Love me tender เจ้าสาววัยกระเตาะ
เพราะไม่อยากถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เธอจึงยอมทำตามแผนของ "อาหนาม" ด้วยการแต่งงานกับเขาเสียเลย หวังจะหนีรักแต่กลับต้องมาตกหลุมรักคนที่เป็นเพียง "ตัวหลอก" ซ้ำยังแก่กว่าเธอถึง 14ปี!!!
ผู้เข้าชมรวม
12,236
ผู้เข้าชมเดือนนี้
12
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ยังเขียนไม่ดีเท่าไหร่น้า แต่ขอบคุณทุกคนมากที่แวะมาอ่าน โหวตให้และบันทึกเป็น Favorite มันดีและมีความหมายต่อใจมาก <3
ยังไม่ผ่านการรีไรท์นะคะ ขอแต่งไปเรื่อยๆให้จบก่อน
“คุณย่าเสียแล้วนะ”
นับเป็นข่าวร้ายอย่างที่สุดในชีวิตของ
“นิวาริน ศิระประภา” เมื่อญาติผู้ใหญ่ที่รักมากที่สุดของเธอได้ถึงแก่กรรมในวัยแปดสิบปีด้วยโรคชรา
หลังจากวันฉลองเรียนจบของเธอเพียงสองวัน
ยังมิทันแม้แต่จะได้นำใบปริญญาบัตรไปอวดให้ภูมิใจ
“อาจะมารับหนูหวานที่ลอนดอนใช่ไหม?” น้ำเสียงสั่นเทาเอ่ยถามเมื่อรวบรวมสติกลับมาได้
“อาต้องอยู่ดูแลพิธีรดน้ำศพของคุณย่าที่นี่แต่จะส่งคนที่ไว้ใจได้ไปรับหลานกลับมาโดยเร็วที่สุด
อย่าโกรธอาเลยนะ อาจำเป็นจริงๆ”
“ถ้างั้นอาก็ไม่ต้องส่งใครมาทั้งนั้น
หนูหวานกลับคนเดียวก็ได้”
การพูดคุยจบลงแบบไม่ค่อยดีนัก “นิสามณี ศิระประภา” ถอนหายใจเมื่อลดโทรศัพท์ลง แววตาที่เคยงดงามบวมช้ำจากการร้องไห้มาอย่างหนัก
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ
ผมจะไปรับหนูหวานที่ลอนดอนให้เอง”
เสียงนุ่มแต่หนักแน่นของชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนฟังนิสามณีคุยโทรศัพท์กับหลานสาวคนเดียวตั้งแต่ต้นเอ่ยขึ้นอย่างเข้าใจในสถานการณ์
“ขอบใจหนามมากนะ
พี่อยากไปรับแกด้วยตัวเองแต่ทางนี้ก็ยุ่งเหลือเกิน”
“ผมเข้าใจครับ
พี่นีน่าอยู่ทางนี้คอยดูแลพิธีศพของคุณป้าให้เรียบร้อยดีกว่าแล้วพรุ่งนี้ผมจะบินไปลอนดอนรับหนูหวานกลับมาให้”
และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ “ชีวิน อัศวะธาดา” ตกปากรับคำคนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิท, รุ่นพี่ร่วมคณะ, ที่ปรึกษาทางธุรกิจและเรื่องส่วนตัวจนเรียกได้ว่าสนิทกันราวกับญาติพี่น้อง เพื่อออกเดินทางข้ามทวีปไปรับ “นิวาริน” หรือ “หนูหวาน” หลานสาวคนเดียวของบ้านศิระประภาที่ประเทศอังกฤษ หล่อนเพิ่งเรียนจบได้เพียงไม่กี่วัน ยังไม่ทันได้ฉลองความสำเร็จ ก็กลับต้องมารับรู้ข่าวร้ายเสียก่อน นั่นคือการเสียชีวิตของ “คุณหญิงสิริ ศิระประภา” ผู้มีศักดิ์เป็นย่าที่เลี้ยงดูนิวารินมาตั้งแต่แบเบาะแทนบุพการีทั้งสองที่ประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินเสียชีวิตไปตั้งแต่นิวารินอายุยังไม่ถึงสองขวบดี เธอจึงรักและผูกพันกับคุณหญิงมากเป็นพิเศษ
ชีวินยืนมองเครื่องบินที่กำลังทะยานขึ้นจากพื้นสนามบินฮีทโธรว์ลำแล้วลำเล่าพลางนึกขันตัวเอง
ว่าเหตุใดนักธุรกิจที่หาเวลาว่างแทบไม่ได้อย่างเขาถึงต้องยอมเหน็ดเหนื่อยและเสียเวลากว่าสองวันเพื่อปฏิบัติภารกิจนี้
นั่นคือการบินตรงกว่าสิบสองชั่วโมงมาที่อังกฤษเพื่อรอรับคนที่นิสามณีบอกว่า
“หลานของพี่ก็เปรียบเสมือนกับหลานของหนามด้วย”
รูปถ่ายครึ่งตัวในแบบที่ผู้เป็นอาน่าจะไปค้นมาจากบัญชีเฟซบุคของหลานสาวถูกชีวินเปิดดูครั้งแล้วครั้งเล่า
หล่อนคงอายุราวๆสิบห้าหรืออะไรทำนองนั้น เขารับรู้แค่ว่าคุณหญิงสิริและนิสามณีนั้นมีหลานสาวอยู่หนึ่งคนที่ถูกส่งตัวไปเรียนต่อณ. เมืองผู้ดีตั้งแต่ยังเด็ก
ดูจากในรูป หล่อนดูคล้ายผู้เป็นอาอยู่มาก โดยเฉพาะจมูกโด่งรั้นนั่น และที่เขาต้องยอมรับโดยดุษฎีคือความสวย
ที่ถอดแบบมาจากบุพการีทั้งสองไม่ผิดเพี้ยน
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องส่งใครมารับ หนูหวานกลับของหนูหวานเองได้”
น้ำเสียงกังวานอย่างเอาเรื่องที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้ชีวินต้องหันไปฟังอย่างสนใจ
“นิวาริน ศิระประภา”เพิ่งลากกระเป๋ามาถึงห้องผู้โดยสารขาออกเกทเดียวกับชีวิน
หล่อนสวมแว่นกันแดดปิดบังใบหน้าไว้เกือบครึ่ง กระนั้นก็มิได้ทำให้ความงดงามผุดผาดลดน้อยลงไปเลย
“อาไม่ต้องโทรมาแล้วนะคะ
ถึงกรุงเทพฯเมื่อไหร่จะโทรบอกเอง”
ไม่มีคำร่ำลาอ่อนหวานอย่างที่ควรจะเป็น
มือเรียวเก็บโทรศัพท์ไว้ใต้เสื้อโค้ดก่อนจะถอดแว่นกันแดดออกด้วยกิริยากระแทกกระทั้น
ชีวินยืนอยู่ตรงหน้าหล่อนพอดี
ต่างฝ่ายต่างสบสายตากัน
ในรูปว่าสวยแล้ว พอได้พบตัวจริงหล่อนยิ่งสวยเสียจนชวนตะลึง
“หนูหวานใช่ไหม?”
*************************************************************
ผลงานอื่นๆ ของ wanisastarlight ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ wanisastarlight
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น