ตอนที่ 8 : ก็แค่...ผู้หญิงอกหัก
8
"ก็แค่...ผู้หญิงอกหัก"
“กินคนเดียว เที่ยวคนเดียว เดินคนเดียว มันก็ดีเหมือนกันนะ...ไม่ต้องเถียงกับใครให้วุ่นวาย”
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโพสสเตตัสนี้ลงในแฟนเพจของร้านกาแฟห๊อมหอม ขณะนั่งอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ตกแต่งร้านในสไตล์วินเทจได้อย่างน่ารัก
พิมพ์ใจเช็คอินร้านกาแฟด้วยเพจร้านกาแฟเช่นเดิม พร้อมรีวิวรสชาติของกาแฟพอหอมปากหอมคอ
“รสชาติดี...ราคาโดน ถ้าใครแวะมาถนนคนเดินที่ภูเก็ตก็อย่าลืมแวะมาชิมกาแฟร้านนี้นะคะ”
พิมพ์ใจเซลฟี่ตัวเองกับมุมสวยของร้านไปสามสี่ช็อต ก่อนจะโบกมือลาจากร้านไปด้วยความอิ่มเอมใจและมีความสุขพอหอมปากหอมคอเช่นกัน
หญิงสาวลืมความเศร้าของตัวเองไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อนำใจไปจดจ่อกับการท่องเที่ยวและการถ่ายภาพแทน
เธอเดินเรื่อยเปื่อยไปตามริมทางของบ้านเรือนสไตล์ชิโนโปรตุกิสซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินชมเมืองเก่ากันอย่างไม่ขาดสาย
“สวยจังเลย สีบ้านทำให้รู้สึกอ่อนโยนจริงๆ” สุขและสนุกจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของนายทัดเทพตัวแสบ เธอถึงกับต้องถอนใจอย่างเซ็ง
“อยู่กับไอดอลในดวงใจแล้วยังจะโทรมาอีกนะ ต้องการอะไรจากฉันเนี่ย”
หญิงสาวทำใจชั่วครู่ก่อนกดรับโทรศัพท์สายนั้น
“อยู่ที่ไหนอ่ะ!”
ทำเป็นเสียงแข็ง
“แล้วมันเกี่ยวกับอะไรกับคุณ”
“ไม่เกี่ยวหรอก แต่อยากรู้”
ทัดเทพยืนอยู่ตรงระเบียงร้านอาหารชื่อดังบนเขารัง และเบื้องหน้านั้นคือทิวทัศน์สวยงามของแสงไฟเมืองภูเก็ต ส่วนเบื้องบนคือท้องฟ้ากว้างที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“ถึงอยากรู้ก็ไม่บอก มีอะไรอีกมั้ย จะได้วาง”
“เดี๋ยวสิ คนอุตส่าห์โทรมาด้วยความเป็นห่วง กินข้าวรึยังจ๊ะคนสวย”
เธอกัดฟันกรอด เพราะเบื่อคำว่าคนสวยของหมอนี่เต็มที เธอรู้หรอกนะว่าเขาประชดประชัน
“เฮ่อ...คุณว่างมากใช่มั้ยเนี่ย ถึงได้โทรมาจีบฉัน”
“เฮ๊ย! พูดซะผมเลวเลย คุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าผมสเป๊ค สูงแค่ไหน ไม่งั้นจะจีบหมอเดียร์เหรอ ถ้าผมสเป๊คเตี้ย ๆ นะ ผมก็คงจีบคุณไปนานแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
แล้วเขาก็หัวเราะอย่างมีความสุข ส่วนเธอมองหาค้อนหรือไม่ก็ไม้หน้าสามเหมาะมือ เพื่อที่จะตามไปฆาตกรรมผู้ชายคนนี้ให้หายไปจากโลกนี้ซะที
“โชคดีของฉันที่เกิดมาเตี้ย ว่าแต่ยัยเดียร์อยู่ไหน ถึงได้ปล่อยคุณมายืนเห่าโฮ่ง ๆ อยู่คนเดียว”
“เฮ๊ย! ถ้าผมเป็นหมา คุณก็หมาเหมือนกัน แถมคุณยังกัดเก่งกว่าผมเยอะ”
“ฉันไม่อยากเอาเวลาอันมีค่าของฉันมาคุยไร้สาระกับคุณแล้ว บอกยัยเดียร์ด้วยว่าคืนนี้ฉันกลับดึกหรือไม่ก็กลับเช้า”
“มากไปรึเปล่า เป็นสาวเป็นแส้ ได้ข่าวว่ามีนัดกับกลุ่มเพื่อนขาเมาเหรอ ผู้หญิงอะไร ไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาซะเลย”
“มีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์ฉันยะ แล้วกลุ่มเพื่อนขาเมาอะไรของคุณหา???”
“เออ ๆ นั่นแหละ บอกมาเลยว่าอยู่ตรงไหน เดี๋ยวผมรีบไปรับ”
“ไม่ต้อง จะมารับทำซากอะไร นี่ฉันอุตส่าห์ปล่อยให้อยู่กันตามลำพังสองต่อสองแล้วนะ เปิดโอกาสให้สวีตกันเต็มที่ไปเลย แล้วยังจะมาอันเชิญให้ฉันไปเป็นก้างขวางคออีกเพื่อ???”
“ก็...” เขารู้สึกตลอดแหละว่ามันอึดอัดเวลาอยู่กันตามลำพังกับหมอเดียร์ หากมีเธออยู่ด้วย บรรยากาศมันก็จะดีขึ้น แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะบอกใครได้ โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่เขากำลังคุยโทรศัพท์ด้วยคนนี้
“ก็อะไร ตอนนี้ยัยเดียร์อยู่ที่ไหน ขอพูดหน่อยสิ”
“ออกไปคุยโทรศัพท์ที่รถตั้งนานแล้ว ท่าทางเพื่อนคุณซีเรียส ๆ นะ พอสายนี้โทรมา หน้านี่ไปเลยนะ ถามจริง ช่วงนี้เธอมีปัญหากับใครรึเปล่า หรือว่าถูกคนตามทวงหนี้อยู่ หน้าเธอให้อารมณ์ประมาณนั้นเลย”
ช่วงนี้ถ้ามีปัญหาก็คนเดียวนั่นล่ะ แต่เรื่องอะไรเธอจะบอกเขาล่ะ มันใช่กงการอะไรของเธอเลย
“อ๋อ ที่โทรมาเพราะเป็นห่วงหมอเดียร์ว่างั้น” เธอแสยะยิ้ม กรอกตามองบน “บางทีที่หมอดูซีเรียส อาจจะเป็นเพราะคิดได้ว่าไม่ควรมาเที่ยวกับผู้ชาย...อย่างคุณไง”
“นี่! ผู้ชายอย่างผมมันยังไง”
“ไม่บอก แค่นี้นะ” เธอกดปิดโทรศัพท์ทันที เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เพราะเธออยากใช้ช่วงเวลาของการอกหักให้คุ้มค่าที่สุดในคืนนี้
“เพี๊ยงงงงงง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ขอให้หนูได้เจอเนื้อคู่ของหนูในคืนนี้เลยนะเจ้าคะ ขอเลยนะเจ้าคะ หนูรอมาน๊านนานมากแล้วค่ะ รอจนเหี่ยวแล้วค่ะ”
เธอขอไปกับฟ้ากับสายลมกับฝุ่นละอองในอากาศ แต่ไม่ได้คิดจริงจังอะไรทั้งนั้น เธอรู้ตัวเองดีว่าใจมันยังไม่พร้อมจะเปิดรับคนใหม่
“ก็แค่...ผู้หญิงที่รักเขาข้างเดียว...และในอนาคต เราอาจต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาว...คิดแล้วก็อยากหายตัวไปเลย”
เมื่อเดินดูบ้านเรือนสวยงามด้วยอารมณ์เศร้าเซ็งจนขาเริ่มไม่ไหวแล้วก็เลยเดินไปขึ้นรถสองแถวเพื่อกลับไปยังคอนโดมิเนียมแถวป่าตอง...ตามประสาฮิปสเตอร์อกหัก
บนรถสองแถวมีนักท่องเที่ยวโดยสารมาด้วยหลายคู่ ย้ำว่าหลายคู่ และทุกคู่จู๋จี๋ไม่แคร์สายตาชาวบ้านเลยสักนิด ช่างไม่มีมารยาทต่อสาวโสดเช่นเธอเอาซะเลย
“เกือบเที่ยงคืนแล้วหรือเนี่ย”เธอดูนาฬิกาข้อมือ ขณะเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตึกที่พัก
เธอซื้อเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์สองขวด รวมทั้งขนมขบเคี้ยวเผื่อกินเล่นอีกสามสี่อย่าง
“ปาร์ตี้คนเดียวก็ได้วะ” และเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ก็เป็นไปตามคาด สองคนนั้นยังไม่กลับเข้ามา เธอไม่อยากเดาเลยว่าทั้งคู่กำลังทำอะไรกันอยู่
“อย่าคิดอกุศล! อย่าคิดอกุศล!” เธอทุบหัวตัวเองเบาๆเพื่อให้หยุดคิดไปในทางนั้น “ดีเหมือนกันนะ อยู่ห้องคนเดียวแบบนี้ เราจะทำอะไรก็ได้ จะแก้ผ้าดิ้นเพลงหมอลำยังได้เลย โอ๊ยชีวิตโสดนี่มันดี๊ดีเนอะ ไม่ต้องมีใครบังคับ”
เจ้าหล่อนก็เลยเปิดเพลงจากยูทูปในโทรศัพท์มือถือเพื่อให้บรรยากาศของห้องไม่เงียบเหงาจนเกินไป
“โอ้โห...ทำไมมีแต่เพลงอกหักเนี่ย...จะบิ๊วกันไปถึงไหนเนี่ย” เธอดื่มไวน์ขวดเล็กไปด้วย ขณะเลื่อนหาเพลงสนุก ๆ เพื่อจะได้ดิ้นให้หนำใจ
“หมอลำนี่แหละ...มันใช่เลย” แล้วเพลงหมอลำที่มีจังหวะสนุกสนานก็ระเบิดขึ้น เธอดิ้นอย่างเมามันส์ ด้วยท่าเต้นสุดฮา พลางดื่มไวน์ไปด้วยอย่างมีความสุข
“อ๋อยอี๊อ๋อย โอย โอย โอย ฮิ๊ววววว” ปากก็ตะโกนร้องเพลงไปด้วยอย่างไม่กลัวใครจะด่าทอหรือเอาขวานมาจามประตูห้อง
“อาอียะ...อะ อะ อะ” เสียงร้องที่ไร้ซึ่งความไพเราะอยางสิ้นเชิงของเธอทำให้ผู้ชายคนหนึ่งถึงกับยืนอึ้ง...
‘นี่มันตัวอะไรวะเนี่ย???’
และพอเธอเต้นส่ายแบบทะลึ่ง ๆ เธอกลับหัวเราะเหมือนคนบ้า ปรบมือให้ตัวเองซะงั้น ก่อนจะหันมาเห็นเขายืนทื่ออยู่ด้านหลัง แล้วอุทานลั่นด้วยความตกใจสุดขีด
“อุ๊แม่เจ้า!!!!”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

125 ความคิดเห็น
-
#15 แอล (จากตอนที่ 8)วันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 / 21:22ถึงอกหักก้อไม่ควรดึงคนอื่นมาเจ็บด้วยนะนายทัด ดูตัวอย่างพิมพ์สินางมีความทุกข์เคยเอาไปทับถมใครมั้ยเลิกคบเหอะพิมพ์ทั้งสองคนเลยมองเฉยรับรู้แต่ไม่ออดความคิดเห็นเดี้ยวทั้งสองคนก้อเลอกสนุกเองแหล่ะ#150
-
#4 เมเปิ้ล (จากตอนที่ 8)วันที่ 12 พฤศจิกายน 2559 / 20:01อย่าบอกนะว่าอกหักจากเดียร์มาแล้ว#41
-
#4-1 แมวมณี(จากตอนที่ 8)12 พฤศจิกายน 2559 / 22:11อิอิ ติดตามต่อน๊า ^^Y#4-1
-