ตอนที่ 4 : ซอมบี้
4
"ซอมบี้"
รุ่งเช้าของวันใหม่...
พิมพ์ใจตื่นขึ้นมาในสภาพเหมือนซอมบี้ เพราะเธอแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อจนนอนไม่หลับแทบทั้งคืน
ร่างก็พัง ใจก็เพลีย อารมณ์ความรู้สึกละเหี่ยละโหยไปหมด เธออยากจะซุกอยู่ในผ้าห่ม บ่มตัวอยู่บนที่นอน ไม่อยากจะลงจากเตียง ไม่อยากจะออกไปไหนเลย
“ไม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฉันจะไม่ไป...ฉันจะป่วย ป่วย ๆ ๆ ๆ เฮ้อ...ทำไมฉันไม่ป่วยวะ ทำไมตัวไม่ร้อน ทำไม!”
ขณะโวยวายอยู่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์วางอยู่ใกล้มือ มันกำลังส่งสัญญาณเตือนว่ามีไลน์เด้งเข้ามาหลายข้อความ!!
“ไม่ ฉันจะไม่เช็คโทรศัพท์ ฉันจะไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ฉันจะตัดขาดจากโลกโซเชี่ยล” ขาดคำนั้นเธอก็คว้ามันมาเปิดดูด้วยความกระหาย
“อะ....” พอดูเท่านั้นแหละ ไอ้ความเฉาความหมองความหม่นก่อนหน้านี้แทบจะหายวับทันตา
“หืม...” เป็นไปไม่ได้แน่...เธอต้องขยี้ตารัว ๆเมื่อเห็นว่าทัดเทพส่งสติ๊กเกอร์มาให้เธอทางไลน์ถึงสิบอัน
“อะไรเนี่ย ส่งอะไรมาตั้งเยอะตั้งแยะ” เธอตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว รู้สึกมือเย็นเท้าเย็นไปหมด “อย่าบอกนะ...ว่าเป็นห่วงใช่มั้ย ทำเป็นปากแข็ง”
เฮ้อ...หรือว่าการท้องอืดของเธอเมื่อคืนจะทำให้เขารู้ใจตัวเอง รู้ว่าเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน
“ฮิ ๆ” เธอตาสว่างทันทีหลังจากงัวเงียง่วงงุน สายฝนพลิ้วไหวนอกหน้าต่างแปรเปลี่ยนเป็นหิมะขาวละมุนละไม
พิมพ์ใจสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆยาว ๆเพื่อให้กำลังใจตัวเอง แล้วกดเปิดไลน์ดูสติ๊กเกอร์ รวมถึงข้อความทักทายแรกของชายหนุ่ม
“อ๊ะ!” หากแล้ว...เธอหุบยิ้มแทบไม่ทัน และหากยั้งใจไม่อยู่ เธอคงปาโทรศัพท์ทิ้งไปแล้วจริง ๆ
“ขอบคุณ...มากเลยค่ะ ที่อุตส่าห์ส่งมา” หากเธอไม่ได้ตาฝาดไป....มันคือรูปตัวการ์ตูน Moon นั่งอึ๊บนโถส้วม หมีอึ๊ แมวอึ๊ หมาอึ๊ และอึ๊เพียวๆอีกหลายกอง
“หืมมมม...กองทัพขี้!” พร้อมข้อความปิดท้ายว่า...ไปขี้ซะ จะได้หายอึดอัด!!!
“ไอ้...ไอ้....ไอ้....” เธอไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่ามันให้สาสมกับการกระทำ คงไม่มีคำใดที่จะแทนความเป็นมันได้ตรงตัวเท่า.... “อร๊ายยยย....ไอ้สารเลว!!!”
พิมพ์ใจสูดลมหายใจลึกยาวอีกหลายครั้งเพื่อให้ปอดที่อัดแน่นไปด้วยควันไฟปลอดโปร่งโล่งสว่างขึ้น
“ฮึ่ย! ส่งภาพขี้มาขนาดนี้...เราคงหวังอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ หยุดมโน หยุดเข้าข้างตัวเองซะเถอะนะ”
ความจริงเธอก็แอบหวังลึก ๆนะ ถ้าเขาถูกนาเดียร์หักอก เธอจะดามหัวใจให้เขาเอง แต่ตอนนี้เธอควรดามหัวใจให้ตัวเองก่อนซึ่งรอยร้าวของมันอาจสาหัสถึงขั้นเข้าเฝือกหัวใจได้เลย
“เฮ่อ...ทำไมผู้ชายถึงอยากเป็นเพื่อนกับเราตลอดเลยนะ เราไม่น่าเอาเป็นเมียเหรอ” เธอบ่นกับตัวเองขณะกดส่งข้อความกลับไปให้ผู้ชาย
“ขี้แล้วโว๊ย...” และเพียงสามวินาทีที่ส่งไป หน้าจอก็ขึ้นบอกว่าอ่านแล้ว แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา “ไม่ตอบ ไม่มีมารยาท”
เธอหวังเพียงเล็ก ๆอีกแล้วว่าเขาจะตอบไลน์กลับมา แต่ไม่มีคำตอบใดสำหรับเธอ บางทีความว่างเปล่ามันคือคำตอบก็เป็นได้
พิมพ์ใจอาบน้ำและแต่งตัวสวยน่ารักตามแบบฉบับของเธอ เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาสั้นและรองเท้าผ้าใบลายน่ารัก เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ ดูเป็นธรรมชาติ และรวบผมทำทรงซาลาเปาเผยต้นคอระหง
“ฉันรักตัวเองจัง”
หญิงสาวบอกกับตัวเองว่าเธอควรมีความสุข ไม่ควรจมตัวเองอยู่ในความทุกข์ตรมที่คนอื่นสร้างให้ เธอจะสู้กับวันใหม่ด้วยพลังอันเต็มเปี่ยม เธอจะทำงานอย่างยอดเยี่ยมและมีความสุขที่ร้านกาแฟสุดรักของเธอ
“พี่พิมพ์วันนี้แต่งตัวสวยจังเลยค่ะ” เด็ก ๆในร้านปากหวานกันทุกคน ทักทายเจ้านายพร้อมรอยยิ้มสดใสเสมอ ทั้งนุกนิก อินดี้และธนา
“ใช่จ๊ะ พี่ยอมรับ เพราะพี่คือผู้หญิงที่สวยและรวยมากไงล่ะ”
“ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ นี่ถ้าผมแก่กว่านี้นะผมจะจีบพี่พิมพ์”
“นี่แกว่าพี่พิมพ์แก่เหรอธนา”
“เปล่า ก็พี่พิมพ์เลขสามแล้วใช่มั้ย แต่ยังไม่มีแฟนไง เลยแบบไม่เข้าใจ พี่พิมพ์ออกจะน่ารัก”
“เออเนอะ” อินดี้สัมทับต่อ “ผมว่าพี่พิมพ์น่ารักกว่าหมอเดียร์ตั้งเยอะ ทำไมผู้ชายรุมจีบแต่หมอ...”
“พอ ๆ ๆ ๆ ๆ หยุดวิพากวิจารณ์กันได้แล้วย่ะ ยิ่งพูดฉันยิ่งแก่ ไป ๆ เข้าประจำตำแหน่งกันได้แล้ว ก่อนจะถูกหักเงินเดือน!!!”
สามซ่าส์เลยหายวับอย่างกับเสกได้ พิมพ์ใจอดยิ้มไม่ได้ เธอตัดสินใจถูกแล้วที่รับเด็กชาวเขาทั้งสามคนมาทำงานด้วย เพราะเด็กพวกนี้ขยันขันแข็งและเป็นเพื่อนที่ดีของเธอเสมอ
“เฮ้อ...ความสุขอยู่รอบตัวเรานี่เอง” แต่แล้วความสุขของเธอก็ถูกแบรคเอี๊ยดดดด...เพราะโทรศัพท์จากหมอเดียร์ที่โทรเข้ามาก่อนเที่ยง
“พิมพ์....” เจ้าหล่อนชวนเธอออกไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านโปรดด้วยกัน “ร้านอาหารญี่ปุ่นนะ”
“โอเค...เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเลยนะ”
และเมื่อเธอไปถึงร้านอาหารที่นัดหมายไว้ นาเดียร์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว หมอสาวมีสีหน้าซึ่งไร้ซึ่งความสุขโดยสิ้นเชิง
“ทำไมเดียร์...เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“นั่งก่อนสิพิมพ์” น้ำเสียงของนาเดียร์สั่นเครือเล็กน้อย สีหน้าสีตาเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“ร้องไห้เหรอ?”
“เปล่าหรอก...” การที่เจ้าหล่อนปฏิเสธ ก็แปลว่ามีปัญหาจริง ๆ หากให้เธอเดาก็น่าจะเกิดจากแฟนเก่านั่นแหละ “ก็แค่...รู้สึกนอยด์ ๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก”
“เรื่องผู้ชายคนนั้นอีกแล้วเหรอ”
การที่เธอเงียบก็เท่ากับยอมรับ
“แกตั้งสตินะเดียร์ แล้วเดินหน้าต่อให้ได้ ชีวิตเราต้องสดใสและมีความสุขสิ อย่าไปจมปรักกับอดีตที่ผ่านมาแล้ว มันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเลย”
“ฉันรู้...ฉันพยายามอยู่ ขอบใจนะที่แกอยู่ข้างๆฉันมาตลอด คอยปลอบฉัน ให้กำลังใจฉัน ทนกับความนอยด์ความเครียดของฉันมาตลอด”
“แหมก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ ถึงเราจะเรียนคณะเดียวกันแค่ตอนปีหนึ่ง แล้วฉันลาออกซะก่อน แต่เราก็เป็นเพื่อนเมทกันนะ หนึ่งปีที่เราอยู่ด้วยกัน เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกันแหละเดียร์”
หมอเดียร์วางมือลงบนหลังมือของพิมพ์ใจแล้วบีบเบา ๆ สายตาบ่งบอกถึงการวางใจ
“แกอยากรู้มาตลอดใช่มั้ยว่าแฟนเก่าของฉันคือใคร”
“แกจะยอมบอกฉันแล้วเหรอ”
“แกจำอาชวินได้มั้ย”
เมื่อนาเดียร์เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาก็ทำให้เธอตาโต เพราะเขาคือดาวมหาวิทยาลัย เป็นหนุ่มฮอตลูกไฮโซที่ผู้หญิงทั้งมหาวิทยาลัยคลั่งไคล้
เป็นรุ่นพี่คณะวิศวะ เรียนเก่งมากถึงมากที่สุด เป็นนักกีฬา เป็นนายแบบ เป็นคนที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ไม่เคยเห็นมนุษย์หน้าไหนเป็นมาก่อน...
“อย่าบอกนะ”
หมอเดียร์พยักหน้า “อืม...เขานั่นแหละ”
“โอ้โห...นี่แก...” เธออยากจะบ้าตาย ถึงว่าเพื่อนรักทำใจให้ลืมเขาไม่ได้ซะที แม้จะผ่านมานานหลายเดือนแล้วก็ตาม “เอาอย่างนี้ คิดบวกเข้าไว้ ว่าแกเอาชนะผู้หญิงทุกคนในมหาวิทยาลัยได้เลยนะโว๊ย แกจงภูมิใจและเดินหน้าต่อไป”
คำปลอบของพิมพ์ใจทำให้นาเดียร์หัวเราะออกมาได้
“ใช่...มันคงถึงเวลาที่ฉันต้องเดินหน้าต่อไปแล้วล่ะ เพราะตอนนี้เขาหมั้นกับผู้หญิงที่พ่อแม่เลือกให้แล้ว”
“ว่าไงนะ!!!” พิมพ์ใจอ้าปากค้าง...ที่แท้เพราะเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้ทั้งคู่เลิกกันและทำให้นาเดียร์ร้องไห้ “หมายความว่าถูกผู้ใหญ่กีดกันเหรอ โหละครน้ำเน่ายังสู้ชีวิตของแกไม่ได้เลยเดียร์”
“อืม...น้ำเน่าอย่างที่แกว่าจริง ๆ แล้วแกอ่ะ ทำไมไม่ยอมมีแฟนกับเขาซะที แล้วผู้ชายที่แกเคยมาเล่าว่าโดนสุดๆ จะใช้มารยาเอามาทำสามีให้ได้....”
“พอ ๆ ๆ ๆ อย่าพูดถึงผู้ชายคนนั้นเลย...มัน...มันไม่ว่างแล้ว” เธอพูดพร้อมจิ้มอาหารเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ “กินดีกว่า แกก็กินสิ กินเยอะๆ จะได้แข็งแรง ๆ ไง”
“พิมพ์...แกไม่คิดจะเปิดใจบ้างเหรอ”
“เฮ่อ...เดียร์...สาบานเลย ฉันไม่เคยปิดใจ ฉันเปิดตลอด 24 ชั่วโมงด้วยเลยนะ แต่ความจริงก็คือ...ผู้ชายของฉันอาจยังไม่เกิด หรือไม่ก็ตายไปแล้ว”
“แกจะบ้าเหรอ คิดอะไรเพี้ยน ๆ” นาเดียร์หัวเราะเสียงใส ก่อนพูดจริงจังขึ้น “ถ้าเกิดเจอผู้ชายที่ชอบ แกก็หัดยั่วยวนบ้างสิ ทอดสะพานอ่ะ ทำเป็นมั้ย???”
พิมพ์ใจกลืนน้ำลายเอื๊อก...
“ทอดสะพาน...ทำไงอ่ะ”
เธออยากรู้จริง ๆนะ แต่หมอเดียร์ไม่ยอมตอบเธอ เอาแต่ยิ้มและกินอาหารเพื่อสุขภาพย้อมใจ
เธอจึงไม่ได้เคล็ดลับจากคุณหมอทรงเสน่ห์ที่มีผู้ชายล้อมหน้าล้อมหลังมาเลยสักข้อ
เมื่อกลับมาทำงานที่ร้านกาแฟในตอนบ่าย เธอเอาคำพูดของหมอเดียร์กลับมาคิดจนวุ่นวายในหัวไปหมด แล้วเธอก็ได้คำตอบว่า...
“ลองถามอากู๋ดูดีกว่า เหอ ๆ” หญิงสาวเลือกนั่งที่โต๊ะสามเพราะลูกค้าไม่เยอะ และช่วงบ่ายแบบนี้ ส่วนมากจะเป็นลูกค้าที่สั่งไปกินที่ทำงานหรือที่บ้าน
ผู้จัดการร้านคนสวยจึงหมกมุ่นอยู่กับหน้าจอโน้ตบุ๊คโดยไม่สนใจใคร ปล่อยให้ลูกน้องทำงานไป ส่วนเธอทำเรื่องส่วนตัว ควานหาข้อมูลเทคนิคพิชิตใจชายจากอินเทอร์เน็ตจนเพลิน
“หืม...ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ โห...ลีลาต้องเด็ด เด็ดยังไงอ่ะ...ต้องรู้จักรุก อุ๊ย!” อ่านพลางหัวเราะคิก ๆ กระทั่งเสียงกระแอมของผู้ชายดังขึ้นด้านหลัง
“ฮะแฮ่ม!”
“ว๊าย!” หญิงสาวตกใจแทบช็อค พับเก็บหน้าจอโน้ตบุ๊คแทบไม่ทัน...ใจหายใจคว่ำ...ผู้ชายปากสุนัขอย่างทัดเทพไม่ควรเห็นว่าเธอกำลังศึกษาข้อมูลอะไรอยู่
“อ่านอะไรอยู่อ่ะ” เขานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามโดยไม่ต้องรอให้เธอเชิญ หน้าตาบ่งบอกว่าไม่เห็นสิ่งที่เธอกำลังค้นคว้าอยู่แน่ ๆ เธอโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ที่ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อปากสุนัขของเขา
วันนี้ชายหนุ่มสวมชุดช่างสุดเซอร์ที่ยังเปรอะน้ำมันประปรายหลายจุด รวมทั้งมือไม้ ท่อนแขน ก็ยังมีร่องรอยน้ำมันติดอยู่
“เรื่องส่วนตัว...จะสั่งกาแฟมั้ย”
เขาอมยิ้ม “เหมือนเดิมนะ จำได้ใช่มั้ย”
“อเมริกาโน่เย็นให้ช่างทัดที่โต๊ะสามด้วยจ๊ะ”
เธอตะโกนไปบอกอินดี้ซึ่งทำหน้าที่บาริสต้าที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะหันมองชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูเหมือนกำลังมีความสุขจนล้นอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ยิ้มเหมือนคนบ้าเลย ทำไม ถูกหวยเหรอ”
“เปล่า” แต่ยังยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข...มันเป็นความสุขที่ส่งสัญญาณบางอย่าง...ลางบอกเหตุที่อาจทำให้เธอ... “ก็แค่...หมอเดียร์ชวนไปดูหนังน่ะ”
“อืม...เหรอ...ดีใจด้วยนะ” เธอยิ้มให้เขา ทั้งที่ชาไปทั้งใจ เธอรู้สึกถึงมันจริง ๆ นะ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยล่ะ...หัวใจมันเจ็บปวดได้จริง ยิ่งกว่ามีแผลตามร่างกายหลายเท่านัก “แล้วจะใส่ชุดนี้ไปเหรอ ไปแต่งตัวให้หล่อกว่านี้เหอะ”
“ขอบใจนะ” อยู่ดี ๆเขาก็พูดขึ้น “หมอเดียร์บอกว่าเป็นเพราะคุณ ที่ทำให้เธออยากจะเปิดใจให้ผมมากขึ้น”
เขาไม่ได้ดื่มกาแฟที่สั่ง ก็แค่มาขอบคุณที่เธอเป็นแม่สื่อที่ดีให้เขากับหมอเดียร์เท่านั้น
“แก้วนี้ผมสั่งให้คุณนะพิมพ์ ผมเลี้ยง ไปล่ะ”
ในที่สุด...เธอก็เป็นได้แค่สะพานเชื่อม เป็นมาตลอด แต่ไม่มีโอกาสทอดสะพานให้ใครเลย
พิมพ์ใจทนทำงานด้วยรอยยิ้มเหือดแห้งจนกระทั่งปิดร้านในตอนหนึ่งทุ่มตรง เธอออกจากร้านเป็นคนสุดท้าย และขับรถเก๋งคันเล็กกลับคอนโดมิเนียมอย่างเงียบเหงา
“ตัดใจได้แล้วพิมพ์”
เธอคุยกับตัวเองขณะกินอาหารตามสั่งที่หิ้วมาจากร้านใต้คอนโด
หญิงสาวนั่งเพียงลำพังในห้องขนาดห้าสิบตารางวาอันแสนหดหู่...เธอกินไป น้ำตาไหลไป โดยไม่รู้ตัว
“แบบนี้สินะ ที่เขาเรียกว่ากินน้ำตา...มันเค็มจริง ๆ ฮือ ๆ”
เมื่อกินจนหมดจานแล้ว เธอก็หยิบไอศกรีมรสช็อกโกแล็ตกล่องใหญ่ที่ซื้อติดตู้เย็นเอาไว้มากินต่อจนเกือบหมดกล่อง
“ไหน...ใครบอกว่า...กินของหวานแล้วจะหายเครียด ใครบอกว่ากินของหวานแล้วจะมีความสุข”
วันนี้เธอพบคำตอบอีกอย่างแล้วก็คือ...ช็อกโกแล็ตไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย
และตอนนี้เธออยากจะรู้จริง ๆว่าพวกเขากำลังดูหนังเรื่องอะไรกันอยู่???
@@
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

125 ความคิดเห็น
-
#11 แอล (จากตอนที่ 4)วันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 / 20:46ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะเหมือนอบอุ่นหัวใจ แต่เจ็บพร้อมๆกันกับความรู่สึกอบอุ่นเลย ชอบพิมพ์นางพยายามเจ้มแข็ง และบอกเลยคนในเรื่องที่น่ากลีวคือหมอเดียร์#110