ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Freedom Unite Story

    ลำดับตอนที่ #7 : EP 006 อินทรีเฒ่าทมิฬ (Blademaster Sixsabers)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 54


                     ...ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของอสูรร้ายตนหนึ่ง กายของมันมีสีแดงดั่งชาด ร่างกายใหญ่โตกำยำสูงมากกว่าสิบศอก เขี้ยวยาวโง้วจนแทบจะเสียบทะลุหมู่เมฆ นัยตาดั่งเพลิงที่กำลังลุกไหม้ อสูรร้ายฉีกร่างมารดาของพระองค์จนสิ้นราวกับเศษผ้า จากนั้นก็มีไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญร่างของพระองค์ส่องสว่างไปทั่วทั้งราชอาณาจักรกลาดิออส และมีฝนสีทองตกลงมาทั่วทั้งแผ่นดิน แม้ฝนนั้นยังคงตกอยู่ แต่หาได้ทำให้เพลิงโลกันตร์นั้นดับลงแต่อย่างใด ร่างของพระองค์มอดไหม้จนสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ แม้สายลมก็มิอาจแตะต้อง แม้ผืนดินก็มิได้สัมผัส แม้อากาศก็มิได้ตกกระทบ ราวกับพระองค์ไม่หลงเหลือตัวตนอยู่บนโลกอีกเลย
     
                    พระราชาไครอสสะดุ้งตื่นจากบรรทม พระเสโทชุ่มไปทั่วทั้งพระวรกาย ทุกสิ่งเป็นไปตามที่เด็กสาวผู้นั้นกล่าวทุกประการ เมื่อทรงตระหนักได้ดังนั้นก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในพระหฤทัย อวสานแห่งพระองค์จะมาถึงแล้วหรือนี่?
     
                    เมื่อทรงเล่าความฝันดังกล่าวแก่ราชินีเมอา ก็ทรงตื่นตระหนกตกพระทัยไม่แพ้กัน พระราชาไครอสไม่ออกว่าราชการในวันรุ่งขึ้น พระราชบัลลังก์ที่เคยเรืองรองงามสง่าบัดนี้กลับหม่นหมองราวกับเป็นเพียงตอไม้ที่ตายแล้ว ทั้งยังรู้สึกร้อนรุ่มในพระอุระประหนึ่งพระสุบินนั้นเป็นเรื่องจริง
                   
                    "ข้าฯ ยู่ซือ คารวะฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นหมื่นปี"
                    อำมาตย์เฒ่าคุกเข่าลงคารวะพระราชาไครอส ดวงตาหรี่เล็กนั้นเฉียงหางตาขึ้นเล็กน้อยดุจตาของพญาอินทรี จมูกงองุ้ม ริมฝีปากบางแต่แห้งกร้าน ใบหน้าเหี่ยวย่นไปตามสังขารที่ร่วงโรยมาแล้วถึง 56 ปี สวมชุดอย่างดีสีเขียวมรกตขลิบขอบทอง สวมหมวกทรงสูงสีเดียวกัน มือซ้ายถือพัดขนนกยูง
                    "ข้าดีใจที่ท่านมา" พระราชาไครอสฝืนยิ้ม "ได้ยินว่า ท่านให้ใครต่อใครในราชสำนักกล่าวขานตนว่า อินทรีเฒ่าทมิฬอย่างนั้นรึ"
                    "ขอเดชะ แม้ตัวข้าฯ เป็นอินทรีก็เป็นได้แค่อินทรีเฒ่าที่โรยรา หมดสิ้นซึ่งพิษสงอันเกรียงไกร เทียบกับฝ่าบาทดุจดั่งพญามังกรผู้ครอบครองทั่วผืนฟ้าและปฐพี ไม่มีผู้ใดจะเทียบเคียงบารมีเสมอเหมือนพระองค์ได้ หากแม้นเกล็ดของพญามังกรเพียงเกล็ดเดียวขยับ อินทรีเฒ่าเช่นข้าฯ คงลอยเคว้งคว้าง ตกลงกลางมหาสมุทรสุดสิ้นบุญกรรมเป็นแน่แท้พระเจ้าข้า"
                    พระราชาไครอสได้ฟังก็คลายความกังวลพระทัยไปได้เปราะหนึ่ง รู้สึกหึกเหิมขึ้นในทันที เหล่าขุนนางต่างจ้องมองอำมาตย์เฒ่าด้วยจิตริษยา ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่า การที่ยู่ซือได้มาเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ ผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมากที่สุด เพราะความประจบสอพลอดั่งสุนัขที่ชอบเลียแข้งเลียขาผู้เป็นนายนั่นเอง
                    "ที่ข้าเรียกท่านมาในวันนี้ ก็เพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษาท่าน"
                    "ข้าพอจะทราบเรื่องอยู่บ้าง ขอได้โปรดฝ่าบาทเล่าความฝันให้ข้าฟังเถิดพระเจ้าข้า"
                    พระราชาไครอสแอบชื่นชมอำมาตย์คนสนิทของตนอยู่ในพระทัย ทรงเล่าสุบินของพระองค์ให้ฟัง อำมาตย์เฒ่าหลับตาพลางจับยามบนฝ่ามือของตน
                    "สุบินของพระองค์มิได้ซับซ้อนเพียงใดเลย ทรงเห็นพระมารดานั่งกรรแสงในความมืด หมายถึง เรื่องราวในอดีตของพระองค์จะก่อให้เกิดหายนะขึ้นในอนาคต มารร้ายที่ปรากฏฉีกร่างพระมารดาและเผาพระองค์ด้วยไฟบรรลัยกัลป์ หมายถึง จะเกิดศึกใหญ่ที่ร้ายแรงต่อราชอาณาจักรในอนาคตกาลข้างหน้า จะมีผู้กล้าท้าทายอำนาจและบารมีของพระองค์ปรากฏตัวขึ้น และเอ่อ..."
                    "ว่าต่อไปสิ"
                    พระราชาไครอสกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองด้วยเพราะสุบินของพระองค์แจ้งข่าวร้ายมาให้
                    "ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระอาญามิพ้นเกล้า นี่เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นในพระสุบินของพระองค์ ข้าฯ เพียงแต่ทำนายออกมาด้วยวิชาความรู้ที่ข้าฯ สั่งสมมานานหลายสิบปี เอ่อ... ได้โปรด...ละเว้นชีวิตข้าฯ ด้วย"
                    "หมายความว่าอย่างไรกัน ฝันของข้ามันร้ายแรงเพียงใด พูดออกมาซิ"
                    "เอ่อ... ในสงครามครั้งนี้อาจร้ายแรงถึง... ชีวิตของพระองค์ หรือของพระบรมวงศานุวงศ์ พระเจ้าข้า"
                    เสียงเหล่าขุนนางต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอื้ออึงทั่วท้องพระโรง บรรดาขุนศึกผู้ห้าวหาญต่างลุกขึ้นชี้หน้าอำมาตย์เฒ่า
                    "สามหาว! นี่เจ้ากล้าเอ่ยวาจาจาบจ้วงให้ระคายเคืองเบื้องจะยุคคลบาทถึงเพียงนี้เชียวรึ ทหาร! เอาตัวไอ้อำมาตย์ปากเสียคนนี้ไปประหาร"
                    "ช้าก่อน" กษัตริย์ไครอสทรงปราม "ข้าเป็นคนขอให้ท่านยู่ซือทำนายความฝันเอง แต่ข้าไม่นึกเลยว่าเรื่องราวมันจะร้ายแรงถึงเพียงนี้เชียวรึ แล้วข้าจะรอดจากสงครามครั้งนี้หรือไม่"
                    "ขอเดชะ คำทำนายในครั้งนี้เป็นลิขิตจากสวรรค์ ข้าฯ นั้นสุดจะทราบ"
                    อินทรีเฒ่าแม้จะตระหนกหวาดผวาในอาญาของตน แต่ความรู้ความสามารถที่ตนเองมีนั้นทำให้สงบเยือกเย็นอยู่ได้
                    "แต่ว่า... เมื่อไม่อาจทราบได้ว่าฝ่ายใดจะชนะในสงคราม ก็มิได้หมายความว่ากลาดิออสจะปราชัยพระเจ้าข้า ในเมื่อเรามีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน มีอาวุธยุทโธปกรณ์เพรียบพร้อมที่สุดในใต้หล้า มีนักรบผู้แกล้วกล้าอยู่มากมาย และมีเหล่าขุนนางผู้ทรงสติปัญญาเลิศล้ำเหนือกว่าทุกอาณาจักร แน่นอนว่ารวมข้าฯ ด้วย"
                    "แต่ว่าข้าก็ไม่สบายใจอยู่ดี" กษัตริย์ไครอสตรัส "แค่เด็กสาวตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว ยังบุกเข้ามาถึงงานเลี้ยงชั้นสูงได้โดยไม่มีใครเห็น ต่อไปข้าคงถูกฆ่าขณะบรรทมโดยไม่มีใครเห็นเป็นแน่"
                    "ขออย่าได้ทรงวิตกกังวลไป อุปมาดั่งแมลงวันที่บินผ่านม่านเข้ามา แต่ทำได้เพียงแค่ตอมคนให้รำคาญใจฉันใด เด็กสาวคนนั้นก็เป็นได้แค่แมลงวันที่ข้าฯ กล่าวถึงฉันนั้นพระเจ้าข้า"
                    "ที่ท่านพูดหมายความว่าอย่างไรกัน"
                    อำมาตย์เฒ่าอธิบายข้อสงสัยทั้งหมดที่กษัตริย์ไครอสทรงมีต่อเหตุการณ์เมื่อวานได้อย่างกระจ่างแจ้งหมดจดดั่งแสงที่ปราศจากเงา ความทระนงอันเกรียงไกรของพระองค์ก็กลับมาดั่งเดิม ทรงว่าราชการต่อไปได้โดยไม่ทุกข์ร้อน และทรงหมายมั่นจะคว้าชัยในสงครามแห่งหายนะ...





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×