คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บท 1
บท 1
“ฉันจองโรงแรมไว้ให้พวกเธอแล้วนะ ราคาแพงนิดหน่อยแต่ก็ปลอดภัยดี ไว้ เดี๋ยวค่อยเจอกันนะมะนาว บาย”
เสียงหวานใสของบุญหรือบุญรักษา อาชาไพศาลดังที่ปลายสายก่อนที่จะวางไป ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่ออมยิ้มกับความรอบคอบของเพื่อนรัก ดวงตากลมโตสดใสที่ประกอบบนใบหน้าเรียวสวยมองน้องสาวทั้งสอง ที่คนหนึ่งทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างไม่สมกับเป็นสตรี กับอีกคนที่เดินสำรวจห้องพร้อมเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเบา ๆ
เส้นผมดำสนิทราวกับไหมชั้นดีถูกรวบอย่างบรรจงบนศีรษะทุยสวยอวดลำคอระหง แสงวิบวับบนลำคอขาวคือสร้อยคอเส้นเล็ก ทำจากเงินแท้ซึ่งมีจี้รูปหัวใจขนาดพอเหมาะกับสายสร้อยห้อยอยู่
ร่างแบบบางทว่าสมส่วนในชุดเดรสสั้นสีชมพูสดซึ่งตัดกับสีผิวที่ขาวราวน้ำนม ขับให้ดูเด่นสะดุดตากำลังจัดกระเป๋าทั้งของตัวเองและน้องสาวอย่างอารมณ์ดี
“นี่มะขาม ถอดรองเท้าก่อนสิ”
น้ำเสียงใสกังวานเจือความอบอุ่น อันมาจากสาวน้อยอีกคนที่อยู่ในเสื้อสีขาวเอวลอยเข้ารูป อวดเอวคอดกิ่วกับกระโปรงยาวกรอมเท้าสีลูกพีช เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกทำให้ใบหน้ากระจ่างใสชวนมองไปอีกแบบ
เสียงกรุ๊งกริ๊งที่ได้ยินเสมอเวลาเจ้าตัวขยับเท้า เพราะที่ข้อเท้าขาวผ่องข้างซ้ายมีสร้อยข้อเท้าเส้นเล็กทำจากเงินแท้เช่นเดียวกับมะนาว แต่ต่างตรงที่มีกระดิ่งรอบสร้อยและมีหัวใจดวงเล็ก ๆ หนึ่งดวงห้อยติดอยู่
ส่วนเจ้าของชื่อมะขามซึ่งลุกนั่งบนเตียงอย่างเกียจคร้าน มือเรียวสวยราวลำเทียนปรากฏในข้อมือข้างซ้ายมีสร้อยลักษะเช่นเดียวกับสร้อยข้อเท้าของมะม่วง แต่ต่างตรงที่ไม่มีกระดิ่งมีเพียงดวงใจดวงเล็ก เพียงดวงเดียวเท่านั้น
สีผิวที่ขาวราวไข่ปอกพ้นชายเสื้อยืดสีเข้มทำให้เธอดูอรชร มือบางกำลังถอดรองเท้าผ้าใบที่ดูขมุกขมัวออก ขาเรียวยาวที่ซ่อนภายใต้กางเกงยีนส์รัดรูปสีซีด ที่มีรอยขาดเป็นบางช่วง ก้าวลงจากเตียงเพื่อนำรองเท้าไปเก็บ ผมดกดำเงางามราวไข่มุกราตรีแกว่งไกวตามจังหวะเก้าเดินอย่างอิสระ
“นี่ มาถ่ายรูปกันดีกว่า”
มะขามหยิบกล้องตัวโปรดพร้อมเอ่ยชวนทั้งพี่สาวและน้องสาว
“รอแปบนะ ขอมะม่วงจัดของก่อน”
สาวสวยผมหยักศกบรรจงวางสีน้ำมันสำหรับวาดภาพ สมุดสเก็ตภาพ ขาตั้งเฟรมแบบพับเก็บได้และอุปกรณ์อื่น ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนเดินเข้าหาพี่สาวทั้งสอง
“เอ้า..หนึ่ง สอง ซั่ม สิบสี่”
รอยยิ้มพิมพ์ใจทั้งสามของมะนาว มะขามและมะม่วงที่ปรากฏบนกล้องอาจทำให้ใครต่อใครถึงกับหลงใหลและสนเท่ห์ในเวลาเดียวกัน เพราะจมูก คิ้ว คาง ริมฝีปากรวมถึงรูปร่างและสีผิวที่เหมือนกันราวกับฝาแฝด
ใช่แล้ว!!! พวกเธอเป็นแฝดสามที่หน้าตาและรูปร่างเหมือนกันทุกอย่าง นอกจากคนในครอบครัวและใกล้ชิดถึงจะแยกออกว่าใครเป็นใคร หากจับให้แต่ละคนแต่งตัวแบบเดียวกัน
มะนาวหรือมโน ศิริมล พี่สาวคนโตที่สดใสร่าเริง มีความชอบในเรื่องของการออกแบบเสื้อผ้า ส่วนมะขามจะเรียกอีกชื่อก็คือ รติ ศิริมล ชื่นชอบเรื่องการถ่ายภาพ และมะม่วงหรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ฤดี ศิริมล รักในงานศิลปะ ภาพวาด ทั้งสามจึงเลือกเรียนในด้านที่ตัวเองสนใจและถนัด
สร้อยแต่ละแบบที่มะนาว มะขามและมะม่วงมีนั้น เป็นสร้อยที่พ่อกับแม่ทำไว้ให้ ตอนที่ยังเป็นเด็ก โดยชื่อของพวกเธอ ที่ประกอบไปด้วย มโน รติ ฤดี มีความหมายเดียวกันคือ ใจ ซึ่งที่ใช้จี้รูปหัวใจก็เปรียบเหมือนทั้งสามคือดวงใจของพวกท่านและอีกนัยหนึ่งก็เพื่อแยกแยะได้ออกว่าใครคือใคร
โดยที่มะนาวเลือกเป็นสร้อยคอ มะขามเลือกสร้อยข้อมือส่วนมะม่วงชอบสร้อยข้อเท้ากอปรกับที่เธอรักงานศิลปะ จึงเสริมกระดิ่งเข้าไป
เพราะพ่อกับแม่คิดเผื่อไว้ล่วงหน้า พวกเธอจึงสามารถใส่สร้อยแต่ละเส้นได้อย่างพอดี สมัยเด็กแต่ละคนเลือกที่จะไม่ใส่ ด้วยกฎระเบียบของโรงเรียน รวมถึงเกรงว่าจะสูญหาย แต่พออยู่ในวัยที่สามารถดูแลรักษาได้ พวกเธอจึงหยิบสร้อยมาใส่อย่างไม่รีรอ
ทั้งสามไม่เคยถอดสร้อยของตัวเองเลย ไม่เว้นแม้แต่ตอนอาบน้ำหรือเข้านอน พวกเธอใส่ติดตัวตลอดเวลาจนกลายเป็นอวัยวะอีกชิ้นไปแล้ว
สายใยความรักที่แนบแน่นและพิเศษของทั้งสาม ทำให้พวกเธอสามารถรับรู้ได้ว่าใครกำลังอยู่ในอันตราย เจ็บไข้ได้ป่วย หรือเสียใจอย่างรุนแรง
ตอนที่พวกเธออายุสิบสี่ปี วันนั้นอยู่ในช่วงปิดเทอม มะม่วงที่มักตื่นสายเพราะชอบวาดภาพตอนกลางคืน เนื่องจากเธอชอบความเงียบและสงบ ทำให้เธอสามารถวาดภาพได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งมะนาวและมะขามออกไปซื้อของกับคุณยายมะเฟือง ปล่อยให้เธอนอนอยู่บ้านคนเดียว เมื่อเธอสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ จึงจำใจลุกไปรับสายอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่เมื่อทราบถึงข่าวร้ายที่สุดในชีวิต คือพ่อกับแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสายการบินตก ทำให้เธอเสียใจอย่างรุนแรง เธอกรีดร้องโหยหวน เจ็บปวดทรมาน ร้องไห้สะอึกสะอื้นข้างโทรศัพท์อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
มะนาวกับมะขามที่กำลังกินไอศกรีมรสโปรดถึงกับทรุด พร้อมร้องไห้อย่างหนักทั้งที่ก่อนหน้านั้นพึ่งหัวเราะไป พวกเธอรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกับมะม่วง
คุณยายรู้ถึงความสามารถของหลาน ๆ นางรีบโทรกลับหามะม่วงแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
ทั้งสามนั่งรถกลับบ้าน มะนาวกับมะขามวิ่งเข้าบ้านหามะม่วงทันที คุณยายหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จ ก็รีบร้อนตามหลานเข้าบ้านอีกคน
ภาพสามพี่น้องกอดกันร้องไห้ทำให้นางน้ำตาซึม ค่อย ๆ สอบถามจากมะม่วงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจนทราบความ เธอเกือบหมดสติเพราะความเสียใจที่สูญเสียลูกสาวและลูกเขยไป
ทว่าเสียงร้องไห้ของหลาน ๆ ทำให้นางฝืนใจเป็นหลักให้กับหลานสาว ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่า ๆ หลังจากเสร็จสิ้นงานศพ ทั้งสามเงียบขรึมลงไปมาก
โชคดีที่เป็นช่วงปิดเรียนและเปลี่ยนช่วงชั้นทำให้หลานทั้งสามพอหลงลืมความเสียใจไปได้บ้าง ระยะเวลาค่อย ๆ รักษาแผลใจจนทั้งสามทำใจได้
ทว่าก็เกิดเรื่องแบบเดียวกันอีกครั้ง เมื่อคุณยายมะเฟืองจากไปอีกคน ในขณะที่ทั้งสามอยู่ในวัยยี่สิบปี มะนาวเป็นคนแรกที่ทราบเรื่อง เธอเสียใจมากแต่ไม่ได้ร้องไห้โวยวาย ด้วยเตรียมใจไว้ล่วงหน้า เพราะคุณยายนอนป่วยมาสักระยะแล้ว
มะขามที่กำลังเรียนถ่ายภาพน้ำตาซึม รู้สึกหดหู่ใจจนถ่ายทอดบนภาพที่เธอถ่าย ส่วนมะม่วงนั่งเหม่อลอย เจ็บปวดหัวใจอย่างไร้เหตุผล ทั้งสองรู้ว่าต้องเกิดเรื่องกับมะนาวแน่ และก็เป็นจริง
เมื่องานศพเสร็จสิ้น ทั้งสามนอนกอดกันบนเตียงของคุณยายมะเฟือง ซึมซับไออุ่นของยายที่แสนรักอย่างอาวรณ์ ทั้งสามปลอบใจให้กันละกันจนสามารถก้าวผ่านความเจ็บปวดนี้ได้
ด้วยมีญาติเพียงคุณยายมะเฟืองคนเดียว ทำให้พวกเธอเหลือกันแค่สามคนพี่น้อง บ้านเช่า หอพักรวมถึงอพาร์ทเม้นท์หลายแห่งที่เปิดให้เช่า เป็นรายได้หลักของครอบครัว แม้ไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าแต่ก็พอดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างสบาย
เมื่อทั้งสามเรียนจบจึงนำเงินเก็บที่ถือว่าเยอะพอควร บินลัดฟ้ามาหาเพื่อนรักที่สนิทสนมมากในวัยเด็ก แม้จะแยกกันสมัยมัธยมปลาย เพราะบุญรักษาตามบิดาที่ทำธุรกิจในอิตาลีไปเรียนที่นั่นด้วย แต่ก็ยังติดต่อพูดคุยกันเสมอมา
ช่วงนี้บุญรักษาติดธุระสำคัญ ตลอดหนึ่งถึงสองสัปดาห์ เธอไม่สามารถปลีกตัวมาได้ จึงเป็นเหตุผลให้เธอหงุดหงิดยิ่งนัก
เพราะรู้ว่าเพื่อนรักทั้งสามจะมาเที่ยวฉลองเรียนจบ เธอจึงจัดเตรียมทุกสิ่งพร้อมสรรพ รวมถึงโปรแกรมการท่องเที่ยวมาเป็นอย่างดี ซึ่งเธอรับหน้าที่เป็นเจ้าบ้าน แต่ทุกอย่างก็ต้องผิดแผนเมื่องานของพ่อเธอดันเกิดปัญหา จึงต้องวานให้ลูกสาวคนเดียวช่วยเหลือ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เธอพลาดเจอเพื่อน
ปล.บอกความรู้สึกหลังอ่านด้วยนะคะ คนเขียนจะได้มีกำลังใจ ^^
ความคิดเห็น