ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Freedom Unite Story

    ลำดับตอนที่ #11 : EP 008 : เมื่อขนมปังขยับได้ (by.ปลาทองแก้มป่อง)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 54


                    “นายหญิงน้อยขอรับ หิมะตกอีกแล้ว”

                    มือเล็ก ๆ สะกิดเขี่ยไปมาบนต้นแขนขาวอวบ  เจ้าของร่างนั้นเหลือบหางตาทางไปที่หน้าต่างที่ขุ่นมัวด้วยไอหนาวของปุยหิมะสีขาวสะอาดตาอย่างไม่ใส่ใจ  สำหรับโดโรธีนั้นการเห็นหิมะเป็นสัญญาณเดียวที่บอกว่าพรุ่งนี้ลูกค้าจะแน่นร้าน  ต่อให้สภาพอากาศอลิซเชียจะโหดร้ายทารุณจับขั้วหัวใจหรือกองหิมะจะสูงท่วมท้นเพียงใด  ร้านของเธอคงเป็นร้านเดียวในศูยน์การค้าที่มีคนรอต่อคิวเข้ายาวที่สุด  จากเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงสรรพคุณที่ดูเกินเหตุของขนมปังตระกูลไดเทสที่มอบความอบอุ่นแก่ร่างกายได้ดียิ่งกว่านั่งหน้าเตาผิงเป็นไหน ๆ  ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องนี้จริงเท็จประการใด  เล่ากันว่าเลือดในกายจะสูบฉีด  กล้ามเนื้อที่สั่นเกร็งจะผ่อนคลาย  พลังงานความร้อนจะแผ่ซ่านไปทั่วร่าง  กำลังวังชาจะหวนคืนแทนที่ความอ่อนล้าหลังจากที่ได้กัดขนมปังไปเพียงแค่หนึ่งคำ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร สูตรเด็ดเคล็ดลับประจำตระกูลนี้จะถูกส่งต่อเมื่อย่างเข้าสู่วัยเบญจเพศเท่านั้น ยังเหลือเวลาอีกตั้งเจ็ดปีกว่าเธอจะได้รับช่วงสืบทอดกิจการต่อ  ตอนนี้เธอทำได้แค่ครูพักลักจำจากแม่เท่านั้น

                    “ยังเห็นไม่ชินอีกหรือไง...ลงไปเอาฟืนข้างล่างมาเพิ่มซิ”

                    โดโรธีเบือนหน้าหนี ก้มหน้าก้มตาหันเหความสนใจกลับไปสู่ก้อนแป้งในมือดั่งเดิม

     

                      ค่ำคืนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน หิมะโปรยปรายคล้ายละอองเกสรจากฟากฟ้า  เด็กน้อยโดโรธีนอนหนาวสั่นอยู่บนเตียงภายใต้ผ้านวมผืนใหญ่ที่ไม่ช่วยอะไร  แสงไฟสีแดงริบรี่ใกล้มอดเต็มทีของเศษฟืนที่แม่จุดให้เธอก่อนนอน มันอันตรายเกินกว่าที่เด็ก ๆ จะใช้เตาผิง เธอจำประโยคนี้ได้ดีเมื่อเธอลองออดอ้อนขอแม่จุดกองไฟในห้องเอง  เด็กหญิงพยายามข่มตาลงให้หลับแล้วแต่ความสั่นสะท้านและเสียงฟันกระทบกันกึก ๆ กำลังรบกวนการนอนของเธอ โดโรธีเคลื่อนตัวลงจากเตียงหันไปคว้าผ้านวมผืนโตมาคลุมตัวไว้  ชายของมันยาวระพื้นเหมือนผ้าคลุมของราชินีในนิทานก่อนนอน  เธอเอื้อมมือจับลูกบิดประตูแต่ก็ต้องสะดุ้งชักมือหนี  ฝ่ามือเล็ก ๆ ประกบถูกันไปมาให้เกิดความอบอุ่นพอที่จะสู้กับความเย็นเฉียบของลูกบิดประตู  ดวงตาเล็ก ๆ ลอดมองผ่านบานประตูที่แง้มไว้  ความมืดมิดปกคลุมทุกสิ่งยกเว้นสิ่งเดียวคือความกลัวในใจ  เธอค่อย ๆ ก้าวเท้าออกไปช้า ๆ  ฝ่ามือระไปตามผนังไม้ที่เย็นชื้นหวังเป็นที่พึ่ง  ในที่สุดนิ้วมือข้างขวาก็สัมผัสอะไรบางอย่างที่คลับคล้ายครับคลาบานประตู ห้องของแม่อยู่นี่เอง  เด็กน้อยแง้มประตูห้องนั้นโดยที่ไม่ลืมจะถูฝ่ามือก่อน  เธอเห็นร่างของหญิงวัยสี่สิบต้น ๆ ของผู้เป็นแม่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง หน้าอกเคลื่อนไหวขึ้นลงตามลมหายใจแผ่วเบาคงที่  เธอเพิ่งสังเกตเห็นริ้วรอยบางเบาบนใบหน้าเรียวเล็กที่มีรอยยิ้มตรงมุมปาก  ฝ่ามือเล็กลูบเส้นเรือนผมสีน้ำตาลทองที่แผ่สยายเต็มหมอน  แม่คงกำลังหลับฝันดีและเธอไม่ควรรบกวนท่าน โดโรธีเดินย่องออกจากห้องนั้น  ฝ่ามือยังคงกวาดสะเปะสะปะไปทั่วจนสัมผัสกับราวบันได  เธอจับยืดมันไว้แน่นพร้อมหย่อนเท้าลงไปตามขั้นอย่างมั่นคง  ก้าวแล้วก้าวเล่าจนถึงทางเดินข้างล่าง  มีแสงไฟสลัวสาดลอดออกมาจากทางห้องครัว แม่คงลืมดับตะเกียงเป็นแน่  เธอผลักประตูไม้เข้าไป  ภายในเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำครัวมากมาย  มีเตาอบหลังใหญ่ทำจากอิฐอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง  บนโต๊ะไม้มีถังแป้งที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวบางเพื่อเตรียมไว้สำหรับวันใหม่  เด็กสาวเหลือบมองไปเห็นกองเศษแป้งที่นวดผสมแล้ววางทิ้งไว้  เธอจึงหยิบมันขึ้นมาปั้นเล่นเลียนแบบเหมือนที่แม่เคยทำเป็นรูปมนุษย์จิ๋ว  ไม่นานความง่วงเริ่มกลับมาเยือนเธออีกครั้ง  เธอคว้าตะเกียงไฟก่อนเดินขึ้นไปบนห้องนอนโดยไม่ลืมเอาเจ้าก้อนแป้งนั้นติดมือมาด้วย 

                    “อยู่ข้างล่างนั้นคงหนาวแย่ซินะ  เรามานอนกอดกันบนเตียงดีกว่าเนอะ”

                    โดโรธีลูบก้อนแป้งนั้นอย่างรักใคร่ซุกเอาไว้ในอ้อมกอดแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา  แต่ไม่นานเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นจากบางสิ่งที่กำลังขยุกขยิกในอ้อมแขน  มีเสียงโอดครวญอู้อี้แว่วเข้ามา  เธอหันหน้ามองซ้ายขวาตามกลางความงัวเงีย เมื่อก้มลงมองถึงแรงกระตุ้นแถวต้นแขนดวงตาเธอก็เบิกโพลง  ก้อนแป้งรูปคนกำลังเอามือกระจ้อยร่อยดันแขนเธออยู่  เธอเอามือขยี้ตาพร้อมเพ่งมองลงอีกครั้ง

                    “นายหญิงน้อย...ท่านกอดข้าแน่นไปนะขอรับ”                      

    ตาเธอไม่ได้ฝาด หูเธอไม่ได้แว่ว  เธอนอนแข็งนิ่งแต่เจ้าก้อนแป้งนั้นกำลังขยับและพูดกับเธอจริง ๆ เธอไม่ได้กำลังฝันด้วย ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านจากภาพตรงหน้า

    “ท่านหนาวหรือขอรับ”

    โดโรธีรีบสะบัดหัวอย่างแรงยังไม่อยากเชื่อกับภาพตรงหน้า  เจ้าก้อนแป้งกำลังพยายามโอบแขนเธออยู่  หัวกลม ๆ คลอเคลียแนบอยู่ที่ผิวเธอ  ความอบอุ่นแผ่กระจายไปทั่ว  ความกลัวก็เหมือนจะถูกหลอมละลายไปด้วย  รอยยิ้มปรากฎที่หน้าเล็ก  การสนทนาระหว่างเด็กน้อยกับก้อนแป้งเริ่มขึ้น เสียงหัวเราะคิกคักอบอวนภายในห้อง
                    “ฉันง่วงแล้วล่ะ เจ้าก็นอนได้แล้วนะ”

    รุ่งอรุณวันใหม่มาถึง  ดวงตะวันทอแสงเรืองรอง  เสียงนกร้องจิ๊บ ๆ อยู่ข้างหน้าต่าง  เด็กน้อยลืมตาตื่นขึ้นมา  มือควานหาก้อนแป้งเพื่อนเกลอเมื่อคืนกลับพบความว่างเปล่าตอบกลับมา  เธอยกผ้านวมขึ้น ก้มตัวลงมองใต้เตียง วิ่งไปเปิดตูเสื้อผ้า เธอค้นหาทั่วห้องแต่ไม่มีแม้แต่เงา

    “ตื่นแล้วเหรอโดโรธี...นั้นลูกกำลังหาอะไรอยู่จ้ะ”

    แม่เปิดประตูเข้ามา เห็นลูกสาวตัวน้อยก้ม ๆ เงย ๆ อยู่บนเตียง

    “แม่เห็นเจ้าก้อนแป้งน้อยของหนูไหมค่ะ”

    “ก้อนแป้งอะไรกันลูก...ว่าแต่ลูกเอาคุ้กกี้ขึ้นมากินบนเตียงเหรอจ้ะเนี้ย  ลงไปกินข้าวเช้ากันเถอะจ้ะ”

    แม่ปัดเศษผงขนมปังออกจากเตียง โน้มตัวพรมจูบที่หน้าผากของลูกสาวสุดที่รัก หันมายิ้มให้ก่อนเดินจากไป

    “เจ้าก้อนแป้ง...เจ้าหายไปไหนนะ”


    นั้นคงเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่โดโรธีได้พบเจอกับเรื่องราวมหัศจรรย์ของขนมปังมีชีวิต  เธอเคยคุยกับแม่ในเรื่องนี้แต่ท่านกลับคิดว่ามันเป็นจินตนาการของเด็ก ๆ ที่อยากให้สิ่งของรอบตัวมีชีวิตจิตใจ แต่เธอค่อนข้างแน่ใจว่ามันเป็นเรื่องจริง  คืนหนึ่งโดโรธีจึงปั่นก้อนแป้งให้กลายเป็นขนมปังรูปสุนัขแล้วสั่งให้มันขึ้นไปหาแม่ข้างบนห้องนอนเพื่อพิสูจน์ว่านี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นที่เธออุปมาคิดไปเอง  แต่ก่อนที่แม่เธอจะเชื่อท่านก็เกือบเป็นลมล้มตึงไปเหมือนกัน

    “นายหญิงน้อย...ฟืนมาแล้วขอรับ”

    เจ้าก้อนขนมปังตัวเมื่อครู่ยกกองฟืนสูงมิดหน้าขึ้นมา  สงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันเอาตาที่ไหนดูทาง  แม้ว่าเธอจะไม่ได้วาดลูกตาบนเนื้อแป้งนั้นจริงๆ ก็เถอะนะ

    “ถ้าจุดไฟเสร็จแล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ”

    กองไฟลุกโชติช่วงลามเลียเนื้อแป้งสีขาวนวลที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความร้อนที่กำลังแผดเผามันอยู่  เมื่อเตาผิงร้อนได้ที่ตามคำบัญชาของนายหญิงน้อย  ตัวมันก็เริ่มปริแตกทีละเล็กทีละน้อยกลายเป็นผุยผงกองอยู่ตรงนั้น


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×