คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้น
งานเลี้ยงบาร์บีคิวเล็กๆที่ถูกจัดขึ้นพร้อมคนภายในครอบครัวพร้อมหน้ากัน ยกเว้นคุณอรัญที่ติดประชุมด่วนอยู่ต่างประเทศ รอแล้วรอเล่านรามองพิมพ์พรรณกับลูกชายตัวน้อยแล้วส่ายหน้าเมื่อเริ่มจะรู้อะไรได้ลางๆแล้ว
“คุณนายค่ะ คุณปานไม่อยู่ค่ะ”
“อืมฉันรู้แล้ว เก็บของให้หมดป้าสม”
อาหารมากมายแต่ไร้เงาเจ้าของงาน ทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอเหนื่อยล้าใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม มันไม่เคยถูกใจปานดาวเลยสักนิด
“คุณแม่ครับ พี่ปานล่ะครับ”
“เดี๋ยวพี่ปานมาค่ะ ตอนนี้น้องพีต้องเข้านอนก่อนนะค่ะ”
“นิ่มพาน้องพีเข้านอนให้น้าหน่อยนะ” ตอนนี้สภาพจิตใจเธอแย่เหลือเกิน ไม่นึกว่าลูกสาวคนดีของเธอจะทำร้ายความรู้สึกของแม่ได้ขนาดนี้
ส่วนคนที่หายตัวเข้ากลีบเมฆให้ตามหาวุ่นวายกันไปหมดแต่กลับมานั่งดื่มในผับอย่างสบายอารมณ์ แสงสีเสียงที่ปลุกเร้าอารมณ์ให้ร่างสูงวาดลวดลายตามจังหวะเพลงอย่างเมามันพร้อมสองสาวเพื่อนซี้ที่เต้นปะกบเป็นไม้เลื้อย ยั่วยวนสายตาหนุ่มๆที่จ้องสามสาวแทบจะกินได้ทั้งตัวอยู่แล้ว
ทุกท่วงท่าที่ถูกปลดปล่อยอย่างเร่าร้อนแต่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกเธอสิ้นดี เมื่อความรู้สึกลึกๆบอกว่าเธอยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของมารดา ที่พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก ซึ่งเธอไม่ได้รู้จักคำว่าครอบครัวที่สมบรูณ์มาเป็นสิบกว่าปีแล้วความน้อยใจที่อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วอยากทำให้คนเสวยสุขมาเป็นสิบปีต้องทุกข์ใจเหมือนกันบ้างนี่คือขั้นแรกเท่านั้นยังเหลืออะไรอีกเยอะให้เล่นอีก
“รู้สึกสบายจังเลย” ปานดาวพูดไปพลางดื่มแก้วเหล้าที่ถือติดมือจากโต๊ะตรงข้าม เธอชูแก้วให้สาวใหญ่ที่ยิ้มหวานให้อย่างเปิดเผย
“นั่นๆ แม่สาวใหญ่รายนั้นเขายั่วแกแล้วปาน”
“อะไรกัน มากรุงเทพวันเดียวมีสาวติดแล้วหรอ” ตะวันรี่ตามองเพื่อนสาวอย่างล้อๆเมื่อฝ่ายนั่นยิ้มว่านเสน่ห์ให้สาวใหญ่โต๊ะตรงข้ามหวานหยดขนาดนั้น
“เสียดายว่ะวัน สวย เริ่ด เชิด สเปกฉันเลยเนี่ย”
รวีร์มองสาวใหญ่อย่างอาลัยอาวอนก็แม่สาวใหญ่นั่นสวยน้อยซะเมื่อไรกัน ผมสั้นตามสมัยนิยมบวกกับการแต่งตัวที่เปรี้ยวจี๊ดยิ่งทำให้ดูยั่วยวนสายตาเหลือเกิน
“โธ่วี ก็แกมันไม่สวยนี่หว่า
“แกก็ระวังตัวไว้เถอะ ถ้าฉันเกิดหลุดปากบอกพี่นพว่าแกหนีเที่ยวคืนนี้นะ แกเสร็จแน่วัน”
“อะไรว่ะไอ้นี่แค่นี้ต้องฟ้องให้ครอบครัวเค้าแตกแยกกัน ไม่มีแฟนกับเค้าอ่ะดิอิจฉาใช่มั้ยล่ะ”
“อิจฉากับผีอ่ะดิ ไอ้บ้า”
ปานดาวดูเพื่อนสนิททั้งสองดูเหมือนยิ่งดื่มมากเท่าไรยิ่งมาทะเลาะกันเองเท่านั้น ดูแล้วตัวเธอเองนี่ล่ะดูมีสติมากที่สุดแล้ว พอจะห้ามปรามได้ไม่งั้นอาจมีลงไม้ลงมือกันได้
“พอเลยกลับได้แล้ว ไปนอนห้องยัยวีร์กันดีกว่า”
หญิงสาวสามคนที่กึ่งลากกึ่งดึงกันมา เมื่อไม่มีใครให้ความร่วมมือเดินแทบจะไปคนล่ะทิศกันอยู่แล้วมีเพียงหญิงสาวร่างสูงที่ดูเหมือนจะลากสองสาวที่เดินไม่เป็นท่าออกมาจากผับอย่างอยากลำบาก ทำให้คนที่มองอยู่ห่างๆอดยิ้มอย่างขำๆไม่ได้
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยค่ะ” เธอถามเมื่อเห็นอีกคนยุ่งอยู่กับการค้นหากุญแจรถอยู่นานสองนาน ส่วนอีกมือยังเกี่ยวแขนสองสาวนั่นไว้อีก
“ เออ ช่วยหยิบกุญแจรถให้หน่อยนะค่ะ”
“นี่ค่ะ เดี๋ยวฉันช่วยพยุงเพื่อนให้คุณนะค่ะ”
“ขอบคุณมากๆเลยค่ะ” เธอเลือนรถออกไปได้ไม่เท่าไรก็ต้องถอยกลับมาเมื่อลืมถามชื่อสาวใหญ่เซ็กซี่นั่น
“ฉันชื่อปานดาวค่ะ แล้วคุณล่ะ”
“มณีรินทร์ค่ะ นี่นามบัตรฉันหวังว่าฉันจะได้ยินเสียงคุณนะค่ะ” เธอยิ้มหวานให้ปานดาวที่นั่งอมยิ้มกลับตัวเองเมื่อสาวใหญ่เดินจากไปแล้ว
“มณีรินทร์” ปานเผลอพูดชื่อออกมาอย่างลืมตัว ท่าทางเธอจะตกหลุมยัยคนนี้ซะแล้วคนอะไรขนาดนี้แล้วยังสวยปาดใจอยู่เลย
ฉันไม่มีวันที่จะรับสายเธออีก จะหลีกหนี้ไปให้ไกลสุดสายตาจึงฝากเพลงนี้ให้เธอได้ฟังและหวังให้เธอเข้าใจว่าอย่าโทรมาลบกวนอีกเลย ......................
เสียงริงโทนที่ดังปลุกตอนเช้าทำให้สามสาวที่นอนก่ายกันไปมา ควานหาโทรศัพท์ที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครต่างคนต่างควานหาทั้งที่ยังคงนอนหลับตามีเพียงมือที่ค่อยๆคำหาไปเรื่อย
“ ของฉันย่ะ พวกแกหยุดหาเลย” ตะวันพูดพลางมองสองสาวที่นอนก่ายกันไปมา นี่หรือกุลสตรีไทยแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ
“ใครโทรมาแต่เช้า วัน” ปานดาวถามพลางนั่งดื่มกาแฟเมื่อเห็นเพื่อนสนิทหน้ายุงเดินกลับเข้ามาเดาได้เลยว่าต้องทะเลาะกับแฟนหนุ่มแน่ๆ
“พี่นพน่ะ ไม่รู้อะไรหนักหนาชอบชวนทะเลาะเรื่อย”
“ใจเย็นๆ เพื่อน”
“ชักจะเย็นไม่ไหวแล้วปาน”
“เย็นไม่ไหวก็เลิกสิ”
เธอพูดพลางยั่งเชิงเพื่อนสนิทเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าคนอย่างตะวันน่ะหรอจะเลิกกับแฟนหนุ่มที่รักหนักรักหนา ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาก็เห็นมีแฟนอยู่คนเดียวคือ นพพร หนุ่มเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ที่ทนอารมณ์ร้ายกาจของตะวันได้คนเดียว
“แกก็ ฉันทำได้ง่ายๆก็ดีสิ”
“แล้วจะมาบ่นทำไม ไอ้ติ๋มมันรักแกน่ะดีแล้ว”
“แกเรียกพี่นพซะเสียอีกแล้วปาน 555 ” สองสาวที่หัวเราะเสียงดังกันเป็นผลปลุกอีกคนที่นอนขี้เซาอยู่บนเตียงค่อยๆเดินออกมาอย่าง งงๆ
“ไปอาบน้ำแล้วมากินโจ๊กเลยวีร์”
“ทำเป็นงง แกต้องไปบ้านกับปานด้วยวีร์เพราะฉันจะไปกับพี่นพ”
“เฮ้ย อะไรว้าตื่นมาก็สั่งเชียวคุณนายวัน” คนที่โดนสั่งได้แต่เดินเข้าห้องน้ำไปอย่าง งงๆ รู้ดีว่าไม่มีทางปฏิเสธได้เพราะเธอมันไม่มีแฟนนี่
.....................................................................................
โต๊ะอาหารเช้าที่นั่งเพียงสามคนไร้เงาคนที่หายเงียบไปเมื่อคืน ทำให้เธอเป็นห่วงนักไม่รู้ว่าตอนนี้จะไปอยู่ไหน พักกับใครที่ไหนหรือจะหนีเธอกลับไปแล้วยิ่งคิดยิ่งปวดหัวพิมพ์พรรณนั่งกุมขมับที่ปวดมากขึ้นทุกที แต่ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงรถยนต์ที่ดังแล่นมาแต่ไกลพลางจอดเสียงดังให้คนในบ้านสะดุ้งกันทุกครั้งทำให้เธอเผลอยิ้มอย่างดีใจ เมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนคือใคร
“สวัสดีค่ะคุณแม่” รวีร์ยกมือไว้พิมพ์พรรณที่เดินออกมารอรับลูกสาวคนเดียวถึงหน้าบ้านกับท่าทางเป็นห่วงมากจริงๆทำให้เธอสำนึกผิดยังไงไม่รู้
“วีร์ขอโทษด้วยนะค่ะ เมื่อคืนพายัยปานไปเปิดหูเปิดตานิดหน่อยค่ะ เลยไม่ได้โทรบอกคุณแม่ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกวีร์ ฉันจะไปไหนก็ไม่มีใครสนใจหรอก” ปานดาวพูดขัดขึ้นแล้วเดินหนีมารดาที่กำลังเอ่ยปากถามเข้าบ้านไปหน้าตาเฉย
“เดี๋ยวก่อนปาน รอฉันด้วยสิ”
รวีร์รีบเดินตามปานดาวที่เดินนำเข้าไปโดยไม่สนใจอะไรเลย ระหว่างที่เร่งฝีเท้าให้ทันปานดาวที่เดินนำขึ้นห้องไปแล้ว สายตาเธอพลันสะดุดกับสาวสวยที่เดินจูงมือเด็กน้อยไปด้วยรอยยิ้มที่สะกดให้รวีร์ต้องมองเหลียวหลัง
“เมื่อกี้ฉันเห็นคนสวยด้วย ใครหรอปาน”
“คนสวยหรอ” ปานดาวถามซ้ำพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“อ๋อออออออ ยัยป้าน่ะหรอ”
ปานดาวลากเสียงยาว เมื่อนึกได้ว่าใครพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อนึกถึงเจ้าของใบหน้าหวาน
“อย่ามายิ้มอย่างนี้นะ ขอฉันสักคนสิ”
“55555 ได้สิ แต่ต้องให้ฉันเบื่อก่อนแล้วกันนะแล้วแกค่อยเอาไป”
“คนนะโว๊ยไม่ใช่สิ่งของที่ยกให้กันง่ายๆน่ะ”
รวีร์ขมวดคิ้วใส่เพื่อนสนิทที่ไมเคยคิดจริงจังกับใครสักที แม้ว่าเป็นเพื่อนสนิทก็ตามแต่เธอไม่ชอบปานดาวที่มีนิสัยอย่างนี้เลยจึงได้แต่เตือนๆไว้
“น่า คิดมากไปได้ฉันแค่เล่นเฉยๆไม่เกินเลยหรอก”
“ใช่ว่าฉันจะเก็บไว้จีบคนเดียวนะปาน แต่เขาเป็นคนมีความรู้สึกมีชีวิตจิตใจ อย่าเอาหัวใจคนอื่นมาล้อเล่นสิ”
รวีร์พูดจ้องเพื่อนสนิทที่เบนใบหน้าหนีอย่างไม่สนใจกับคำพูดของเธอสักเท่าไร แล้วหันมายิ้มกวนๆให้แทน นี่เพื่อนเธอช่างไม่สะทบสะท้านอะไรเลย
“นั่นมันคนสวยไงปาน” รวีร์รีบกวักมือเรียกปานดาว
ชายหนุ่มผมยาวหยิกป่ะบ่าที่เล่นเตะบอลกับเด็กชายตัวเล็กอย่างสนุกสนาน สร้างสงสัยให้เธออีกแล้ว และเห็นเจ้าของใบหน้าหวานใช้ผ้าเช็ดหน้าบรรจงเช็ดให้ชายหนุ่มที่หัวเราะต่อกระซิกกันอีก ยิ่งทำให้ปานดาวไม่ชอบขี้หน้าไอ้หนุ่มข้างล่างนี่เลย เท้าไวกว่าความรู้สึกสั่งให้เธอเดินไปข้างล่างจนได้
“พี่ปาน พี่ปาน” น้องพีร้องเรียกปานดาวที่เดินลงแค่เพียงประตู และวิ่งไปจับมือพี่สาวกึ่งลากลงมา
“ว่าไงค่ะ ตัวน้อย”
เธอนั่งยองๆลงถามเด็กชายที่มองเธอตาแป๋ว พลางลูบหัวไปมา สายตาอีกสองคู่ที่จับจองเธออย่างไม่วางตาถ้าจะกลัวว่าเธอจะทำอะไรน้องชายตัวเองซะอย่างนั้น
“พี่ปานเล่นกับน้องพีนะครับ”
“พี่คงเล่นไม่ได้นะค่ะ เดี๋ยวโดนพี่คนนั้นเค้าตีเอา” ปานดาวพูดพลางมองไปนราที่มองตาเขียวใส่ให้น้องพีสงสัย
“น้องพีค่ะเข้าบ้านกันเถอะค่ะ”
“ไม่ครับ น้องพีจะเล่นกับพี่ปาน”
“ฉันจะคุยกับน้องฉันหน่อยไม่ได้หรอ แม่คุณ”
ปานดาวมองคนที่จูงมือน้องพีราวกับไม่อยากให้เธอเขาใกล้ เธอดูเหมือนแม่มดใจร้ายนักรึไง ทำให้เธออารมณ์เสียงอีกแล้ว
“ก็คุณมันไม่น่าไว้ใจเลย”
“ฉันเป็นพี่สาวน้องพี แต่เธอเป็นคนอื่น”
ปานดาวเลื่อนไปกระซิบข้างหูนรา พลางยิ้มเยาะเย้ยเมื่อมองไปทางชายหนุ่มแล้วมองกลับมายังนรา ราวกับเธอเป็นสิ่งของน่ารังเกียจ
“เธอนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ มีผู้ชายมานั่งเฝ้าถึงที่บ้านเลย”
ปานดาววางระเบิดลูกใหญ่ให้นรามองจ้องปานดาวที่ส่งสายรังเกียจมาให้ ไม่เคยมีใครทำอย่างนี้ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เธอโกรธจนยืนตัวสั่นอยู่นี่ทั้งๆที่ทำอะไรไม่ได้ไม่รู้ว่าทำไมจริงๆ ทั้งๆที่อยากจะจับคนตรงหน้านี้มาบีบคอให้ขาดใจตายไปซะ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเลือนร่างเหลือเกิน
“เป็นอะไรรึเปล่านิ่ม”
ชายหนุ่มรีบวิ่งมาหานราเมื่อนราจะเป็นลมล้มลงไป โดยที่อีกคนหนึ่งไม่ช่วยเหลืออะไรเลยกลับมองยิ้มเยาะใส่อีก
“คุณช่วยเอาแฟนไปนอนพักซะนะ ถ้าจะเป็นเอามาก”
ปานพูดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจูงมือเด็กชายตัวน้อยเดินไป
“ช่วยประคองนิ่มเข้าห้องที ผมเป็นผู้ชายไม่เหมาะเท่าไร”
“อะไรนะ” ปานดาวรีบหันมาถามซ้ำ
“นะครับ นิ่มไม่ไหวแล้ว”
“ไม่เป็นไรนนท์ นิ่มมมมเดินได้”
น้ำเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยรู้เรื่องแต่พยายามจะพูดของนรา กับสายตาที่เลื่อนลางลงไปทุกทีแต่เธอก็รู้ดีว่าร่างสูงนั่นไม่ได้เต็มใจเลย ลึกๆแล้วเธอเสียใจกับท่าทีไม่สนใจนั่นดูเย็นชาไม่สนใจอะไรแม้จะมีคนเป็นลมล้มตรงหน้าก็ตาม เธอจะมาน้อยใจทำไม!!
ความคิดเห็น