ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจสามดวง

    ลำดับตอนที่ #3 : บท 3

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 56


    บท  3

     

                    เช้าที่สดใสกับบรรยากาศที่เย็นสบายทำให้สองสาวลุกจากที่นอนอย่างอารมณ์ดี  ส่วนอีกหนึ่งกลับมีเสียงลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบอกถึงนิทราอันแสนสุข

                    มะนาวเลือกชุดเดรสสั้นสีเหลืองเลมอนอีกตัวมาสวม ปล่อยผมยาวสยายถึงกลางหลัง เธอสวมรองเท้ารัดส้นมีส้นนิดหน่อยสีเข้ากับชุด พร้อมกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กอีกใบ แค่นี้ภาพที่สะท้อนบนกระจกก็ทำให้ใครต่อใครไม่สามารถละสายตาจากเธอได้

     

                    ส่วนมะขามเลือกใส่กางเกงยีนส์สีเข้มกับเสื้อยืดพอดีตัวสีขาว  เธอสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดที่ดูเกรอะกรังซึ่งต่างจากกระเป๋ากล้องคู่ใจที่สภาพดีราวกับของใหม่ เธอหยิบหมวกแก็ปใบเก๋พร้อมแว่นกันแดดติดมือมาด้วย

     

                    ก่อนทั้งคู่จะออกจากห้อง มะขามก้มจุ๊บแก้มเนียนใสของน้องเล็ก ส่วนมะนาวจุ๊บปากพร้อมบอกลา โดยทิ้งโน๊ตบอกสถานที่ให้กับมะม่วง น่าจะอีกพักใหญ่ทีเดียวกว่ามะม่วงจะลุกได้

                    ทั้งสามมักทำแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเวลาก่อนนอนหรือแยกจากกัน  ส่วนน้องนุชคนสุดท้องครางอืออารับรู้ พร้อมหลับต่อ  เมื่อคืนเพราะหลงเสน่ห์มนต์ขลังของมิลานเธอจึงวาดภาพอยู่ค่อนคืน

     

                    ด้วยชุดที่สดใสกอปรกับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ทำให้มะนาวตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนอย่างไม่ยากเย็น  ส่วนมะขามเพราะหมวกที่ใส่ ปิดบังใบหน้าสวยไปกว่าครึ่ง แถมแว่นกันแดดที่สวมยิ่งแทบไม่เห็นหน้าตาของเธอเลย แต่ก็ใช่ว่าจะปิดปังเสน่ห์ของเธอได้ บางคนอดคาดเดาไม่ได้ ว่าหน้าตาที่ซ่อนหลังกรอบแว่นจะงดงามสักปานใด

     

                    ระหว่างเดินทางไปมหาวิหารดูโอโม(Duomo) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมิลาน ทั้งสองถ่ายภาพไว้ตลอดทาง โดยมะขามเป็นตากล้อง ส่วนมะนาวเป็นนางแบบ ซึ่งนางแบบก็ทำหน้าที่ได้ดีเสียด้วย

     

     

                    เนื่องจากลูกค้าคนเก่าคนแก่ไม่สามารถปลีกตัวจากงานมาพบเขาได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ชาเบียร์ต้องบินตรงมาที่มิลานเพื่อคุยเรื่องธุรกิจ ช่วงเวลาสองสามวันนี้ เขาต้องทำสัญญาให้เรียบร้อยก่อนที่ลูกค้าคนสำคัญจะบินไปญี่ปุ่นต่อ หากไม่รู้วันนี้โชคดีหรือร้ายที่ลูกค้าป่วยกะทันหัน จึงขอเลื่อนนัดเป็นพรุ่งนี้แทน ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดที่จะกลับที่พักเป็นยืนนิ่ง เหม่อมองวิหารหินอ่อนศิลปะแบบโกธิคของดูโอโมแทน ความยิ่งใหญ่ตระการตาทำให้เขา ที่ไม่ค่อยสนใจงานด้านนี้ถึงกับทึ่ง โดยเฉพาะยอดแหลมบนหลังคาที่มีจำนวนหนึ่งร้อยสามสิบห้ายอดที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่  

     

                    หากคนที่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของชาเบียร์ มาเห็นเขายืนซึมซับความงามของศิลปะตรงหน้า ราวกับนักท่องเที่ยวทั่วไป คงคิดว่าตัวเองเพ้อเจ้อ หรือฝันไปเป็นแน่ ด้วยความเคร่งขรึมโหดเหี้ยมและเก็บตัว น่าจะเหมาะกับการนองเลือด ฆ่าฟันซะมากกว่า ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากที่คนอื่นคิดมากนัก

     

    ด้วยเหตุผลใดกันนะ ทำไมวันนี้เขาถึงมีความคิดที่ชื่นชมความงามของวิหารแห่งนี้??

     

                    ในระหว่างที่รอซามีซื้อน้ำมาให้ เสียงหัวเราะที่ใสปานระฆังแก้ว ทำให้เขาสะกิดใจจนต้องเหลียวหา  แล้วภาพรอยยิ้มอันสดใสงดงามของสาวน้อยชาวเอเชียก็สะกดใจเขาเข้าอย่างจัง

     

    ไม่ว่าเธอจะยืนอยู่ที่ใดก็เรียกสายตาใครต่อใครให้เหลียวมอง  รวมถึงเขาด้วย ท่าทางประกอบการถ่ายภาพของเธอทำให้เขาเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว  ช่างน่าเอ็นดูอะไรอย่างนี้ 
     

    เสียงเรียกของซามีทำให้เขาจำต้องละสายตาจากสาวน้อยคนนั้น พอหันไปอีกทีเธอก็อันตรธานหายไปกับฝูงชนเสียแล้ว รู้สึกหงุดหงิดกับคนสนิทอย่างไร้เหตุผลที่ทำให้เขาพลาดโอกาสมองเธอนานกว่านี้
     

    ใบหน้าที่มักเคร่งขรึมเป็นนิจยิ่งทบทวีอีกเป็นเท่าตัว  ซามีรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเจ้านายไม่พอใจเขาเรื่องอะไร 
     

    ดวงตาคมเฉียบกวาดมองบริเวณโดยรอบอีกครั้ง แต่ต้องถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

    “กลับ”
     

    ซามีถือแก้วน้ำเดินตามเจ้านายคอตก ด้วยความเป็นห่วงชาเบียร์ที่อยู่ต่างถิ่นและใช้คนติดตามน้อยลงเพราะไม่อย่างตกเป็นเป้าสายตา ทำให้เขารีบซื้อแล้วรีบกลับ ความผิดเขาอยู่ตรงไหนกัน??

     

    ร่างระหงที่สวมเสื้อกล้ามสีน้ำตาลขนาดพอดีตัว ที่สั้นเสมอเอวกับกระโปรงแนวโบฮีเมียนยาวสีสันหลากหลายชวนน่าสบสน เท้าเปล่าเปลือยที่อยู่ในรองเท้าแตะแสนเรียบง่าย เส้นผมสีน้ำตาลปลิวไสวตามลมแลดูยุ่งเหยิง  ใบหน้างดงามมีเหงื่อซึมเล็กน้อยจากการหอบหิ้วอุปกรณ์วาดภาพที่เยอะพอควร
     

    เพราะมัวแต่สนใจหาสถานที่เหมาะ ๆ สำหรับวาดภาพ ทำให้เธอไม่ได้รู้เลยว่า สายตาของนักท่องเที่ยวที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างให้ความสนใจเธอมากกว่าวิหารตรงหน้าเสียอีก
     

    หลังจากพูดคุยกับพี่สาวทั้งสองเสร็จ แต่ละคนก็แยกย้ายตามความสนใจของตนเองทันที มะม่วงเดาได้ว่า ป่านนี้มะนาวคงอยู่แถว ๆ แกลเลอเรีย วิตตอริโอ เอมานูเอลสอง เพราะที่นั่นเป็นย่านการค้าและแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า  กระเป๋า  รองเท้ารวมถึงเครื่องประดับที่รวบรวมแบรนด์ดังระดับโลกมากมาย

    น่าจะมีความสุขกับการเลือกดูเสื้อผ้าที่นักออกแบบมือชั้นนำของโลกนำมาวางจำหน่ายในร้านรวงต่าง ๆ เธอรู้ว่าพี่สาวของเธอหาได้อยากเป็นเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ดังเหล่านั้นไม่  แต่เธออยากดูรูปแบบ การตัดเย็บของเสื้อผ้าเหล่านั้นมากกว่า
     

    ส่วนมะขามคงกำลังเดินหามุมกล้องแปลก ๆ ใหม่ ๆ สำหรับวิหารนี้  หวังว่ามุกกล้องที่ว่าคงไม่ต้องเสี่ยงมากจนเกินไปนัก เพราะคราวที่แล้วมะขามหวิดตกระเบียงแข้งขาหัก ก็เพราะอยากได้ภาพสวย ๆ นี่แหละ

     

                    “ปึก”
     

                    มะขามแทบกระเด็นเมื่อเธอถูกคนผิวดำชนเข้าอย่างจัง  เพราะคำเตือนของบุญรักษาที่ให้ระวังเหล่ามิจฉาชีพที่มีทั้งกรีดกระเป๋า  ล้วงกระเป๋า ข่มขู่ให้ซื้อของหรืออีกสารพัดวิธี  และนี่ก็เป็นหนึ่งในวิธีของพวกนั้นซะด้วย
     

    เธอรีบตรวจสอบกระเป๋าของเธอทันทีและผลก็เป็นอย่างที่เธอคาด!!

                    เธอโดนฉกกระเป๋าไปซะแล้ว เร็วเท่าความคิด ร่างผอมเพรียววิ่งตามชายคนดังกล่าวทันที จวบจนมาถึงจุดที่ค่อนข้างมีคนบางตา เจ้าหัวขโมยก็หยุดฝีเท้าลง พร้อมค่อย ๆ หันหน้ามายังเธอ

                    ชายผิวดำตัวใหญ่ยักษ์แสยะยิ้มกว้างอย่างถูกใจกับเหยื่อรายล่าสุด  มันหมายตาไว้แล้วสำหรับชาวเอเชียที่ดูไร้พิษสง วันนี้ดีไม่ดีอาจได้เงินอีกโขสำหรับค่าตัวผู้หญิงชาวเอเชียที่กำลังเป็นที่ต้องการ...
     

                    มะขามดูท่าทางตรงหน้าอย่างระแวดระวัง  นึกเสียใจเหมือนกันที่มัวแต่เสียดายของ จนไม่ทันสนใจความปลอดภัยของตัวเอง ถ้าเกิดมันมีพวกมาเพิ่มเธอจะทำอย่างไร

     

                    ร่างใหญ่โตพุ่งเข้าหาเป้าหมายตรงหน้าหวังทำให้หมดสติ แต่มะขามก้มตัวหลบอย่างว่องไว  เธอยืนด้วยปลายเท้าพร้อมตั้งการ์ด แววตาหลังกรอบแว่นแน่วแน่ 
     

    เจ้าขโมยหัวเสียที่พลาดเป้า มันหันกลับมาเล่นงานเหยื่ออีกครั้ง โดยครั้งนี้หวังชกที่ท้องแต่มะขามรู้ทัน เธอเบี่ยงตัวหลบอย่างคล่องแคล่ว แล้ววาดขา ฟาดไปที่หน้าของชายคนนั้นเข้าเต็ม ๆ แม้ร่างกายจะผอมบางแต่ความหนักของฝีเท้าเธอไม่เบาแน่นอน ดูได้จากการทรงตัวของชายคนนั้นที่เริ่มเอนเอียงไปมา

    เพราะรู้ถึงข้อแตกต่างระหว่างชายหญิงดี มะขามอาศัยจังหวะที่ชายผิวดำมึนงงสบสน กำหมัดแน่นชกเข้าที่กึ่งปากกึ่งจมูกเต็มแรงเรียกเลือดได้ไม่น้อยทีเดียว  เธอรีบลงมืออีกครั้งโดยเตะเข้าที่ลิ้มปี่อย่างเร็วและแรง ทำให้หัวขโมยงอตัวอย่างเจ็บปวด ปิดท้ายด้วยการชกเข้าที่ปลายคางเต็มหมัด
     

    มะขามถอยออกห่างคนผิวดำ แล้วมองผลงานของตัวเอง ซึ่งชายคนดังกล่าวถึงกับทรุดนั่งหอบเลือดออกหลายจุดทั้งปากและจมูก จุกจนลุกไม่ขึ้น
     

    มะขามมองหากระเป๋าแล้วรีบหยิบก่อนวิ่งหนีจากไปอย่างรวดเร็ว หากพวกมันมีสมัครพักพวกมาเพิ่มเธอคงไม่รอดแน่ แม้จะรู้ว่าตัวเองมีฝีมือที่จัดว่าดีมาก แต่เธอก็ไม่อยากประมาท

     

    ต้องขอบคุณความรอบคอบของคุณยายที่ให้พวกเธอหัดเรียนศิลปะการป้องกันตัวตั้งแต่เด็ก  ด้วยละแวกแถวบ้านมีค่ายมวยอยู่ พวกเธอเลยมีความรู้เรื่องนี้พอควรรวมถึงเทควันโดที่มีสายดำเป็นตัวการันตี ทำให้ทั้งสามมั่นใจว่าสามารถดูแลตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
     

    หากจะพูดเรื่องความเก่งกาจของทั้งสามแล้ว แทบไม่มีใครเหนือไปกว่าใคร  เพราะทั้งมะนาวที่ดูเหมือนสำอางแต่ใครเล่าจะรู้ว่าเธอหมัดหนักที่สุดในบรรดาพี่น้อง  มะม่วงเห็นนิ่ง ๆ อย่างงั้นแต่เตะหนักหน่วงที่สุดในกลุ่ม  ส่วนเธอมีความเร็วและแรงเป็นอาวุธ
     

    เมื่อครั้งล่าสุดที่ประลองกันสามคน หากใครพลาด เปิดโอกาสให้เห็นช่องโหว่ โดนจัดการทันที เหมือนกับที่มะนาวที่เผลอมองนิตยสารที่วางอยู่ในห้องซ้อมถึงกับจุก เมื่อโดนฝ่าเท้าของมะม่วงเข้าเต็ม ๆ ที่กลางหลัง แต่ก็โชคดีที่หลบหมัดของเธอได้อย่างหวุดหวิด

    พวกเธอสู้กันสามคนอยู่นาน แม้จะรู้ทางกันดีแต่ก็มีพลาดกันบ้าง โดนทั้งมือทั้งเท้าของอีกฝ่ายคนละนิดคนละหน่อย  ทั้งสามออกอาวุธและหลบหลีกกันเองจนเหนื่อยหอบ
     

    มะนาวร่วงไปเป็นคนแรก  ตามด้วยมะม่วงที่เหนื่อยเกินขีดจำกัด ผลของการวาดภาพดึกสภาพร่างกายเลยอ่อนล้า ทำให้เธอเป็นผู้ชนะสำหรับครั้งล่าสุด  แต่ชัยชนะมักหมุนเวียนสับเปลี่ยนไปเรื่อยจนยากจะบอกได้ว่าใครเหนือกว่าใคร

     

    “พี่ปลอดภัยจ้ามะม่วง เกิดเรื่องนิดหน่อยแต่พี่เอาตัวรอดได้”
     

    ด้วยความที่ระงับเสียงไว้ทำให้เธอไม่รู้ว่าทั้งมะนาวและมะม่วงโทรติดต่อเธอทันทีที่เกิดเรื่อง อีกทั้งตอนนั้นกำลังโรมรันพันตูกับอีกฝ่ายอยู่ ยิ่งเพิ่มความวิตกกังกลให้กับทั้งคู่ยิ่งนัก
     

    มะนาวกับมะม่วงหยุดกิจกรรมที่ตนกำลังทำ เมื่อรับรู้ได้ว่ามะขามกำลังอยู่ในอารมณ์วิตก หวาดกลัว ทั้งคู่พยายามตามหาและติดต่อมะขามอย่างสุดความสามารถ แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง โชคดีที่มะขามติดต่อมาเสียก่อน ทำให้พวกเธอยังไม่ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
     

    “พี่พึ่งวางสายจากมะนาวเมื่อกี้นี้เอง จ้า.. ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวเราเจอกันที่ห้องนะ”
     

    มะขามอมยิ้มกับความรักความห่วงใยของพี่น้อง เธอเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น ก่อนจะเก็บภาพสุดท้ายต่อ แต่ดวงตาสวยซึ้งที่ซ่อนไว้อย่างดีหลังกรอบแว่นสีชา เหลือบเห็นป้ายประกาศรับสมัครช่างภาพเข้าเสียก่อน ทำให้ความตั้งใจจะเก็บภาพหมดไป เธออ่านรายละเอียดคร่าว ๆ แต่เพราะกลัวมะนาวกับมะม่วงจะรอนานทำให้เธอละความสนใจจากแผ่นป้ายดังกล่าว รีบกลับที่พักอย่างรวดเร็ว

     

     
     

     
    ปล.เงียบเกินไปแล้ว T^T

     

     

     

                   

     

     

     

     

                    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×