้าแล้ว
ปาวดาวที่ตอนนี้เหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวตัวจิ๋ว ทำให้มณีรินทร์ต้องอมยิ้มเพราะดูแล้วแล้วปานดาวคงหนาวไม่แพ้เธอหรอกแล้วยังจะมาเสียสละให้เธออีก
“คุณใส่เสื้อทับเถอะค่ะ ฉันรู้คุณก็หนาว”
“ฉันไม่หนาวหรอกค่ะ ฉันเต็มใจใส่ให้คุณเดี๋ยวฉันจะกลับแล้วเหมือนกัน”
“กลับแล้วหรอค่ะ” มณีรินทร์พูดอย่างผิดหวังให้ปานดาวต้องอมยิ้ม
“จะไปต่อน่ะค่ะ สนใจไปด้วยกันมั้ยค่ะ”
“แล้วคุณแม่คุณล่ะค่ะ เอ่อท่านจะกลับยังไง” มณีรินทร์ถามอย่างลังเลเมื่อมองไปยังคุณหญิงพิมพ์พรรณที่กำลังร่วมวงสนทนากับพี่สาวเธออย่างสนุกสนาน
“ฉันแค่มาส่งค่ะ เดี๋ยวคนขับรถก็มารับท่านกลับ”
เป็นผลให้มณีรินทร์ฉีกยิ้มหวาน เธอจะปฏิเสธปานดาวได้อย่างไรไม่รู้เหมือนกันว่าปานดาวกำลังรุกเธอ หรือเธอกันแน่ที่ใจง่ายไปเองคิดแล้วตลกตัวเองชะมัดเธอเองก็อายุปาเข้าไปสามสิบกว่าๆแล้วยังทำเหมือนเพิ่งเคยมีความรักครั้งแรกไปได้ นี่เธอหนักใจกับตัวเองจริงๆ
เสียงเครื่องยนต์ที่แล่นจากไปพร้อมสาวสวยคุ้นตา ทำให้คุณหญิงพิมพ์พรรณต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าสองคนนั่นไปรู้จักกันเมื่อไรแล้วทำไมดูสนิทสนมกันแท้
..................................................................................................................
เสียงบรรดาสาวใช้ที่กุลีกุจอกันต่างเตรียมความพร้อมของบ้านอย่างออกนอกหน้าทำให้ปานดาวต้องสงสัย เมื่อความสงสัยดำรงอยู่ได้ไม่นานก็เพราะหนุ่มใหญ่ในมาดนักธุรกิจเดินเข้ามาในบ้าน ดูน่าเกรงขามสำหรับทุกคนเหลือเกินเธอเริ่มรู้อะไรได้ลางๆแล้ว
คุณอรัญ หนุ่มใหญ่นักธุรกิจระดับต้นๆของประเทศที่ตัดสินใจแต่งงานกับแม่หม้ายสาวพราวเสน่ห์ด้วยความอ่อนหวานของหล่อนทำให้เค้าหลงรักตั้งแต่แรกเจอจนทุกวันนี้
“เป็นไงบ้างค่ะคุณเหนื่อยมั้ย”
“แค่เห็นหน้าคุณกับลูก ผมก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ” อรัญตอบพลางรั้งร่างภรรยาเข้ามากอดด้วยความคิดถึง
“อายเด็กๆบ้างค่ะคุณ”
“ไม่ต้องอายครับคุณแม่ น้องพีปิดตาก็ได้” ทุกคนต่างหัวเราะน้องพีกับท่าทางปิดตาแอบดูให้ทุกคนเอ็นดูกับความน่ารัก
“เห็นมั้ยค่ะคุณ น้องพีแก่แดดใหญ่แล้ว”
“เค้าเรียกว่าฉลาดใช่มั้ยครับ ลูกชาย” คุณอรัญหันไปถามน้องพีที่รีบตอบขึ้นมาทันที
“ใช่ครับ”
ภาพครอบครัวที่อบอุ่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานมันกลับแทงใจดำปานดาวที่มองจากข้างบนอย่างจัง เธอไม่เคยรู้จักคำว่าครอบครัวมานานเท่าไรแล้วก็เพราะคนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างล่างหยิบยื่นให้ ต่อไปนี้จะได้รู้ว่าทรมานมันเป็นอย่างไร
ปานดาวเหยียดยิ้มจนนราต้องกลัวรอยยิ้มที่ซ่อนความน่ากลัวเอาไว้ ไม่รู้ว่าปานดาวคิดอะไรอยู่แต่ที่รู้ๆปานดาวคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน
............................................................................
ติชมกันนิดหนึ่ง เพื่อกำลังใจในตอนต่อไปนะค่ะ
ความคิดเห็น