ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดงมาร

    ลำดับตอนที่ #4 : ท่าทางที่หล่อนแสดง... “ มันช่างเสแสร้งสิ้นดี ”

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 46


                                                                             บทที่  4



                   นพดลทิ้งกายลงบนเก้าอี้หวายตัวนั้นอย่างแรง...ทันทีที่เดินเข้ามาถึงห้องรับแขก สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคืองอย่างยิ่ง ดวงตาที่มองดูภรรยาของตนที่กำลังก้าวเข้ามาอย่างช้าๆนั้นเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ

                            “ ห่วงกันเหลือเกิน…กะอีแค่มันหายไปจากบ้านสองสามอาทิตย์แค่เนี๊ยะ สงสัยจริงถ้าเกิดมันตายโหงขึ้นมาจริงๆ นี่ไม่ต้องกลั้นใจตายตามกันไปเลยหรือไง ” ท้ายน้ำเสียงนั้นขุ่นจัด

                 ช้องนางทรุดกายนั่งลงตรงข้ามกับสามีของหล่อนเงียบ…เงียบ หล่อนก้มหน้านิ่งรับฟังคำถากถางเหล่านั้นอย่างสงบ…ผิดกับนพดลที่แม้จะสบถวาจาเหน็บแนม…เสียดแทงด้วยอารมณ์เดือดดานอยู่นั้น หากแต่ก็ยังมีแก่ใจชายหางตาแลที่ช้องนางเป็นระยะ

                          “ อยากรู้นักว่ามันมีอะไรดีนักหนา…ใครๆก็ห่วงมันกันจัง ขนาดเมียตัวดีก็ยังไม่วายเป็นไปกับเขาด้วย…ไหนบอกมาซิว่าไปเป็นห่วงมันทำไมนักหนา…ตัวเป็นอะไรกับมันก็แค่คู่ดอง เมียมันก็มี…ก็ให้เป็นห่วงกันไปซิ แล้วไหนจะไอ้พวกสอพอพวกนั้นอีกตั้งเท่าไหร่ที่พากันห่วงเช้าห่วงเย็นยังไม่พออีกหรือไง ทำไมต้องสาระแนไปเป็นห่วงเป็นใยกับเค้าอีกคน…ทีกับผัวเธอคนนี้…เคยไหม…เคยห่วงบ้างไหมคณิตฐา ” ท้ายน้ำเสียงนั้นปนเปื้อนด้วยความน้อยใจอย่างสุดระงับ

                 สิ้นคำนั้น…นพดลผุดลุกขึ้นแล้วเข้ายึดหัวไหล่ของช้องนางเขย่าอย่างแรง…แล้วตวาดถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างบ้าคลั่ง “ เคยบ้างไหมคณิตฐา…เคยห่วงผมบ้างไหม ”

                 ผู้ถูกถามทำได้เพียงสะเอื้อนไห้ออกมาเบาๆเท่านั้น หากแต่เสียงดังกล่าวนั้นกลับดังขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเสียงร้องไห้ออกมาในที่สุด

                  นพดลมีอาการลนลานเกิดขึ้นเฉียบพลันเมื่อเห็นน้ำตาของผู้เป็นภรรยา…อาการขึงโกรธเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจระคนตกใจในอาการของช้องนางที่สะเอื้อนไห้จนตัวโยนอยู่เบื้องหน้า มือที่ลงน้ำหนักยื้อยุดไหล่คู่นั้นผ่อนแรงลงอย่างลืมตัว…ร่างบอบบางของช้องนางทรุดฮวบลงไปกองอยู่กับพื้นห้อง เจ้าหล่อนยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้าร้องไห้อย่างเสียขวัญ…แลดูน่าสงสารยิ่งนัก

                        “ คุณพี่ดลไม่เข้าใจฐา…ไม่เคยเข้าใจฐาเลยจริงๆ ” หล่อนตัดพ้อเสียงสั่น

                        “ พี่…พี่ ” นพดลติดขัดคำพูดเมื่อได้ยินคำพ้อนั้น

                        “ ฐาไม่อยากให้ใครเค้ามองว่าสามีของฐาเป็นคนแล้งน้ำใจ… ” น้ำสียงนั้นสั่นสะท้านด้วยแรงสะเอื้อนไห้และขาดหายเป็นช่วงๆ  “ พี่ชายหายไปทั้งคนไม่สนใจว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร คุณพี่ไม่ทราบหรือค่ะว่าที่ฐาทำทุกอย่างก็เพื่อคุณพี่ทั้งนั้น ”

                        “ เพื่อพี่…? ”

                        “ เห็นไหมค่ะ…คุณพี่ไม่เคยเข้าใจฐาเลยจริงๆ คุณพี่ทราบไหมค่ะว่าคนเขาพูดถึงคุณพี่ว่าอย่างไร เขาว่าคุณพี่ของฐาเป็นคนร้ายกาจเห็นแก่ตัวจะให้ฐาทนนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร…ฐาทนให้คนเขามองว่าสามีของฐาเป็นคนไม่ดีอย่างนี้ไม่ได้จริงๆ…เพราะอย่างนี้ไงฐาจึงต้องคอยแสดงน้ำใจ…ต้องแสดงให้คนเขาเห็นว่าคุณพี่ดลกับฐาก็เป็นห่วงคุณภูมิไม่ต่างกับพวกเขาเช่นกัน แต่ทำไมคุณพี่…” ท้ายน้ำเสียงนั้นขาดหายด้วยความละอายที่จะกล่าวสิ่งนั้นออกมา        

                       “ แต่ทำไมคุณพี่ถึงได้เอาแต่คิดว่าที่ฐาทำลงไปก็เพราะฐามีใจให้กับคุณภูมิ ทั้งที่จริงแล้วคุณพี่คิดมากไปเองทั้งนั้น…ทำไมค่ะฐาดูเป็นผู้หญิงหลายรักอย่างนั้นเชียวหรือ ” หล่อนปล่อยให้  น้ำตาแห่งความเสียใจล่วงพรูอย่างเปิดเผย

                        “ โอ้…คณิตฐายอดรักของพี่ พี่มันช่างโง่อย่างไม่น่าให้อภัยจริงๆ ยกโทษให้พี่ด้วย ” นพดลระร่ำระลักพลางโอบร่างบอบบางนั้นเข้ามาแนบอกของตนด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความเสียใจ

                        “ แม้ว่าฐาจะไม่เคยหวังให้คุณพี่ดลมาเข้าใจอะไรในสิ่งที่ฐาทำลงไป…แต่จะให้ฐาทนเห็นสามีของฐามาดูแคลนน้ำใจกันแบบนี้…ฐ…า…ท…นไ…ม่ไหวจ…ริ…ง…จริงคะคุณพี่ ” ท้ายน้ำเสียงนั้นกระท่อนกระแท่นเต็มที

                      “ จ๊ะยอดรัก…พี่เข้าใจน้องแล้วนิ่งเสียนะคนดี…นิ่งเสียนะ ” นพดลว่าพลางใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปตามเรือนผมของช้องนางอย่างเบามือ…และเขาใช้ลำแขนอีกข้างของเขารั้งลำตัวของภรรยาเข้ามากอดไว้จนแน่นราวกับว่าหวาดกลัวว่าหล่อนจะหลุดลอยไปจากเขา….หากเขาปล่อยมือเสียจากร่างบอบบางนั้น

                นวพลหวังเพียงว่าไออุ่นที่เขาส่งผ่านไปทางกายจะสามารถปลอบโยนร่างที่สั่นสะท้านด้วยแรงสะเอื้อนไห้ภายในอ้อมกอดของเขาให้รู้สึกดีขึ้นได้…

               หากแต่…นพดลไม่มีทางเห็นรอยยิ้มชนิดหนึ่งที่ปรากฏอยู่บนดวงหน้าที่ชุ่มชื้นด้วยน้ำตาที่แนบอยู่บนไหล่ของเค้า

                                …มันเป็นรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความมีชัยชนะอย่างแท้จริง….

              หากแต่…นพดลไม่ทางเห็นแววตาชนิดหนึ่งที่ฉายแววอย่างเปิดเผยอยู่ในมุมลับสายตาของเขา

                               …มันเป็นแววตาที่บ่งบอกได้ถึงความหยามหยันในตัวเขาอย่างที่สุด…

              และหากนพดลได้มีโอกาสเห็นเพียงเศษเสียวหนึ่งของรอยยิ้มและแววตาชนิดนั้น เขาจะสามารถล่วงรู้ได้ทันทีว่าท่าทางที่หล่อนแสดงออกมาอย่างน่าเวทนาอยู่เบื้องหน้าเขานั้น…

                                            

                                                                “ มันช่างเสแสร้งสิ้นดี ”





                                           ……………………………………………………………………



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×