ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คอร์ลัมเรื่องโปรด …เรื่องโปรโมท

    ลำดับตอนที่ #5 : ราตรีนิรันดร์ ( แวมไพร์....ผู้สับสน ) up date

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 47


                        

                                 เช้านี้แม้ว่าจะเป็นวันหยุดที่แสนจะน่าละเลียดกับการหาความสุขอยู่บนที่นอนนุ่มๆใต้ผ้าห่มอุ่นๆสักแค่ไหน...

                                 แต่....ผมกลับตื่นขึ้นมาเร็วกว่าปกติ....ชนิดที่เรียกว่า....ยอมตัดใจทิ้งเจ้าหมอนข้างสีชมพูหวานแหววสุดหวงดังโครมแล้วไม่แม้แต่จะเหลียวกลับไปมองมันด้วยหางตาเลยด้วซ้ำ( ก็มันแค่หมอนข้าง...ไม่ใช่สาวๆนี่นะ....)

                               คุณทุกคนที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้คงมีความรู้สึกหลายอย่างซินะครับ....

                               บางคนอาจถามว่า

                                                                      \" ทำไมล่ะ \"

                                                                      \" เป็นอะไรไปหรอ \" ( ทำหน้าประหลาดใจเอามากๆที่อยู่ๆราชาแห่งความขี้เกียจในวันหยุดอย่างผมจะลุกขึ้น( จากโลง)ก่อนพระอาทิตย์แยงตา( กับเค้า)ได้ ด้วย

                            และคงมีคำถามอีกมากมายทีเดียว...แต่ผมเชื่อว่าคงมีใครสักคน( หรือหลายคน)ที่เกิดคำถามนี้ขึ้นในใจแน่ๆ.....นั้นคือ...

                                                                     \" มาบอกกรูทำไมว่ะ....ไม่เห็นจะเกี่ยวกับกรูเลย....\" ( พร้อมกรนด่าในใจอีกยาวเหยียด )

                           โอเค...พอได้แล้วครับ( เลิกด่าเสียทีขอร้อง)....ผมจะบอกแล้วให้ก็แล้วกันครับว่าทำไมผีดิบ( อย่างผม)จึงฟื้นขึ้นมาจากโลงก่อนอาทิตย์ขึ้นในวันนี้ได้

                            เพราะผมทราบว่ามีบางสิ่งทีสำคัญมากกว่าการนอนกิน( ไร) ฝุ่นบนที่นอน(ที่มีสภาพไม่ต่างจากกองขยะมูลฝอย เท่าไหร่นัก....) รอผมอยู่

                             สิ่งสำคัญ(ที่สุด)....สำหรับชาวพุทธอย่างเราๆท่านๆที่มักจะยึดถือปฎิบัติกันอยู่เป็นเนืองนิจ( บ้างก็แล้วแต่สังขารจะอำนวย)

                             สิ่งนี้เอง....ที่มีค่ามากกว่าการหมกมุ่นอยู่กับความฝันที่วกไปเวียนมากับเรื่องเดิมๆ

                             สิ่งนี้....ที่สามารถ( งัด) ขจัดความขี้เกียจ( ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด)ที่หวงแหนมากๆของผมได้อย่างดี( เรียกได้ว่าสำคัญเอามากๆในชีวิตผมทีเดียว)

                            สิ่งนั้นคือ.....

                                                                      \" หาของมาขจัดความหิวไงครับ \" ( ทำท่าเตรียมหลบข้าวของที่ขว้างมาจากหน้าจอ )

                            ผมพูดจริงๆนะครับว่า \" อาหาร\"เป็นสิ่งสำคัญมากๆ( ทั้งชาวพุทธและทุกคนบนโลก )โดยเฉพาะคนที่เพิ่งถูกแอลกอฮอเผาผลาญพลังงานไปเมื่อไม่ถึงห้าชั่วโมงก่อนหน้านี้อย่างผม.....

                           ทีนี่คุณคง(พอ)เข้าใจ( เหตุผล)แล้วนะครับว่าผมตื่นขึ้นมาทำอะไรตอนเกือบๆตีห้าแบบนี้.....

                          ผมเดินลงมาจากชั้นสองด้วยสภาพสะโหลสะเหลพอควร.....เดินไปเรื่อยๆในความมืดตรงหน้าโดยไม่คิดอะไรเลยมาก....นอกจากหาอะไรมาบรรเทาความเข็มข้นของน้ำในกระเพาะก็เท่านั้น...แต่แล้ว....

                          มีลมกลุ่มหนึ่งวิ่งมากระทบผิวผมอย่างแรง.....ขณะที่ผมกำลังเดินไปยังห้องครัว.....

                          ผมบังเกิดความกลัวขึ้นมา( เฉยๆ)อย่างหาที่มาที่ไปไม่ได้.....ผมหยุดเดินและมองผ่านไปในความมืดที่มีเพียงแสงไฟจากด้านนอกลอดผ่านเข้ามาเพียงเล็กน้อย....

                         ขนแขนลุกชันตั้งขึ้น....อย่างยากจะอธิบาย.....เอาอีกแล้ว....มีลมพัดมากระทบผิวผมอีกแล้ว.....

                        ผมเหลียวมองไปนอกหน้าต่างมองหาทิศทางของลมที่พัดมา....มันปิด....

                       ให้ตายซิหน้าต่างมัน ปิดสนิททุกบาน....แล้วลมมาจากไหนกัน

                        ผมเป็นคนที่ไม่เคยเชื่อในเรื่องที่เค้าเล่าๆกัน....แม้จะฟังเรื่องประเภทหลอกให้เด็กกลัวในความืดมามากมายแค่ไหนก็ตาม...สุดท้ายผมก็มักหัวเราะแล้วก็พูดอย่างมั่นใจว่ามันเรื่องไร้สาระทั้งเพ....

                                                                  \" ผีไม่มีในโลก \" ผมครางแต่เริ่มหวั่นๆอยู่ในที่เหมือนกัน....ให้ตายซิ....ผมอยากจะวิ่ง...วิ่งหนีเสียให้ได้...แต่ผมสั่งขาผมเองไม่ได้....ผมก้าวขาไม่ออก....

                        ผมเริ่มลำดับเรื่องที่ผมได้ยินมาเกี่ยวกับ....กับผี....ที่มักจะโผล่มาทักทายคนขวัญอ่อนอยู่บ่อยๆ....และคิดในใจว่าถ้าเกิดมีเสียงคราง....และเงาตะคุ่มๆที่ไหนสักแห่ง....หล่ะก็...ไม่ต้องสงสัยเลย...( และสิ่งที่ควรทำมากที่สุดก็คือใส่เกียร์หมา....ได้เลย..)

                                                                 \" ฮือ....ฮือ\"

                        พระเจ้าเสียงนั้น....เสียงนั้น.....ผมเงี่ยหูฟังหาที่มาของเสียงด้วยใจระทึก...

                                                                  \" ตึก...ตึก...\" เสียงหัวใจของผมที่มันเต็นโครมครามแทบจะทะลุออกมานอกอก...แข่งกับเสียงครางฮือ...ฮือนั่น....

                       ทันใดนั้นเอง.....พระเจ้าช่วยลูกด้วย....

                       มีเงาของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่หลังเก้าอี้รับแขกด้านขวามือผม....ผมเพ่งมองด้วยตาที่เบิกกว้าง...เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นมาตาใบหน้าและฝ่ามือ....

                       เงาดำเล็กๆเมื่อครู่...ขณะนี้มันเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น....ใหญ่ขึ้น...

                       อีกแล้ว.....มีกลุ่มลมมันพัดมากระทบผมอีกแล้ว....

                       เสียงครางนั้นดังขึ้นกว่าเดิม....

                      เจ้าเงาประหลาดนั้น.....มันค่อยๆเลือบคลานเข้ามาหาผม...อย่างช้า...ช้า...

                      ช้า....ช้า....

                       ผมขนลุกซู่เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกผีหลอกก็วันนี้เอง....ว่าแม้จะอยากจะวิ่งหนีไปสักเท่าไหร่...แต่ขามันกลับติดอยู่กับที่ราวกับว่ามันถูกตรึงไว้ก็ไม่ปาน....ตาที่มองดูอ้ายเงาปริศนานั้นอยากจะเบือนหนีแต่กลับเบิกกว้าง....ขึ้นกว้างขึ้นอย่างบังคับไม่ได้....มือไม้สั่นเทาไปหมด...แม้เหงื่อจะไหลออกมามากมายราวกับเขื่อนแตก...

                        สิ่งเดียวที่ผมคิดว่า....ผมยังคงทำได้....นั้นคือเปล่งเสียงนั้นเอง....

                                                            \" นะโมตะสะ...นะโมตะสะ...\" ผมกรนสวดทุกบทเท่าที่ผมจะนึกออกผิดๆถูกๆอย่างต้องการใช้มันป้องกันตัว....แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลเอาเสียเลย....อ้ายเงาดำนั้นมันค่อยๆเคลื่อนเข้ามาหาผม...อย่างช้า...ช้า...ร่างมันเริ่มใหญ่ขึ้น...ใหญ่ขึ้น...

                        มันอยู่ห่างจากผมไม่ถึงสองคืบ....กลิ่นเหม็นบูดเริ่มโชยมาเตะจมูก...หัวใจผมแทบหยุดเต็น ...ผมจะทำยังไงดี....

                                                         \" อ๊าก..... \" ผมหลับตาปี๋...แหกปากร้องตะโกนสุดเสียงเมื่อมีบางอย่างมาคว้าข้อมือผมไว้...

                                                           \" เป็นเอี้ยอะไรว่ะโชค...\"  

                       ผมได้ยินชัดเต็มสองหู....   จึงค่อยๆเปิดตามองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว...ซึ่งขณะนี้ไฟทุกดวงข้างล่างเปิดสว่างไปทั้งห้อง...แล้วก็พบว่า....อ้ายเงาตะคุมที่ผมเห็นก็คืออ้ายแปะก๊ยวเพื่อนที่มีร่างสูงใหญ่อย่างกะยักษ์ของผมนั้นเอง

                                                           \" ไอ้ก๊วย ....ตกใจหมดเลยอ้ายห่....า\" ผมเริ่มทำเก่งกลบเกลื่อนทันที...ทั้งที่ตอนนี้หน้าผมซีดแล้วแดง...ซีดแล้วแดงทีเดียว

                      แปะก๊วยมองหน้าผมงงๆ...ส่วยยอดชายที่นอนคลุมโปงอยู่บนโซฟาผงกหัวขึ้นมามองผมอย่างงงๆ...

                                                           \" เออก็กรูเองอะดิ...ตกใจ...ห่าไรว่ะ...มีฟาราไหมว่ะ...อ้ายยอดสงสัยจะไข้แด....กครางอยู่ได้น่ารำคาญ...\" แปะก๊วยบอกผมด้วยเสียงเซ็งๆ....พร้อมบีบจมูกทำท่าฟุดฟิตเหมือนหายใจไม่ออก...

                                                          \" ก็กรูบอกพวกมึงแล้วว่ากรูไม่ค่อยสบาย...มืงก็ยังลากกรูมากินเหล้าเองนี่หว่า...แล้วมืงอ้าย...เอี้ยก๊วย...มืงจะเสือ....กเปิดพัดลม...ทำห่...าไรแรงๆว่ะ... \"อ้ายยอดตอบโต้ออกมาบ้าง...

                       ผมงี้เซ็งเลยครับ...เสียหน้าแล้วยังจะเสียฟอร์มอีก...แต่ก็เอายาให้อ้ายยอดแล้วก็รีบอุ่นนมกับปิ้งขนมปังนำขึ้นไปห้องนอนผมทันที...ด้วยความอายมากๆ...และผมก็มาถึงบางอ้ออ้ายเรื่องลม...เสียงคราง...และกลิ่นเหม็น...ก็ตรงที่เห็นอ้ายก๊วยมันนั่งเอายาหยอดจมูก..ปอยๆนี่ล่ะ...

                      หลังจากจัดการกับขนมปังไปสองแผ่นและนมอุ่นอีกแก้วผมก็ล้มกายลงนอนที่ฟูกทำท่าจะนอนให้หายตกใจเสียหน่อย...แต่ตามันแข็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...ผมจึงควรหาอะไรทำฆ่าเวลา...สักหน่อยก็น่าจะดี....

                               เพิ่งจึงเริ่มเข้ามาที่เว็บเด็กดี....ด้วยหวังว่าอ้ายอาการตกใจเมื่อครู่มานคงจะบรรเทาเบาบางไปได้บ้าง...และเหตุผลอีกอย่างที่ผมเลือกที่จะเข้ามาในเว็บเด็กดี....ซึ่งมันสำคัญและจำเป็นสำหรับคนที่นอนไม่หลับอย่างผมมากๆ

                            นั้นก็คือ....

                             นิยายบางเรื่องในเด้กดีนี่อ่านแล้วทำให้รู้สึกง่วงได้จริงๆ.... ( อย่างน้อยก็ของผมเรื่องหนึ่งล่ะ)

                            ผมยังคงทำตามกิจวัติ...กฎ ...กติกามารยาทเดิมๆของผม....

                           นั้นคือ...เข้าไปอัพเรื่องทั้งหลายบรรดามีของผม...อ่านโพส(เพื่อหาเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ...มาอ่านฆ่าเวลาสักเรื่อง...)

                           และข้อความทักทาย...ของใครคนหนึ่งก็ดูจะสะดุด( หัวทิ่ม)ตาผมเอามากๆ...ก็คือข้อความนี้....

                                    

                                    วิจารณ์งานผมหน่อยครับ เริ่มต้นไปได้พักนึงแล้วหล่ะ

                                                Eternal Night ราตรีนิรันดร์ ครับพ้ม




                                            

                                                                                  \" Zmith_Of_Comsci  \" ผมออกเสียงนามเจ้าของโพสไว้ในเรื่องของผม...อย่างช้า...ช้า...ชัด...ชัด( ไม่แน่ใจนักว่าตอนนั้นออกเสียงได้ถูก) ด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง....

                                      อย่างแรกผมอ่านแล้วรู้สึกถึงความสับสนที่กระจากเกลื่อนในการอ่านชื่อของเจ้าโพสเอามากๆว่ามีความหมายว่ากะไร...ออกเสียงอย่างไร...

                                      อย่างที่สองผมใคร่รู้พอควรว่า เค้าอ่านวิจารณ์ของเราบ้างหรือยัง( ขณะนั้นมีวิจารณ์เพียงสองเรื่อง)....

                                      แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นผมรู้สึกดีใจลึกๆว่าอย่างน้อยก็มีคนแวะเข้ามาในเรื่องที่เรา ( ริเริ่ม)ทำ...และการที่เค้าให้เกียรติเชิญชวนเราเข้าไปอ่านงานของเค้า...แสดงว่าเค้าก็คงอยากใด้คำแนะนำ(ดีๆ)จากเราในฐานะคนอ่านคนหนึ่งเช่นกัน....

                                    

                                                     ผมจึงค้นหาชื่อเรื่องจากบทความและพบโดยไม่ยากนัก...( เสียใจลึกๆนิดหน่อย...กะว่าจะใช้เป็นข้ออ้างว่าหาไม่เจอสักหน่อย )

                                    ผมหยุดอยุ่หน้าบ้านเรื่องนี่ครู่ใหญ่พลางคิดตัดสินใจไปด้วย

                                                 \" ราตรีนิรันดร์ \" ผมครางเบาๆอย่างวิเคราะห์ความน่าจะเป็นของเรื่องนี้...พยามตีความหมายไว้ในใจว่า..ชื่อเรื่องควรจะหมายถึงอะไร...และไปในทิศทางใด...

                                  หลายคนคงสงสัยว่าทำไมผมจึงต้องทำแบบนั้น...ทั้งที่อ่านจากคำบรรยายเรื่อง...หรือลองเข้าไปอ่านเสีย( ที) ก็หมดเรื่อง...

                                                คำตอบก็คือ....

                                                ผมชอบทำเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยากไงครับ....

                                                 ไม่ใช่....จริงแล้วก็คือ

                                  ผมอยากบอกอย่างนี้ครับว่า...ผมมันเป็นประเภทชอบคิดเสียก่อนแล้วค่อยลงมือทำอะไรซักอย่างครับ....ชนิดที่เรียกว่าชอบทำท่าฉลาดๆคาดเดาเนื้อเรื่องก่อน...ประมารนั้นก่อนลงมือ...( อ่าน...)

                                  มันจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการที่เราเข้าไปแล้วอ่านเลยโดยตรง...เพราะเมื่อมันเป็นไปในทิศทางที่เราคิด...แสดงว่าเรื่อง( ที่เขียน)ก็จะออกมาในแนวโหล( มีให้เห็นมากมายในท้องตลาด)ไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก( นอกจากพล็อตหรือโครงเรื่องเท่านั้น)...แต่ถ้าไม่ใช่( ไม่เหมือนที่คาดเดาเอาไว้)....แสดงว่ามันคือสิ่งใหม่ๆที่เราจะเก็บเล็กผสมน้อยมาประยุคใช้กับงานเขียนของเราได้ดีทีเดียว....



                                  เมื่อชีวิตของเอกสิทธิ์ ชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง ต้องผันเปลี่ยนไปกลายเป็นแวมไพร์ นต้องเข้าสู่วังวนของความขัดแย้งในสังคมของแวมไพร์ จนนำไปสู่การต่อสู้ที่มีความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์แวมไพร์เป็นเดิมพัน

                                  

                                              เป็นคำนำที่ดีนะครับผมว่า...( อย่างน้อยมันก็)ถูกต้องตามหลักการใช้ภาษาอย่างไม่ต้องสงสัย( แล้วใครเค้าสงสัยล่ะ)...แต่

                                

                                               ในความรู้สึกของผมนั้นคำอธิบายเนื้อเรื่องนี้ดูธรรมดาเกินไป...ไม่ค่อยเร้าความอยากรู้อยากเห็นให้เกิดอย่างปัจจุบันทันด่วน...ซึ่งมันน่าเสียดายมากๆ...เพราะคำนำเกริ่นเรื่องถือเป็นหน้าตาของเรื่องทีเดียว...หากมันเรียบเกินไป...คนก็จะมองข้าม...และการปฎิสัมพันธ์กับเรื่องนั้นๆก็มีโอากาสเกิดขึ้นได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น...( พาลไปถึงคนไม่เข้าเลยเพราะคำอธิบายเรื่องก็เป็นได้)

                                 และบทนำที่เรียบง่ายเกินไปของนักเขียนท่านนี้นี่เอง...ที่ทำให้ผมชั่งใจนานพอดูกว่าจะตัดสินใจเข้าไปทำรู้จัก...( แต่ก็เข้าไปในที่สุด)

                                  ผมคาดเดาและคาดหวัง( ลดลงกึ่งหนึ่ง)เอาหลายต่อหลายเรื่องที่เดียวเกี่ยวกับเรื่องแวมไพร์ที่จะได้รู้ได้เห็นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า....และผมก็รู้ว่า...สิ่งที่ผมคิดคาดหวัง...มันเกินความคาดหมายสิ้นดี...



                                 ราตรีนิรันดร์( ฉบับปรับเปลี่ยน)....เล่าถึงวิถีชีวิตของหนุ่มธรรมดาๆคนนึงที่บังเอิญโดนเลือกให้มามีชีวิตที่ไม่เชิงปกตินัก....ในรูปแบบที่เรียกว่า \" แวมไพร์\" หรือ\" ผีดิบ\"....และความมีชีวิตแบบปกติสุข( หรือทุกข์) แบบเดิมๆก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง....และนำไปสู่จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่จะดำรงค์อยู่และมีชิวิตในอีกรูปแบบหนึ่งให้ตลอดรอดฝั่ง....

                                                 ผู้เขียนเริ่มต้นเรื่องได้อย่างน่าสนใจ....ในเงื่อนที่ถูกผูกไว้หลวมๆ....กลายเป็นปมที่มีขนาดเล็กๆไม่แลดูกว้างนัก...ด้วยองค์ประกอบหลายๆสิ่งทำให้เราพอคาดเดาความเป็นไปของเรื่องได้พอควร( แม้จะไม่ทั้งหมด)ซึ่งตรงนี้น่าเสียดายมากครับ....

                                               นวนิยายเรื่องใดก็ตาม...ไม่ว่าจะดำเนินเรื่องได้สนุกสนาน....ตื่นเต้น...เพียงใดก็ตาม...แต่หากผู้อ่านทราบหรือคาดเดาตอนจบหรือจุดจบของเรื่องได้เสียแล้ว...อรรถรสในการอ่านมันจะด้อยลงไปอย่างช่วยไม่ได้....

                                                การเปิดเรื่องในรูปแบบของนักเขียนท่านนี้จึงดูไม่เหมาะสมนักสำหรับแนวเรื่องที่ผู้เขียนเลือกแต่ง...เพราะรูปแบบการเล่าย้อนหลังใช้ไม่ได้กับงานเขียนทุกประเภท....โดยเฉพาะแนวผจญภัย....สยองขวัญและหักมุม...ไม่สมควรนำเสนอรูปแบบเช่นนี้อย่างยิ่ง...

                                            ซึ่งน่าเสียดายมากในการเปิดตัวของเรื่องนี้....ในความรู้สึกของผม( ถ้าจำไม่ผิดตอนเกริ่นเรื่องของเดิมไม่ใช่อันนี้ที่เคยอ่าน)

                                            แต่สิ่งที่ผมคิดอาจจะผิดก้เป็นได้ ด้วยความที่ว่าเราเป็นเพียงนักอ่านคนหนึ่งเท่านั้น....เราจึงจำเป็นต้องพิสูจน์ความคิด...หรือสมมุติฐานที่เราตั้งไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้...ผมจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปสุ่บทแรกของเรื่อง(จริงๆ ซะที)....

                                            บทแรก....บอกอะไรผม( ในฐานะคนอ่าน)ได้หลายอย่างที่เดียว...

                                                                อย่างแรก....ผู้เขียนมีความสามารถในการเลือกใช้คำได้เหมาะสมในการหยิบมาใส่ไว้กับเวลาและโอกาส เช่น  \" คนที่ไม่มีใครคาดหวังกับคนที่มีแต่คนคาดหวัง\" มันบอกกับผมว่าคนเขียนเก่งในการเล่นคำได้ดีพอสมควร....และรู้จักจังหวะ...เวลาและโอกาสในการเรียงคำเหล่านั้นได้อย่างยอดเยี่ยม...และคำพูดที่เป็นธรรมชาติออกติดดินเล็กๆ...ตามสามันชนรู้สึกได้...ไม่ไกลตัวนัก...คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของตอนนี้

                                                                ประการที่สอง....ผู้เขียนสามารถเกริ่นเรื่องได้แบบมืออาชีพเลือกใช้....คือดูมีศิลปะในการใช้ภาษาในการนำเสนอ....อ่านแล้วสบายๆไม่คล้ายกับว่าถูกยัดเยียดให้อ่านบทนำที่น่าเบื่อ.....และคล้อยตามได้บ้างในบางจุด....

                                            แต่...ข้อกังขาที่เริ่มฉายแววเด่นชัดสำหรับนักเขียนท่านนี้...ก็คือ...การทิ้งปมที่ถือเป็นการบ้านหนักพอดูสำหรับนักเขียนท่านนี้...

                                                                กล่าวคือ...ท่านสร้างให้ตัวเอกเป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งที่มีบุคคลิกที่เรียกได้ว่าแทบไม่น่าสนใจ...มีแต่ความไม่เอาไหนในชีวิตคนเมืองธรรมดาๆแบบนี้...แต่บทสรุปที่ผมเข้าใจว่าเป็นบทนำ....ชายคนนี้ดูมีพัฒนาการที่ออกจะแตกต่างกับตอนนี้โดยสิ้นเชิง....สุขุม...เข็มแข็ง...

                                                               ดังนั้นความแนบเนียนในการสร้างเรื่องจึงเป็นปัญหาที่ผมคิดว่าออกจะหนักทีเดียวนะครับ...ในการที่คนเราจะเปลี่ยนบุคลิกไปได้มากขนาดนี้(และถ้าทำได้ไม่ดีความสมจริงมันก็จะด้วยลงไปทันทีเลย....)



                                                          แต่ก็อย่างที่บอกครับว่าผมเองก็เป็นเพียงนักอ่านหนึ่งเท่านั้น....ถึงการคาดเดาของผมจะถูกบ้างผิดบ้างแต่จุดสรุปและการดำเนินเรื่องก็ยังคงเป็นหน้าที่หลักของคุณทุกคนที่ต้องการจะทราบรายละเอียดจากเรื่องด้วยตัวของท่านเอง....

                                                                                               \" ด้วยการอ่าน \"

                                                          ซึ่งผมมีความรู้สึกหลังจากอ่านเรื่องราตรีนิรันดร์ไปได้ร่วม16ตอน...ก็พบว่า....

                                                           ผู้เขียนมีความสามารถในการแต่งเรื่องที่ดีพอตัวทีเดียว....อีกทั้งเก่งในการเลือกใช้คำในการบรรยายความรู้สึก...บรรยายเหตุการณ์...อารมณ์....และเลือกฉากที่ใช้ได้อย่างเหมาะสม....

                                                           บางสำนวนที่ใช้ดูคมคาย...และที่ชอบเป็นพิเศษตรงที่เรื่องนี้ใช้ฉากเป็นประเทศไทยรวมทั้งตัวละครส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทยทั้งสิ้นทำให้อ่านง่ายและ...เข้าใจได้ไม่ยากนัก.....

                                                           แต่.....ก็พบข้อเสียบางจุดที่ผู้เขียนละเลยไปบ้าง....นั้นคือ....

                                                         ผู้เขียนเลือกการนำเสนอในการเปิดเรื่องได้ไม่ค่อยเข้ากับเรื่องของตนนัก....สำนวนที่ใช้ในบางจุดสร้างความสับสนแก่ผู้อ่าน....( ซึ่งตรงนี้มีน้อยมาก)....การดำเนินเรื่องขาดความเร้าใจด้วยสถานะการที่เรียบง่ายเกินไปในบางตอน....การแจกแจงเรื่องสายพันธ์ที่ถือได้ว่าเป็นเมนหลักใหญ่ของเรื่องก็ยังคงคลุมเครือ....ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร....นั้นอาจเกิดจากผู้เขียนหลงลืมไปว่าผู้อ่านมีความสามารถในการจดจำไม่เท่ากัน....การจะจำตระกูลทั้งหมดของแวมไพร์ได้นั้นควรเกิดจากการบรรยายที่ดีพอ....หรือผู้เขียนอาจเลี่ยงใช้สถานะการณ์บางสถานะการณ์ในการแจงสายพันธ์นั้นให้เด่นชัดขึ้น...ความสับสนก็จะน้อยลง....

                                                       และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมคงจะหลงลืมไม่พูดเห็นจะไม่ได้ในการกล่าวถึงเรื่องนี้ก็คือ....ปมของเรื่องที่ผู้เขียนทิ้งในแต่ละตอน...บางตอนมันไม่ชวนติดตาม...และทำให้ไม่ชวนสงสัย....ซึ่งคิดว่าผู้เขียนเป็นผุ้มีความสามารถในการดำเนินและลำดับเหตุการณ์ดีอยุ่แล้ว....ดังนั้นการทิ้งปมแบบน่าสนใจ...เป็นการดึงดูดผุ้อ่านได้ดีทีเดียวครับ...( ดีกว่าการจบแบบห้วนๆหรือธรรมดาเกินไป)



                                                    สุดท้ายที่ผมอยากจะบอกกับผู้เขียนมากๆเลยนั้นก็คือ....ความสับสนนำมาซึ่งความย่อท้อในการทำความเข้าใจครับ....ดังนั้นการแยกเยอะสิ่งของที่คล้ายกันแต่แตกต่าง...ควรทำให้ชัดเจนด้วยสถานะการณ์หรือการบรรยายก็ได้ครับ...เพื่อก่อให้เกิดความซาบซึ้งในการอ่านเนื้อเรื่องครับ....

                                                     อย่างเช่น.....ผมใช้.....

                                                   \" ลม.....เสียง....เงา...และ กลิ่น...ในการหลอกล่อผู้อ่านให้เชื่อว่าผมเจอ ผี ของต้น \" แบบนี้เป็นต้นครับ...

                                                  \" ลม...นั้นคือลมที่มาจากการส่ายของพัดลม \"

                                                  \" เสียง....เสียงครางของคนเป็นไข้\"

                                                  \" เงา....คนในความมืด \"

                                                  \" กลิ่น...คนที่เป็นไซนัสเวลาเข้ามาใกล้ๆเราจะได้กลิ่นเหม็นบูดครับ\"

                                                           อยากบอกว่าเรื่องของคุณตื่นเต้นเร้าใจ....สร้างสภานะการณ์และตัวละครได้ดีแล้วครับ...เพียงปรับอีกนิดเนื้อเรื่องของคุณก็จะน่าอ่านกว่านี้แน่นอนครับ....เพราะอย่างน้อย....

                                                     \" เรื่องของคุณก็ไม่ใช่ยานอนหลับชั้นดีสำหรับผมครับ \"

                                                                                                    



                                                                                                                                                                             วานิช นิ่มสกุล



    ปล.1 -ขณะนี้( 11/01/46 ) Eternal Night ราตรีนิรันดร์ โดย Zmith_Of_Comsci  ในหมวดผจญภัย ลงแล้วทั้งหมด 18 ตอนครับ ติดตามได้ที่ http://www.dek-d.com/entertain/viewlong.php?id=3214 ครับผม







    ปล.2 ข้อความอันหนึ่งอันใดที่ข้าพเจ้าผุ้เขียนกล่าวออกมาอาจมีถ้อยคำรุนแรงไปบ้างก็ดี....ไม่ตรงใจผู้อ่านหรือผู้แต่งไปบ้างก็ดี...ข้าพเจ้าขอน้อมรับความผิดนี้ไว้แต่ผู้เดียว...และขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ



                                                                                                                                                                                                          





                                                            







                                            





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×