ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 การกลับมาของดอกหญ้า
5 ปี ผ่านเร็วม๊ากมากเหมือนกับโกหกเลย (ก็มันโกหกจริงไหมล่ะค่ะ....นักเขียน)
หญิงสาวในร่างเล็ก ปากนิดจมูก หน่อย ในชุดเสื้อยืนกางเกงยืนสวมทับด้วยเสื้อแจ๊กเกตสีดำ กำลังมองหาใครบางคนอยู่
“เฮ้ย....หญ้ารอพี่นานไหม”
“ไม่นานเท่าไรหรอกค่ะพี่กล้า แค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆๆเองค่ะ” ดอกหญ้าพูดแบบประชดนิดๆๆ แต่เธอก็ไม่จริงจังอะไรหนัก วันนี้เป็นวันแรกของการกลับมาถึงเมืองไทยของเธอ
“พี่กล้าไปไหนมาล่ะค่ะถึงได้มารับหญ้าสายขนาดนี้”
ดอกหญ้าถามพี่ชายขณะขยับตัวออกจากรถเข็นให้พี่ชายเข็นรถที่บรรทุกกระเป๋าเข็นแทนตัวเอง
“พอดีพี่ไปเจอสาวมานะ เจอครั้งแรกปิ้งเลยวะหญ้าเอ่ย”
“สวยไหมพี่กล้า ไม่สวยแล้วพี่ชายของแกจะมองเหรอ ขอรับคุณดอกหญ้า”
ทั้งสองคนพี่น้องเดินพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนกลับไปถึงบ้าน
................
ตอนนี้ดอกหญ้ากลับมาถึงเมืองไทยได้อาทิตย์กว่าแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอะไรกับเค้าเลย เธอนอนอยู่กับบ้านไม่ยอมออกไปไหน เธอบอกกับทุกคนในบ้านว่าเธอขอนอนพักเอาแรงสัก 1 สัปดาห์แล้วหลังจากนั้นเธอก็จะตะลุยทำงานทันที
ดอกหญ้าเธอเรียนจบทางด้านคอมพิวเตอร์มาพอเรียนจบเธอก็ได้รับจดหมายตอบรับจากบริษัทที่เธอสมัครงานทันที และก็พรุ่งนี้เองที่เธอจะต้องไปทำงานเป็นวันแรก
........
เช้าวันนี้ฉันลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างพิถีพิถันอย่างเป็นพิเศษ เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่ฉันต้องไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในตัวเมือง บริษัทที่ฉันจะไปทำงานเป็นบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์และที่ทำงานของฉันนะเป็นสาขาย่อยของบริษัทใหญ่ที่เพิ่งจะมาเปิดใหม่ที่เมืองนี้ค่ะ บริษัทแม่นะตั้งอยู่กรุงเทพโน้น แต่ฉันก็ชอบนะค่ะที่ได้ทำงานที่สาขาย่อยนี้เพราะว่ามันอยู่ใกล้กับบ้านนะสิค่ะ ถ้าเกิดว่าฉันต้องไปทำงานที่บริษัทแม่ฉันก็ต้องไปอยู่ที่กรุงเทพเพียงคนเดียวและสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ต้องการเป็นที่สุด
ตอนนี้คุณลุงของฉันท่านได้เกษียณอายุข้าราชการของเท่าออกมาอยู่บ้านกับคุณป้าแล้วตอนนี้ ท่านบอกว่าท่านอยากพักผ่อนบ้างท่านขี้เกียจแล้วปล่อยให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเข้ามาทำบ้าง ส่วนพี่ชายสุดหล่อของฉันนะค่ะ ตอนนี้พี่แกได้รับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแทนที่คุณลุงไปเรียบร้อยแล้วค่ะ เก่งไม่ล่ะค่ะ พี่ชายของฉันนะอายุยังน้อยอยู่เลยแต่เป็นถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเลยเชี่ยวนะ แต่ที่ใช้ไม่ได้มีอยู่อย่างเดียวคือ ไม่รู้เมื่อไรจะมีพาว่าที่พี่สะใภ้มาให้ฉันดูหน้าสักทีค่ะ พวกเพื่อนของพี่แกนะ มี ลูก มี เต้า กัน หมดแล้วมีแต่คุณพี่แกคนเดียวแหละ ฉันชักจะสงสัยแล้วสิค่ะพี่ชายของฉันเป็นเกย์หรือป่าวว่ะเนี้ย
“เฮ้ย......หญ้าแต่งตัวเสร็จหรือยังวะ แล้วเราจะไปพร้อมพี่หรือป่าวเดียวพี่แวะเข้าไปส่งที่ทำงานให้”
นั้นดูสิค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่า คุณพี่แกจะได้ยินน้องสาวสุดที่รักนินทาแกอยู่เหรอป่าวค่ะแต่ได้ยินคงไม่คิดจะไปส่งแล้วแหละ ก็น้องสาวของคุณพี่แกเล่นนินทากันตั้งแต่เช้าเนี้ยสิ
“ค่ะ...........พี่กล้าไม่ต้องไปส่งหญ้าหรอกค่ะ เดียวหญ้าไปเองค่ะ”
“แล้วเราไปยังไงล่ะ”
“หญ้ากะว่าจะไปขอยืมรถของคุณลุงนะค่ะพี่กล้า พี่กล้าไปทำงานเถอะค่ะไม่ต้องเป็นห่วงหญ้าหรอก”
“เอางันเหรอ ........งันพี่ไปก่อนนะ พอดีมีประชุมด้วยเช้านี้ ขับรถดีๆๆๆละเรา”
“โชดดี....นะค่ะพี่กล้า บายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ฉันออกจากบ้านไปทำงานด้วยรถของคุณลุง กว่าจะยืมมาได้นะเกือบตายนะ ฟังคุณลุงสั่งโน้นสั่งนี้ให้ดูแลรถของท่านให้ดี ท่านไม่ได้เป็นห่วงหลานสาวหรอกท่านเป็นห่วงรถมากกว่า รถคันนี้คุณลุงท่านทั้งรักห่วงมากเป็นพิเศษขนาดไม่ยอมให้ใครเตะต้องเป็นอันขาดเลย (ประมาณว่ารักรถมากว่ารักหลานชะอีกค่ะ) ถ้าเกิดรู้ว่าขอยืมยากขนาดรู้งี้ให้พี่กล้าขับรถไปส่งเสียก้อดีไม่หน้าเลยเรา (รู้สึกอีกทีก็สายไปแล้วแหละย่ะหล่อน....นักเขียน)
ระหว่างที่ฉันขับรถใกล้ที่ถึงที่ทำงานแล้วเพียงอีกแค่ซอยเดียวก็จะอยู่ถึงแล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อยู่ดีๆๆก็มีรถ BMW สุดสวยคันหนึ่ง โผล่มาจากไหนก็มารู้มาปาดหน้าตัดหน้ารถของฉันอย่างจัง จึงทำให้ฉันที่ขับรถไม่ค่อยจะเก่งอยู่แล้ว ตกใจบังคับรถของตัวเองให้หยุดไม่ได้เลยทำให้รถ ไถลไปเสยเอากับต้นไมข้างทางเอาอย่างจัง
แต่โชคดีที่ทั้งรถและตัวของฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก โดยเพราะรถนะถ้าเกิดเป็นอะไรไปนะ คุณลุงเอาฉันตายแน่ที่บังอาจทำรถของท่านเสียหายนะ แต่โชคดีที่รถของคุณแค่สีถลอกนิดเดียวแค่นี้เอง เอาไปทำสีใหม่ตอนเย็นคุณลุงก็ไม่เห็นแล้ว ส่วนฉันไม่เป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว แค่ตกใจนิดหน่อยค่ะ (ไม่นิดหน่อยแหละยะหล่อนขนาดปากซีดนะ....นักเขียน)
แต่พอตั้งสติได้เท่านั้นเองแหละค่ะ ฉันก็กระโดดลงจากรถเดินไปหาเจ้าของรถ BMW คันสวยที่ทำให้รถของฉันเสียหลักที่ลงมายืนมองรถของฉันอยู่ข้างรถของตัวเอง แล้วฉันก็ไม่รอช้าค่ะ ปิดฉากอารมณ์โกรธของตัวเองถล่มอีตานั้นทันที
“นี้คุณขับรถประสาอะไรของคุณนะ”
“ขับรถเป็นเหรอเปล่านะ หรือว่าลืมเอาตามาจากบ้านเลยไม่ได้มองว่าบนถนนไม่ได้มีรถของคุณคนเดียวนะ”
“รู้ไหมมันเกือบทำให้ฉันเกือบตายแน่ะ” (เวอร์ไปแล้วย่ะหล่อน....นักเขียน)
“เอ่อ..ผมขอโทษครับ พอดีรีบไปหน่อยนะครับ”
“จะรีบไปไหนไม่ทราบค่ะ อ๊ะหรือว่าจะรีบไปดูควายที่บ้านออกลูกค่ะ”
“พูด กันดีๆๆก็ได้นี้คุณ ไม่เห็นต้องพูดกันแรงแบบนี้ด้วยนี้ครับ”
ตอนนี้อีตานั้นคงจะหาลิ้นของตัวเองเจอแล้วแหล่ะค่ะ เลยโต้กลับฉันออกมาบ้าง แต่คิดดูแล้วอีกตานี้ ท่าทางปากคงจะจัดน่าดู แล้วฉันจะสู้ไหวไหมเนี้ย
“แล้วนายจะทำไม ก็นายเป็นคนผิดนี้”
“แล้วคนถูกต้องมาด่าคนผิดด้วยเหรอครับ”
“ฉันไปด่าคุณตอนไหนตรงไหนไม่ทราบ” (อีตานี้ปากจัดจริงๆๆด้วยแหละ)
ฉันโต้กลับอีตานั้นกลับทันที ใครจะไปยอมให้เค้าเป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียวละ
“เอ้า...ตกลง คุณไม่ได้ด่า ก็ไม่ ได้ ด่า แล้วรถของคุณเป็นอะไรบ้างล่ะ”
อีตานั้นพูดเสร็จก็เดินไปดูที่หน้ารถของฉันตรงที่ไปเสยเอากับต้นไม้
“รถของคุณไม่เป็นอะไรมากนิ โวยวายออกมาอย่างกับมีคนตายสักคนนั้นแหละ”
อ้าว.....อยู่ดีไม่ว่าดีเราโดนอีตานั้นแหวะเอาเข้าแล้วไหมล่ะเรา และในขณะเดียวกันนั้นเองฉันเผอิญเงยหน้าขึ้นไปมองรถของตัวเองบ้าง ก็ดันไปเห็นอีตานั้นยืมยิ้มอะไรของคนอยู่ไม่รู้ ถ้าจะไม่ดีแล้วฉันแอบเตือนตัวเองในใจ
“ยิ้มอะไร ไม่ทราบ”
เปล่าครับ ผมก็แค่อยากจะบอกคุณให้รู้ไว้นะครับว่าผมไม่ได้จะรีบไปดูควายที่บ้านที่มันจะออกลูกหรอก เพราะผมกำลังจะรีบไปประชุม
“อ๊ะ.......และอีกอย่างนะครับ บ้านผมไม่ได้เลี้ยงควายครับเลย ไม่ต้องรีบไปดูมันออกลูกครับคุณผู้หญิง”
รู้สึกว่าอีตานั้นจะเริ่มพูดมากขึ้นทุกทีแล้วนะ ฉันยืนมองอีตานั้นพูดฉอดจอด อยู่คนเดียว ในขณะที่ตนเองมองหน้าของอีตานั้นนั้นค้างอยู่ เมื่อดูใกล้ๆๆอีตานี้ก็หล่อเหมือนกันวะ ผิวสีแทน รูปร่างสูง ตาคม คิ้วดก อกกว้างแบบของนักกีฬา ดูๆๆไปแล้วอีตานี้ น่าจะเป็นนายแบบหรือพระเอกได้เลยนะ แต่แฮะ ทำไมหน้าตาอีกนี้มันถึงดูคุ้นๆๆจังเลยวะ
ในขณะที่ฉันกำลังตะลึงอยู่ความหล่อของอีตานั้น อยู่ๆๆ อีตานั้นก็ชะโงกมาเกือบติดกับหน้าของฉันเลย ทำให้ฉันตกใจแต่โดย สัญชาติญาณ ฉันกระโดดออกมาทันทีแถบเกือบต่อยเอาหน้าของอีตานั้นอีกด้วย
“นี้คุณตะลึงในความหล่อของผมจนพูดไม่ออกเป็นใบ้ไปแล้วเหรอครับ”
อีตานั้นคงคิดว่าตัวเองหล่อตายล่ะ ทำหน้าทำตายิ้มไม่หุบ แถมทำท่ากวนประสาทอย่างมากเสียอีก แต่อีตานั้นก็หล่อจริงนั้นแหละ แต่มีหรือคนอย่างฉันจะยอมรับว่าที่ตกตะลึงก็ในความหล่อของเค้าจริงๆๆๆนั้น แหละ ฉันเลยตอกกลับออกไปบ้างแต่อันก็บอกก่อนนะค่ะว่าไม่ตรงกับใจเลย
“นายเนี้ยนะหล่อ หลงตัวเองมากไปหรือเปลา ไม่ทราบค่ะ คุณขา5555555555”
“ไม่หรอกครับผมว่าผมไม่ได้หลงตัวเองนะมีคนบอกผมหลายคนแล้วนะครับว่าผมเป็นคนหล่อ และก็มีคนมาชวนผมไปเป็นพระเอกละครด้วยนะ”
“ใครจะมาชมนายว่าหล่อยังไงมันก็เรื่องของนาย และใครจะมาชวนนายไปพระเอกละครมันก็เรื่องของนายอีกนั้นแหละ มาบอกฉันทำไมล่ะ แต่ฉันว่าท่าจะให้เหมาะให้นายไปแสดงเป็น ตัวร้ายดีกว่ามั่ง ที่ บ้านิดๆๆ เพี้ยนหน่อย ๆๆนะ นั้นแหละมันถึงจะเหมาะกับนายนะ”
พูดเสร็จฉันก็เดินไปขึ้นรถของตัวเองทันที ใครมันจะอยู่ให้โง่ใช่มั้ยล่ะค่ะ ก็ไปวิจารณ์อีตานั้นเสียๆๆหาย ๆๆตั้งเยอะนิ แต่ก็ไม่ลืมหันไปโบกมือลาทำหน้าเยอะเย้ย ให้อีตานั้นเจ็บใจเล่นอีกนิดหน่อยค่ะ
..............................
วันนี้ผมออกจากบ้านช้าเป็นพิเศษเพราะว่าเมื่อเช้านี้ผมตื่นสายนะครับ เหตุผลการตื่นสายครั้งนี้ของผมก็คือว่าเมื่อคืนผมผมมีงานด่วนเข้ามาผมก็เลยนั่งทำงานจนดึกนะครับกว่าผมจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบ ตี 3 นะครับ วันนี้ผมมีประชุมตอนเก้าโมงแต่ตอนนี้ก็ปาไปแปดโมงครึ่งแล้ว ผมเลยต้องรีบขับรถเร็วเร็วเป็นพิเศษ ผมขับรถไปดูหน้านาฬิกาพลางเพราะว่ากลัวจะเข้าประชุมไม่ทัน แต่ในขณะที่ผมก้มดูนาฬิกาเป็นครั้งที่ 10 แล้วในเวลาไม่ถึง 20 นาที พอผมเงยหน้าขึ้นปรากฏว่ารถของพอดันไปปาดหน้าเข้าเอากับรถคันหนึ่ง รถคันนั้นเสียหลักเลยไปเฉยเอากับต้นไม้ข้างทางต้นหนึ่ง ผมตกใจมากได้แต่เปิดประตูรถออกมายืนมองรถคันนั้นนิ่งๆๆ แต่พอสักพักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากคนนั้นนั้น ดูท่าทางแล้วเธอคงจะเป็นเจ้าของคันนั้นนั้นกระมั่ง (แล้วมันจะไม่ใช้รถของเขาแล้วมันจะเป็นรถของแมวที่ไหนล่ะพ่อคุณ.....นักเขียน) ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาต่อว่าผมย่างหนัก ผมตกใจกับคำด่าของเธอมากจนทำอะไรไม่ได้แต่ปล่อยให้เธอด่าผมไปสักพัก จนกว่าผมจะตั้งสติได้
และเมื่อผมตั้งสติได้ ผมก็มองหน้าผู้หญิงคนนั้นชัดๆๆ ผมมองหน้าผู้หญิงคนนั้นนิ่ง ผมคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้น่าตาคุ้นๆๆๆนะ (มันจะไม่คุ้นได้ไงล่ะก็ผู้หญิงคนนั้นก็คือคนที่นายรออยู่นั้นแหละ ทำเป็นจำไม่ได้.....นักเขียน) เมื่อผมมองจ้องมองเธออีกครั้งผมก็นึกออกทันทีครับว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ผมอยากจะตะโกนของคุณพระเจ้าให้เสียงดังไปเลย แต่ว่ามันก็คงเป็นไม่ได้ล่ะครับเพราะตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นเธอกำลังมองหน้าผมตาไม่กระปริบเลย ครับ ผมคิดว่าเธอคงจำผมไม่ได้หรอก แต่ผมนะจำเธอได้ขึ้นใจเลยแหละครับ พวกคุณรู้ยังครับว่าผู้หญิงคนนั้นนะเป็น ผู้หญิงคนนั้นคือ ยัยเด็กแสบดอกหญ้าไงครับ ตอนนี้ยัยเด็กแสบดอกหญ้าโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากว่าเดิมเลยครับ ดูสาวขึ้นมากขึ้น แต่ไม่เคยเปลี่ยนเลยและคงจะมีมากขึ้นกว่าเดิมมันก็คือความปากจัดของนะครับ เห็นทีผมต้องสั่งสอนยัยเด็กแสบนี้สักทีแหละครับ โดยการพูดจากยียวนกวนประสาทเธอให้บ้าง แต่ไม่รู้ว่าผมพูดกวนประสาทเธอมากเกินไปหน่อยไหมครับครับ เธอสวนผมครับบ้างล่ะครับ เธอด่าผมว่าเป็นคนหน้าตาไม่ได้เรื่อง และไม่รู้อะไรอีกสารพัดที่เธอจะนึกออกแล้วนำมาถ้าผม ผมยืนฟังเธอด่าผมจนอึงไปเลยครับ และในขณะที่ผมกำลังอึงอยู่นั้นเธอก็กระโดดขึ้นรถของตัวเองแล้วออกรถไปเลย แต่ก่อนที่เธอจะออกรถไปนั้นเธอยังไม่ลืม ยกมือมาบายบายทำหน้าเยอะเย้ยให้ผมเจ็บใจอีกนะครับ ดูความแสบซ่าของเธอสิครับ แต่ถึงอย่างไงพบก็รักเธอครับ (ฉันรู้แล้วแหละย่ะ........นักเขียน)
หญิงสาวในร่างเล็ก ปากนิดจมูก หน่อย ในชุดเสื้อยืนกางเกงยืนสวมทับด้วยเสื้อแจ๊กเกตสีดำ กำลังมองหาใครบางคนอยู่
“เฮ้ย....หญ้ารอพี่นานไหม”
“ไม่นานเท่าไรหรอกค่ะพี่กล้า แค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆๆเองค่ะ” ดอกหญ้าพูดแบบประชดนิดๆๆ แต่เธอก็ไม่จริงจังอะไรหนัก วันนี้เป็นวันแรกของการกลับมาถึงเมืองไทยของเธอ
“พี่กล้าไปไหนมาล่ะค่ะถึงได้มารับหญ้าสายขนาดนี้”
ดอกหญ้าถามพี่ชายขณะขยับตัวออกจากรถเข็นให้พี่ชายเข็นรถที่บรรทุกกระเป๋าเข็นแทนตัวเอง
“พอดีพี่ไปเจอสาวมานะ เจอครั้งแรกปิ้งเลยวะหญ้าเอ่ย”
“สวยไหมพี่กล้า ไม่สวยแล้วพี่ชายของแกจะมองเหรอ ขอรับคุณดอกหญ้า”
ทั้งสองคนพี่น้องเดินพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนกลับไปถึงบ้าน
................
ตอนนี้ดอกหญ้ากลับมาถึงเมืองไทยได้อาทิตย์กว่าแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอะไรกับเค้าเลย เธอนอนอยู่กับบ้านไม่ยอมออกไปไหน เธอบอกกับทุกคนในบ้านว่าเธอขอนอนพักเอาแรงสัก 1 สัปดาห์แล้วหลังจากนั้นเธอก็จะตะลุยทำงานทันที
ดอกหญ้าเธอเรียนจบทางด้านคอมพิวเตอร์มาพอเรียนจบเธอก็ได้รับจดหมายตอบรับจากบริษัทที่เธอสมัครงานทันที และก็พรุ่งนี้เองที่เธอจะต้องไปทำงานเป็นวันแรก
........
เช้าวันนี้ฉันลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างพิถีพิถันอย่างเป็นพิเศษ เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่ฉันต้องไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในตัวเมือง บริษัทที่ฉันจะไปทำงานเป็นบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์และที่ทำงานของฉันนะเป็นสาขาย่อยของบริษัทใหญ่ที่เพิ่งจะมาเปิดใหม่ที่เมืองนี้ค่ะ บริษัทแม่นะตั้งอยู่กรุงเทพโน้น แต่ฉันก็ชอบนะค่ะที่ได้ทำงานที่สาขาย่อยนี้เพราะว่ามันอยู่ใกล้กับบ้านนะสิค่ะ ถ้าเกิดว่าฉันต้องไปทำงานที่บริษัทแม่ฉันก็ต้องไปอยู่ที่กรุงเทพเพียงคนเดียวและสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ต้องการเป็นที่สุด
ตอนนี้คุณลุงของฉันท่านได้เกษียณอายุข้าราชการของเท่าออกมาอยู่บ้านกับคุณป้าแล้วตอนนี้ ท่านบอกว่าท่านอยากพักผ่อนบ้างท่านขี้เกียจแล้วปล่อยให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเข้ามาทำบ้าง ส่วนพี่ชายสุดหล่อของฉันนะค่ะ ตอนนี้พี่แกได้รับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแทนที่คุณลุงไปเรียบร้อยแล้วค่ะ เก่งไม่ล่ะค่ะ พี่ชายของฉันนะอายุยังน้อยอยู่เลยแต่เป็นถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเลยเชี่ยวนะ แต่ที่ใช้ไม่ได้มีอยู่อย่างเดียวคือ ไม่รู้เมื่อไรจะมีพาว่าที่พี่สะใภ้มาให้ฉันดูหน้าสักทีค่ะ พวกเพื่อนของพี่แกนะ มี ลูก มี เต้า กัน หมดแล้วมีแต่คุณพี่แกคนเดียวแหละ ฉันชักจะสงสัยแล้วสิค่ะพี่ชายของฉันเป็นเกย์หรือป่าวว่ะเนี้ย
“เฮ้ย......หญ้าแต่งตัวเสร็จหรือยังวะ แล้วเราจะไปพร้อมพี่หรือป่าวเดียวพี่แวะเข้าไปส่งที่ทำงานให้”
นั้นดูสิค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่า คุณพี่แกจะได้ยินน้องสาวสุดที่รักนินทาแกอยู่เหรอป่าวค่ะแต่ได้ยินคงไม่คิดจะไปส่งแล้วแหละ ก็น้องสาวของคุณพี่แกเล่นนินทากันตั้งแต่เช้าเนี้ยสิ
“ค่ะ...........พี่กล้าไม่ต้องไปส่งหญ้าหรอกค่ะ เดียวหญ้าไปเองค่ะ”
“แล้วเราไปยังไงล่ะ”
“หญ้ากะว่าจะไปขอยืมรถของคุณลุงนะค่ะพี่กล้า พี่กล้าไปทำงานเถอะค่ะไม่ต้องเป็นห่วงหญ้าหรอก”
“เอางันเหรอ ........งันพี่ไปก่อนนะ พอดีมีประชุมด้วยเช้านี้ ขับรถดีๆๆๆละเรา”
“โชดดี....นะค่ะพี่กล้า บายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ฉันออกจากบ้านไปทำงานด้วยรถของคุณลุง กว่าจะยืมมาได้นะเกือบตายนะ ฟังคุณลุงสั่งโน้นสั่งนี้ให้ดูแลรถของท่านให้ดี ท่านไม่ได้เป็นห่วงหลานสาวหรอกท่านเป็นห่วงรถมากกว่า รถคันนี้คุณลุงท่านทั้งรักห่วงมากเป็นพิเศษขนาดไม่ยอมให้ใครเตะต้องเป็นอันขาดเลย (ประมาณว่ารักรถมากว่ารักหลานชะอีกค่ะ) ถ้าเกิดรู้ว่าขอยืมยากขนาดรู้งี้ให้พี่กล้าขับรถไปส่งเสียก้อดีไม่หน้าเลยเรา (รู้สึกอีกทีก็สายไปแล้วแหละย่ะหล่อน....นักเขียน)
ระหว่างที่ฉันขับรถใกล้ที่ถึงที่ทำงานแล้วเพียงอีกแค่ซอยเดียวก็จะอยู่ถึงแล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น อยู่ดีๆๆก็มีรถ BMW สุดสวยคันหนึ่ง โผล่มาจากไหนก็มารู้มาปาดหน้าตัดหน้ารถของฉันอย่างจัง จึงทำให้ฉันที่ขับรถไม่ค่อยจะเก่งอยู่แล้ว ตกใจบังคับรถของตัวเองให้หยุดไม่ได้เลยทำให้รถ ไถลไปเสยเอากับต้นไมข้างทางเอาอย่างจัง
แต่โชคดีที่ทั้งรถและตัวของฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก โดยเพราะรถนะถ้าเกิดเป็นอะไรไปนะ คุณลุงเอาฉันตายแน่ที่บังอาจทำรถของท่านเสียหายนะ แต่โชคดีที่รถของคุณแค่สีถลอกนิดเดียวแค่นี้เอง เอาไปทำสีใหม่ตอนเย็นคุณลุงก็ไม่เห็นแล้ว ส่วนฉันไม่เป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว แค่ตกใจนิดหน่อยค่ะ (ไม่นิดหน่อยแหละยะหล่อนขนาดปากซีดนะ....นักเขียน)
แต่พอตั้งสติได้เท่านั้นเองแหละค่ะ ฉันก็กระโดดลงจากรถเดินไปหาเจ้าของรถ BMW คันสวยที่ทำให้รถของฉันเสียหลักที่ลงมายืนมองรถของฉันอยู่ข้างรถของตัวเอง แล้วฉันก็ไม่รอช้าค่ะ ปิดฉากอารมณ์โกรธของตัวเองถล่มอีตานั้นทันที
“นี้คุณขับรถประสาอะไรของคุณนะ”
“ขับรถเป็นเหรอเปล่านะ หรือว่าลืมเอาตามาจากบ้านเลยไม่ได้มองว่าบนถนนไม่ได้มีรถของคุณคนเดียวนะ”
“รู้ไหมมันเกือบทำให้ฉันเกือบตายแน่ะ” (เวอร์ไปแล้วย่ะหล่อน....นักเขียน)
“เอ่อ..ผมขอโทษครับ พอดีรีบไปหน่อยนะครับ”
“จะรีบไปไหนไม่ทราบค่ะ อ๊ะหรือว่าจะรีบไปดูควายที่บ้านออกลูกค่ะ”
“พูด กันดีๆๆก็ได้นี้คุณ ไม่เห็นต้องพูดกันแรงแบบนี้ด้วยนี้ครับ”
ตอนนี้อีตานั้นคงจะหาลิ้นของตัวเองเจอแล้วแหล่ะค่ะ เลยโต้กลับฉันออกมาบ้าง แต่คิดดูแล้วอีกตานี้ ท่าทางปากคงจะจัดน่าดู แล้วฉันจะสู้ไหวไหมเนี้ย
“แล้วนายจะทำไม ก็นายเป็นคนผิดนี้”
“แล้วคนถูกต้องมาด่าคนผิดด้วยเหรอครับ”
“ฉันไปด่าคุณตอนไหนตรงไหนไม่ทราบ” (อีตานี้ปากจัดจริงๆๆด้วยแหละ)
ฉันโต้กลับอีตานั้นกลับทันที ใครจะไปยอมให้เค้าเป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียวละ
“เอ้า...ตกลง คุณไม่ได้ด่า ก็ไม่ ได้ ด่า แล้วรถของคุณเป็นอะไรบ้างล่ะ”
อีตานั้นพูดเสร็จก็เดินไปดูที่หน้ารถของฉันตรงที่ไปเสยเอากับต้นไม้
“รถของคุณไม่เป็นอะไรมากนิ โวยวายออกมาอย่างกับมีคนตายสักคนนั้นแหละ”
อ้าว.....อยู่ดีไม่ว่าดีเราโดนอีตานั้นแหวะเอาเข้าแล้วไหมล่ะเรา และในขณะเดียวกันนั้นเองฉันเผอิญเงยหน้าขึ้นไปมองรถของตัวเองบ้าง ก็ดันไปเห็นอีตานั้นยืมยิ้มอะไรของคนอยู่ไม่รู้ ถ้าจะไม่ดีแล้วฉันแอบเตือนตัวเองในใจ
“ยิ้มอะไร ไม่ทราบ”
เปล่าครับ ผมก็แค่อยากจะบอกคุณให้รู้ไว้นะครับว่าผมไม่ได้จะรีบไปดูควายที่บ้านที่มันจะออกลูกหรอก เพราะผมกำลังจะรีบไปประชุม
“อ๊ะ.......และอีกอย่างนะครับ บ้านผมไม่ได้เลี้ยงควายครับเลย ไม่ต้องรีบไปดูมันออกลูกครับคุณผู้หญิง”
รู้สึกว่าอีตานั้นจะเริ่มพูดมากขึ้นทุกทีแล้วนะ ฉันยืนมองอีตานั้นพูดฉอดจอด อยู่คนเดียว ในขณะที่ตนเองมองหน้าของอีตานั้นนั้นค้างอยู่ เมื่อดูใกล้ๆๆอีตานี้ก็หล่อเหมือนกันวะ ผิวสีแทน รูปร่างสูง ตาคม คิ้วดก อกกว้างแบบของนักกีฬา ดูๆๆไปแล้วอีตานี้ น่าจะเป็นนายแบบหรือพระเอกได้เลยนะ แต่แฮะ ทำไมหน้าตาอีกนี้มันถึงดูคุ้นๆๆจังเลยวะ
ในขณะที่ฉันกำลังตะลึงอยู่ความหล่อของอีตานั้น อยู่ๆๆ อีตานั้นก็ชะโงกมาเกือบติดกับหน้าของฉันเลย ทำให้ฉันตกใจแต่โดย สัญชาติญาณ ฉันกระโดดออกมาทันทีแถบเกือบต่อยเอาหน้าของอีตานั้นอีกด้วย
“นี้คุณตะลึงในความหล่อของผมจนพูดไม่ออกเป็นใบ้ไปแล้วเหรอครับ”
อีตานั้นคงคิดว่าตัวเองหล่อตายล่ะ ทำหน้าทำตายิ้มไม่หุบ แถมทำท่ากวนประสาทอย่างมากเสียอีก แต่อีตานั้นก็หล่อจริงนั้นแหละ แต่มีหรือคนอย่างฉันจะยอมรับว่าที่ตกตะลึงก็ในความหล่อของเค้าจริงๆๆๆนั้น แหละ ฉันเลยตอกกลับออกไปบ้างแต่อันก็บอกก่อนนะค่ะว่าไม่ตรงกับใจเลย
“นายเนี้ยนะหล่อ หลงตัวเองมากไปหรือเปลา ไม่ทราบค่ะ คุณขา5555555555”
“ไม่หรอกครับผมว่าผมไม่ได้หลงตัวเองนะมีคนบอกผมหลายคนแล้วนะครับว่าผมเป็นคนหล่อ และก็มีคนมาชวนผมไปเป็นพระเอกละครด้วยนะ”
“ใครจะมาชมนายว่าหล่อยังไงมันก็เรื่องของนาย และใครจะมาชวนนายไปพระเอกละครมันก็เรื่องของนายอีกนั้นแหละ มาบอกฉันทำไมล่ะ แต่ฉันว่าท่าจะให้เหมาะให้นายไปแสดงเป็น ตัวร้ายดีกว่ามั่ง ที่ บ้านิดๆๆ เพี้ยนหน่อย ๆๆนะ นั้นแหละมันถึงจะเหมาะกับนายนะ”
พูดเสร็จฉันก็เดินไปขึ้นรถของตัวเองทันที ใครมันจะอยู่ให้โง่ใช่มั้ยล่ะค่ะ ก็ไปวิจารณ์อีตานั้นเสียๆๆหาย ๆๆตั้งเยอะนิ แต่ก็ไม่ลืมหันไปโบกมือลาทำหน้าเยอะเย้ย ให้อีตานั้นเจ็บใจเล่นอีกนิดหน่อยค่ะ
..............................
วันนี้ผมออกจากบ้านช้าเป็นพิเศษเพราะว่าเมื่อเช้านี้ผมตื่นสายนะครับ เหตุผลการตื่นสายครั้งนี้ของผมก็คือว่าเมื่อคืนผมผมมีงานด่วนเข้ามาผมก็เลยนั่งทำงานจนดึกนะครับกว่าผมจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบ ตี 3 นะครับ วันนี้ผมมีประชุมตอนเก้าโมงแต่ตอนนี้ก็ปาไปแปดโมงครึ่งแล้ว ผมเลยต้องรีบขับรถเร็วเร็วเป็นพิเศษ ผมขับรถไปดูหน้านาฬิกาพลางเพราะว่ากลัวจะเข้าประชุมไม่ทัน แต่ในขณะที่ผมก้มดูนาฬิกาเป็นครั้งที่ 10 แล้วในเวลาไม่ถึง 20 นาที พอผมเงยหน้าขึ้นปรากฏว่ารถของพอดันไปปาดหน้าเข้าเอากับรถคันหนึ่ง รถคันนั้นเสียหลักเลยไปเฉยเอากับต้นไม้ข้างทางต้นหนึ่ง ผมตกใจมากได้แต่เปิดประตูรถออกมายืนมองรถคันนั้นนิ่งๆๆ แต่พอสักพักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากคนนั้นนั้น ดูท่าทางแล้วเธอคงจะเป็นเจ้าของคันนั้นนั้นกระมั่ง (แล้วมันจะไม่ใช้รถของเขาแล้วมันจะเป็นรถของแมวที่ไหนล่ะพ่อคุณ.....นักเขียน) ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาต่อว่าผมย่างหนัก ผมตกใจกับคำด่าของเธอมากจนทำอะไรไม่ได้แต่ปล่อยให้เธอด่าผมไปสักพัก จนกว่าผมจะตั้งสติได้
และเมื่อผมตั้งสติได้ ผมก็มองหน้าผู้หญิงคนนั้นชัดๆๆ ผมมองหน้าผู้หญิงคนนั้นนิ่ง ผมคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้น่าตาคุ้นๆๆๆนะ (มันจะไม่คุ้นได้ไงล่ะก็ผู้หญิงคนนั้นก็คือคนที่นายรออยู่นั้นแหละ ทำเป็นจำไม่ได้.....นักเขียน) เมื่อผมมองจ้องมองเธออีกครั้งผมก็นึกออกทันทีครับว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ผมอยากจะตะโกนของคุณพระเจ้าให้เสียงดังไปเลย แต่ว่ามันก็คงเป็นไม่ได้ล่ะครับเพราะตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นเธอกำลังมองหน้าผมตาไม่กระปริบเลย ครับ ผมคิดว่าเธอคงจำผมไม่ได้หรอก แต่ผมนะจำเธอได้ขึ้นใจเลยแหละครับ พวกคุณรู้ยังครับว่าผู้หญิงคนนั้นนะเป็น ผู้หญิงคนนั้นคือ ยัยเด็กแสบดอกหญ้าไงครับ ตอนนี้ยัยเด็กแสบดอกหญ้าโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากว่าเดิมเลยครับ ดูสาวขึ้นมากขึ้น แต่ไม่เคยเปลี่ยนเลยและคงจะมีมากขึ้นกว่าเดิมมันก็คือความปากจัดของนะครับ เห็นทีผมต้องสั่งสอนยัยเด็กแสบนี้สักทีแหละครับ โดยการพูดจากยียวนกวนประสาทเธอให้บ้าง แต่ไม่รู้ว่าผมพูดกวนประสาทเธอมากเกินไปหน่อยไหมครับครับ เธอสวนผมครับบ้างล่ะครับ เธอด่าผมว่าเป็นคนหน้าตาไม่ได้เรื่อง และไม่รู้อะไรอีกสารพัดที่เธอจะนึกออกแล้วนำมาถ้าผม ผมยืนฟังเธอด่าผมจนอึงไปเลยครับ และในขณะที่ผมกำลังอึงอยู่นั้นเธอก็กระโดดขึ้นรถของตัวเองแล้วออกรถไปเลย แต่ก่อนที่เธอจะออกรถไปนั้นเธอยังไม่ลืม ยกมือมาบายบายทำหน้าเยอะเย้ยให้ผมเจ็บใจอีกนะครับ ดูความแสบซ่าของเธอสิครับ แต่ถึงอย่างไงพบก็รักเธอครับ (ฉันรู้แล้วแหละย่ะ........นักเขียน)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น