ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นายอำเภอสุดหล่อกับหลานสาวผู้ว่าสุดซ่า

    ลำดับตอนที่ #1 : พบกันครั้งแรกก้อเกิดเรื่อง

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 48


    “วันนี้เป็นวันที่เซ้งที่สุดในโลกไม่รู้จะทำอะไรดีดูดูแล้วเราก็เปรียบเสมือนของที่ไร้ค่าอย่างหนึ่งเท่านั้น”



    หญิงสาวตัวเล็กผิวขาวอมชมพูนิดหน่อยนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เพราะว่าวันนี้เป็นวันหยุดปิดเทอมของเธอเป็นวันสุดท้ายแล้ว หญิงสาวนั่งนิ่งไม่ยอมพูดกับใครมาเป็นเดือนแล้วเพราะเนื่องจากการขึ้นไปกรุงเทพครั้งล่าสุดทำให้ เธอผิดหวังอย่างมากกับการที่เธอสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่กรุงเทพไม่ติดด้วยนี้จึงทำให้เธอต้องกลับมาเรียนระดับปวส. ที่ต่างจังหวัดดังเดิม



    แล้วก็ทำให้เธอได้พบเปียและเพื่อนๆ ของเปียอีก 6 คน โดยเพื่อนแต่ละคนของเธอก็มีบุคลิกนิสัยที่ค่อยข้างจะแตกต่างกัน บ้างคนก็บ้าไม่เต็มบาท บ้างคนนิ่งเงียบ บ้างก้อบ้าเอาแต่อ่านหนังสือนิยาย บ้างคนก็เอาแต่นั่งนินทาเด็กศึกษาที่เดินไปเดินมา บ้านโต็ะที่พวกเรานั่งอยู่ “สรุปแล้วพวกเพื่อนกลุ่มของเปียน่ะมันไม่ค่อยเต็มกันตั้งกลุ่มเลย”



    กริ่ง ๆ กริ่ง ๆ เสียงกริ่งของหน้าปลุกทำให้หญิงสาวที่กำลังนอนหลับอย่างสบายจนไม่อยากที่ตื่นขึ้นมาเลย



    แต่ก็จำต้องลุกขึ้นมาเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกของเธอทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย และก้ออีกเรื่องที่ทำให้ดอกหญ้าตื่นเต้นก็คือเธอจะพบเพื่อนอีก 6 คน ที่เปียจะแนะนำให้เธอรู้จัก เปียเป็นเพื่อนของดอกหญ้าที่เจอกันตอนที่ดอกหญ้าขึ้นไปสอบที่กรุงเทพ และก้อได้เจอกับเปียพอดี ทำให้ทั้งสองได้รู้จักกันและสนิทสนมกัน วันนี้ดอกหญ้านัดกับเพื่อนๆในกลุ่มกันว่าจะไปนั่งเหล่พวกนักศึกษาหน้าใหม่ๆที่เข้ามาเรียนที่นี้



    ---------------------------------------------------o/o------------------------------------------------



    “คุณลุง, คุณป้าหญ้าไปเรียนแล้วน่ะค่ะ”หญ้า หรือ ดอกหญ้าที่เพื่อนเพื่อนในกลุ่มใช้เรียกกัน แต่ถ้าเกิดอาจารย์จะเรียกน่ะต้องเรียก “เปรมนิสา”คือชื่อของเธอดอกหญ้าออกจากบ้านไปด้วยอารมณ์ดีแต่เช้าทำให้ ลุงกับป้าของเธอต่างยิ้มให้กัน แต่พอออกจากบ้านไปได้ไม่นานรถจักรยานยนต์ของเธอก็เกิดยางแบนขึ้นมาอย่างกะทันหัน



    ดอกหญ้าจอดรถแล้วเดินลงมาดูล้อรถแล้วก็ต้องร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นตะปูตัว เบ้อเร้อปักอยู่ที่ล้อรถของตัวเอง



    “แล้วฉันจะไปเรียนทันมั้ยเนี้ย”



    ดอกหญ้ายืนบ่นอยู่คนเดียวโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครมายืนมองเธออยู่ทั้งนานแล้ว จนเมื่อรู้สึกรู้ตัวว่ามีใครกำลังมองอยู่ ดอกหญ้าจึงหันไปมองพร้อมกันนั้นดอกหญ้าก็ตะโกนออกไปพร้อมกับชี้หน้าชายคนนั้นว่า



    “มองอะไรไม่เคยเห็นคนหรือไงอ่ะ”



    ชายหนุ่มอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อหญิงสาวตัวเล็กๆที่ กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับล้อรถของเธอ ที่ตอนยางแบนเพราะโดยตะปูตัวเบ้อเร้อปักเข้าให้



    จนทำให้เขาต้องจอดรถแล้วลงมาดูด้วยความหวังดี แต่ไม่เป็นดังที่คาดไว้ก็เมื่อทันทีที่เธอหันมาเห็นเขาเธอก็ตะโกนและพร้อมกับชี้หน้าว่าเขาทันที ชายหนุ่มพลางคิดในใจว่า



    “ไม่หน้าเข้าไปยุ่งเลยเรา”



    เมื่อเห็นคนแปลกหน้ายังยืนยืนยิ้มอยู่อย่างนั้นดอกหญ้าเลยตามออกไปว่า



    “นายเป็นใครน่ะ” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรแต่กลับถามออกไปว่า



    “รถคุณเป็นอะไรน่ะ”



    “ตาบอดหรือไงถึงไม่เห็นว่ารถยางแบนน่ะ”



    ดอกหญ้าตอบออกไปด้วยความโมโหที่เห็นอีตานั้นมองเธอแล้วเอาแต่ยิ้ม แล้วก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น จนทำให้เธอโมโหมากขึ้นไปอีก



    เมื่อได้ยินดังนั้นชายหนุ่มก็ไม่ตอบอะไร เพราะกำลังกลั้นหัวเราะอย่างยิ่งเมื่อเห็นคนตัวเล็กที่ตอนนี้อาการโมโหกำลังเพิ่มเรื่อยๆ ชายหนุ่มทำใจจนเมื่อไม่ให้กลั้นหัวเหราะออกมาได้แล้วนั้นแหละเขาจึงถามเธอออกไปว่า



    “แล้วคุณจะทำอย่างไงต่อไป เพราะจากตรงนี้ก็ยังอีกตั้งไกลกว่าจะเข้าไปในเขตชุมชนน่ะ”



    เขาพูดออกมาจนทำให้คนตัวเล็กตอนนี้กำลังนึกอะไรออกจึงยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วก็ตะโกนร้องออกมาเสียงดังจนทำให้ชายหนุ่มที่กำลังมองเธออยู่ตกใจไปพร้อมกับเธอด้วย “คุณเป็นอะไรของคุณน่ะ ตะโกนอยู่ได้ ”



    ชายหนุ่มถามออกไป ดอกหญ้าจึงตอบออกไปทีว่า



    “คือว่าตอนนี้มันสายแล้วฉันต้องเข้าเรียนไม่ทันแน่คราวนี้น่ะ”



    ดอกหญ้าตอบออกไปเสียงอ่อยๆๆ จนทำให้ชายหนุ่มที่ตอนนี้พยายามกลั้นหัวเราะอยู่ทำให้เขากลั้นไม่อยู่จนได้ทำให้เขาหัวเราะปรื้ด ออกมาเสียงดัง



    ดอกหญ้ามองหน้าชายหนุ่มอย่างง ๆ ที่อยู่ดี ๆ เขาก้อหัวเราะออกมาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย หรือว่าเค้าเป็นคนบ้า ดอกหญ้าคิดในใจ และก้อทำท่าทางกลัวเขาขึ้นมา จนทำให้ชายหนุ่มสังเกตเห็น และทำให้เขาก้อรู้ความคิดของเธอทันทีว่าเธอคิดอะไรอยู่ เขาจึงพูดออกไปทันทีว่า



    “นี้คุณอย่างมองผมแบบนั้นสิครับผมไม่ใช้คนบ้าอย่างที่คุณคิดน่ะ”



    “ใครไปว่านายบ้าล่ะฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยน่ะ นายคิดไปเองตั้งหากล่ะ”



    ดอกหญ้าแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เมื่อรู้ว่าเขารู้เท่าทันความคิดของตัวเอง ทั้งที่จริงในใจของเธอตอนนี้เธอก้อยังกลัวเค้าอยู่เพราะในใจของเธอคิดว่าเขาบ้าเต็มๆ เลยแหละ



    เมื่อได้ยินอย่างนั้นชายหนุ่มจึงถามดอกหญ้าว่า



    “แล้วคุณจะทำยังไงล่ะหรือว่าคุณจะไปกับผมก่อนก็ได้น่ะเดียวผมขับไปส่งไปมั้ย”



    เมื่อได้ยินดังนั้นดอกหญ้าจึงมองหน้าชายหนุ่มคนนั้นอย่างแปลกๆ และลังเลว่าจะไปดีหรือไม แต่ก็ลังเลอยู่ได้ไม่นานแหละ เธอก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้น



    ” เอ้าตกลงจะไปมั้ยคุณ ถ้าไม่ไปผมไปก่อนแล้วน่ะ แต่ผมขอบอกอะไรไว้อย่างน่ะว่าแถวนี้น่ะไอ้พวกขี้ยามีเยอะน่ะ”



    เมื่อได้ยินดังนั้นดอกหญ้าจึงกระโดดขึ้นรถเค้าทันทีเมื่อเห็นว่า เค้าทำท่าจะออกรถไปแล้ว เมื่อชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก้อต้องกลั้นยิ้มเอาไว้อีกครั้งเพราะว่าถ้าเกิดคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างคนเห็นน่ะมีหวังเขาต้องโดนอะไรเข้าสักอย่างอีกแน่ ๆ



    ขึ้นมาได้สักพักชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกมาว่า



    “นี้คุณเราคุยกันมาตั้งนานแล้วผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย ผมชื่อภาคิน”



    ภาคินแนะนำชื่อตัวเองเสร็จสัพ แต่คนข้างตัวเค้ายังไม่ตอบคำถามที่เขาถามเลยจน



    ภาคินต้องถามใหม่อีกครั้ง



    “นี้คุณจะไม่บอกผมจริงๆ เหรอว่าคุณชื่ออะไรน่ะ”



    “ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย”



    “น่าบอกนิดน่ะก้อคนมันอย่างรู้จักนิน่ะบอกหน่อยน่ะ”



    ภาคินแกล้งทำเสียงให้น่ารักที่สุดแต่ดอกหญ้ากลับคิดเสียงนั้นน่ะแต่ะปากที่สุดเลย



    ดอกหญ้าไม่ยอมบอกอะไรภาคินเลยนอกจากนั่งทำหน้าบึงอยู่อย่งนั้นแหละจึงทำให้เค้าไม่กล้าถามเธออีก จนกระทั้งมาถึงวิทยาลัยของเธอ ดอกหญ้ากล่าวขอบคุณเขา



    “ขอบคุณน่ะ”



    “ฉันชื่อดอกหญ้า”



    บอกเสร็จดอกหญ้าก้อเดินเข้าวิทยาลัยเลยโดยไม่หันมามองคนที่อยู่ในรถเลยจนทำให้ มองไม่เห็นว่าคนที่นั่งอยู่ในรถน่ะตอนนี้กำลังยิ้มหน้าบานเลย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×