ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เกสรมองตามหลานสาวที่วิ่งกระโดดโลดเต้นออกไปอย่างหม่นหมอง
                                                                                    บทที่  5
            เกสรนิ่งอ่านข้อความที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นด้วยใจที่หวิวไหว สายตาที่จับจองที่ข้อความเหล่านั้นพล่ามัวด้วยน้ำตาที่ก่อตัวขึ้นโดยที่เจ้าหล่อนเองไม่ทันรู้สึกตัว มือที่จับกระดาษราคาถูกคู่นั้นสั่นสะท้านจนสุดระงับ และในสุดมันก็หล่นกระจายเกลื่อนอยู่ตรงนั้น หล่อนยกผ่ามือขึ้นปิดหน้าสะเอื้อนไห้จนตัวโยนครู่หนึ่ง ก่อนที่หล่อนจะลุกขึ้นจากม้านั่งยาวตัวนั้นอย่างรีบร้อนไปยังห้องนอนของตนโดยมิไยกับน้ำตาที่ยังคงไหลแอบแก้มทั้งสองข้างอยู่อย่างไม่วี่แววว่ามันจะหยุดลงง่ายๆ
            ภายในห้อง เกสรคว้ากระเป๋าใบใหญ่จากบนตู้ไม้เก่าๆด้านซ้ายมือลงมาวางไว้ที่พื้น นิ่งคิดอยู่เป็นครู่หนึ่งก่อนเริ่มรวบรวมของใช้เท่าที่จำเป็นลงกระเป๋าอย่างเร่งรีบแข่งกับเวลา
                    “ นวล ” เกสรร้องทักหลานสาวออกไปขณะที่เปิดประตูออกมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ในมือ
            เด็กหญิงคนดังกล่าวกำลังจับจ้องเด็กชายที่นอนหลับอยู่ในมุ้งครอบขนาดเล็กที่มุมหนึ่งของห้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนตื่นเต้น
                    “ ใคร? ” หนูน้อยมิไยกับคำเรียกนั้นของเกสร แต่กลับสร้างประโยคคำถามสั้นๆตามประสาของเด็กอายุ6ขวบถามกลับออกไป โดยไม่ละสายตากลับมาที่เกสรเลยแม้แต่น้อย
            เกสรถอนหายใจยาวแล้วจึงวางกระเป่าใบนั้นลงกับพื้นก่อนเดินไปสมทบกับเด็กทั้งครู่อย่างเงียบๆ
                      “ น้องไงลูก น้องของนวล ” หล่อนว่าพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะหลานสาวเบาๆ
                      “ น้องของนวล? ” นวลทวนคำนั้นอย่างนึกฉงนในใจ
                      “ ใช่ น้องของนวล ถ้าใครถามนวลก็ต้องบอกเขาว่าเด็กคนนี้เป็นน้องของนวล ”
                      “ แล้วน้องนวลมาจากไหนหล่ะน้าสร ก็แม่ชบามีนวลคนเดียวแล้วแม่ก็ตายไปตั้งนานแล้วด้วย ” 
เกสรผ่านลมหายใจยาวอย่างหนักใจในคำถามนั้นของหลานสาว หล่อนนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนกล่าวสืบไปว่า
                        “ ก็ลูกของ น้าชิดไงลูก ใช่น้าสรเอาลูกของน้าชิดมาเลี้ยง ” หล่อนผ่อนลมอย่างโล่งใจที่หาทางออกได้ในที่สุด
                        “ น้าชิดไหนหล่ะน้า ทำไมนวลไม่เห็นรู้จักเลย แล้วทำไมน้าเค้าไม่เลี้ยงลูกเองหล่ะ น้าสรไปเอาลูกเค้ามาเลี้ยงทำไม แล้ว ” นวลหยุดไว้แค่นั้นเมื่อเห็นสายตาดุๆของเกสรมองมาที่ตน
                          “ เรานี่สอนไม่จำจริงๆเรื่องอยากรู้อยากเห็นเนี๊ย น้าชิดเค้าเป็นญาติห่างๆของเรา แล้วน้าเอาลูกน้าชิดมาเลี้ยงก็เพราะน้าชิดเค้า เค้าตายแล้ว ” ท้ายน้ำเสียงนั้นสั่นพร่า
                          “ เหมือนนวลเลย ” เด็กสาวหน้าหมองลงไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงตรงนี้ แต่แค่เพียงครู่เดียวเจ้าหล่อนก็ช่างจำนันจาเหมือนเดิม “ แล้วน้องเค้าชื่ออะไรน้าสร ”
                            “ ชื่อทัพ น้องของนวลชื่อทัพธรรม ”
                            “ ทัพธรรม เรียกยากจังเลยน้า ” เจ้าหล่อนบ่นอุบเมื่อได้ยินชื่อแปลกๆอย่างนั้น
                            “ ไปอาบน้ำอาบท่าไป เดี๋ยวน้าจะพาไปเที่ยว ” เกสรตัดบท
                            “ ไปไหนน้าสร ” น้ำเสียงนั้นเจือไว้ด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง
                            “ ไปในเมือง เอาเสื้อผ้าไปหลายๆตัวด้วยนะเราจะไปกันหลายวัน ” เกสรสั่งสำทับ
                            “ ไชโย ”
          เกสรมองตามหลานสาวที่วิ่งกระโดดโลดเต้นออกไปอย่างหม่นหมอง พลางมองไปรอบๆตัวอย่างใจหายที่ต้องจากที่นี่ไป และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก
                                       
         
          เกสรนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นไม้เบื้องหน้าโต๊ะหมู่ขนาดปานกลางซึ่งมีรูปหญิงชราผู้ล่วงลับวางอยู่ตรงกลาง แจกันดอกไม้สดคู่หนึ่งวางขนานอยู่ทั้งสองข้าง โกศบรรจุกระดูกวางถัดลงมา นัยน์ตาของหญิงชราที่จ้องมาที่เกสรราวกับมีชีวิต มันแฝงไว้ด้วยความปราณีที่หล่อนเองรู้สึกสะท้อนใจไม่น้อยเมื่อแลเห็นแววตาชนิดนั้นจากภาพเบื้องหน้า
            หล่อนลุกจากที่นั่งแล้วเดินเข่าเข้าไปหยิบธูปหอมที่วางอยู่ทางด้านซ้ายมือของโต๊ะหมู่นั้นขึ้นมาดอกหนึ่งแล้วนำขึ้นจุดกับเทียน แล้วจึงคลานเข่ากลับมายังที่เดิมพร้อมยกมือขึ้นประสานไว้กลางอก นัยน์ตาเศร้าหมองของหล่อนจดจ้องอยู่ที่รูปบานนั้นนิ่ง เนินนาน
                    “ แม่จ๋า ช่วยคุ้มครองสร นวลและคุณหนูทัพด้วยนะจ๊ะ ขอให้หนูไปได้ตลอดลอดฝั่ง อย่าให้เจอะเจอกับไอ้คนใจทรามทั้งหลายเลย ขอให้หนูแคล้วคลาดปลอดภัยและทำการนี้ได้สำเร็จด้วยเถอะจ๊ะแม่จ๋า เพื่อ ” น้ำเสียงของเกสรขาดหายลงไปในลำคอ หล่อนพยามอย่างยากเย็นที่จะกล่าวคำเหล่านั้นออกมา
                    “ เพื่อแทนคุณเพื่อนที่ดีของหนูทั้งคู่ เพื่อนรัก ที่ดีที่สุดของหนู หนูคงต้องทิ้งแม่ไว้เสียที่นี่เพราะหนูคงจะเอาแม่ไปด้วยลำบาก ลำพังเด็กสองคนนั้นหนูก็ไม่รู้ว่าจะไปกันรอดไหม อย่าโกรธหนูเลยนะจ๊ะแม่ หนูจำเป็นจริงๆ ” หล่อนยกมือที่พนมนั้นจรดขึ้นเหนือศีรษะก่อนคลานเข่าเข้าไปปักไว้ที่กระถางหน้าโกศ ก้มลงกราบ ทรุดกาย ซบหน้าลงบนผ่ามือสะเอื้อนไห้ออกมาเบาๆอยู่อย่างนั้น เนินนาน หน้าโต๊ะหมู่นั้น
                                     
     
            เกสรนิ่งอ่านข้อความที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นด้วยใจที่หวิวไหว สายตาที่จับจองที่ข้อความเหล่านั้นพล่ามัวด้วยน้ำตาที่ก่อตัวขึ้นโดยที่เจ้าหล่อนเองไม่ทันรู้สึกตัว มือที่จับกระดาษราคาถูกคู่นั้นสั่นสะท้านจนสุดระงับ และในสุดมันก็หล่นกระจายเกลื่อนอยู่ตรงนั้น หล่อนยกผ่ามือขึ้นปิดหน้าสะเอื้อนไห้จนตัวโยนครู่หนึ่ง ก่อนที่หล่อนจะลุกขึ้นจากม้านั่งยาวตัวนั้นอย่างรีบร้อนไปยังห้องนอนของตนโดยมิไยกับน้ำตาที่ยังคงไหลแอบแก้มทั้งสองข้างอยู่อย่างไม่วี่แววว่ามันจะหยุดลงง่ายๆ
            ภายในห้อง เกสรคว้ากระเป๋าใบใหญ่จากบนตู้ไม้เก่าๆด้านซ้ายมือลงมาวางไว้ที่พื้น นิ่งคิดอยู่เป็นครู่หนึ่งก่อนเริ่มรวบรวมของใช้เท่าที่จำเป็นลงกระเป๋าอย่างเร่งรีบแข่งกับเวลา
                    “ นวล ” เกสรร้องทักหลานสาวออกไปขณะที่เปิดประตูออกมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ในมือ
            เด็กหญิงคนดังกล่าวกำลังจับจ้องเด็กชายที่นอนหลับอยู่ในมุ้งครอบขนาดเล็กที่มุมหนึ่งของห้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนตื่นเต้น
                    “ ใคร? ” หนูน้อยมิไยกับคำเรียกนั้นของเกสร แต่กลับสร้างประโยคคำถามสั้นๆตามประสาของเด็กอายุ6ขวบถามกลับออกไป โดยไม่ละสายตากลับมาที่เกสรเลยแม้แต่น้อย
            เกสรถอนหายใจยาวแล้วจึงวางกระเป่าใบนั้นลงกับพื้นก่อนเดินไปสมทบกับเด็กทั้งครู่อย่างเงียบๆ
                      “ น้องไงลูก น้องของนวล ” หล่อนว่าพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะหลานสาวเบาๆ
                      “ น้องของนวล? ” นวลทวนคำนั้นอย่างนึกฉงนในใจ
                      “ ใช่ น้องของนวล ถ้าใครถามนวลก็ต้องบอกเขาว่าเด็กคนนี้เป็นน้องของนวล ”
                      “ แล้วน้องนวลมาจากไหนหล่ะน้าสร ก็แม่ชบามีนวลคนเดียวแล้วแม่ก็ตายไปตั้งนานแล้วด้วย ” 
เกสรผ่านลมหายใจยาวอย่างหนักใจในคำถามนั้นของหลานสาว หล่อนนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนกล่าวสืบไปว่า
                        “ ก็ลูกของ น้าชิดไงลูก ใช่น้าสรเอาลูกของน้าชิดมาเลี้ยง ” หล่อนผ่อนลมอย่างโล่งใจที่หาทางออกได้ในที่สุด
                        “ น้าชิดไหนหล่ะน้า ทำไมนวลไม่เห็นรู้จักเลย แล้วทำไมน้าเค้าไม่เลี้ยงลูกเองหล่ะ น้าสรไปเอาลูกเค้ามาเลี้ยงทำไม แล้ว ” นวลหยุดไว้แค่นั้นเมื่อเห็นสายตาดุๆของเกสรมองมาที่ตน
                          “ เรานี่สอนไม่จำจริงๆเรื่องอยากรู้อยากเห็นเนี๊ย น้าชิดเค้าเป็นญาติห่างๆของเรา แล้วน้าเอาลูกน้าชิดมาเลี้ยงก็เพราะน้าชิดเค้า เค้าตายแล้ว ” ท้ายน้ำเสียงนั้นสั่นพร่า
                          “ เหมือนนวลเลย ” เด็กสาวหน้าหมองลงไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงตรงนี้ แต่แค่เพียงครู่เดียวเจ้าหล่อนก็ช่างจำนันจาเหมือนเดิม “ แล้วน้องเค้าชื่ออะไรน้าสร ”
                            “ ชื่อทัพ น้องของนวลชื่อทัพธรรม ”
                            “ ทัพธรรม เรียกยากจังเลยน้า ” เจ้าหล่อนบ่นอุบเมื่อได้ยินชื่อแปลกๆอย่างนั้น
                            “ ไปอาบน้ำอาบท่าไป เดี๋ยวน้าจะพาไปเที่ยว ” เกสรตัดบท
                            “ ไปไหนน้าสร ” น้ำเสียงนั้นเจือไว้ด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง
                            “ ไปในเมือง เอาเสื้อผ้าไปหลายๆตัวด้วยนะเราจะไปกันหลายวัน ” เกสรสั่งสำทับ
                            “ ไชโย ”
          เกสรมองตามหลานสาวที่วิ่งกระโดดโลดเต้นออกไปอย่างหม่นหมอง พลางมองไปรอบๆตัวอย่างใจหายที่ต้องจากที่นี่ไป และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก
                                       
         
          เกสรนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นไม้เบื้องหน้าโต๊ะหมู่ขนาดปานกลางซึ่งมีรูปหญิงชราผู้ล่วงลับวางอยู่ตรงกลาง แจกันดอกไม้สดคู่หนึ่งวางขนานอยู่ทั้งสองข้าง โกศบรรจุกระดูกวางถัดลงมา นัยน์ตาของหญิงชราที่จ้องมาที่เกสรราวกับมีชีวิต มันแฝงไว้ด้วยความปราณีที่หล่อนเองรู้สึกสะท้อนใจไม่น้อยเมื่อแลเห็นแววตาชนิดนั้นจากภาพเบื้องหน้า
            หล่อนลุกจากที่นั่งแล้วเดินเข่าเข้าไปหยิบธูปหอมที่วางอยู่ทางด้านซ้ายมือของโต๊ะหมู่นั้นขึ้นมาดอกหนึ่งแล้วนำขึ้นจุดกับเทียน แล้วจึงคลานเข่ากลับมายังที่เดิมพร้อมยกมือขึ้นประสานไว้กลางอก นัยน์ตาเศร้าหมองของหล่อนจดจ้องอยู่ที่รูปบานนั้นนิ่ง เนินนาน
                    “ แม่จ๋า ช่วยคุ้มครองสร นวลและคุณหนูทัพด้วยนะจ๊ะ ขอให้หนูไปได้ตลอดลอดฝั่ง อย่าให้เจอะเจอกับไอ้คนใจทรามทั้งหลายเลย ขอให้หนูแคล้วคลาดปลอดภัยและทำการนี้ได้สำเร็จด้วยเถอะจ๊ะแม่จ๋า เพื่อ ” น้ำเสียงของเกสรขาดหายลงไปในลำคอ หล่อนพยามอย่างยากเย็นที่จะกล่าวคำเหล่านั้นออกมา
                    “ เพื่อแทนคุณเพื่อนที่ดีของหนูทั้งคู่ เพื่อนรัก ที่ดีที่สุดของหนู หนูคงต้องทิ้งแม่ไว้เสียที่นี่เพราะหนูคงจะเอาแม่ไปด้วยลำบาก ลำพังเด็กสองคนนั้นหนูก็ไม่รู้ว่าจะไปกันรอดไหม อย่าโกรธหนูเลยนะจ๊ะแม่ หนูจำเป็นจริงๆ ” หล่อนยกมือที่พนมนั้นจรดขึ้นเหนือศีรษะก่อนคลานเข่าเข้าไปปักไว้ที่กระถางหน้าโกศ ก้มลงกราบ ทรุดกาย ซบหน้าลงบนผ่ามือสะเอื้อนไห้ออกมาเบาๆอยู่อย่างนั้น เนินนาน หน้าโต๊ะหมู่นั้น
                                     
     
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น