คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การกลับมา
เอี๊ยดด!!
เสียงรถยนต์คันเล็กที่แล่นเข้ามาจอดอย่างเร็ว ตามด้วยเสียงเบรกที่จงใจแกล้งคนได้ยินให้ปวดหัวเล่นๆ เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มออกมา ทำให้หญิงสาวที่มองจากข้างบนบ้านหลังใหญ่ไม่พอใจกับเจ้าของรถคนเล็กนั่นจริงๆ ทำให้ชักอยากเห็นหน้าตาคนที่ทำตัวไม่มีมารยาทซะเหลือเกิน
หญิงสาวร่างสูงเพรียวก้าวเท้าออกมาจากรถคันเล็ก เธอถอดแว่นสีชาออกเผยให้เห็นใบหน้าขาวเนียนที่มีเหงื่อไหลซึมออกมาจากความร้อนของอากาศตอนกลางวันแบบนี้ ผมยาวละต้อคอที่ปลิวไสวตามแรงลมชวนให้คนมองเผลอจ้องอย่างลืมตัว
“คุณปานใช่มั้ยค่ะนั่น” หญิงชราเดินยิ้มมาแต่ไกลพลางขยับแว่นทีใส่เพื่อมองคนตรงนี้ให้ชัดยิ่งขึ้น
“ใช่ค่ะ เออป้าสมใช่มั้ยค่ะ”
“ใช่จริงๆด้วย โถ่คุณหนูของป้าไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วค่ะ” หญิงชรารีบสวมกอดปานดาวที่กอดตอบด้วยความคิดถึง
“ไม่กล้าหรอกค่ะป้า มันไม่ใช่บ้านปานแล้วนี่ค่ะ”
ก็เธอเล่นจากไปเป็นสิบปีได้แล้วมั้งดีนะที่อย่างน้อยก็ยังมีป้าสมจำเธอได้ ไม่รู้ว่ามารดาแท้ๆของเธอจะจำลูกสาวตัวเองได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ปานดาวตอบแล้วพลางมองบ้านหลังใหญ่อย่างหวั่นใจเหมือนกัน
“จะกลัวอะไรค่ะนี่มันบ้านคุณหนูเองนะค่ะ เข้าบ้านดีกว่าค่ะไม่รู้คุณนายท่านเจอคุณหนูจะดีใจแค่ไหนเพราะท่านบ่นถึงแต่คุณหนูตลอดเวลาเลยนะค่ะ” ป้าสมรีบจูงมือปานดาวเข้าบ้านอย่างตื้นเต้น
“ปานใช่มั้ยลูก”
หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามคนตรงหน้าเสียงสั่น ความดีใจมากมายที่ล้นทะลักจนเก็บอาการไม่ได้ต้องผวากอดลูกสาวที่ยืนนิ่งเหมือนหุ่นกระบอกที่ไม่กล้าแม้แต่จะสวมกอดมารดา
“ค่ะ” ปานดาวตอบเสียงเบา
แม้ใจอยากสวมกอดผู้เป็นแม่ใจแทบขาดใจ เธอจำต้องเก็บอาการเอาไว้เพราะความผิดของคนที่สวมกอดแน่นนี้ได้ทำนั้นไม่มีวันที่เธอจะลืมมันได้จริงๆ จึงต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้อีกคนได้ใจ ที่เธอมาวันนี้เพื่อจะมาเยี่ยมเยียนตามคำสั่งของพ่อเท่านั้นไม่อย่างนั้นไม่มีวันซะหรอกที่จะอย่างกายเข้ามาที่นี่
“สบายดีมั้ยลูก”
พิมพ์พรรณรีบถอยห่างเมื่อเห็นอาการห่างเหินของลูกสาว พลอยทำให้อยากจะร้องไห้เหลือเกินทั้งๆที่น้ำตามันตกอยู่ข้างในอยู่แล้ว สีหน้าผืนๆที่ดูเก็บอาการอึดอัดได้ไม่มิดยิ่งทำให้เศร้าใจเข้าไปใหญ่
“ก็สบายดีตามประสาสองคนพ่อลูกน่ะค่ะ คุณล่ะค่ะสบายดีมั้ยเออน่าจะสบายดีใช่มั้ยค่ะ” ปานดาวตอบแกมประชดชันผู้เป็นแม่ที่ฟังสีหน้าเจื่อนลงไปอีก
“มาเหนื่อยๆ พักสักวันสองวันนะลูก”
“เห็นคงไม่ได้หรอกค่ะ จะรีบกลับด้วย”
“นั่งคุยให้แม่หายคิดถึงก่อนนะปาน” สายตาคล้ายวิงวอนแกมของร้อง ทำให้เธอต้องจำใจนั่งลงอีกครั้ง
เรื่องราวมากมายสมัยเด็กๆที่ได้ฟังที่ไรก็อดยิ้มตามไม่ได้ ปานดาวได้แต่พยายามซ่อนอาการไว้ไม่ให้ออกนอกหน้ามากนัก แต่ใจนั้นกลับรู้สึกดีเหลือเกินเหมือนว่าเธอกำลังเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่งให้แม่คอยเฝ้าห่วงดูแลอยู่ไม่ห่าง จะมาสะดุดก็ต้องเรื่องครอบครัวใหม่ที่ดูเหมือนคนที่เผลอพูออกมาเงียบลงเมื่อรู้ปานดาวเบือนหน้าหนีไม่สนใจขึ้นมาทันที
“คุณพูดจบแล้วใช่มั้ยค่ะ ฉันขอเดินดูบ้านหน่อย”
“งั้นตามใจปานนะลูก อยากได้อะไรก็เรียกป้าสมแกได้”
พูดเสร็จพิมพ์พรรณได้แต่เดินออกไปอย่างเศร้าใจ เธออยากจะใช้เวลาทั้งหมดได้พูดคุยใช้เวลาร่วมกันให้นานที่สุดก่อนที่ปานดาวจะเดินจากไปแล้วไม่มีวันกลับมาเหมือนครั้งก่อน
ภาพบรรยากาศเบื้องหน้าคือทะเลสาบที่ไกลสุดลูกหูลูกตา หอบพัดลมเย็นๆเข้ามาให้สดชื่นใจเหมือนวันเก่าๆที่มันไม่ได้ตายไปจากใจเธอเลยกับฝังลึกให้จำไปจนตายต่างหาก หลายแล้วปีที่พ่อแม่ตัดสินอย่าขาดกันให้เธอต้องทุกข์ใจที่จะต้องเลือกอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วเธอก็เลือกที่จะอยู่กับพ่อเพราะความผูกพันธ์ที่มีกว่า ทุกวันนี้แม้ชีวิตจะไม่ได้เลิศหรูร่ำรวยอะไร แต่เธอเองก็ความสุขดีมากกว่าอยู่บ้านหลังใหญ่ที่ดูอึดอัดนี่ซะอีก
“น้ำค่ะ คุณปาน”
น้ำเสียงกระแทกที่ฟังดูแปลกหูทำให้ปานดาวที่มั่วแต่คิดอะไรเพลินๆต้องหงายหน้าขึ้นมอง พบเจ้าของใบหวานที่ยิ้มฝืนๆให้ ถ้าทางทำยังกะรังเกียจอะไรเธอมากซะขนาดนั้น ชั่งปะไรเธอก็มองกลับด้วยสายท้าทายกับเหมือนกัน รู้สึกถึงความไม่มิตรของผู้หญิงคนนี้จริงๆเลย
“อุ้ย! ขอโทษค่ะน้ำหกหมดเลย”
สายตาเย้ยหยันที่มองกลับอย่างได้ใจของหญิงสาวยิ่งทำให้อารมณ์ขุนมั่วยิ่งทวีสูงขึ้นไปอีก แต่ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้ต้องปล่อยไว้ก่อนปานดาวบอกกับตัวเองพลางสูดลมหายเข้าใจเรียกสติให้คืนดั่งเดิม แล้วค่อยยิ้มหวานอย่างเยือกเย็นให้หญิงสาวกลับรู้สึกกลัวลอยยิ้มนั่นจริงๆ
“เธอเป็นใคร” ปานดาวถามพลางแสร้งยิ้มให้เจ้าของใบหน้าหวาน ที่ทำหน้าเชิดเดาก็รู้ว่าคงไม่อยากคุยกับเธอเท่าไร
“ฉันเป็นหลานสาวคุณอรัญ คอยดูแลความเรียบร้อยของบ้านหลังนี้ค่ะ ”
ให้ตายเถอะใครชั่งทำปันหน้ายัยนี่ให้เชิดอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ ไม่เมื่อยคอมั่งรึไง หน้าตาก็ดีแต่ทำหน้าเหมือนนางมารร้ายในละครอยู่ได้ แต่ปานดาวกลับรู้สึกขำมากกว่าไม่พอใจหญิงสาวตรงหน้านี้ เธอขำในใจจนหลุดหัวเราะออกมาให้หญิงสาวที่ปั้นหน้าเชิดมองตาเขียวใส่
“ทำหน้าเชิด อยู่อย่างนั้นไม่เมื่อยมั่งหรอไง”
“ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ อย่ามายุ่ง” นราพูดเน้นย้ำตอนท้ายให้ปานดาวถึงกับสะดุ้ง แล้วรีบจ้ำเดินออกไปทันทีขืนให้อยู่นานกว่านี้มีหวังเธอได้ฆ่าคนบ้านั่นทิ้งแน่ๆ
“ดุจริงๆเลยยัยนี่” ปานดาวมองตามร่างเล็กที่เดินจ้ำไปอย่างขำๆเธอชักอยากอยู่ที่นี่ต่อแล้วล่ะสิ ที่นี่อาจมีอะไรมากมายให้เธอทำกว่าอยู่บ้านสวนก็ได้
“เป็นอะไรค่ะคุณนิ่ม หน้าบึ้งมาเชียวค่ะ”
“ก็ลูกสาวคุณอาพิมพ์สิค่ะ กวนประสาทนิ่มอยู่ได้”
“คุณปานเธอน่ารักนะค่ะ อัธยาศัยดีไปทั่ว”
“ค๊ะ” นรารีบถามซ้ำ กวนประสาทกันนี่เค้าเรียกว่าอัธยาศัยดีกันหรอ ลำเอียงกันเห็นๆป้าสมนี่
“แล้วป้าสม จะเอาของพวกนี้ไปไหนค่ะเนี่ย”
“อ่อ จะเอาไปจัดห้องให้คุณปานน่ะค่ะเห็นว่าจะค้างที่นี่ด้วย คุณนายท่านดีใจใหญ่เลย”
“ห๊า”
เสียงดีใจของป้าสมกลับทำให้เธอจะบ้าตายอยู่แล้ว ทำไมยัยบ้านั่นต้องเกิดมาอยากค้างอะไรด้วยเนี่ยไหนบอกจะกลับเลยไงเธอยังดีใจไม่ถึงสิบนาทีเลยมีหวังเจอกันอีก พรุ่งนี้เธอคงบ้าจริงๆแน่
“คุณนิ่มช่วยเอาไปให้คุณปานได้มั้ยค่ะ ป้าจะไปทำอาหารเย็นวันนี้คุณหญิงคงเลี้ยงใหญ่เลยค่ะ”
“ไม่เอาค่ะป้า นิ่มไม่อยากเป็นบ้าตอนนี้ค่ะ”
“ช่วยป้าหน่อยสิค่ะคุณนิ่ม”
“เฮ้อ!”
ในที่สุดก็ต้องทำตามจริงๆ ยิ่งพยายามหลบเท่าไรต้องมีเหตุให้ต้องเผชิญหน้ากับคนบ้านั่นทุกที นราเดินขึ้นบันไดไปอย่างเหนื่อยๆเมื่อคิดแล้วต้องเจอกับอะไรข้างบนนั่นคงหนีไม่พ้นสงครามน้ำลายเช่นเดิม
ร่างสูงนอนเหยียดขายาวบนเตียงพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ขาอีกข้างกระดิกไปตามจังหวะเพลงคนอะไรชั่งสุขสบายซะเหลือเกิน ทำให้เธอมั่นไส้อีกจนได้
ร่างสูงสะดุ้งพรวด หลีกกองผ้าห่มผืนโตที่อีกคนตั้งใจโยนลงมาเพราะความมั่นไส้
“เธอบ้ารึเปล่า ให้ดีๆไม่ได้รึไง”
“แล้วคุณล่ะ ทำกิริยามารยาทให้มันดีๆหน่อยสิให้สมเป็นลูกผู้ดีมั่งเถอะค่ะ”
“แล้วเธอเป็นใครไม่ทราบมาสั่งสอนฉันเนี่ยเสร็จธุระก็ไปเลย ”
“ก็คุณมันไม่มีมารยาท” นราพูดกระแทกเสียงใส่คนที่มองจ้องเธอเขม็ง
ปานดาวมองหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าที่กล้าพูดจาสั่งสอนเธอ ทั้งที่ไม่เคยไม่มีใครกล้ามาก่อนเพราะต่างก็รู้อารมณ์ร้ายกาจของตัวเธอเองดี เธอมองร่างเล็กแล้วยิ้มกริ่มเมื่อนึกอะไรดีๆออก ปานดาวเดินเข้าหานราที่ค่อยๆเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ จนติดกำแพงแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ให้นราที่อยู่ใต้วงแขนเธอเรียบร้อยแล้ว
“หลีกไปเลยนะ”
นราบอกร่างสูงที่ตอนนี้เอาใบหน้าเขามาไกล้ จนเหลือไม่กี่คืบแต่ดูเหมือนยิ่งพูดปานดาวยิ่งยิ้มยียวนยั่วโมโหเธออยู่อย่างนั้น
“ลองยิ้มให้ฉันดูหน่อยสิ แล้วฉันจะปล่อยเธอไป”
ปานดาวเผลอยิ้มอ่อนโยนให้คนที่อยู่ใต้วงแขนอย่างลืมตัว แววตานิ่งเฉยที่จ้องกลับยิ่งเหมือนมีดึงดูดให้ปานดาวเลือนใบหน้าเข้าใกล้ริมฝีปากบางที่นิ่งสนิทเหมือนต้องมนต์สะกดให้แขนขาไม่มีแรงดิ้นหนีจากใต้วงแขนแข็งแรงนี่ ทั้งที่ในใจเธอประทวงให้ร่ำๆให้หลุดพ้นเสียทีแต่สายตาสิกลับจ้องกลับเหมือนเชิญชวนอย่างเต็มใจ
“ดูทำเข้า จะยั่วฉันหรอ
“บ้าสิ ยัยโรตจิต”
ปานดาวมองนราตั้งแต่หัวจดเท้า พลางทำสายตากรุมกริ่มให้ร่างเล็กโมโหขึ้นไปอีก
“เธอนี่มันบ้าจริงๆ”
นราพูดแล้ว เธอรีบเดินออกจากห้องนี้ไปทันทีถ้าอยู่นานกว่านี้เธออาจจะเปลืองตัวกว่านี้แน่ๆ แต่หัวใจเธอเองทั้งๆที่สั่งงานให้มันรีบปฏิเสธแต่กลับไม่มีแรงขัดขืนแถมยังเผลอใจไปกับร่างสูงจอมยียวนนั่นอีกทั้งที่บอกกับใจตั้งแต่แรกเห็นว่าไม่ชอบขี้หน้าเพียงใด คนที่เธอเกลียดกลับทำให้ใจเธอหวั่นไหวไปหมด เธอไม่ควรเลยจะรู้สึกแบบนั้นกับคนนิสัยไม่ดีอย่างยัยบ้านี่
“ไม่ๆๆ ไม่คิดแล้ว” นราสะบัดหัวไปมาไล่ความคิดที่ชักจะเลยเถิดไปไกลเหลือเกิน
ความคิดเห็น