ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : สงสัยเค้าต้องมีแฟนแล้ว
ขณะที่ดอกหญ้ากำลังจะเดินออกจากโรงพยาบาลเธอก็บังเอิญไปเห็นหมอสาวคนหนึ่งที่เหมือนเป็นคนที่เธอรู้จักเธอก็เลยเดินเข้าไปทักหมอคนนั้น
“เอ่อ......สวัสดีค่ะพี่ตะวันใช่หรือเปล่าค่ะ” ดอกหญ้าเอ่ยถามหมอสาวคนนั้นพร้อมกับยิ้มอย่างยินดีเมื่อหมอสาวคนนั้นตอบว่าใช่
“ใช่ค่ะ....ดอกหญ้าใช่มั้ยเนี้ยไม่ได้เจอกันตั้งนานโตเป็นสาวขึ้นเยอะเลยนะเราเนี้ย”
คนถูกชมยิ้มแก้มแทบผลิ
“พี่ตะวันมาเป็นหมอที่นี้เหรอค่ะ”
คนอายุน้อยกว่าเอ่ยถามหญิงสาวอีกคน ซึ่งมีอายุแก่กว่าตัวเอง
“ค่ะ......พี่ย้ายมาประจำที่นี้ได้ 2 อาทิตย์ กว่าได้แล้วแหละว่าจะเข้าไปเยี่ยมดอกหญ้าที่ บ้านแต่พี่ก็ไม่ว่างสักที
ไม่เป็นค่ะ.....ไว้พี่ตะวันว่างไหนก็ไปหาดอกหญ้าได้เลยนะดอกหญ้าจะรอค่ะ หญิงสาว ตัวเล็กกว่าเอ่ยบอกทันที
“แล้ว.........มาทำอะไรที่โรงพยาบาลเหรอดอกหญ้า” หญิงสาวเอ่ยถามคนตัวเล็กที่รัก เหมือนน้องสาวแท้ๆๆๆคนหนึ่งของเธอ
“คือว่า......หญ้ามาทำแผลนิดหน่อยนะค่ะเมื่อเช้าออกมาวิ่งออกกำลังกายแต่ไม่ทันระวัง เลยไปสะดุดเอากับเข้าหินสภาพก็เลยเป็นแบบนี้แหละค่ะ” ดอกหญ้าเอ่ยตอบตะวันเสียงอ่อย
“เอาจากนี้แหละกันเดี่ยวพี่ไปส่งเราที่บ้านนะ เห็นสภาพเราแล้วพี่อดเป็นห่วงไม่ได้”
ตะวันสายหัวเล็กน้อยที่ได้เห็นความซุ่มซ่ามของน้องสาวนอกไส้ของเธอแล้วเธอก็กำลังจะเปิดประตูรถให้ยายน้องสาวซุ่มซ่ามเข้าไปนั่งแต่เสียงใสๆๆก็ขัดขึ้น
“ขอบคุณค่ะพี่ตะวัน” ดอกหญ้ายกมือไหว้ขอบคุณตะวัน
“แต่หญ้าไม่รบกวนพี่ตะวันดีกว่าค่ะเดียวหญ้าเดินกลับเองดีกว่าแค่นี้เอง”
ดอกหญ้าเอ่ยตอบปฏิเสธหญิงคนที่เธอรักเหมือนพี่สาว
“งั้นพี่ไปก่อนน่ะดอกหญ้า” ตะวันเอ่ยลาดอกหญ้าพร้อมกับขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกไป
“ดอกหญ้า.........”เสียง ๆๆๆหนึ่งดังขึ้นทำให้ดอกหญ้าที่กำลังยืนมองรถของตะวันอยู่ต้องหันหลังกลับไปมองทางเสียงที่ดังขึ้นแล้วเธอก็ได้เห็นว่าคนที่เรียกชื่อเธอนั้นเป็นใคร ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกก้ออีตานายภาคินนั้นแหละ “ไงบอกว่ากลับไปแล้วแต่อยู่ดี อีตานี้ดันมาโผล่ที่นี้อีกได้ว่ะ” ดอกหญ้าคิดในใจขณะที่กำลังมองหน้าภาคินอย่างสงสัย
“คุณไม่ต้องสงสัยหรอกว่าผมกลับมาที่อีกทำไมนะ พอดีผมมีธุระแถวนี้น่ะ” ภาคินเหมือนรู้ความคิดในใจของหญิงสาวตรงหน้าของเขาเลยตอบออกไปอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้มีธุระอะไรที่นี้เลยนั้นเป็นแค่ข้ออ้างของเขาเท่านั้นเองจะให้บอกไปตามตรงได้ไงล่ะว่าเขาเป็นห่วงตัวเจ้าหล่อนนั้นแหละเลยต้องขับรถย้อนมาดูอีกครั้ง ถ้าเกิดบอกไปตามความจริงมีหวังได้เกิดเรื่องแน่
“แล้วนี้คุณจะกลับบ้านแล้วเหรอคุณจะไปยังไงน่ะ”
“ก็เดินไปสิคุณ........หรือว่าคุณจะให้ฉันบินไปนะ”คนตัวเด็กตอบสียงสะบัดพร้อมกับประชดนิดหน่อย
“คุณเดินไหวเหรอ” ภาคินหันไปถามคนตัวเด็กด้วยความเป็นห่วง
“ไวสิ.......เดินไม่เท่าไรก็ถึงบ้านฉันแล้วแหละบ้านฉันอยู่ไม่ห่างจากที่นี้เท่าไรหรอก
“งั้นผมไปส่งดีกว่ามั้ง....ดูท่าทางคุณยังเจ็บเขาอยู่เลย” ภาคินอาสาไปส่งแต่ดอกหญ้าก็ ปฏิเสธทันที
“ไม่ต้อง ฉันไปเองได้”
น่า.........ให้ผมไปส่งน่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเถียงอยู่กันนั้นรถยนต์คันหนึ่งก็เข้ามาจอดใกล้บริเวณกับที่คนทั้งสองกำลังยืนเถียงกันอยู่
แล้วคนที่อยู่ในรถก็ลงมาจากรถแล้วเดินเข้าไปหาดอกหญ้าด้วยความดีใจ
“อ้าว.........คุณดอกหญ้ามาทำอะไรแถวนี้ครับผมหากันแทบตาย”
“ตามหาดอกหญ้าทำไมเหรอน้า”
ดอกหญ้าถามคนขับรถของท่านผู้ว่าด้วยความสงสัยว่าทำไมท่านต้องตาหาเธอด้วย คือท่านเป็นห่วงคุณดอกหญ้านะครับเห็นจิ้มมันบอกว่าคุณหญ้าออกจากบ้านตั้งแต่เช้าท่านเลยเป็นห่วงเลยให้ผมออกมาตามนะครับ
“อืม.........อั้นเรากลับกันเถอะค่ะ”ดอกหญ้าบอกพร้อมกับเปิดประตูรถเข้าไปนั่งในรถแต่เธอก็นึกขึ้นได้ยังมีผู้ชายอีกคนที่ยังยืนอยู่ข้างรถๆๆๆเลยโผล่หน้าออกไปดู
“งั้นนายก็ไม่ต้องไปส่งฉันแล้วน่ะขอบคุณมาก ที่คิดจะไปส่งแต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้วแหละ”
“ครับ......นึกว่าลืมเสียซะอีกว่ายังมีหัวหลักหัวตอยืนอยู่ตั้งคน”
ภาคินบ่นเสียงดังๆๆๆเพื่อแกล้งให้คนที่นั่งอยู่ในรถได้ยิน
“อ่ะ....นายว่าอะไรน่ะ” ดอกหญ้าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่ภาคินพูดออกมา
“งั้นฉันไปแล้วน่ะ บาย”
“พลาดอีกแล้วกูแล้วเมื่อไรจะรู้สักทีว่าบ้านยัยเด็กแสบคนนี้อยู่ที่ไหนสักที”
ภาคินบ่นอย่างไม่จริงจังหนักเมื่อรถของดอกหญ้าเคลื่อนออกไป
คุณหญ้าค่ะ......คุณหญ้าข้า...........คุณหญ้า
เสียงแหลมๆๆที่ตะโกนขึ้นเป็นผลให้ดอกหญ้าที่กำลังนอนอยู่ต้องโซเชลุกขึ้นจากเตียงเดินมาเปิดประตูห้องนอน หญิงสาวขยี่ผมยุ่งๆๆ ของตัวเองอย่างหงุดหงิดทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนเรียก “อะไรของเธอนะจิ่ม ดาราคนไหนมาโผล่ที่หน้าของเราอีกล่ะคราวนี้”
ใบหน้าของคนที่โดนประชดไม่ส่อเค้าว่าจะไม่พอใจกับคำที่เธอว่าประชดไปนั้นเลย กลับยิ้มรับเหมือนกับว่า หนุ่ม ศรราม ดาราหนุ่มชื่อดังมาปรากฏที่หน้าจริงๆๆนั้นแหละ
“เอ้า ยิ้ม!!! อยู่นั้นแหละ เธอมาปลุกฉันตอนหกโมงเช้าวันอาทิตย์เพื่อให้ฉันตื่นขึ้นมาดูเธอยิ้มเหรอจ๊ะหนูจิ่ม”
ดอกหญ้าเอ่ยถามคนใช้คนสนิทของเธออีครั้งพร้อมคำแหน็บอีกหนึ่งคำ
“คือว่า......มีจดหมายส่งมาถึงคุณหญ้าเมื่อวานนี้คุณหญ้าได้อ่านหรือยังค่ะ
คนถูกถามขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย แล้วถามออกไป
“จดหมายอะไรเหรอ”
“ก็จดหมายจากคุณกล้าส่งมาถึงคุณหญ้านะค่ะจิ้มเอาไปวางไว้บนโต๊ะของคุณหญ้านะค่ะ
ดอกหญ้า
เมื่อรู้คำตอบว่ายั้ยจิ้มมาปลุกเธอทำไมตั้งแต่เช้าแล้วก็ตอบยั้ยจิ้มไปว่า
“อ้อ.....ยังหรอกเดียวค่อยอ่าน”
“อ่านเลยค่ะคุณหญ้าจิ้มอยากรู้”
จิ้มคนรับใช้คนสนิทของดอกหญ้าเอ่ยขอร้องแกมบังคับเพราะเจ้าหล่อนไม่ยอมลุกออกไปจากห้องของดอกหญ้าถ้าเกิดดอกหญ้าไม่ยอมอ่านจดหมายให้เธอฟังเสียก่อน
ดอกหญ้าหยิบเอาจดหมายมาเปิดอ่านแล้วก็ต้องกระโดออกมาอย่างดีใจเป็นดีสุด ก็ในเนื้อความของจดหมายมันเขียนบอกมาว่า ชาติกล้า หรือ ต้นกล้า พี่ชายสุดเลิฟของเธอจะกลับมาจากเมืองนอกใน สัปดาห์นี้ จากการที่ชาติกล้าต้องไปเรียนเมืองนอกเป็นเวลา 10 ปี เธอก็เลยดีใจเป็นที่สุดที่พี่ชายของเธอจะกลับมาอยู่กับเธอสักที
“คุณกล้าเขียนมาว่าไงบ้างค่ะคุณหญ้า”
เสียงของจิ้มสาวใช้คนสนิทของดอกหญ้าดังขึ้น
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกเพียงแต่พี่กล้าเขียนมาบอกว่าจะกลับมาบ้านอาทิตย์นี้ให้ไปรับที่สนามบินด้วย”
“จริงๆๆๆเหรอค่ะคุณหญ้า”
จิ้มถามย้ำ อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ก็ยั้ยคนนี้แอบปลื้มต้นกล้าหรือชาติกล้าพี่ชายของดอกหญ้าจะตายขนาดไม่เคยเห็นตัวจริงเลยนะเห็นแค่ในรูปถ่ายยังเป็นไปได้ขนาดนี้ถ้าเกิดยายนี้ได้เห็นตัวจริงไม่เป็นลมเลยเหรอ
“จริงๆๆๆสิ จะโกหกทำไมล่ะ”
“งั้นจิ้มขอตัวก่อนนค่ะคุณหญ้า จิ้มจะไปป่าวประกาศให้ทั่วทั้งบ้านเลยว่าคุณต้นกล้าจะกลับมาแล้ว
“ไม่ค่อยโอ้.....เหว่อเลยนะยายคนนี้ ดอกหญ้าบ่นกับตัวเองเบาๆๆๆเมื่อสาวใช้คนสนิทออกจากห้องไป”
“ท่าอากาศยานกรุงเทพ”
วันนี้สนามบินคนมากเป็นพิเศษ(มันก็มากแบบนี้ทุกวันแหละย่ะ) หญิงสาวตัวเล็กๆๆกำลังยืนรอรับพี่ชายของตัวเองอย่างตื่นเต้น และเธอก็ไม่ต้องยืนรอนานเพราะคนที่เธอกำลังรออยู่นั้นกำลังเข่นรถที่บรรทุกกระเป๋าเดินทางกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอ
พี่กล้า.....เมื่อเห็นว่าพี่ชายของตัวเองกำลังจะเดินมาถึงที่จุดรอรับผู้โดยดอกหญ้าก็วิ่งกระโดดเข้ากอดพี่ชายของตัวเองอย่างแรง โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่งที่กำลังมองมายังเธอและพี่ชายด้วยสายตาแทบไม่กระพริบ
“เบาๆๆๆๆๆๆหน่อย...เจ้าหญ้านี้มันสนามบินนะไม่อายคนอื่นเขาบ้างเหรอ”
ชาติกล้าผละน้องสาวออกจากอ้อมกอดของตัวเองเมื่อเห็นคนมองกันใหญ่แล้ว
“ก็คนมันคิดถึงนี้ กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้”
ดอกหญ้าทำเสียงบ่นๆๆนิดแต่ก็แกล้งบ่นให้คนเป็นพี่ชายได้ยิน
“โอ้น้องรัก....อย่างอนเลยน่ะเดียวกลับถึงบ้านจะให้กอดจนหายคิดถึงเลยเอาไหม”
ค่ะ...คนที่กำลังงอนอยู่เงยน่ามามองพี่ชายแล้วก็เอ่ยชวนพี่ชาย
“งั้นเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”
เมื่อสองพี่น้องพากันเดินจูงมือกันเดินออกจากสนามบินไปแล้ว ภาคินที่ยืนมองบุคคลทั้งคู่อยู่ตั้งแรกๆๆก็เอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆๆ ไอ้หมอนั้นเป็นใครกันว่ะทำไมถึงได้สนิทกับยั้ยเด็กดอกหญ้าขนาดนั้นจัง
“เฮ้ย.......ไอ้คินมองอะไรอยู่ว่ะ”
เสียงของภานุเพื่อนของภาคินปลุกให้ภาคินที่ตอนนี้กำลังงงๆๆอยู่หันมามองเพื่อน
“ป่าว....ว่ะไม่ได้มองอะไร แต่เมื่อกี้แก่เห็นผู้ชายกับผู้หญิงที่ยืนกอดกันเมื่อกี้มั้ยว่ะ”
ภาคินเอ่ยถามเพื่อนของตัวเอง
“เห็นว่ะ.....ทำไมเหรอ”
“แก...ว่าระหว่างคนสองคนนั้นเป็นอะไรกันเหรอ”
ภาคินหันมาถามเพื่อนของตัวเองและก็ยืนรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
“ข้าว่าเขาต้องเป็นแฟนกันแน่ๆๆๆเลยว่ะ แกไม่เห็นเหรอเขากอดกันกลมกันขนาดนั้นนะ”
“แกชอบผู้หญิงคนนั้นเหรอ ภานุถามเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างไม่จริงจังหนัก
“เอ่อ...ว่ะข้าชอบเขาว่ะชอบมาตั้งแต่แรกเห็นเลยแหละ”
“แต่....ข้าว่าเอ่งทำใจเสียเถอะว่ะ”
ภานุเอ่ยบอกเพื่อนพร้อมตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนที่กำลังหกจะหักอยู่ตอนนี้
“เอ่อ......สวัสดีค่ะพี่ตะวันใช่หรือเปล่าค่ะ” ดอกหญ้าเอ่ยถามหมอสาวคนนั้นพร้อมกับยิ้มอย่างยินดีเมื่อหมอสาวคนนั้นตอบว่าใช่
“ใช่ค่ะ....ดอกหญ้าใช่มั้ยเนี้ยไม่ได้เจอกันตั้งนานโตเป็นสาวขึ้นเยอะเลยนะเราเนี้ย”
คนถูกชมยิ้มแก้มแทบผลิ
“พี่ตะวันมาเป็นหมอที่นี้เหรอค่ะ”
คนอายุน้อยกว่าเอ่ยถามหญิงสาวอีกคน ซึ่งมีอายุแก่กว่าตัวเอง
“ค่ะ......พี่ย้ายมาประจำที่นี้ได้ 2 อาทิตย์ กว่าได้แล้วแหละว่าจะเข้าไปเยี่ยมดอกหญ้าที่ บ้านแต่พี่ก็ไม่ว่างสักที
ไม่เป็นค่ะ.....ไว้พี่ตะวันว่างไหนก็ไปหาดอกหญ้าได้เลยนะดอกหญ้าจะรอค่ะ หญิงสาว ตัวเล็กกว่าเอ่ยบอกทันที
“แล้ว.........มาทำอะไรที่โรงพยาบาลเหรอดอกหญ้า” หญิงสาวเอ่ยถามคนตัวเล็กที่รัก เหมือนน้องสาวแท้ๆๆๆคนหนึ่งของเธอ
“คือว่า......หญ้ามาทำแผลนิดหน่อยนะค่ะเมื่อเช้าออกมาวิ่งออกกำลังกายแต่ไม่ทันระวัง เลยไปสะดุดเอากับเข้าหินสภาพก็เลยเป็นแบบนี้แหละค่ะ” ดอกหญ้าเอ่ยตอบตะวันเสียงอ่อย
“เอาจากนี้แหละกันเดี่ยวพี่ไปส่งเราที่บ้านนะ เห็นสภาพเราแล้วพี่อดเป็นห่วงไม่ได้”
ตะวันสายหัวเล็กน้อยที่ได้เห็นความซุ่มซ่ามของน้องสาวนอกไส้ของเธอแล้วเธอก็กำลังจะเปิดประตูรถให้ยายน้องสาวซุ่มซ่ามเข้าไปนั่งแต่เสียงใสๆๆก็ขัดขึ้น
“ขอบคุณค่ะพี่ตะวัน” ดอกหญ้ายกมือไหว้ขอบคุณตะวัน
“แต่หญ้าไม่รบกวนพี่ตะวันดีกว่าค่ะเดียวหญ้าเดินกลับเองดีกว่าแค่นี้เอง”
ดอกหญ้าเอ่ยตอบปฏิเสธหญิงคนที่เธอรักเหมือนพี่สาว
“งั้นพี่ไปก่อนน่ะดอกหญ้า” ตะวันเอ่ยลาดอกหญ้าพร้อมกับขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกไป
“ดอกหญ้า.........”เสียง ๆๆๆหนึ่งดังขึ้นทำให้ดอกหญ้าที่กำลังยืนมองรถของตะวันอยู่ต้องหันหลังกลับไปมองทางเสียงที่ดังขึ้นแล้วเธอก็ได้เห็นว่าคนที่เรียกชื่อเธอนั้นเป็นใคร ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกก้ออีตานายภาคินนั้นแหละ “ไงบอกว่ากลับไปแล้วแต่อยู่ดี อีตานี้ดันมาโผล่ที่นี้อีกได้ว่ะ” ดอกหญ้าคิดในใจขณะที่กำลังมองหน้าภาคินอย่างสงสัย
“คุณไม่ต้องสงสัยหรอกว่าผมกลับมาที่อีกทำไมนะ พอดีผมมีธุระแถวนี้น่ะ” ภาคินเหมือนรู้ความคิดในใจของหญิงสาวตรงหน้าของเขาเลยตอบออกไปอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้มีธุระอะไรที่นี้เลยนั้นเป็นแค่ข้ออ้างของเขาเท่านั้นเองจะให้บอกไปตามตรงได้ไงล่ะว่าเขาเป็นห่วงตัวเจ้าหล่อนนั้นแหละเลยต้องขับรถย้อนมาดูอีกครั้ง ถ้าเกิดบอกไปตามความจริงมีหวังได้เกิดเรื่องแน่
“แล้วนี้คุณจะกลับบ้านแล้วเหรอคุณจะไปยังไงน่ะ”
“ก็เดินไปสิคุณ........หรือว่าคุณจะให้ฉันบินไปนะ”คนตัวเด็กตอบสียงสะบัดพร้อมกับประชดนิดหน่อย
“คุณเดินไหวเหรอ” ภาคินหันไปถามคนตัวเด็กด้วยความเป็นห่วง
“ไวสิ.......เดินไม่เท่าไรก็ถึงบ้านฉันแล้วแหละบ้านฉันอยู่ไม่ห่างจากที่นี้เท่าไรหรอก
“งั้นผมไปส่งดีกว่ามั้ง....ดูท่าทางคุณยังเจ็บเขาอยู่เลย” ภาคินอาสาไปส่งแต่ดอกหญ้าก็ ปฏิเสธทันที
“ไม่ต้อง ฉันไปเองได้”
น่า.........ให้ผมไปส่งน่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเถียงอยู่กันนั้นรถยนต์คันหนึ่งก็เข้ามาจอดใกล้บริเวณกับที่คนทั้งสองกำลังยืนเถียงกันอยู่
แล้วคนที่อยู่ในรถก็ลงมาจากรถแล้วเดินเข้าไปหาดอกหญ้าด้วยความดีใจ
“อ้าว.........คุณดอกหญ้ามาทำอะไรแถวนี้ครับผมหากันแทบตาย”
“ตามหาดอกหญ้าทำไมเหรอน้า”
ดอกหญ้าถามคนขับรถของท่านผู้ว่าด้วยความสงสัยว่าทำไมท่านต้องตาหาเธอด้วย คือท่านเป็นห่วงคุณดอกหญ้านะครับเห็นจิ้มมันบอกว่าคุณหญ้าออกจากบ้านตั้งแต่เช้าท่านเลยเป็นห่วงเลยให้ผมออกมาตามนะครับ
“อืม.........อั้นเรากลับกันเถอะค่ะ”ดอกหญ้าบอกพร้อมกับเปิดประตูรถเข้าไปนั่งในรถแต่เธอก็นึกขึ้นได้ยังมีผู้ชายอีกคนที่ยังยืนอยู่ข้างรถๆๆๆเลยโผล่หน้าออกไปดู
“งั้นนายก็ไม่ต้องไปส่งฉันแล้วน่ะขอบคุณมาก ที่คิดจะไปส่งแต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้วแหละ”
“ครับ......นึกว่าลืมเสียซะอีกว่ายังมีหัวหลักหัวตอยืนอยู่ตั้งคน”
ภาคินบ่นเสียงดังๆๆๆเพื่อแกล้งให้คนที่นั่งอยู่ในรถได้ยิน
“อ่ะ....นายว่าอะไรน่ะ” ดอกหญ้าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่ภาคินพูดออกมา
“งั้นฉันไปแล้วน่ะ บาย”
“พลาดอีกแล้วกูแล้วเมื่อไรจะรู้สักทีว่าบ้านยัยเด็กแสบคนนี้อยู่ที่ไหนสักที”
ภาคินบ่นอย่างไม่จริงจังหนักเมื่อรถของดอกหญ้าเคลื่อนออกไป
คุณหญ้าค่ะ......คุณหญ้าข้า...........คุณหญ้า
เสียงแหลมๆๆที่ตะโกนขึ้นเป็นผลให้ดอกหญ้าที่กำลังนอนอยู่ต้องโซเชลุกขึ้นจากเตียงเดินมาเปิดประตูห้องนอน หญิงสาวขยี่ผมยุ่งๆๆ ของตัวเองอย่างหงุดหงิดทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนเรียก “อะไรของเธอนะจิ่ม ดาราคนไหนมาโผล่ที่หน้าของเราอีกล่ะคราวนี้”
ใบหน้าของคนที่โดนประชดไม่ส่อเค้าว่าจะไม่พอใจกับคำที่เธอว่าประชดไปนั้นเลย กลับยิ้มรับเหมือนกับว่า หนุ่ม ศรราม ดาราหนุ่มชื่อดังมาปรากฏที่หน้าจริงๆๆนั้นแหละ
“เอ้า ยิ้ม!!! อยู่นั้นแหละ เธอมาปลุกฉันตอนหกโมงเช้าวันอาทิตย์เพื่อให้ฉันตื่นขึ้นมาดูเธอยิ้มเหรอจ๊ะหนูจิ่ม”
ดอกหญ้าเอ่ยถามคนใช้คนสนิทของเธออีครั้งพร้อมคำแหน็บอีกหนึ่งคำ
“คือว่า......มีจดหมายส่งมาถึงคุณหญ้าเมื่อวานนี้คุณหญ้าได้อ่านหรือยังค่ะ
คนถูกถามขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย แล้วถามออกไป
“จดหมายอะไรเหรอ”
“ก็จดหมายจากคุณกล้าส่งมาถึงคุณหญ้านะค่ะจิ้มเอาไปวางไว้บนโต๊ะของคุณหญ้านะค่ะ
ดอกหญ้า
เมื่อรู้คำตอบว่ายั้ยจิ้มมาปลุกเธอทำไมตั้งแต่เช้าแล้วก็ตอบยั้ยจิ้มไปว่า
“อ้อ.....ยังหรอกเดียวค่อยอ่าน”
“อ่านเลยค่ะคุณหญ้าจิ้มอยากรู้”
จิ้มคนรับใช้คนสนิทของดอกหญ้าเอ่ยขอร้องแกมบังคับเพราะเจ้าหล่อนไม่ยอมลุกออกไปจากห้องของดอกหญ้าถ้าเกิดดอกหญ้าไม่ยอมอ่านจดหมายให้เธอฟังเสียก่อน
ดอกหญ้าหยิบเอาจดหมายมาเปิดอ่านแล้วก็ต้องกระโดออกมาอย่างดีใจเป็นดีสุด ก็ในเนื้อความของจดหมายมันเขียนบอกมาว่า ชาติกล้า หรือ ต้นกล้า พี่ชายสุดเลิฟของเธอจะกลับมาจากเมืองนอกใน สัปดาห์นี้ จากการที่ชาติกล้าต้องไปเรียนเมืองนอกเป็นเวลา 10 ปี เธอก็เลยดีใจเป็นที่สุดที่พี่ชายของเธอจะกลับมาอยู่กับเธอสักที
“คุณกล้าเขียนมาว่าไงบ้างค่ะคุณหญ้า”
เสียงของจิ้มสาวใช้คนสนิทของดอกหญ้าดังขึ้น
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกเพียงแต่พี่กล้าเขียนมาบอกว่าจะกลับมาบ้านอาทิตย์นี้ให้ไปรับที่สนามบินด้วย”
“จริงๆๆๆเหรอค่ะคุณหญ้า”
จิ้มถามย้ำ อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ก็ยั้ยคนนี้แอบปลื้มต้นกล้าหรือชาติกล้าพี่ชายของดอกหญ้าจะตายขนาดไม่เคยเห็นตัวจริงเลยนะเห็นแค่ในรูปถ่ายยังเป็นไปได้ขนาดนี้ถ้าเกิดยายนี้ได้เห็นตัวจริงไม่เป็นลมเลยเหรอ
“จริงๆๆๆสิ จะโกหกทำไมล่ะ”
“งั้นจิ้มขอตัวก่อนนค่ะคุณหญ้า จิ้มจะไปป่าวประกาศให้ทั่วทั้งบ้านเลยว่าคุณต้นกล้าจะกลับมาแล้ว
“ไม่ค่อยโอ้.....เหว่อเลยนะยายคนนี้ ดอกหญ้าบ่นกับตัวเองเบาๆๆๆเมื่อสาวใช้คนสนิทออกจากห้องไป”
“ท่าอากาศยานกรุงเทพ”
วันนี้สนามบินคนมากเป็นพิเศษ(มันก็มากแบบนี้ทุกวันแหละย่ะ) หญิงสาวตัวเล็กๆๆกำลังยืนรอรับพี่ชายของตัวเองอย่างตื่นเต้น และเธอก็ไม่ต้องยืนรอนานเพราะคนที่เธอกำลังรออยู่นั้นกำลังเข่นรถที่บรรทุกกระเป๋าเดินทางกำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอ
พี่กล้า.....เมื่อเห็นว่าพี่ชายของตัวเองกำลังจะเดินมาถึงที่จุดรอรับผู้โดยดอกหญ้าก็วิ่งกระโดดเข้ากอดพี่ชายของตัวเองอย่างแรง โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่งที่กำลังมองมายังเธอและพี่ชายด้วยสายตาแทบไม่กระพริบ
“เบาๆๆๆๆๆๆหน่อย...เจ้าหญ้านี้มันสนามบินนะไม่อายคนอื่นเขาบ้างเหรอ”
ชาติกล้าผละน้องสาวออกจากอ้อมกอดของตัวเองเมื่อเห็นคนมองกันใหญ่แล้ว
“ก็คนมันคิดถึงนี้ กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้”
ดอกหญ้าทำเสียงบ่นๆๆนิดแต่ก็แกล้งบ่นให้คนเป็นพี่ชายได้ยิน
“โอ้น้องรัก....อย่างอนเลยน่ะเดียวกลับถึงบ้านจะให้กอดจนหายคิดถึงเลยเอาไหม”
ค่ะ...คนที่กำลังงอนอยู่เงยน่ามามองพี่ชายแล้วก็เอ่ยชวนพี่ชาย
“งั้นเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”
เมื่อสองพี่น้องพากันเดินจูงมือกันเดินออกจากสนามบินไปแล้ว ภาคินที่ยืนมองบุคคลทั้งคู่อยู่ตั้งแรกๆๆก็เอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆๆ ไอ้หมอนั้นเป็นใครกันว่ะทำไมถึงได้สนิทกับยั้ยเด็กดอกหญ้าขนาดนั้นจัง
“เฮ้ย.......ไอ้คินมองอะไรอยู่ว่ะ”
เสียงของภานุเพื่อนของภาคินปลุกให้ภาคินที่ตอนนี้กำลังงงๆๆอยู่หันมามองเพื่อน
“ป่าว....ว่ะไม่ได้มองอะไร แต่เมื่อกี้แก่เห็นผู้ชายกับผู้หญิงที่ยืนกอดกันเมื่อกี้มั้ยว่ะ”
ภาคินเอ่ยถามเพื่อนของตัวเอง
“เห็นว่ะ.....ทำไมเหรอ”
“แก...ว่าระหว่างคนสองคนนั้นเป็นอะไรกันเหรอ”
ภาคินหันมาถามเพื่อนของตัวเองและก็ยืนรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
“ข้าว่าเขาต้องเป็นแฟนกันแน่ๆๆๆเลยว่ะ แกไม่เห็นเหรอเขากอดกันกลมกันขนาดนั้นนะ”
“แกชอบผู้หญิงคนนั้นเหรอ ภานุถามเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างไม่จริงจังหนัก
“เอ่อ...ว่ะข้าชอบเขาว่ะชอบมาตั้งแต่แรกเห็นเลยแหละ”
“แต่....ข้าว่าเอ่งทำใจเสียเถอะว่ะ”
ภานุเอ่ยบอกเพื่อนพร้อมตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนที่กำลังหกจะหักอยู่ตอนนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น