ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ท่าทางที่หล่อนแสดง... มันช่างเสแสร้งสิ้นดี
                                                                        บทที่  4
              นพดลทิ้งกายลงบนเก้าอี้หวายตัวนั้นอย่างแรง...ทันทีที่เดินเข้ามาถึงห้องรับแขก สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคืองอย่างยิ่ง ดวงตาที่มองดูภรรยาของตนที่กำลังก้าวเข้ามาอย่างช้าๆนั้นเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ
                        “ ห่วงกันเหลือเกิน กะอีแค่มันหายไปจากบ้านสองสามอาทิตย์แค่เนี๊ยะ สงสัยจริงถ้าเกิดมันตายโหงขึ้นมาจริงๆ นี่ไม่ต้องกลั้นใจตายตามกันไปเลยหรือไง ” ท้ายน้ำเสียงนั้นขุ่นจัด
            ช้องนางทรุดกายนั่งลงตรงข้ามกับสามีของหล่อนเงียบ เงียบ หล่อนก้มหน้านิ่งรับฟังคำถากถางเหล่านั้นอย่างสงบ ผิดกับนพดลที่แม้จะสบถวาจาเหน็บแนม เสียดแทงด้วยอารมณ์เดือดดานอยู่นั้น หากแต่ก็ยังมีแก่ใจชายหางตาแลที่ช้องนางเป็นระยะ
                      “ อยากรู้นักว่ามันมีอะไรดีนักหนา ใครๆก็ห่วงมันกันจัง ขนาดเมียตัวดีก็ยังไม่วายเป็นไปกับเขาด้วย ไหนบอกมาซิว่าไปเป็นห่วงมันทำไมนักหนา ตัวเป็นอะไรกับมันก็แค่คู่ดอง เมียมันก็มี ก็ให้เป็นห่วงกันไปซิ แล้วไหนจะไอ้พวกสอพอพวกนั้นอีกตั้งเท่าไหร่ที่พากันห่วงเช้าห่วงเย็นยังไม่พออีกหรือไง ทำไมต้องสาระแนไปเป็นห่วงเป็นใยกับเค้าอีกคน ทีกับผัวเธอคนนี้ เคยไหม เคยห่วงบ้างไหมคณิตฐา ” ท้ายน้ำเสียงนั้นปนเปื้อนด้วยความน้อยใจอย่างสุดระงับ
            สิ้นคำนั้น นพดลผุดลุกขึ้นแล้วเข้ายึดหัวไหล่ของช้องนางเขย่าอย่างแรง แล้วตวาดถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างบ้าคลั่ง “ เคยบ้างไหมคณิตฐา เคยห่วงผมบ้างไหม ”
            ผู้ถูกถามทำได้เพียงสะเอื้อนไห้ออกมาเบาๆเท่านั้น หากแต่เสียงดังกล่าวนั้นกลับดังขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเสียงร้องไห้ออกมาในที่สุด
              นพดลมีอาการลนลานเกิดขึ้นเฉียบพลันเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นภรรยา อาการขึงโกรธเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจระคนตกใจในอาการของช้องนางที่สะเอื้อนไห้จนตัวโยนอยู่เบื้องหน้า มือที่ลงน้ำหนักยื้อยุดไหล่คู่นั้นผ่อนแรงลงอย่างลืมตัว ร่างบอบบางของช้องนางทรุดฮวบลงไปกองอยู่กับพื้นห้อง เจ้าหล่อนยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้าร้องไห้อย่างเสียขวัญ แลดูน่าสงสารยิ่งนัก
                    “ คุณพี่ดลไม่เข้าใจฐา ไม่เคยเข้าใจฐาเลยจริงๆ ” หล่อนตัดพ้อเสียงสั่น
                    “ พี่ พี่ ” นพดลติดขัดคำพูดเมื่อได้ยินคำพ้อนั้น
                    “ ฐาไม่อยากให้ใครเค้ามองว่าสามีของฐาเป็นคนแล้งน้ำใจ ” น้ำสียงนั้นสั่นสะท้านด้วยแรงสะเอื้อนไห้และขาดหายเป็นช่วงๆ  “ พี่ชายหายไปทั้งคนไม่สนใจว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร คุณพี่ไม่ทราบหรือค่ะว่าที่ฐาทำทุกอย่างก็เพื่อคุณพี่ทั้งนั้น ”
                    “ เพื่อพี่ ? ”
                    “ เห็นไหมค่ะ คุณพี่ไม่เคยเข้าใจฐาเลยจริงๆ คุณพี่ทราบไหมค่ะว่าคนเขาพูดถึงคุณพี่ว่าอย่างไร เขาว่าคุณพี่ของฐาเป็นคนร้ายกาจเห็นแก่ตัวจะให้ฐาทนนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ฐาทนให้คนเขามองว่าสามีของฐาเป็นคนไม่ดีอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะอย่างนี้ไงฐาจึงต้องคอยแสดงน้ำใจ ต้องแสดงให้คนเขาเห็นว่าคุณพี่ดลกับฐาก็เป็นห่วงคุณภูมิไม่ต่างกับพวกเขาเช่นกัน แต่ทำไมคุณพี่ ” ท้ายน้ำเสียงนั้นขาดหายด้วยความละอายที่จะกล่าวสิ่งนั้นออกมา       
                  “ แต่ทำไมคุณพี่ถึงได้เอาแต่คิดว่าที่ฐาทำลงไปก็เพราะฐามีใจให้กับคุณภูมิ ทั้งที่จริงแล้วคุณพี่คิดมากไปเองทั้งนั้น ทำไมค่ะฐาดูเป็นผู้หญิงหลายรักอย่างนั้นเชียวหรือ ” หล่อนปล่อยให้  น้ำตาแห่งความเสียใจล่วงพรูอย่างเปิดเผย
                    “ โอ้ คณิตฐายอดรักของพี่ พี่มันช่างโง่อย่างไม่น่าให้อภัยจริงๆ ยกโทษให้พี่ด้วย ” นพดลระร่ำระลักพลางโอบร่างบอบบางนั้นเข้ามาแนบอกของตนด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความเสียใจ
                    “ แม้ว่าฐาจะไม่เคยหวังให้คุณพี่ดลมาเข้าใจอะไรในสิ่งที่ฐาทำลงไป แต่จะให้ฐาทนเห็นสามีของฐามาดูแคลนน้ำใจกันแบบนี้ ฐ า ท นไ ม่ไหวจ ริ ง จริงคะคุณพี่ ” ท้ายน้ำเสียงนั้นกระท่อนกระแท่นเต็มที
                  “ จ๊ะยอดรัก พี่เข้าใจน้องแล้วนิ่งเสียนะคนดี นิ่งเสียนะ ” นพดลว่าพลางใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามเรือนผมของช้องนางอย่างเบามือ และเขาใช้ลำแขนอีกข้างของเขารั้งลำตัวของภรรยาเข้ามากอดไว้จนแน่นราวกับว่าหวาดกลัวว่าหล่อนจะหลุดลอยไปจากเขา .หากเขาปล่อยมือเสียจากร่างบอบบางนั้น
            นวพลหวังเพียงว่าไออุ่นที่เขาส่งผ่านไปทางกายจะสามารถปลอบโยนร่างที่สั่นสะท้านด้วยแรงสะเอื้อนไห้ภายในอ้อมกอดของเขาให้รู้สึกดีขึ้นได้
          หากแต่ นพดลไม่มีทางเห็นรอยยิ้มชนิดหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนดวงหน้าที่ชุ่มชื้นด้วยน้ำตาที่แนบอยู่บนไหล่ของเค้า
                            มันเป็นรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความมีชัยชนะอย่างแท้จริง .
          หากแต่ นพดลไม่ทางเห็นแววตาชนิดหนึ่งที่ฉายแววอย่างเปิดเผยอยู่ในมุมลับสายตาของเขา
                          มันเป็นแววตาที่บ่งบอกได้ถึงความหยามหยันในตัวเขาอย่างที่สุด
          และหากนพดลได้มีโอกาสเห็นเพียงเศษเสียวหนึ่งของรอยยิ้มและแววตาชนิดนั้น เขาจะสามารถล่วงรู้ได้ทันทีว่าท่าทางที่หล่อนแสดงออกมาอย่างน่าเวทนาอยู่เบื้องหน้าเขานั้น
                                       
                                                            “ มันช่างเสแสร้งสิ้นดี ”
                                     
              นพดลทิ้งกายลงบนเก้าอี้หวายตัวนั้นอย่างแรง...ทันทีที่เดินเข้ามาถึงห้องรับแขก สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคืองอย่างยิ่ง ดวงตาที่มองดูภรรยาของตนที่กำลังก้าวเข้ามาอย่างช้าๆนั้นเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ
                        “ ห่วงกันเหลือเกิน กะอีแค่มันหายไปจากบ้านสองสามอาทิตย์แค่เนี๊ยะ สงสัยจริงถ้าเกิดมันตายโหงขึ้นมาจริงๆ นี่ไม่ต้องกลั้นใจตายตามกันไปเลยหรือไง ” ท้ายน้ำเสียงนั้นขุ่นจัด
            ช้องนางทรุดกายนั่งลงตรงข้ามกับสามีของหล่อนเงียบ เงียบ หล่อนก้มหน้านิ่งรับฟังคำถากถางเหล่านั้นอย่างสงบ ผิดกับนพดลที่แม้จะสบถวาจาเหน็บแนม เสียดแทงด้วยอารมณ์เดือดดานอยู่นั้น หากแต่ก็ยังมีแก่ใจชายหางตาแลที่ช้องนางเป็นระยะ
                      “ อยากรู้นักว่ามันมีอะไรดีนักหนา ใครๆก็ห่วงมันกันจัง ขนาดเมียตัวดีก็ยังไม่วายเป็นไปกับเขาด้วย ไหนบอกมาซิว่าไปเป็นห่วงมันทำไมนักหนา ตัวเป็นอะไรกับมันก็แค่คู่ดอง เมียมันก็มี ก็ให้เป็นห่วงกันไปซิ แล้วไหนจะไอ้พวกสอพอพวกนั้นอีกตั้งเท่าไหร่ที่พากันห่วงเช้าห่วงเย็นยังไม่พออีกหรือไง ทำไมต้องสาระแนไปเป็นห่วงเป็นใยกับเค้าอีกคน ทีกับผัวเธอคนนี้ เคยไหม เคยห่วงบ้างไหมคณิตฐา ” ท้ายน้ำเสียงนั้นปนเปื้อนด้วยความน้อยใจอย่างสุดระงับ
            สิ้นคำนั้น นพดลผุดลุกขึ้นแล้วเข้ายึดหัวไหล่ของช้องนางเขย่าอย่างแรง แล้วตวาดถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างบ้าคลั่ง “ เคยบ้างไหมคณิตฐา เคยห่วงผมบ้างไหม ”
            ผู้ถูกถามทำได้เพียงสะเอื้อนไห้ออกมาเบาๆเท่านั้น หากแต่เสียงดังกล่าวนั้นกลับดังขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเสียงร้องไห้ออกมาในที่สุด
              นพดลมีอาการลนลานเกิดขึ้นเฉียบพลันเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นภรรยา อาการขึงโกรธเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจระคนตกใจในอาการของช้องนางที่สะเอื้อนไห้จนตัวโยนอยู่เบื้องหน้า มือที่ลงน้ำหนักยื้อยุดไหล่คู่นั้นผ่อนแรงลงอย่างลืมตัว ร่างบอบบางของช้องนางทรุดฮวบลงไปกองอยู่กับพื้นห้อง เจ้าหล่อนยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้าร้องไห้อย่างเสียขวัญ แลดูน่าสงสารยิ่งนัก
                    “ คุณพี่ดลไม่เข้าใจฐา ไม่เคยเข้าใจฐาเลยจริงๆ ” หล่อนตัดพ้อเสียงสั่น
                    “ พี่ พี่ ” นพดลติดขัดคำพูดเมื่อได้ยินคำพ้อนั้น
                    “ ฐาไม่อยากให้ใครเค้ามองว่าสามีของฐาเป็นคนแล้งน้ำใจ ” น้ำสียงนั้นสั่นสะท้านด้วยแรงสะเอื้อนไห้และขาดหายเป็นช่วงๆ  “ พี่ชายหายไปทั้งคนไม่สนใจว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร คุณพี่ไม่ทราบหรือค่ะว่าที่ฐาทำทุกอย่างก็เพื่อคุณพี่ทั้งนั้น ”
                    “ เพื่อพี่ ? ”
                    “ เห็นไหมค่ะ คุณพี่ไม่เคยเข้าใจฐาเลยจริงๆ คุณพี่ทราบไหมค่ะว่าคนเขาพูดถึงคุณพี่ว่าอย่างไร เขาว่าคุณพี่ของฐาเป็นคนร้ายกาจเห็นแก่ตัวจะให้ฐาทนนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ฐาทนให้คนเขามองว่าสามีของฐาเป็นคนไม่ดีอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะอย่างนี้ไงฐาจึงต้องคอยแสดงน้ำใจ ต้องแสดงให้คนเขาเห็นว่าคุณพี่ดลกับฐาก็เป็นห่วงคุณภูมิไม่ต่างกับพวกเขาเช่นกัน แต่ทำไมคุณพี่ ” ท้ายน้ำเสียงนั้นขาดหายด้วยความละอายที่จะกล่าวสิ่งนั้นออกมา       
                  “ แต่ทำไมคุณพี่ถึงได้เอาแต่คิดว่าที่ฐาทำลงไปก็เพราะฐามีใจให้กับคุณภูมิ ทั้งที่จริงแล้วคุณพี่คิดมากไปเองทั้งนั้น ทำไมค่ะฐาดูเป็นผู้หญิงหลายรักอย่างนั้นเชียวหรือ ” หล่อนปล่อยให้  น้ำตาแห่งความเสียใจล่วงพรูอย่างเปิดเผย
                    “ โอ้ คณิตฐายอดรักของพี่ พี่มันช่างโง่อย่างไม่น่าให้อภัยจริงๆ ยกโทษให้พี่ด้วย ” นพดลระร่ำระลักพลางโอบร่างบอบบางนั้นเข้ามาแนบอกของตนด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความเสียใจ
                    “ แม้ว่าฐาจะไม่เคยหวังให้คุณพี่ดลมาเข้าใจอะไรในสิ่งที่ฐาทำลงไป แต่จะให้ฐาทนเห็นสามีของฐามาดูแคลนน้ำใจกันแบบนี้ ฐ า ท นไ ม่ไหวจ ริ ง จริงคะคุณพี่ ” ท้ายน้ำเสียงนั้นกระท่อนกระแท่นเต็มที
                  “ จ๊ะยอดรัก พี่เข้าใจน้องแล้วนิ่งเสียนะคนดี นิ่งเสียนะ ” นพดลว่าพลางใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามเรือนผมของช้องนางอย่างเบามือ และเขาใช้ลำแขนอีกข้างของเขารั้งลำตัวของภรรยาเข้ามากอดไว้จนแน่นราวกับว่าหวาดกลัวว่าหล่อนจะหลุดลอยไปจากเขา .หากเขาปล่อยมือเสียจากร่างบอบบางนั้น
            นวพลหวังเพียงว่าไออุ่นที่เขาส่งผ่านไปทางกายจะสามารถปลอบโยนร่างที่สั่นสะท้านด้วยแรงสะเอื้อนไห้ภายในอ้อมกอดของเขาให้รู้สึกดีขึ้นได้
          หากแต่ นพดลไม่มีทางเห็นรอยยิ้มชนิดหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนดวงหน้าที่ชุ่มชื้นด้วยน้ำตาที่แนบอยู่บนไหล่ของเค้า
                            มันเป็นรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความมีชัยชนะอย่างแท้จริง .
          หากแต่ นพดลไม่ทางเห็นแววตาชนิดหนึ่งที่ฉายแววอย่างเปิดเผยอยู่ในมุมลับสายตาของเขา
                          มันเป็นแววตาที่บ่งบอกได้ถึงความหยามหยันในตัวเขาอย่างที่สุด
          และหากนพดลได้มีโอกาสเห็นเพียงเศษเสียวหนึ่งของรอยยิ้มและแววตาชนิดนั้น เขาจะสามารถล่วงรู้ได้ทันทีว่าท่าทางที่หล่อนแสดงออกมาอย่างน่าเวทนาอยู่เบื้องหน้าเขานั้น
                                       
                                                            “ มันช่างเสแสร้งสิ้นดี ”
                                     
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น