คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บท 5
บท 5
หลังจากที่มะนาวทราบเรื่องจากน้องคนเล็กเธอค่อยสบายใจขึ้น แม้ความรู้สึกผูกพันที่รับรู้ว่ามะม่วงยังปลอดภัยแต่คนเป็นพี่ก็อดกังวลไม่ได้
มะนาวเดินดูเสื้อผ้าแบรนด์ดังในร้านที่ได้รับความนิยม ดวงตาสดใสไล่มองลักษณะของผ้าที่ใช้ รูปแบบการตัดเย็บรวมถึงสีสันลวดลายต่าง ๆ ที่ประกอบกันบนตัวผ้า ด้วยความสนใจใคร่รู้
อันนาเจ้าของร้านปล่อยให้สาวน้อยชาวเอเชียเลือกดูสินค้าในร้านอย่างเป็นกันเอง ด้วยกริยามารยาทของเธอช่างน่าดูชมไปหมด รอยยิ้มที่จริงใจบวกกับความอ่อนน้อม ทำให้เธออดเอ็นดูไม่ได้
เธอมองสายตาบรรดาลูกค้าสาว ๆ ในร้าน ที่กำลังจับจ้องแม่สาวเอเชียออก ว่ามันมีทั้งชื่นชมและริษยาปะปนกันไป ก็จะไม่ให้เป็นแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อสาวน้อยอยู่ในชุดแม็กซี่เดรสลายขวางสีน้ำเงินขาวแขนสามส่วนยาวถึงข้อเท้าเข้ารูป บอกได้คำเดียวว่าถ้าหุ่นไม่ดีจริง อย่าริอาจลองเป็นอันขาด!!! ด้านหน้าคอกว้างพอควรโชว์สร้อยเส้นเล็ก ส่วนด้านหลังเว้าลึกอวดแผ่นหลังขาวเนียนโดยมีเส้นผมที่ยาวถึงกลางหลังช่วยบดบังไปบ้างนิดหน่อย เสริมด้วยรองเท้าส้นเข็มที่สูงพอควร อีกทั้งใบหน้างดงามแต่งแต้มเพียงบางเบา ทำให้เธอโดดเด่นเปล่งประกายราวกับโดนส่องไฟตลอดเวลา
มะนาวพินิจเสื้อผ้าตามไม้แขวนทีละตัว ๆ โดยไม่ได้สนใจสายตาผู้ใด เธอให้ความสำคัญกับรายละเอียดของเนื้อผ้าแต่ละชนิดมากกว่า แต่ไม่ว่าเธอจะหยิบจับเสื้อตัวใด มักมีใครบางคนแย่งไปจากมือเสมอ ใช่ว่าเธอเป็นคนอ่อน ยอมให้คนอื่นรังแก แต่เพราะไม่อยากมีเรื่องมีราว ข้างในลึก ๆ เธอไม่ได้อยากซื้อชุดนั้นอยู่แล้ว เพียงแค่สนใจการออกแบบมากกว่า จึงไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
อันนาอดชื่นชมในตัวของลูกค้าสาวรายนี้ไม่ได้ นับว่ามีความอดทนสูงมาก ๆ ถ้าเป็นเธอคงได้มีการเสียเลือดเสียเนื้อเป็นแน่
เมื่อคนที่ต้องการหาเรื่องกลับไม่มีเรื่องให้หา เนริสซ่าจึงถือเสื้อหลายชุดเข้าไปลองอย่างกระแทกกระทั้น เธออดรู้สึกริษยาผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เพราะไม่ว่าเธอจะไปปรากฏตัวแห่งหนใด มักได้รับความสนใจเสมอ ด้วยรูปร่างที่เย้ายวนบวกกับใบหน้าอันงดงามที่แต่งแต้มอย่างจัดเจน ทำให้ใครต่อใครเป็นต้องเหลียวมอง ทว่าวินาทีนี้กลับมีใครบางคน กำลังพรากสิ่งที่เธอภาคภูมิใจไป...
มะนาวรอจนสาวสวยคนนั้นออกจากร้านเธอค่อยหยิบชุดก่อนหน้าขึ้นมาดูอีกครั้ง ใบหน้าเกลี้ยงเกลาขมวดคิ้วขุ่นอย่างสงสัย อันนาที่เห็นลูกคนโปรดสนใจชุดดังกล่าวจึงคะยั้นคะยอให้ลอง มะนาวกำลังจะบอกว่าชุดนี้มีร่องรอยขาดบริเวณใต้แขนเสื้อแต่ก็ไม่ทันเมื่อเธอโดนดุนหลังเข้าห้องลองและกำชับให้ใส่ให้เธอดูด้วย
มะนาวเปลี่ยนชุดอย่างเบามือกลัวจะทำให้ชุดสวยขาดมากขึ้น เมื่อลองเสร็จจึงเดินออกมาให้เจ้าของร้านดู
อันนาแทบกลั้นหายใจกับภาพสาวสวยตรงหน้า ชุดเดรสสั้นซีทรูแต่มีซับในลายลูกไม้สีดำแขนยาวที่ด้านหลังคอคว้านลึกยิ่งเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนขึ้นไปอีกเท่าตัว อย่าว่าเฉพาะหนุ่ม ๆ เลยแม้แต่สาว ๆที่ได้เห็นเป็นต้องเหลียวหลังเป็นแน่
“คุณคะ.. เอ่อชุดนี้มีรอยขาดตรงนี้ค่ะ”
มะนาวรีบบอกเจ้าของร้านพร้อมยกแขนประกอบให้เธอเห็น
“ตายจริง!!!”
อันนาหลุดพ้นจากมนต์สะกดทันที
“หนูกำลังจะบอกคุณก่อนหน้านี้แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว”
อันนามองรอยยิ้มจืดเจือนตรงหน้าอย่างเข้าใจดี ด้วยรูปร่างที่พอเหมาะกับชุด ความเป็นไปได้น้อยมากที่จะทำให้ชุดนี้ขาด แล้วก็เป็นดั่งที่คาด เมื่อเธอเปิดดูกล้องวงจรปิดย้อนหลัง ภาพนางแบบสาวสวยเนริสซ่ารีบแขวนชุดดังกล่าวด้วยท่าทางมีพิรุธ
ถ้าไม่ขาดก็แปลกแล้ว ถึงหล่อนจะเป็นนางแบบแต่ด้วยโครงร่างที่ใหญ่รวมถึงหน้าอกหน้าใจที่มีมากเกินพอดี ยังอุตส่าห์ยัดเข้าไปจนได้ ชุดแสนสวยของเธอเลยมีจุดจบแบบนี้
“ชุดนี้ราคาเท่าไหร่คะ”
ถึงมะนาวจะไม่ได้เป็นคนทำขาดแต่เธอก็อดรู้สึกไม่ดีไม่ได้
“อุ้ย..ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของหนูสักหน่อย”
อันนารับชุดคืน หลังจากที่ลูกค้าเปลี่ยนมาใส่ชุดเดิมแล้ว เธออดรู้สึกแค้นใจตัวการณ์ที่แท้จริงไม่ได้
“ถึงยังไงหนูก็ไม่สบายใจอยู่ดี ขายให้หนูเถอะค่ะ”
อันนาเห็นท่าทางออดอ้อนแล้วอดเอ็นดูไม่ได้ เธอจึงบอกราคาค่าชุดออกไป แต่ท่าทีที่สาวน้อยแสดงตรงหน้าทำให้เธออดขำไม่ได้
มะนาวตาโตกับราคาค่าชุด ถึงจะเผื่อใจไว้แล้วว่าราคาคงแพงพอควรด้วยว่าเป็นแบรนด์ดัง แต่ไม่นึกว่าจะแพงมากขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าเธอจะซื้อไม่ได้ แต่ถ้าใช้เงินจำนวนนี้ไปอดรู้สึกเกรงใจน้อง ๆ ไม่ได้ บางทีอาจต้องกลับเมืองไทยก่อนกำหนดด้วยซ้ำไป
อันนามองท่าทางคิดหนักของลูกค้า ด้วยความเอ็นดูที่มีเป็นทุนเดิมทำให้เธอยื่นข้อเสนอให้กับอีกฝ่าย
“เอาอย่างงี้ไหมล่ะ หนูมาทำงานชดเชยค่าชุดเป็นไง”
มะนาวใคร่ครวญอย่างรอบคอบอีกครั้งก่อนตอบตกลง ดีเหมือนกันเธอจะได้มีโอกาสศึกษาข้อมูลต่าง ๆ จากอันนาเจ้าของร้านแสนใจดีคนนี้ไปด้วย
มะขามยืนลังเลหน้าสตูดิโอขนาดกลางเป็นนาน แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว ลุยไปเลยดีกว่า ได้ไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่อง เมื่อคิดได้ ร่างเพรียวบางซึ่งอยู่ในชุดแนวที่ใส่ประจำคือเสื้อยืดกางเกงยีนส์ สะพายกระเป๋ากล้อง รวบผมอย่างง่าย ๆ สวมหมวกกับแว่นตากันแดดอันเป็นเครื่องหมายประจำตัว เดินตัวปลิวเข้าหาเจ้าหน้าที่สตูดิโอทันที
เมื่อกรอกใบสมัครพร้อมโชว์ผลงานเสร็จ มะขามถึงกับถอดทอนใจ โอกาสที่เธอจะได้งานที่นี่เป็นไปได้น้อยแสนน้อย ไหนจะเป็นคนต่างชาติ ชื่อชั้นก็ไม่มี ประสบการณ์ก็น้อยเหลือแสน แล้วแต่บุญแต่กรรมก็แล้วกัน มะขามคิดอย่างปลงตก
หลังจากทิ้งเบอร์ติดต่อกลับเธอก็สลัดเรื่องราวกวนใจทิ้งไป มะขามเริ่มเก็บภาพบรรยากาศ ทั้งสภาพแวดล้อมของเมือง ผู้คน รวมถึงสถาปัตยกรรมต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลิน...
เปลือกตาหนาหนักที่ปิดสนิทมาหลายชั่วโมงค่อย ๆ คลี่ขึ้นอย่างเชื่องช้า คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อความเจ็บปวดเริ่มเล่นงาน ดวงตาคมเฉียบไร้ความรู้สึกกวาดมองรอบข้างอย่างเงียบเชียบ เมื่อแน่ใจว่าที่นี่อาจเป็นคลินิคแห่งใดแห่งหนึ่งในอิตาลี ใบหน้าอันงดงามค่อยคลายความวิตกลงซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างกับในหน้าปกติสักเท่าใด
‘คุณต้องปลอดภัย ฉันจะอยู่ข้าง ๆ คุณ’
น้ำเสียงอันอบอุ่นแม้จะเบาแสนเบาหากกลับก้องกังวานในหัวใจที่มืดบอด ทำให้อีวานอยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของน้ำเสียงนั้นกัน...
“พรุ่งนี้หนูค่อยมาดูเขาใหม่ นี่มันก็เย็นมากแล้ว”
เลโอเน่บอกกับสาวน้อยชาวเอเชียอย่างเอ็นดู
“เดี๋ยวมะม่วงขอเข้าไปดูเขาอีกรอบแล้วกันค่ะ”
มะม่วงยิ้มรับกับความเป็นห่วงของเลโอเน่ ถึงจะพึ่งรู้จักกันแต่ท่านกลับให้การดูแลเธออย่างดี ไม่ได้ไถ่ถามด้วยซ้ำว่าชายคนนั้นไปทำอะไรมาถึงถูกยิง แต่ถึงถามเธอก็จนด้วยคำตอบเช่นกัน
เสียงกรุ๊งกริ๊งที่ได้ยินจากแผ่วเบาจนเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เรียกดวงตาคู่คมให้ลืมตาอีกครั้ง เสียงเต้นรัวของอวัยวะที่สูบฉีดเลือด ทำให้อีวานถึงกับงุนงงกับร่างกายตัวเอง เหตุใดหัวใจเขาถึงเต้นรัวเร็วถึงเพียงนี้ ราวกับคาดหวัง รอคอย ตื่นเต้นกับอะไรบางอย่างที่เขาก็ไร้ซึ่งคำตอบ
ท่ามกลางความสลัวลางของแสงสุริยันที่กำลังอัสดงเงาร่างบางที่เลือนรางค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้นเมื่อเธอมาหยุดตรงหน้าเตียง
แม้แสงสว่างมีเพียงน้อยนิด แต่ก็มิอาจปิดบังความงามของเจ้าร่างน้อยตรงหน้าเขาได้ ใบหน้าหมดจดที่ประกอบด้วยดวงตากระจ่างใสแฝงประกายความอบอุ่น จมูกโด่งสวย ริมฝีปากรูปกระจับสีชมระเรื่อน่าจุมพิตชวนให้วาบหวามยิ่งนัก อีวานถึงกับตกในภวังค์ราวกับโดนร่ายมนต์สะกด
ร่างบางค่อย ๆ ขยับจนชิดเตียงคนเจ็บ เพราะแสงที่เข้ามาทางหน้าต่างด้านหัวเตียงทำให้เธอมองเห็นไม่ถนัดว่าเขารู้สึกตัวหรือไม่ด้วยเงาที่ปิดบัง มะม่วงก้มมองคนป่วยอีกครั้ง เธอไม่กล้าเปิดไฟรบกวน เมื่อเห็นว่าเขายังไม่รู้สึกตัว จึงกระซิบบอกลาก่อนเดินออกจากห้องไป
ช่วงที่เธอหยุดยืนข้างเตียง อีวานแสร้งหลับตา รับรู้ได้ว่าใบหน้าของเขาและเธอห่างกันไม่มาก ยิ่งเพิ่มจังหวะหัวใจให้ทำงานหนักขึ้นไปอีก กลิ่นลมหายใจสะอาดพร้อมกลิ่นกายที่หอมจรุงจมูก ทำให้เขาอดสูดดมเข้าเต็มปอดไม่ได้
‘แข็งแรงเร็ว ๆ นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมาเยี่ยมคุณใหม่’
เป็นเธอนั่นเอง!!... ใบหน้าที่แทบไม่เคยแสดงความรู้สึกใด ๆ ณ ขณะนี้กลับกำลังแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน หากเจ้าตัวมองเห็นตัวเองได้ คงรู้สึกแปลกประหลาดใจ
น่าแปลกนัก ความมืดมนในหัวใจเขา ราวกับมีหิ่งห้อยตัวน้อยไร้ที่มา กำลังเปล่งแสงเรือง ๆ บินเชื่องช้าหากหนักแน่นส่องแสงนำทางในหัวใจดวงนี้...
ท่ามกลางความเงียบสงบในค่ำคืนหนึ่งที่คลินิกเอกชน กลับปรากฏชายนิรนามกลุ่มใหญ่รายล้อมรอบบริเวณ ทุกร่างขยับกายอย่างรวดเร็วไร้เสียงบอกได้ถึงระดับความสามารถ
ประตูห้องพักคนป่วยค่อย ๆ แง้มอย่างแผ่วเบา ชายนิรนามแต่งตัวรัดกุมเดินไร้เสียงตรงเข้าหาเตียงคนไข้ เขากำลังยื่นมือเข้าหาเจ้าของเตียงที่นอนเหยียดยาว แต่ชั่ววินาที ร่างคนเจ็บกลับกระชากมือชายนิรนามจับบิดไปด้านหลังด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างล็อคคออย่างแน่นหนา ไม่สนใจอาการบาดเจ็บ
“น..นายท่าน ผมมักซิม”
มักซิมไอติด ๆ กันหลายครั้งเมื่อเป็นอิสระ ถ้าเขาบอกช้าไปนิดมีหวังชีวิตเขาคงไม่เหลือ หลังจากพวกเขาจัดการกับชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นเสร็จก็รีบติดตามหาเจ้านายทันที
มักซิมแจ้งเรื่องราวของอีวานต่อเซรเกย์หนึ่งในลูกน้องอีกคนที่เจ้านายให้ความไว้วางใจเทียบเท่าเขา เซรเกย์มีหน้าที่ดูแลธุรกิจในส่วนต่าง ๆ ที่อีวานได้มอบหมายไว้ ซึ่งตอนนี้เขาเป็นตัวแทนของอีวานที่รัสเซีย
เซรเกย์เมื่อรู้ความ เขาจัดเตรียมจำนวนคนฝีมือดีให้รีบเดินทางไปอิตาลีทันที และเตรียมพร้อมระดมพลเพื่อเปิดศึกกับศัตรูที่ยังมองไม่เห็นว่าเป็นใคร
“มือปืนล่ะ??”
อีวานทิ้งตัวนอนบนเตียงอีกครั้ง ใบหน้างดงามจับจ้องลูกน้องคนสนิท
“เป็นคนเอเชียครับ แต่ยังไม่ยอมปิดปากว่าใครส่งมันมา”
มักซิมขนลุกชันเมื่อเห็นสายตาของอีวานซึ่งปกติมักเย็นชาว่างเปล่า แต่นาทีนี้กลับมีประกายความโหดเหี้ยมอำมหิต ถ้าเขาเป็นมือปืนจะรีบคายความจริงให้หมดจะได้ไม่ทรมานยามตาย แต่ถ้ายังดื้อดึงอีวานก็มีวิธีอีกมากมาย ที่ทำให้นักโทษปรารถนาความตายมากกว่าทนทรมานอย่างมีชีวิต
“เราได้เตรียมสถานที่ปลอดภัยให้นายท่านแล้ว เชิญครับ”
ร่างที่ควรขยับตามคำเชิญของมักซิมกลับนอนนิ่ง สมองสั่งการให้อีวานรีบไปจากที่นี่แต่หัวใจกับร่างกายกลับทรยศ
“ฉันจะอยู่ที่นี่.....สักพัก”
มักซิมมองอีวานอย่างประหลาดใจ ตั้งแต่รับใช้เจ้านายมาพึ่งมีครั้งนี้ที่เจ้านายแปลกไปจากเดิม ปกติความปลอดภัยเป็นเรื่องที่อีวานไม่เคยละเลย แม้จะเล็กน้อยแค่ไหนเขามักจะอยู่ในที่ ๆ ปลอดภัยเสมอยิ่งตอนนี้พวกเขาอยู่ในถิ่นอื่น แถมยังไม่สามารถรู้ได้ว่าใครกันอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำไมเจ้านายถึงเลือกที่จะอยู่ที่นี่
มักซิมออกจากห้องพักฟื้นอย่างเงียบเชียบ ออกคำสั่งกับฝ่ายรักษาความปลอดภัยด้านนอกให้จัดเวรยามดูแลเจ้านายยิ่งกว่าชีวิตตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง โดยช่วงกลางวันให้เป็นไปอย่างปกติที่สุด ห้ามให้คนอื่นรับรู้ทั้งสิ้นว่าพวกเขามีตัวตน เพื่อป้องกันทั้งฝ่ายศัตรูและชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้แตกตื่น
ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ ^^
ปล.เงียบจริง ๆ ฮ่า ฮ่า
ความคิดเห็น