ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : คุณพระ คุณเจ้าช่วย
                                                                                      บทที่  6
        “ คุณพระ คุณเจ้าช่วย ” ช้องนางสบถออกมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของนายตำรวจนายหนึ่งที่มาแจ้งข่าวร้ายให้หล่อนและสามีทราบ
        “ ไม่จริง ไม่เป็นความจริงใช่ไหมค่ะคุณพี่ดล ” ช้องนางหวีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความสะเทือนใจ
        “ คุณ คุณมีสติหน่อย มันเป็นเรื่องจริง ภูมิกับอรเค้าทิ้งเราไปแล้ว หักอกหักใจเสียบ้างเถอะ ” นพดลกล่าวคำปลอบโยนนั้นออกมาอย่างยากเย็น แขนที่โอบภรรยาไว้นั้นสั่นสะท้านด้วยความสะเทือนใจภายใน
        “ แต่มัน..มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรค่ะคุณตำรวจ ” น้ำเสียงนั้นแหบพร่าระคนสั่นเครือ
        “ ทางชลบุรีเค้าแจ้งมาว่าคุณนวภูมิกับคุณอรอนงค์ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อตอนรุ่งสางนี้เอง รถที่ทั้งคู่ใช้เดินทางเสียหลักชนเข้ากับแผงกั้นถนนบริเวณทางโค้งเป็นเหตุให้รถตกจากหน้าผาลึกประมาณ 50 เมตร สันนิฐานเบื้องต้นว่าอาจเกิดจากความไม่ชินเส้นทางของคุณ  นวภูมิ เป็นเหตุให้ทั้งคุณนวภูมิและคุณอรอนงค์เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ” ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์กล่าวเรียบๆขณะที่ลอบสังเกตุพฤติกรรมของคนทั้งคู่ไปด้วย
        “ เป็นไปไม่ได้ ภูมิไปบ้านพักที่นั้นบ่อยมาก ต้องไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิดแน่ๆ ” นพดลกล่าวด้วยความมั่นใจ
        “ แต่จุดที่ประสบเหตุค่อนข้างชันและคดเคี้ยวมาก เวลาที่เกิดเหตุก็ดูเหมือนจะเป็นใจให้เราสันนิฐานแบบนี้ ” สมศักดิ์ยังคงเลือกใช้น้ำเสียงดุจเดิม
        “ โถ คุณพี่ไม่น่าต้องมาทิ้งกันไปแบบนี้เลย แล้วตาทัพ ตาทัพหล่ะค่ะคุณตำรวจ” ช้องนางร้องออกไปอย่างเพิ่งนึกอะไรได้
        “ ใช่ แล้วลูกชายของภูมิกับอรหล่ะครับ ” นพดลก็มีอาการไม่ต่างจากภรรยาเท่าไหร่นัก
        “ ลูกชาย ?มีคนเดินทางไปมากกว่าสองคนหรือครับ ” สมศักดิ์ถามอย่างแปลกใจในข่าวที่เพิ่งได้รับมา
        “ ใช่คะ เด็กชายอายุราวแปดเดือนเศษคุณพี่อรเอาเค้าไปด้วย ” น้ำเสียงของช้องนางดูร้อนรนยิ่งนัก
        “ อย่างไรไม่ทราบครับคงต้องตรวจสอบกับทางสถานนีอีกที จ่า ” สมศักดิ์หันไปพยักหน้ากับธานีเป็นเชิงให้ช่วยจัดการให้ที
        “ ขอใช้โทรศัพท์หน่อยนะครับ ”
        “ ทางนี้คะ ” ช้องนางตอบรับพลางเดินนำธานีออกไป
        “ แล้วนี่ผม จะรับศพมาบำเพ็ญกุศลได้เมื่อไหร่ครับ ” นพดลเอ่ยถามออกไปขณะที่อยู่กับสมศักดิ์เพียงลำพัง   
                                “ วันนี้ค่ำๆคุณคงทำเรื่องขอรับศพได้ ถ้า ” สมศักดิ์ถอนใจยาวก่อนจะกล่าวสืบไปว่า“ ถ้าผลการชันสูตรออกมาว่าคุณนวภูมิและภรรยาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง ”
        “ ไม่มีอะไรแอบแฝง? นี่คุณพูดบ้าอะไรเนี๊ย ” นพดลสบถเสียงขุ่นจัดอย่างไม่พอใจในคำพูดที่ได้ยินนั้น
        “ อะไรกันค่ะคุณพี่ดล ” ช้องนางร้องถามขึ้นขณะที่กลับเข้ามาในห้อง
        “ ทางเรายังหาเหตุอันควรมารองรับไม่ได้ว่าทำไมคุณนวภูมิและภรรยาต้องรีบร้อนเดินทางในเวลาใกล้เช้าอย่างนั้น ทางเราจึงไม่สามารถปักใจเชื่อเรื่องอุบัติเหตุเพียงอย่างเดียวได้ ประเด็นของผู้ใกล้ชิดเกี่ยวข้องที่อาจมีส่วนได้ส่วนเสียในการเสียชีวิตของคนทั้งคู่ ทางเราจำต้องรวมความน่าจะเป็นข้อนี้เข้าไปด้วย ” สมศักดิ์ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
        “ คุณพระช่วยนี่คุณตำรวจคิดว่า คุณพี่ถูกฆ่าตายหรือค่ะ ” ช้องนางอุทานเสียงสั่น
        “ บัดซบที่สุด คุณพูดอย่างนี้ออกมาได้อย่างไร  ” ท้ายน้ำเสียงสูงจนเกือบกลายเป็นตวาด
                  “ ไม่เอาคะคุณพี่ ใจเย็นๆนะค่ะ ” ช้องนางว่าด้วยน้ำเสียงปนสะเอื้อนพลางลุกขึ้นยึดตัวสามีของหล่อนไว้ด้วยเกรงว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โต
        “ ผมพูดไปตามหน้าที่ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พวกคุณไม่พอใจ ” สมศักดิ์ยังคงไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา
        “ มันหน้าที่ของคุณ ใช่มันหน้าที่ของคุณผมไม่เถียง แต่คุณไม่ควรและไม่มีสิทธิที่จะมาพูดแบบนี้กับเรา เราที่กำลังอยู่ในสภาพของคนเสียขวัญ คนอันเป็นที่รักของเราทั้งคู่เพิ่งจะมาทิ้งเราไปแล้วไหนจะยังหลานผมอีกที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร คุณคิดว่าท่าทางเราสองคนดูเหมือนยินดีนักหรือ ผมอยากรู้นักว่าคุณมันยังพอมีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่บ้างไหม ” นพดลมองสมศักดิ์อย่างขวางๆ มือนั้นกำแน่นอย่างพยามระงับโทสะที่มันพลุ่งพล่านอยู่ภายใน แต่ท้ายน้ำเสียงนั้นสั่นด้วยความโกรธระคนสะเทือนอารมณ์
        “ เราไม่มีเจตนาจะพูดให้พวกคุณรู้สึกแย่แบบนี้ แต่ ” ธานีที่เพิ่งจะกลับเข้ามาพยามไกล่เกลี่ยเมื่อเห็นว่าเรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่
        “ ไม่เจตนา แต่ขอโทษทีเถอะ ที่ผมได้ยินเต็มสองหูเมื่อครู่ ก็คือพวกคุณกำลัง กล่าวหาพวกเราว่าอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่ชายและพี่สะใภ้ตาย หรืออีกนัยหนึ่งคุณกำลังจะบอกว่าหากพวกเค้าตายไปพวกผมก็จะสุขสบายอย่างนั้นหรือ? คุณเห็นไหม เห็นผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้ไหม เธอกำลังเสียใจ เสียขวัญแค่ไหน คุณคิดบ้างไหมว่าคำพูดพล่อยๆของพวกคุณมันกำลังทำลายเธออยู่ ” นพดลว่าพลางชี้นิ้วไปที่ช้องนางที่ยังคงสะเอื้อนไห้อยู่ อย่างนึกสงสารหล่อนจับใจ
        “ แต่ถ้าพวกคุณไม่ได้ทำอะไรก็ไม่เห็นต้องร้อนตัวเลยนี่ครับ ” ธานีชักน้ำเสียงอย่างไม่พอใจกับคำพูดและกริยาเดือดดานของนพดลนัก
    ก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามไปมากกว่านี้ ช้องนางที่ยื้อยุดแขนสามีของหล่อนอยู่ก็พลันล้มพับหมดสติไป สร้างความตกใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก
                    “ คอยดูนะ ถ้าเมียผมเป็นอะไรไปผมจะถือว่าพวกคุณนั้นแหล่ะที่เป็นคนทำร้ายเธอ ” นพดลกล่าวเสียงกร้าวก่อนจะช้อนร่างของช้องนางอุ้มออกไปจากตรงนั้น โดยมีนายตำรวจทั้งสองนายมองตามจนลับสายตา โดยยากที่คาดเดาได้ว่าพวกเค้ากำลังคิดอะไรกันอยู่
                                     
        “ คุณพระ คุณเจ้าช่วย ” ช้องนางสบถออกมาอย่างตกใจเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของนายตำรวจนายหนึ่งที่มาแจ้งข่าวร้ายให้หล่อนและสามีทราบ
        “ ไม่จริง ไม่เป็นความจริงใช่ไหมค่ะคุณพี่ดล ” ช้องนางหวีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความสะเทือนใจ
        “ คุณ คุณมีสติหน่อย มันเป็นเรื่องจริง ภูมิกับอรเค้าทิ้งเราไปแล้ว หักอกหักใจเสียบ้างเถอะ ” นพดลกล่าวคำปลอบโยนนั้นออกมาอย่างยากเย็น แขนที่โอบภรรยาไว้นั้นสั่นสะท้านด้วยความสะเทือนใจภายใน
        “ แต่มัน..มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรค่ะคุณตำรวจ ” น้ำเสียงนั้นแหบพร่าระคนสั่นเครือ
        “ ทางชลบุรีเค้าแจ้งมาว่าคุณนวภูมิกับคุณอรอนงค์ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อตอนรุ่งสางนี้เอง รถที่ทั้งคู่ใช้เดินทางเสียหลักชนเข้ากับแผงกั้นถนนบริเวณทางโค้งเป็นเหตุให้รถตกจากหน้าผาลึกประมาณ 50 เมตร สันนิฐานเบื้องต้นว่าอาจเกิดจากความไม่ชินเส้นทางของคุณ  นวภูมิ เป็นเหตุให้ทั้งคุณนวภูมิและคุณอรอนงค์เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ” ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์กล่าวเรียบๆขณะที่ลอบสังเกตุพฤติกรรมของคนทั้งคู่ไปด้วย
        “ เป็นไปไม่ได้ ภูมิไปบ้านพักที่นั้นบ่อยมาก ต้องไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิดแน่ๆ ” นพดลกล่าวด้วยความมั่นใจ
        “ แต่จุดที่ประสบเหตุค่อนข้างชันและคดเคี้ยวมาก เวลาที่เกิดเหตุก็ดูเหมือนจะเป็นใจให้เราสันนิฐานแบบนี้ ” สมศักดิ์ยังคงเลือกใช้น้ำเสียงดุจเดิม
        “ โถ คุณพี่ไม่น่าต้องมาทิ้งกันไปแบบนี้เลย แล้วตาทัพ ตาทัพหล่ะค่ะคุณตำรวจ” ช้องนางร้องออกไปอย่างเพิ่งนึกอะไรได้
        “ ใช่ แล้วลูกชายของภูมิกับอรหล่ะครับ ” นพดลก็มีอาการไม่ต่างจากภรรยาเท่าไหร่นัก
        “ ลูกชาย ?มีคนเดินทางไปมากกว่าสองคนหรือครับ ” สมศักดิ์ถามอย่างแปลกใจในข่าวที่เพิ่งได้รับมา
        “ ใช่คะ เด็กชายอายุราวแปดเดือนเศษคุณพี่อรเอาเค้าไปด้วย ” น้ำเสียงของช้องนางดูร้อนรนยิ่งนัก
        “ อย่างไรไม่ทราบครับคงต้องตรวจสอบกับทางสถานนีอีกที จ่า ” สมศักดิ์หันไปพยักหน้ากับธานีเป็นเชิงให้ช่วยจัดการให้ที
        “ ขอใช้โทรศัพท์หน่อยนะครับ ”
        “ ทางนี้คะ ” ช้องนางตอบรับพลางเดินนำธานีออกไป
        “ แล้วนี่ผม จะรับศพมาบำเพ็ญกุศลได้เมื่อไหร่ครับ ” นพดลเอ่ยถามออกไปขณะที่อยู่กับสมศักดิ์เพียงลำพัง   
                                “ วันนี้ค่ำๆคุณคงทำเรื่องขอรับศพได้ ถ้า ” สมศักดิ์ถอนใจยาวก่อนจะกล่าวสืบไปว่า“ ถ้าผลการชันสูตรออกมาว่าคุณนวภูมิและภรรยาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง ”
        “ ไม่มีอะไรแอบแฝง? นี่คุณพูดบ้าอะไรเนี๊ย ” นพดลสบถเสียงขุ่นจัดอย่างไม่พอใจในคำพูดที่ได้ยินนั้น
        “ อะไรกันค่ะคุณพี่ดล ” ช้องนางร้องถามขึ้นขณะที่กลับเข้ามาในห้อง
        “ ทางเรายังหาเหตุอันควรมารองรับไม่ได้ว่าทำไมคุณนวภูมิและภรรยาต้องรีบร้อนเดินทางในเวลาใกล้เช้าอย่างนั้น ทางเราจึงไม่สามารถปักใจเชื่อเรื่องอุบัติเหตุเพียงอย่างเดียวได้ ประเด็นของผู้ใกล้ชิดเกี่ยวข้องที่อาจมีส่วนได้ส่วนเสียในการเสียชีวิตของคนทั้งคู่ ทางเราจำต้องรวมความน่าจะเป็นข้อนี้เข้าไปด้วย ” สมศักดิ์ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
        “ คุณพระช่วยนี่คุณตำรวจคิดว่า คุณพี่ถูกฆ่าตายหรือค่ะ ” ช้องนางอุทานเสียงสั่น
        “ บัดซบที่สุด คุณพูดอย่างนี้ออกมาได้อย่างไร  ” ท้ายน้ำเสียงสูงจนเกือบกลายเป็นตวาด
                  “ ไม่เอาคะคุณพี่ ใจเย็นๆนะค่ะ ” ช้องนางว่าด้วยน้ำเสียงปนสะเอื้อนพลางลุกขึ้นยึดตัวสามีของหล่อนไว้ด้วยเกรงว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โต
        “ ผมพูดไปตามหน้าที่ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พวกคุณไม่พอใจ ” สมศักดิ์ยังคงไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา
        “ มันหน้าที่ของคุณ ใช่มันหน้าที่ของคุณผมไม่เถียง แต่คุณไม่ควรและไม่มีสิทธิที่จะมาพูดแบบนี้กับเรา เราที่กำลังอยู่ในสภาพของคนเสียขวัญ คนอันเป็นที่รักของเราทั้งคู่เพิ่งจะมาทิ้งเราไปแล้วไหนจะยังหลานผมอีกที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร คุณคิดว่าท่าทางเราสองคนดูเหมือนยินดีนักหรือ ผมอยากรู้นักว่าคุณมันยังพอมีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่บ้างไหม ” นพดลมองสมศักดิ์อย่างขวางๆ มือนั้นกำแน่นอย่างพยามระงับโทสะที่มันพลุ่งพล่านอยู่ภายใน แต่ท้ายน้ำเสียงนั้นสั่นด้วยความโกรธระคนสะเทือนอารมณ์
        “ เราไม่มีเจตนาจะพูดให้พวกคุณรู้สึกแย่แบบนี้ แต่ ” ธานีที่เพิ่งจะกลับเข้ามาพยามไกล่เกลี่ยเมื่อเห็นว่าเรื่องราวมันชักจะไปกันใหญ่
        “ ไม่เจตนา แต่ขอโทษทีเถอะ ที่ผมได้ยินเต็มสองหูเมื่อครู่ ก็คือพวกคุณกำลัง กล่าวหาพวกเราว่าอาจเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่ชายและพี่สะใภ้ตาย หรืออีกนัยหนึ่งคุณกำลังจะบอกว่าหากพวกเค้าตายไปพวกผมก็จะสุขสบายอย่างนั้นหรือ? คุณเห็นไหม เห็นผู้หญิงที่น่าสงสารคนนี้ไหม เธอกำลังเสียใจ เสียขวัญแค่ไหน คุณคิดบ้างไหมว่าคำพูดพล่อยๆของพวกคุณมันกำลังทำลายเธออยู่ ” นพดลว่าพลางชี้นิ้วไปที่ช้องนางที่ยังคงสะเอื้อนไห้อยู่ อย่างนึกสงสารหล่อนจับใจ
        “ แต่ถ้าพวกคุณไม่ได้ทำอะไรก็ไม่เห็นต้องร้อนตัวเลยนี่ครับ ” ธานีชักน้ำเสียงอย่างไม่พอใจกับคำพูดและกริยาเดือดดานของนพดลนัก
    ก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามไปมากกว่านี้ ช้องนางที่ยื้อยุดแขนสามีของหล่อนอยู่ก็พลันล้มพับหมดสติไป สร้างความตกใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก
                    “ คอยดูนะ ถ้าเมียผมเป็นอะไรไปผมจะถือว่าพวกคุณนั้นแหล่ะที่เป็นคนทำร้ายเธอ ” นพดลกล่าวเสียงกร้าวก่อนจะช้อนร่างของช้องนางอุ้มออกไปจากตรงนั้น โดยมีนายตำรวจทั้งสองนายมองตามจนลับสายตา โดยยากที่คาดเดาได้ว่าพวกเค้ากำลังคิดอะไรกันอยู่
                                     
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น