คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บท 9 ( 100 %)
“นี่หนู คนป่วยของเธอเขาคอยเธอตั้งนานแหนะ ไม่ยอมกินอะไรเลย ให้ตายเหอะ”
เลโอเน่คุณหมอประจำคลินิกบ่นปนฉุนให้มะม่วงฟัง จากนั้นร่างหนาใหญ่ของเขาก็จากไปทำหน้าที่ประจำวัน
มะม่วงฟังเสร็จ ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ครอบครัวรวมถึงคนสนิททุกคนทราบดีว่าเธอให้ความสำคัญกับการทานอาหารให้ตรงเวลาเสมอ เพราะถ้าทานอาหารผิดเวลานั่นเป็นสาเหตุให้เกิดโรคกระเพาะ แล้วนี่คนที่ร่างกายยังไม่ปกติทำไมถึงได้ทำร้ายตัวเองขนาดนี้ได้
อีวานจับจ้องร่างระหงที่ห่อหุ้มด้วยชุดเดรสสีน้ำตาลไหม้มีลายปักเก๋ไก๋สั้นเหนือเข่าเล็กน้อย โชว์ขาเนียนขาวสวย เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งทุกครั้งที่ข้อเท้าเล็กขยับ เรียวแขนสวยราวลำเทียนจับสายย่ามใบใหญ่แน่น เขาแอบนิ่วหน้าเมื่อเห็นของที่เธอหอบหิ้วมาด้วยทุกครั้ง มันมีทั้งสมุดภาพ ดินสอ และอะไรต่าง ๆ อีกมากที่สร้างน้ำหนักให้กับไหล่บางข้างนั้น
ผมหยักศกสีน้ำตาลปล่อยคลอเคลียข้างแก้ม แต่กลับมีผ้าสีเดียวกับชุดคาดศีรษะอีกชั้น ใบหน้างดงามฉายความไม่พอใจชัดจนเขาแปลกใจ
“ลุงเลโอเน่บอกว่าคุณไม่ยอมทานอาหาร”
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องอย่างรอคำตอบ ทำให้อีวานตอบคำถามด้วยความมึนงง
“ใช่”
มะม่วงวางข้าวของไว้บนโต๊ะข้างเตียงและนั่งเก้าอี้ด้านข้าง เธอจับช้อนที่ยังวางเป็นระเบียบบนถาดก่อนตักอาหารในถ้วย ยกจ่อที่ริมฝีปากหนา ดวงตากลมมีประกายบังคับกลาย ๆ จนทำให้อีวานอ้าปากรับอาหาร และกลืนมันลงไป ขณะที่ตาสีหมอกจับจ้องผู้ช่วยพยาบาลมือใหม่ตรงหน้าอย่างงงงวย
“ทำไมถึงไม่ทานคะ รู้หรือเปล่า ว่ามันทำให้คุณหายช้า หรืออาจจะป่วยเพิ่มก็ได้ด้วย”
น้ำเสียงที่เข้มขึ้นพร้อมประกายตาดุ ทำให้อีวานเสหยิบแก้วน้ำยกขึ้นดื่ม ใครจะเชื่อ ว่าเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องไร้ความรู้สึก หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าเย็นชา กำลังโดนสั่งสอนเรื่องคุณค่าโภชนาการ แต่ที่ประหลาดยิ่งกว่าคือเขากลับไม่โกรธเธอเลย มีแต่ความอุ่นละมุนในหัวใจเท่านั้น
“แล้วทำไมคุณมาผิดเวลา” เขาเลือกใช้คำนี้แทนคำว่ามาช้า
“พอดีเมื่อวานพี่สาวฉันได้แผลกลับบ้านมานิดหน่อย ฉันเลยช่วยทำความสะอาดแผลให้ ว่าแต่คุณแจ้งความเรื่องคนร้ายหรือยังคะ”
มะม่วงอธิบายอย่างใจเย็นพร้อมตักอาหารบริการเขาไปด้วย เธอพึ่งนึกได้เมื่อเห็นสายตาแปลก ๆ ที่มองกลับมา ค่อยรู้ตัวว่าเธอทำเกินกว่าหน้าที่ซะแล้ว ก็มือเขายังใช้การได้อยู่ ควรให้เขาทานอาหารเอง แต่เพราะไอ้นิสัยที่แก้ยังไงก็ไม่หาย ทันทีที่เห็นคนใกล้ตัวไม่ยอมทานอาหารเธอเป็นต้องป้อนตลอด ก็มะนาวกับมะขามเป็นบ่อยสมัยยังเด็กจนเธอทำเป็นนิสัยไปซะแล้ว น่าตีจริง ๆ เธอนี่!!
“เรียบร้อยแล้วครับ”
อีวานขมวดคิ้วมุ่นเมื่อหญิงสาวตรงหน้าวางช้อนลงทั้ง ๆ ที่เหลืออาหารตั้งครึ่งค่อนถ้วย เธอเลื่อนถาดอาหารมาตรงหน้าเขาแทนเพื่อเป็นการบอกกลาย ๆ ว่าเขาควรทานเอง แต่อีวานกลับนิ่งเฉย ไม่ยอมแม้แต่หยิบจับสิ่งใด
มะม่วงกรอกตาอย่างจนปัญญาเมื่อภาพชายหนุ่มใบหน้าสวยงามทว่าแฝงความแข็งแกร่งเฉกเช่นบุรุษเรียบเฉย ดวงตาคู่คมมองสบเธอนิ่งไม่วอกแวก มือแกร่งวางบนตัก หลังเหยียดตรง ถ้วยอาหารเช้ายังอยู่ที่เดิมหลังจากผ่านไปสิบกว่านาที มีเพียงความนิ่งเงียบเป็นคำตอบ เธอถอนหายใจอย่างจนใจ ก่อนจำต้องหยิบช้อนแล้วเริ่มบริการเขาต่อ
เมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้าทำให้ริมฝีปากยกยิ้มอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน อีวานอ้าปากรับอาหารที่ไร้รสชาติแต่กลับมีความสุขที่สุดเท่าที่เคยกินมา ดวงตาที่มีเพียงความว่างเปล่าเป็นนิจมีประกายสมใจเล็ก ๆ
“ผมหาบ้านได้แล้ว คุณช่วยไปดูเป็นเพื่อนผมได้หรือเปล่า ผมไม่ชอบนอนในที่ ๆ ไม่ใช่ของผม”
มะม่วงเอียงศีรษะนึกคิด ก่อนให้คำตอบ
“แต่ฉันไม่ใช่คนที่นี่ แล้วก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องที่อยู่อาศัยเท่าไหร่ คงช่วยคุณไม่ได้หรอกค่ะ”
อีวานมองท่าทีของมะม่วง คำตอบที่เด็กอนุบาลก็เดาได้ว่าปฏิเสธ ทำให้ใบหน้าที่อ่อนละมุนกระด้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แต่น้ำเสียงกลับปกติขัดกับความรู้สึกภายใน
“ผมก็เป็นคนที่อื่นเหมือนกัน ไม่มีใครที่ผมรู้จักที่นี่ ยกเว้นคุณ ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน อยู่ยังไงเพราะถ้าผมเป็นอะไรไป จะได้มีคนรับรู้เรื่องนี้ ไม่ใช่เงียบไปเฉย ๆ “
มะม่วงตาโตกับท่าทีเฉยเมยราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องความเป็นความตาย คนร้ายเป็นใครก็ไม่รู้ แค่นี้เธอก็วิตกมากพอแล้ว ต้องพูดให้เธอรู้สึกผิดอีกหรือไง
เดี๋ยวจะมาต่อให้นะคะ แนะนำติชมกันได้ค่ะ ^__^
มาต่อให้ละค่ะ นานจนลืมมมมมม (เค้าขอโทษ T^T)
“แล้วคุณจะไปเมื่อไหร่ละคะ”
มะม่วงยอมแพ้ขณะเก็บถ้วยชามไปด้วย ไม่รู้ทำไมเธอถึงปฏิเสธเขาไม่ลง แถมยังเป็นห่วงเขาราวกับเป็นคนสำคัญของเธอ
“วันนี้ครับ
เดี๋ยวผมเปลี่ยนชุดแล้วเราไปกันเลยนะ”
ประกายยิ้มเล็ก
ๆ ในดวงตาสีหมอกทำให้มะม่วงอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ รู้สึกดีไปกับเขาด้วย
“ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็มาหาลุงนะ ลุงยินดีเสมอ”
มะม่วงไหว้ขอบคุณพร้อมยิ้มหวาน
ในขณะที่อีวานพยักหน้าเพียงนิดให้กับคุณหมอเลโอเน่
เธอจะช่วยพยุงอีวานแต่เขากลับสั่นหัวพร้อมยกมือห้าม
แถมยังจะยึดย่ามใบโตของเธอไปถือซะเองทำให้เธอต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับเขา ก็เขาไม่มีสัมภาระอะไรสักอย่าง
ร่างกายก็พึ่งโดนทำร้ายมา จะให้มาใช้แรงมากได้ยังไง
ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปอย่างเชื่องช้าทว่ามั่นคง
เพราะมะม่วงเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของอีวานทำให้เธอเดินช้าเผื่ออีกฝ่ายอาจต้องการความช่วยเหลือ
ส่วนอีวานที่เลือกเดินไปพร้อม ๆ กับมะม่วงก็เพราะเขาเริ่มเกลียดความเงียบเหงา เดียวดายที่ผูกติดเป็นเงาตามตัวเขามาตั้งแต่เกิด
ทันทีที่ถึงบ้านซึ่งมีคนของอีวานมารับ ที่ถนนเส้นหลัก
มะม่วงถึงกับยืนเหม่อ ตาโตกับความยิ่งใหญ่ของมัน
สงสัยความหมายว่า บ้าน ของเขากับเธอคงต่างกันมาก
ความสวยงามและศิลปะของบ้านทำให้เธอไม่สามารถละสายตาไปได้ง่าย
ๆ แต่ก็แปลกที่มีคนของอีวานยืนกันทุกจุดที่คาดว่าเป็นมุมอับสายตา
มีทั้งเดินตรวจตราบริเวณทางเข้าบ้านด้วย
ไหนจะกล้องวงจรปิดที่มีแทบทุกที่
นี่เธอกำลังช่วยเหลือใครกัน??
อีวานมองแววตาคลางแคลงใจ
ที่กำลังจับจ้องเขาในตอนนี้ เขาทำได้เพียงเชิญเธอนั่งโซฟารับแขกหรู จากนั้นคนของเขาก็บริการเครื่องดื่ม
“นี่เป็นที่พักชั่วคราวระหว่างที่ผมรักษาตัว ผมอยากให้คุณมาอยู่เป็นเพื่อนผม”
มะม่วงแทบสำลักน้ำ ทันทีที่ได้ฟังประโยคเมื่อครู่
“วะ
ว่าไงนะคะ”
ดวงตากลมโตที่ขยายมากขึ้นกว่าหนึ่งเท่า
พร้อมประกายแตกตื่นทำให้อีวานแก้คำพูดก่อนหน้าทั้ง ๆ ที่เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจ
“ผมหมายถึง แวะมาเยี่ยมเยียนผมบ้าง
เพราะผมไม่มีใคร”
ความจริงจังที่มะม่วงสัมผัสได้
ทำให้เธอเผลอรับปาก โดยไม่ได้ไตร่ตรอง ต้องยอมรับจริง
ๆ ว่าเธอใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
มะม่วงนั่งนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ
ระหว่างที่รถยนต์คันหรูแล่นออกจากบ้านของอีวาน โดยมีเพื่อนร่วมทางเป็นหนุ่มร่างหนา
ตัวสูงใหญ่ ตาสีทองกระจ่างใสที่มีประกายเป็นมิตร
แต่กลับเงียบขรึมเหมือนกันกับเจ้านาย
“ถ้าคุณมะม่วงต้องการเดินทางมาที่นี่
กรุณาโทรแจ้งกับผมด้วยนะครับ เดี๋ยวผมมารับเอง”
มักซิมรับรู้ถึงความสำคัญของสาวสวยตรงหน้า
เขาจึงให้ความเคารพไม่ต่างจากอีวาน แม้ระยะเวลาที่เขาได้รู้จักเธอจะน้อยมาก
แต่เขาสัมผัสได้ว่าเธอแตกต่างจากพวกเขาอย่างสุดคั่ว เหมือน ขาวกับดำ
“เรียกมะม่วงเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ ส่วนเรื่องการเดินทาง
มะม่วงไปเองน่าจะสะดวกกว่า รบกวนเปล่า ๆ”
“ไม่ต้องเกรงใจครับคุณมะม่วง
เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ให้ผมได้ทำหน้าที่ของผมดีกว่า
ถ้าเจ้านายผมรู้เข้ามีหวังโดนตัดเงินเดือนแน่ครับ”
มะม่วงจำต้องถอนหายใจอย่างยอมแพ้กับท่าทางขึงขังของคนร่วมทาง
“เอาอย่างงั้นก็ได้ค่ะ”
มักซิมอมยิ้มกับท่าทางยอมจำนนของเธอ
เขารู้สึกถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้มากกว่าคู่นอนทุกคนของอีวาน
ถึงเจ้านายเขาจะขึ้นชื่อเรื่องไร้ซึ่งความรู้สึก
แต่เรื่องผู้หญิงก็มีบ้างสำหรับบุรุษเพศ
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ พอดีอยากวาดรูปสักรูป”
ท่าทางกังวลของมักซิมทำให้มะม่วงต้องอธิบายเพิ่ม
ดูท่าจะเป็นคนเคร่งครัดกับคำสั่งเจ้านายเอามาก ๆ
“ไม่ต้องห่วงนะคะ อีกนิดเดียวก็ถึงที่พักแล้วค่ะ
ปกติมะม่วงก็กลับทางนั้นเป็นประจำ”
มะม่วงได้ยินมักซิมพูดอะไรบางอย่างกับคนขับรถ
ซึ่งเธอฟังไม่เข้าใจ ก่อนที่รถจะหยุด
“ขอบคุณมากนะคะ”
มะม่วงยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้มจาง ๆ
ก่อนเดินหาสถานที่ที่เธอเล็งไว้แล้วเริ่มต้นร่างโครงสร้างภาพและไม่ได้สนใจสิ่งใด ๆ
อีก
“อย่าปล่อยให้เธอเดินทางคนเดียวเด็ดขาด
ส่งคนคอยติดตามเธอตลอดเวลา”
อีวานเอ่ยเสียงเข้มหลังจากได้ฟังรายงานของมักซิม
“แต่ว่า “
“ไม่มีคำว่าแต่”
ประกายตาคมเหี้ยมขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้มักซิมรีบก้มหน้าหลบพร้อมรับคำอย่างแข็งขัน อีวานรู้สึกได้ว่า ตั้งแต่เธอให้ความช่วยเหลือเขา ชีวิตของเธอนับจากนี้ไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน และเขาจะไม่ยอมให้แม้แต่ปลายผมเธอเสียหายเด็ดขาด
ขอโทษที่หายไปนานมาก ๆ แต่จะพยายามค่ะ
ความคิดเห็น