ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจสามดวง

    ลำดับตอนที่ #10 : 50 %

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.พ. 59


    บท 10

     

    อีกฝั่งหนึ่งของเมื่อวาน...


    เปาโลถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเจ้านายที่เขาเคารพรักเริ่มควบคุมสติได้เสียที  ก็จะไม่ให้เขาโล่งได้ยังไง ตั้งแต่ที่เห็นใบหน้าอันปราศจากสิ่งปิดบังของสาวน้อยคนนั้น ที่เขาพึ่งทราบจากทีมงานว่าชื่อ มะขาม เจ้านายเขายิ่งไปกันใหญ่ แค่เห็นแผลพร้อมเลือดที่ซึมนิดหน่อย ขอย้ำจริง ๆ ว่ามันเล็กน้อยมากถ้าเทียบกับสิ่งที่พวกเขาได้พบเจอในแต่ละวัน


                    อันโตนิโอถึงกับเรียกแพทย์ประจำตัวมาที่ห้องทำงานอย่างเร่งด่วน หลังจากนั้นความโกลาหลเล็ก ๆ ก็เกิดขึ้น  เจ้านายตัวดีสั่งหยุดการถ่ายภาพประหนึ่งเป็นเจ้าของงานซะเอง!! 


                    อย่างว่าก็เจ้านายเขาเป็นคนที่ต้องการอะไรต้องได้อย่างนั้น  แล้วก็ต้องเป็นเขา ที่คอยประสานงานโทรเคลียร์กับหัวหน้าทีมงานที่มาถ่ายภาพ พร้อมเชิญทีมงานและนางแบบกลับไปพัก ซึ่งทีมงานนี่ เขาไม่ต้องพูดมากทุกคนก็ปฏิบัติตามได้อย่างเข้าใจ


                    แต่กับนางแบบเล่นเอาเขาจะประสาทเสียเสียให้ได้ ให้เขาไปรบกับผู้ก่อการร้ายยังดีเสียกว่าต้องมารับมือกับเหล่าบรรดาเด็กในสังกัดของเจ้านาย  เทเรซ่าโวยวายว่าเธอได้รับบาดเจ็บต้องการให้อันโตนิโอดูแล เธอโอดครวญราวกับแขนหักหรือจะพิการ ทั้งที่ไร้รอยขีดข่วนเพราะมะขามรับไว้ทั้งหมด เขาต้องโทรแจ้งโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุด พร้อมของสมนาคุณอย่างที่ต้องการ  เธอถึงยอมไปเข้ารับการรักษา


                    เนริสซ่าที่มีคิวถ่ายถัดไปเธอยินยอมกลับ  แต่สายตาที่มองตามร่างสมบูรณ์แบบของอันโตนิโอที่อุ้มสาวน้อยคนนั้นเข้าห้องพักส่วนตัว พร้อมออกคำสั่งว่านอกจากแพทย์กับเปาโลแล้ว คนอื่นห้ามเข้าเด็ดขาด มันเต็มไปด้วยความริษยา อาฆาต ผู้หญิงนี่ช่างน่ากลัวจริง ๆ

     

                    “โอ้ย!! คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย วางฉันลงนะ”


                    อันโตนิโอไม่สนใจทำตามเจ้าของเสียง ทันทีที่เห็นเธอได้รับบาดเจ็บ แล้วมีคนอื่นสัมผัสร่างกายของเธอ เขาก็แทบคลั่ง  ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมเขาถึงเป็นได้มากขนาดนี้  แค่เห็นท่าทางเจ็บปวดของเธอ เขาก็รู้สึกอึดอัดในอก เขาเป็นบ้าอย่างที่เธอว่าหรือเปล่านี่ ?? 


    ช่างหัวมันปะไร!!! ก็เขาอยากทำแบบนี้ใครจะทำไม

     

                    มะขามแทบทนไม่ไหวกับความเอาแต่ใจของผู้ชายข้างตัว  แค่เธอมีแผลเล็กน้อย ทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ ไหนจะคุณหมอที่ท่าทางใจดี กำลังบอกอาการพร้อมออกใบสั่งยาให้ เธอทำได้เพียงยิ้มรับ พร้อมกล่าวขอบคุณเพื่อรักษามารยาท 


                    “นี่คุณทำอะไรลงไป สั่งหยุดงานของฉันทำไม” 


                    เมื่อความเป็นส่วนตัวมาถึง สงครามจึงเริ่มขึ้นทันที มะขามตวัดสายตามองใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่พอใจ


                    อันโตนิโอค่อยคลายใจเมื่อรับทราบอาการจากอาหมอ  อารมณ์ที่เดือดจัดค่อย ๆ ลดระดับจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ ดวงตาที่ยิ้มได้อันเป็นเสน่ห์ประจำตัวจึงเริ่มเปล่งประกายอย่างที่เจ้าตัวรู้สึก


                    “อ้าว..ก็คุณได้รับบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติหน้าที่  ซึ่งผมเป็นเจ้าของสถานที่ ในเมื่อเกิดเหตุขึ้นในที่ของผม ผมก็ต้องรับผิดชอบ ผมผิดตรงไหน”


                    ท่าทางยียวนตรงหน้าทำให้มะขามยิ่งไม่ชอบใจ  แต่ก็จนด้วยเหตุผลที่จะโต้เถียง แค่เธอแขนถลอกไม่จำเป็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต แปะพลาสเตอร์ เธอก็สามารถทำงานต่อได้แล้ว 


                    “ในเมื่อคุณสั่งหยุดงานแล้ว  งั้นฉันกลับไปพักผ่อนเลยละกัน”


                    ร่างบางลุกขึ้นเดินทั้งที่ยังเอ่ยไม่จบประโยคด้วยซ้ำ มือหนาใหญ่จึงคว้าหมับทันที  แรงที่มากกว่าทำให้เจ้าของร่างนุ่มนิ่มถึงกับเสียหลักเซถลาหล่นทับร่างหนาราวกับนกปีกหัก


                    “โอ้ยย “


                    “เป็นอะไรมากหรือเปล่า ผมไม่ได้ตั้งใจนะ  คนดี  ไหนให้ผมดูหน่อยสิ”


                    อันโตนิโอหน้าเสียเมื่อสาวน้อยของเขามือคลำหน้าผากป้อย ๆ พร้อมหลับตาแน่น  ก็เขาไม่อยากให้เธอกลับนี่นา มันเป็นไปเองโดยธรรมชาติ แรงเขาก็มากซะด้วย เลยทำให้เธอล้ม หน้าผากทั้งคู่ชนกันอย่างแรง 


    ตัวเขาไม่เจ็บสักนิด แต่กับเธอนี่สิ อันโตนิโอขยับเข้าใกล้มะขาม  ผิวขาวละเอียดเป็นรอยแดงเป็นปื้น ทำให้เขาแทบทำอะไรไม่ถูก  ทำได้เพียงเป่าเบา ๆ สองครั้งแล้วโอบกอดร่างนุ่มนิ่มอย่างทะนุถนอม ซึ่งเขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนในชีวิต


                    “นี่..ปล่อยฉันนะ คิดจะทำอะไร”


                    แม้จะรู้สึกแปลก ๆ แต่มะขามก็รีบขืนตัวออกจากอ้อมกอดนี้อย่างกับโดนไฟลวก


                    อันโตนิโอไม่ตอบเขาหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวที่มะขามทราบดีว่าราคาคงแพงระยับ โทรหาใครสักคนแล้วออกคำสั่งเป็นภาษาอิตาลีซึ่งเธอฟังไม่เข้าใจอย่างรวดเร็ว


                    “ก็คุณเจ็บไม่ใช่หรอ  เขาว่ากันว่าถ้าเรากอดกันเราก็จะหายเจ็บไง”              


                    มะขามมองใบหน้าที่ใสซื่อ ซึ่งขัดกับประกายเจ้าเล่ห์อย่างเข็ดเคี้ยวเขี้ยวฟัน  มันมีที่ไหนกันที่กอดแล้วหายเจ็บ ถ้าเป็นเป่าเบา ๆ แล้วหายนี่ก็ว่าไปอย่าง


                    “คุณเอาอะไรมาพูด ที่บ้านฉันไม่เคยเห็นมีซะหน่อย”


                    “นั่นมันบ้านคุณนี่นา   ที่นี่บ้านผม ผมว่ามีก็ต้องมีสิ”


                    อันโตนิโอลอยหน้าลอยตาพูดอย่างดันทุรัง  ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นพร้อมฉุดให้มะขามลุกตาม  เขาเดินนำเธอออกจากห้องส่วนตัวแล้วลงลิฟต์สำหรับผู้บริหาร มะขามก็เดินตามอย่างงง ๆ เหลียวมองด้านหลังเห็นเป็นผู้ช่วย แต่เธอคิดว่าน่าจะเป็นบอดี้การ์ดคงเหมาะกว่า เดินถือกระเป๋าพร้อมของใช้ส่วนตัวของเธอติดมือมาด้วย        


                    “นั่นของ ๆ ฉันนี่”


                    “คุณแขนเจ็บให้เปาโลถือให้แหละดีแล้ว แค่ยืนเฉย ๆ ก็พอ”           


                    เสียงทรงอำนาจออกคำสั่งทำให้มะขามแอบไม่พอใจแต่ก็ขัดอะไรไม่ได้ ถ้าเธอไม่เริ่มรู้สึกเจ็บแผลนะ เธอแย่งมาถือเองแล้ว


                    ใบหน้าบึงตึงที่เจ้าตัวแสดงออกอย่างชัดเจนไร้ซึ่งจริตมารยาทำให้อันโตนิโอมองอย่างเพลิดเพลิน  น่าแปลกที่ผู้หญิงตรงหน้าไม่ว่าจะทำหน้าตาแบบไหน ท่าทางอย่างไรเขากลับชอบไปเสียหมด  รู้สึกเอ็นดูด้วยซ้ำไปที่เห็นท่าทางน่ารัก ๆ ที่เป็นธรรมชาติของเธอ


                    มะขามอดรู้สึกกังวลไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ท่าทางแปลก ๆ อยู่ดี ๆ ก็ยิ้มซะได้ ทำให้เธอเริ่มขยับไปยืนชิดอีกด้าน แล้วได้รับคำตอบเป็นการเลิกคิ้วหนาขึ้น พร้อมเสียงหัวเราะดังก้องลิฟต์


                    สายตาหวาดระแวงและเคลือบแคลงที่มองมาเมื่อครู่พร้อมการขยับตัวหนีทำให้เขาถึงกับหลุดขำ นี่เขากลายเป็นตัวอะไรไปแล้วสำหรับเธอ ถ้านิตยสารยอดนิยมในอิตาลี่ที่โหวตให้เขาเป็นที่สุดของหนุ่มชวนฝันมาเห็นท่าทางของแม่ตัวบางเข้า เป็นต้องต่อว่าต่อขานผู้หญิงคนนี่อย่างหนัก!!

     

                   

                    มะขามรับกระเป๋ารวมถึงกล้องคู่ใจมาถือเอง กล่าวขอบคุณพร้อมร้อยยิ้มเป็นมิตร ซึ่งทำให้ร่างสองร่างเกิดปฏิกิริยาต่างกัน


    เปาโลถึงกับตาค้าง ต้องยอมรับกับตัวเองอีกครั้งว่าสาวน้อยของเจ้านายคนนี้ยิ้มแล้วสวยมาก ๆ สวยแทบหยุดหายใจ  รอยยิ้มของเธอดูจริงใจ น่าคบหาเป็นที่สุด


     อันโตนิโอแม้ตอนแรกจะตกอยู่ในภวังค์แต่หลังจากเห็นท่าทางเคลิ้ม ๆ ของมือขวาคนสนิทเข้า อารมณ์ก็ดิ่งลงเหวทันที ความรู้สึกไม่ชอบใจที่คนอื่นได้รับรอยยิ้มจากเธอทำให้เขาแทบอยากทำลายทิ้ง

                   

                    มะขามสบตาที่เคยมีประกายแย้มหัวตลอดเวลาแต่ ณ ตอนนี้กำลังมีเปล่งประกายโกรธเกี้ยวอย่างมึนงง  เป็นอะไรของเขากัน เธอไม่คิดที่จะค้นหาคำตอบ เพียงหันหลังกลับ ไม่ได้ฟังถ้อยคำที่อีกฝ่ายพยายามตะโกนตามหลังว่าจะไปส่งที่พักให้ แต่เธอไม่สนใจ  เรื่องอะไรจะให้ไปส่งเธอกันเล่า แค่นี้ก็อึดอัดจะแย่!!


                    ท่าเดินแกมวิ่งที่ไม่เหลียวกลับทำให้อันโตนิโอหัวเสียเป็นที่สุด ไอ้เราสู้อุตส่าห์เป็นห่วงแต่เธอกลับไม่แม้แต่จะสนใจ เขาทำให้เพียงเดินกลับเข้าบริษัทอย่างฉุนเฉียว แม้แต่เปาโลมือขวาคนสนิทยังต้องเก็บปากเก็บคำ

                                                                                                                                                                    

    ……….


    ^___^

    มีความสุขกับการอ่านค่ะ  (งานเยอะแต่ก็ต้องปั่น) สู้ไปด้วยกันค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×