ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดงมาร

    ลำดับตอนที่ #5 : เกสรมองตามหลานสาวที่วิ่งกระโดดโลดเต้นออกไปอย่างหม่นหมอง

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ย. 46


                                                                                        บทที่  5



                เกสรนิ่งอ่านข้อความที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นด้วยใจที่หวิวไหว…สายตาที่จับจองที่ข้อความเหล่านั้นพล่ามัวด้วยน้ำตาที่ก่อตัวขึ้นโดยที่เจ้าหล่อนเองไม่ทันรู้สึกตัว มือที่จับกระดาษราคาถูกคู่นั้นสั่นสะท้านจนสุดระงับ…และในสุดมันก็หล่นกระจายเกลื่อนอยู่ตรงนั้น…หล่อนยกผ่ามือขึ้นปิดหน้าสะเอื้อนไห้จนตัวโยนครู่หนึ่ง ก่อนที่หล่อนจะลุกขึ้นจากม้านั่งยาวตัวนั้นอย่างรีบร้อนไปยังห้องนอนของตนโดยมิไยกับน้ำตาที่ยังคงไหลแอบแก้มทั้งสองข้างอยู่อย่างไม่วี่แววว่ามันจะหยุดลงง่ายๆ

                ภายในห้อง…เกสรคว้ากระเป๋าใบใหญ่จากบนตู้ไม้เก่าๆด้านซ้ายมือลงมาวางไว้ที่พื้น…นิ่งคิดอยู่เป็นครู่หนึ่งก่อนเริ่มรวบรวมของใช้เท่าที่จำเป็นลงกระเป๋าอย่างเร่งรีบแข่งกับเวลา

                         “ นวล ” เกสรร้องทักหลานสาวออกไปขณะที่เปิดประตูออกมาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ในมือ

                เด็กหญิงคนดังกล่าวกำลังจับจ้องเด็กชายที่นอนหลับอยู่ในมุ้งครอบขนาดเล็กที่มุมหนึ่งของห้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนตื่นเต้น

                         “ ใคร? ” หนูน้อยมิไยกับคำเรียกนั้นของเกสร แต่กลับสร้างประโยคคำถามสั้นๆตามประสาของเด็กอายุ6ขวบถามกลับออกไป โดยไม่ละสายตากลับมาที่เกสรเลยแม้แต่น้อย

                เกสรถอนหายใจยาวแล้วจึงวางกระเป่าใบนั้นลงกับพื้นก่อนเดินไปสมทบกับเด็กทั้งครู่อย่างเงียบๆ

                          “ น้องไงลูก…น้องของนวล ” หล่อนว่าพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะหลานสาวเบาๆ

                          “ น้องของนวล? ” นวลทวนคำนั้นอย่างนึกฉงนในใจ

                          “ ใช่ น้องของนวล…ถ้าใครถามนวลก็ต้องบอกเขาว่าเด็กคนนี้เป็นน้องของนวล ”

                          “ แล้วน้องนวลมาจากไหนหล่ะน้าสร ก็แม่ชบามีนวลคนเดียวแล้วแม่ก็ตายไปตั้งนานแล้วด้วย ”  

    เกสรผ่านลมหายใจยาวอย่างหนักใจในคำถามนั้นของหลานสาว…หล่อนนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนกล่าวสืบไปว่า

                            “ ก็ลูกของ…น้าชิดไงลูก…ใช่น้าสรเอาลูกของน้าชิดมาเลี้ยง ” หล่อนผ่อนลมอย่างโล่งใจที่หาทางออกได้ในที่สุด

                            “ น้าชิดไหนหล่ะน้า ทำไมนวลไม่เห็นรู้จักเลย แล้วทำไมน้าเค้าไม่เลี้ยงลูกเองหล่ะ น้าสรไปเอาลูกเค้ามาเลี้ยงทำไม แล้ว…” นวลหยุดไว้แค่นั้นเมื่อเห็นสายตาดุๆของเกสรมองมาที่ตน

                              “ เรานี่สอนไม่จำจริงๆเรื่องอยากรู้อยากเห็นเนี๊ย…น้าชิดเค้าเป็นญาติห่างๆของเรา แล้วน้าเอาลูกน้าชิดมาเลี้ยงก็เพราะน้าชิดเค้า…เค้าตายแล้ว ” ท้ายน้ำเสียงนั้นสั่นพร่า

                               “ เหมือนนวลเลย ” เด็กสาวหน้าหมองลงไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงตรงนี้ แต่แค่เพียงครู่เดียวเจ้าหล่อนก็ช่างจำนันจาเหมือนเดิม “ แล้วน้องเค้าชื่ออะไรน้าสร ”

                                “ ชื่อทัพ…น้องของนวลชื่อทัพธรรม ”

                                “ ทัพธรรม…เรียกยากจังเลยน้า ” เจ้าหล่อนบ่นอุบเมื่อได้ยินชื่อแปลกๆอย่างนั้น

                                “ ไปอาบน้ำอาบท่าไป…เดี๋ยวน้าจะพาไปเที่ยว ” เกสรตัดบท

                                 “ ไปไหนน้าสร ” น้ำเสียงนั้นเจือไว้ด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง

                                 “ ไปในเมือง…เอาเสื้อผ้าไปหลายๆตัวด้วยนะเราจะไปกันหลายวัน ” เกสรสั่งสำทับ

                                 “ ไชโย ”

               เกสรมองตามหลานสาวที่วิ่งกระโดดโลดเต้นออกไปอย่างหม่นหมอง…พลางมองไปรอบๆตัวอย่างใจหายที่ต้องจากที่นี่ไป…และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก



                                             ……………………………………………………………………



              

               เกสรนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นไม้เบื้องหน้าโต๊ะหมู่ขนาดปานกลางซึ่งมีรูปหญิงชราผู้ล่วงลับวางอยู่ตรงกลาง…แจกันดอกไม้สดคู่หนึ่งวางขนานอยู่ทั้งสองข้าง…โกศบรรจุกระดูกวางถัดลงมา…นัยน์ตาของหญิงชราที่จ้องมาที่เกสรราวกับมีชีวิต มันแฝงไว้ด้วยความปราณีที่หล่อนเองรู้สึกสะท้อนใจไม่น้อยเมื่อแลเห็นแววตาชนิดนั้นจากภาพเบื้องหน้า

                หล่อนลุกจากที่นั่งแล้วเดินเข่าเข้าไปหยิบธูปหอมที่วางอยู่ทางด้านซ้ายมือของโต๊ะหมู่นั้นขึ้นมาดอกหนึ่งแล้วนำขึ้นจุดกับเทียน…แล้วจึงคลานเข่ากลับมายังที่เดิมพร้อมยกมือขึ้นประสานไว้กลางอก…นัยน์ตาเศร้าหมองของหล่อนจดจ้องอยู่ที่รูปบานนั้นนิ่ง…เนินนาน

                        “ แม่จ๋า…ช่วยคุ้มครองสร นวลและคุณหนูทัพด้วยนะจ๊ะ…ขอให้หนูไปได้ตลอดลอดฝั่ง อย่าให้เจอะเจอกับไอ้คนใจทรามทั้งหลายเลย…ขอให้หนูแคล้วคลาดปลอดภัยและทำการนี้ได้สำเร็จด้วยเถอะจ๊ะแม่จ๋า…เพื่อ ” น้ำเสียงของเกสรขาดหายลงไปในลำคอ…หล่อนพยามอย่างยากเย็นที่จะกล่าวคำเหล่านั้นออกมา

                         “ เพื่อแทนคุณเพื่อนที่ดีของหนูทั้งคู่…เพื่อนรัก…ที่ดีที่สุดของหนู หนูคงต้องทิ้งแม่ไว้เสียที่นี่เพราะหนูคงจะเอาแม่ไปด้วยลำบาก ลำพังเด็กสองคนนั้นหนูก็ไม่รู้ว่าจะไปกันรอดไหม…อย่าโกรธหนูเลยนะจ๊ะแม่ หนูจำเป็นจริงๆ ” หล่อนยกมือที่พนมนั้นจรดขึ้นเหนือศีรษะก่อนคลานเข่าเข้าไปปักไว้ที่กระถางหน้าโกศ…ก้มลงกราบ…ทรุดกาย…ซบหน้าลงบนผ่ามือสะเอื้อนไห้ออกมาเบาๆอยู่อย่างนั้น…เนินนาน…หน้าโต๊ะหมู่นั้น

                                           ……………………………………………………………………

          
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×