ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ญาณี
                                            บทที่ 2
       
    เสียงอินเตอร์คอมดังขึ้นที่มุมโต๊ะของมนัสญา หล่อนละสายตาจากข้อมูลบนจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า
        “ คะ?” หล่อนกดปุ่มตอบรับแล้วกรอกเสียงลงไป
        “ ขอกาแฟสองแก้ว ด่วน” น้ำเสียงของผู้พูดไม่เป็นมิตรนัก
        “ สักครู่ค่ะ คุณญาณี ” หล่อนรับคำเนือยๆ “ที่ฮาร์เวิร์ดไม่ยักกะสอนการชงกาแฟในหลักสูตรด้วยแฮ่ะ ” หล่อนเปรยออกมาเบาๆอย่างหัวเสียเล็กน้อย พลางจัดการบันทึกข้อมูลนัดหมายลูกค้าใหม่ในเมลบอกซ์รวมของบริษัทลงแผ่นซีดี ดี-อาร์ดับเบิลยู(เป็นแผ่นซีดีชนิดหนึ่งที่สามารถเขียนและลบข้อมูลในแผ่นได้หลายครั้งคล้ายแผ่นดิสเกส)อย่างระมัดระวังพลางเก็บแผ่นที่บันทึกได้นั้นลงกล่องแล้ววางไว้ที่โต๊ะ ก่อนเดินเอื่อยๆไปยังห้องครัวทางปีกซ้ายของตัวตึกที่หล่อนทำงานอยู่
        “  อรุณสวัสดิ์ค่ะ”แม่บ้านวัยกลางคนรูปร่างเล็กที่อยู่ในชุดสีเหลืองสดเอ่ยทักขณะที่มนัสญาเดินเข้ามาในห้องครัว
        “  อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่พรคะ นัส ขอกาแฟสองที่นะคะ ของคุณณี ”หล่อนเน้นชื่อผู้สั่งอย่างตั้งใจ
        “  เดี๋ยวพี่เอาไปให้ก็ได้ค่ะคุณ ” พรร้องบอกพลางกุลีกุจอหยิบชุดกาแฟจากชั้นลอยตรงหน้าที่มีตัวหนังสือคำว่า “ ญาณี ”ติดไว้ที่หน้าชั้นลงมาชุดหนึ่งและจัดเพิ่มอีกชุดจากชั้นฉัดมา
        “ นัสรอเอาไปเลยดีกว่าค่ะ ยังไงก็ต้องเดินกลับไปที่โต๊ะอยู่ดี ”หล่อนเลี่ยงที่จะบอกความจริงว่าหล่อนถูกใช้ให้นำกาแฟไปส่งด้วยตนเอง
        “  จะดีหรือค่ะ รบกวนคุณเปล่าๆ ”พรเอ่ยอย่างเกรงใจ
        “  คุณเธอสั่งน่ะค่ะ ”หล่อนบอกออกไปในที่สุด
        “ นี่คงจะหาเรื่องแกล้งคุณอีกแล้วล่ะสิท่า”พรชวนคุยพลางจัดการรินน้ำร้อนใส่ถ้วนเนื้อหนาสีดำที่เคลือบไว้ด้วยรูปหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่สกรีนไว้ด้านนอก
          “ แห๋งล่ะ ”ผู้เข้ามาใหม่เอ่ยตอบขณะที่เดินเข้ามาทันได้ยินคำพูดนั้นของพรพอดี “ มีอย่างที่ไหนเลขาตัวก็มี ดันเที่ยวไปใช้เลขาคนอื่น ”น้ำเสียงและท่าทางนั้นบ่งบอกถึงความไม่ชอบใจเอามากๆ
        “  ดูพูดเข้าสิ เดี๋ยวก็ตกงานหลอก” มนัสญาเอ่ยยิ้มๆ
        “  ต๊าย กลั๊วกลัว” เจ้าหล่อนแกล้งอุทานเสียงดัง “ กลัว..งานใหม่จะไม่น่าเบื่อเท่านี้ ” หล่อนว่าพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ พี่พรคนสวย ขอแกแฟสามชุดนะคะ ชุดหนึ่งขอพิเศษมากๆนะคะ...เพราะเป็นของคุณศศิตา พนักงานตัวเล็กๆบนชั้น27... ที่มีแต่คนที่หญ่ายคับตึกทั้งนั้นเลย” ว่าแล้วหล่อนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
        “  ได้คะ คุณตา ”พรรับคำยิ้มๆ
        “  มีแขกแต่เช้าเลยหรือ  ”มนัสญาชวนคุย
        “  ใครว่าแขก เจ๊กทั้งนั้นเลย ไม่ยักกะมีแขกสักคน  ”ศศิตาสัพยอกอย่างอารมณ์ดี
    มนัสญาได้แต่อมยิ้มเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้นของศศิตา ผิดกับพรที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
        “  เข้าทางเลยสิท่า ขาวตี๋ ”
        “  ไม่ไหวล่ะมั้งคะคุณนัส สองคนอายุรวมกันปาเข้าไปร่วมศตวรรษเห็นจะได้มั้ง ”ศศิตาเอ่ย
        “  กาแฟคุณญาณีได้แล้วคะคุณนัส ”
        “  ขอบคุณคะ ไปนะตาแล้วค่อยคุยกัน ” มนัสญาว่าพลางยกถาดกาแฟออกไป
                                .
    เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขัดจังหวะการสนทนาของคนคู่หนึ่งภายใน และครู่ต่อมาหญิงสาวในชุดรัดรูปสีฟ้าก็ก้าวเข้ามาภายในพร้อมถาดกาแฟในมือ
        “ กาแฟได้แล้วค่ะ คุณญาณี ”  มนัสญาว่าพลางวางถาดกาแฟนั้นลงบนโต๊ะรับแขก
    หญิงสาวในชุดสูทน้ำเงินเข้ม มองมนัสญาด้วยสายตาเหยียดๆไม่กล่าวถ้อยคำใดๆออกมา ราวกับไม่ได้ยินคำกล่าวนั้นของมนัสญา ผิดกันหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในชุดรัดรูปสีเทาอ่อนที่ตัดเย็บจากผ้ามัดหมี่เนื้อดีที่ส่งยิ้มให้มนัสญาอย่างเป็นมิตร
        “ ขอบใจนะ  ” หญิงสาวที่อยู่ในผ้ามัดหมี่เอ่ย
        “ ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิชั้นขอตัวไปทำงานต่อนะคะ ”  มนัสญาเอ่ย
    หญิงสาวในชุดสูทสีน้ำเงินเข็มไม่ตอบรับคำกล่าวนั้น แต่กลับลุกจากเก้าอี้ทำงานของหล่อน เดินไปยังชุดรับแขกด้านหน้า หยิบถ้วยกาแฟที่สกีนรูปตนเองขึ้นมาถือไว้ แล้วเดินไปที่มุมห้อง ก่อนจะเทสิ่งที่บรรจุอยู่ในถ้วยนั้นลงถังไปอย่างไม่ใส่ใจ
        “ ณี ” หญิงในชุดมัดหมี่อุทานอย่างตกใจในการกระทำนั้นของญาณี
        “ บอกให้พรมาทำความสะอาดด้วย ก่อนที่กลิ่นกาแฟอุบาศนี่จะคลุ้งไปทั้งห้องทำงานของฉัน ” หล่อนสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ อ้อ ให้เค้าชงถ้วยใหม่มาให้ฉันด้วย...”
        “ ได้ค่ะ ” พวงแก้มของผู้พูดนั้นกลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธ หล่อนรับคำและหมุนตัวออกไปในทันที
        “ ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลยณี ” หญิงในผ้ามัดหมี่เอ่ยตำหนิ
        “ ณีจะทำยิ่งกว่านี้อีก ถ้าแม่นั้นยังจะหน้าด้านทำงานที่นี่เพื่อหวังจะจับพี่ธีอยู่ ” ญาณีว่าอย่างไม่ยี่หระพลางเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
        “ เค้าอาจจะไม่คิดแบบนั้นก็ได้ ” คู่สนทนาเอ่ยออกมาอย่างเห็นใจมนัสญา
        “ คิดไม่คิดไม่รู้ล่ะ ก็ต้องตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ลงตามกันมาจากเมืองนอกแบบนี้มันก็คงต้องมีอะไรๆกันอยู่บ้างล่ะ ” ญาณีกล่าวอย่างมั่นใจ
        “  แล้วถ้าเกิดเค้า เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆล่ะ”
        “ ขอซะทีเถอะรตี เลิกทำตัวเป็นแม่พระแบบนี้สักทีได้ไหม ”หล่อนว่าอย่างรำคาญ “ เห็นอยู่โต้งๆว่าพี่ธีน่ะปลื้มมันจะตายอยู่แล้ว ยังจะมองโลกในแง่ดีอยู่ได้ ”
    รติยาคร้านที่จะพูดจึงเงียบเสีย แต่กระนั้นตัวหล่อนเองอดที่จะหวั่นไหวในเรื่องนี่ไม่ได้เช่นกัน
        “  ถ้าเธอยังไม่อยากจะเสียพี่ธีไป เราควรต้องทำอะไรสักอย่าง ” น้ำเสียงนั้นมุ่งมั่นเต็มที่
        “ เธอจะทำอะไรเค้าอีกล่ะ ”มณีญาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว รู้สึกหวาดกลัวในท่าทางของเพื่อนเป็นอย่างยิ่ง
    ญาณีไม่ตอบ แต่กลับใช้มือเลื่อนเม้าส์ไปยังปุ่มลบข้อมูลที่ปรากฎร้องถามอยู่เบื้องหน้าจอ แล้วกดยืนยันอย่างสาสะใจ
        “ ให้มันรู้ไปถ้ามันทำงานพลาดบ่อยๆ แล้วพี่ธียังจะหาข้ออ้างเก็บมันไว้ได้อีก ” ญาณีว่าพลางกดอินเตอร์คอมที่อยู่มุมโต๊ะ
        “ คะ คุณญาณี ”
        “ หาสัญญาภาษาฝรั่งเศทเก่าๆสักสองสามฉบับไปให้แม่มนัสญาแปลที บอกว่าฉันต้องการก่อนเที่ยง ”ว่าแล้วหล่อนก็ตัดการติดต่อทันทีโดยไม่รอคำตอบจากปลายสาย พลางกดหมายเลขใหม่อีกครั้ง
        “ ณรงค์ครับ” ปลายสายกรอกเสียงมาตามสาย
        “ ฉันญาณีนะ ชั้นอยากให้คุณช่วยจัดการบล็อคหรือทำอย่างไงก็ได้ที่จะทำให้มนัสญา ไม่สามารถรับข้อมูลใน....เมลบอกซ์รวมได้ชั่วคราว”
        “ จะดีหรือครับ” ปลายสายลังเลที่จะทำตาม
        “ ฉันสั่งก็ทำไปเถอะ ด่วนที่สุดด้วยนะ ” หล่อนว่าพลางตัดการติดต่อ
        “  ทำอย่างนี้พี่เธอจะเสียหายไปด้วยนะณี ” รติยาเอ่ยเตือนสติ
        “ เสียหายมากเท่าไหร่ยิ่งดี ฉันอยากให้เค้ารับผิดชอบโดยการไล่แม่นั้นออก ”
        “ มันเท่ากับแกล้งกันชัดๆเลยนะ ”รติยาเปรยขึ้นเบาๆ
        “  ใช่ แล้วไงล่ะ”หล่อนว่าอย่างไม่ใส่ใจ “ แล้วก็อย่าใจอ่อนไปบอกพี่ธีเชียวนะ” หล่อนดักคออย่างรู้นิสัยเพื่อนเป็นอย่างดี
        “ แต่ฉันไม่อยากเห็นพี่ธีเธอเสียหายไปด้วย ”
        “ เธอน่ะมันใจอ่อนอย่างงี้น่ะสิรตี พี่ธีเค้าถึงไม่เห็นเธออยู่ในสายตา ” ญาณีว่าออกมาแรงๆ
              เสียงเคาะประตูดังขึ้นการสนทนาทั้งหมดจึงจบลง...พรเข้ามาภายในและนำกาแฟถ้วยใหม่มาวางที่โต๊ะรับแขก
                                                                “  ไปดื่มกาแฟกันดีกว่า...บ่ายนี้คงมีเรื่องอะไรสะใจอะไรให้เห็นบ้างหรอก” ญาณีเอ่ยชวนพลางเดินนำไปที่โต๊ะรับแขก...โดยมีรติยาเดินตามไปด้วยสีหน้าที่ไม่สู้จะสบายใจนัก
                           
       
    เสียงอินเตอร์คอมดังขึ้นที่มุมโต๊ะของมนัสญา หล่อนละสายตาจากข้อมูลบนจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า
        “ คะ?” หล่อนกดปุ่มตอบรับแล้วกรอกเสียงลงไป
        “ ขอกาแฟสองแก้ว ด่วน” น้ำเสียงของผู้พูดไม่เป็นมิตรนัก
        “ สักครู่ค่ะ คุณญาณี ” หล่อนรับคำเนือยๆ “ที่ฮาร์เวิร์ดไม่ยักกะสอนการชงกาแฟในหลักสูตรด้วยแฮ่ะ ” หล่อนเปรยออกมาเบาๆอย่างหัวเสียเล็กน้อย พลางจัดการบันทึกข้อมูลนัดหมายลูกค้าใหม่ในเมลบอกซ์รวมของบริษัทลงแผ่นซีดี ดี-อาร์ดับเบิลยู(เป็นแผ่นซีดีชนิดหนึ่งที่สามารถเขียนและลบข้อมูลในแผ่นได้หลายครั้งคล้ายแผ่นดิสเกส)อย่างระมัดระวังพลางเก็บแผ่นที่บันทึกได้นั้นลงกล่องแล้ววางไว้ที่โต๊ะ ก่อนเดินเอื่อยๆไปยังห้องครัวทางปีกซ้ายของตัวตึกที่หล่อนทำงานอยู่
        “  อรุณสวัสดิ์ค่ะ”แม่บ้านวัยกลางคนรูปร่างเล็กที่อยู่ในชุดสีเหลืองสดเอ่ยทักขณะที่มนัสญาเดินเข้ามาในห้องครัว
        “  อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่พรคะ นัส ขอกาแฟสองที่นะคะ ของคุณณี ”หล่อนเน้นชื่อผู้สั่งอย่างตั้งใจ
        “  เดี๋ยวพี่เอาไปให้ก็ได้ค่ะคุณ ” พรร้องบอกพลางกุลีกุจอหยิบชุดกาแฟจากชั้นลอยตรงหน้าที่มีตัวหนังสือคำว่า “ ญาณี ”ติดไว้ที่หน้าชั้นลงมาชุดหนึ่งและจัดเพิ่มอีกชุดจากชั้นฉัดมา
        “ นัสรอเอาไปเลยดีกว่าค่ะ ยังไงก็ต้องเดินกลับไปที่โต๊ะอยู่ดี ”หล่อนเลี่ยงที่จะบอกความจริงว่าหล่อนถูกใช้ให้นำกาแฟไปส่งด้วยตนเอง
        “  จะดีหรือค่ะ รบกวนคุณเปล่าๆ ”พรเอ่ยอย่างเกรงใจ
        “  คุณเธอสั่งน่ะค่ะ ”หล่อนบอกออกไปในที่สุด
        “ นี่คงจะหาเรื่องแกล้งคุณอีกแล้วล่ะสิท่า”พรชวนคุยพลางจัดการรินน้ำร้อนใส่ถ้วนเนื้อหนาสีดำที่เคลือบไว้ด้วยรูปหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่สกรีนไว้ด้านนอก
          “ แห๋งล่ะ ”ผู้เข้ามาใหม่เอ่ยตอบขณะที่เดินเข้ามาทันได้ยินคำพูดนั้นของพรพอดี “ มีอย่างที่ไหนเลขาตัวก็มี ดันเที่ยวไปใช้เลขาคนอื่น ”น้ำเสียงและท่าทางนั้นบ่งบอกถึงความไม่ชอบใจเอามากๆ
        “  ดูพูดเข้าสิ เดี๋ยวก็ตกงานหลอก” มนัสญาเอ่ยยิ้มๆ
        “  ต๊าย กลั๊วกลัว” เจ้าหล่อนแกล้งอุทานเสียงดัง “ กลัว..งานใหม่จะไม่น่าเบื่อเท่านี้ ” หล่อนว่าพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ พี่พรคนสวย ขอแกแฟสามชุดนะคะ ชุดหนึ่งขอพิเศษมากๆนะคะ...เพราะเป็นของคุณศศิตา พนักงานตัวเล็กๆบนชั้น27... ที่มีแต่คนที่หญ่ายคับตึกทั้งนั้นเลย” ว่าแล้วหล่อนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
        “  ได้คะ คุณตา ”พรรับคำยิ้มๆ
        “  มีแขกแต่เช้าเลยหรือ  ”มนัสญาชวนคุย
        “  ใครว่าแขก เจ๊กทั้งนั้นเลย ไม่ยักกะมีแขกสักคน  ”ศศิตาสัพยอกอย่างอารมณ์ดี
    มนัสญาได้แต่อมยิ้มเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้นของศศิตา ผิดกับพรที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
        “  เข้าทางเลยสิท่า ขาวตี๋ ”
        “  ไม่ไหวล่ะมั้งคะคุณนัส สองคนอายุรวมกันปาเข้าไปร่วมศตวรรษเห็นจะได้มั้ง ”ศศิตาเอ่ย
        “  กาแฟคุณญาณีได้แล้วคะคุณนัส ”
        “  ขอบคุณคะ ไปนะตาแล้วค่อยคุยกัน ” มนัสญาว่าพลางยกถาดกาแฟออกไป
                                .
    เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขัดจังหวะการสนทนาของคนคู่หนึ่งภายใน และครู่ต่อมาหญิงสาวในชุดรัดรูปสีฟ้าก็ก้าวเข้ามาภายในพร้อมถาดกาแฟในมือ
        “ กาแฟได้แล้วค่ะ คุณญาณี ”  มนัสญาว่าพลางวางถาดกาแฟนั้นลงบนโต๊ะรับแขก
    หญิงสาวในชุดสูทน้ำเงินเข้ม มองมนัสญาด้วยสายตาเหยียดๆไม่กล่าวถ้อยคำใดๆออกมา ราวกับไม่ได้ยินคำกล่าวนั้นของมนัสญา ผิดกันหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในชุดรัดรูปสีเทาอ่อนที่ตัดเย็บจากผ้ามัดหมี่เนื้อดีที่ส่งยิ้มให้มนัสญาอย่างเป็นมิตร
        “ ขอบใจนะ  ” หญิงสาวที่อยู่ในผ้ามัดหมี่เอ่ย
        “ ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิชั้นขอตัวไปทำงานต่อนะคะ ”  มนัสญาเอ่ย
    หญิงสาวในชุดสูทสีน้ำเงินเข็มไม่ตอบรับคำกล่าวนั้น แต่กลับลุกจากเก้าอี้ทำงานของหล่อน เดินไปยังชุดรับแขกด้านหน้า หยิบถ้วยกาแฟที่สกีนรูปตนเองขึ้นมาถือไว้ แล้วเดินไปที่มุมห้อง ก่อนจะเทสิ่งที่บรรจุอยู่ในถ้วยนั้นลงถังไปอย่างไม่ใส่ใจ
        “ ณี ” หญิงในชุดมัดหมี่อุทานอย่างตกใจในการกระทำนั้นของญาณี
        “ บอกให้พรมาทำความสะอาดด้วย ก่อนที่กลิ่นกาแฟอุบาศนี่จะคลุ้งไปทั้งห้องทำงานของฉัน ” หล่อนสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ อ้อ ให้เค้าชงถ้วยใหม่มาให้ฉันด้วย...”
        “ ได้ค่ะ ” พวงแก้มของผู้พูดนั้นกลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธ หล่อนรับคำและหมุนตัวออกไปในทันที
        “ ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลยณี ” หญิงในผ้ามัดหมี่เอ่ยตำหนิ
        “ ณีจะทำยิ่งกว่านี้อีก ถ้าแม่นั้นยังจะหน้าด้านทำงานที่นี่เพื่อหวังจะจับพี่ธีอยู่ ” ญาณีว่าอย่างไม่ยี่หระพลางเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
        “ เค้าอาจจะไม่คิดแบบนั้นก็ได้ ” คู่สนทนาเอ่ยออกมาอย่างเห็นใจมนัสญา
        “ คิดไม่คิดไม่รู้ล่ะ ก็ต้องตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ลงตามกันมาจากเมืองนอกแบบนี้มันก็คงต้องมีอะไรๆกันอยู่บ้างล่ะ ” ญาณีกล่าวอย่างมั่นใจ
        “  แล้วถ้าเกิดเค้า เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆล่ะ”
        “ ขอซะทีเถอะรตี เลิกทำตัวเป็นแม่พระแบบนี้สักทีได้ไหม ”หล่อนว่าอย่างรำคาญ “ เห็นอยู่โต้งๆว่าพี่ธีน่ะปลื้มมันจะตายอยู่แล้ว ยังจะมองโลกในแง่ดีอยู่ได้ ”
    รติยาคร้านที่จะพูดจึงเงียบเสีย แต่กระนั้นตัวหล่อนเองอดที่จะหวั่นไหวในเรื่องนี่ไม่ได้เช่นกัน
        “  ถ้าเธอยังไม่อยากจะเสียพี่ธีไป เราควรต้องทำอะไรสักอย่าง ” น้ำเสียงนั้นมุ่งมั่นเต็มที่
        “ เธอจะทำอะไรเค้าอีกล่ะ ”มณีญาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว รู้สึกหวาดกลัวในท่าทางของเพื่อนเป็นอย่างยิ่ง
    ญาณีไม่ตอบ แต่กลับใช้มือเลื่อนเม้าส์ไปยังปุ่มลบข้อมูลที่ปรากฎร้องถามอยู่เบื้องหน้าจอ แล้วกดยืนยันอย่างสาสะใจ
        “ ให้มันรู้ไปถ้ามันทำงานพลาดบ่อยๆ แล้วพี่ธียังจะหาข้ออ้างเก็บมันไว้ได้อีก ” ญาณีว่าพลางกดอินเตอร์คอมที่อยู่มุมโต๊ะ
        “ คะ คุณญาณี ”
        “ หาสัญญาภาษาฝรั่งเศทเก่าๆสักสองสามฉบับไปให้แม่มนัสญาแปลที บอกว่าฉันต้องการก่อนเที่ยง ”ว่าแล้วหล่อนก็ตัดการติดต่อทันทีโดยไม่รอคำตอบจากปลายสาย พลางกดหมายเลขใหม่อีกครั้ง
        “ ณรงค์ครับ” ปลายสายกรอกเสียงมาตามสาย
        “ ฉันญาณีนะ ชั้นอยากให้คุณช่วยจัดการบล็อคหรือทำอย่างไงก็ได้ที่จะทำให้มนัสญา ไม่สามารถรับข้อมูลใน....เมลบอกซ์รวมได้ชั่วคราว”
        “ จะดีหรือครับ” ปลายสายลังเลที่จะทำตาม
        “ ฉันสั่งก็ทำไปเถอะ ด่วนที่สุดด้วยนะ ” หล่อนว่าพลางตัดการติดต่อ
        “  ทำอย่างนี้พี่เธอจะเสียหายไปด้วยนะณี ” รติยาเอ่ยเตือนสติ
        “ เสียหายมากเท่าไหร่ยิ่งดี ฉันอยากให้เค้ารับผิดชอบโดยการไล่แม่นั้นออก ”
        “ มันเท่ากับแกล้งกันชัดๆเลยนะ ”รติยาเปรยขึ้นเบาๆ
        “  ใช่ แล้วไงล่ะ”หล่อนว่าอย่างไม่ใส่ใจ “ แล้วก็อย่าใจอ่อนไปบอกพี่ธีเชียวนะ” หล่อนดักคออย่างรู้นิสัยเพื่อนเป็นอย่างดี
        “ แต่ฉันไม่อยากเห็นพี่ธีเธอเสียหายไปด้วย ”
        “ เธอน่ะมันใจอ่อนอย่างงี้น่ะสิรตี พี่ธีเค้าถึงไม่เห็นเธออยู่ในสายตา ” ญาณีว่าออกมาแรงๆ
              เสียงเคาะประตูดังขึ้นการสนทนาทั้งหมดจึงจบลง...พรเข้ามาภายในและนำกาแฟถ้วยใหม่มาวางที่โต๊ะรับแขก
                                                                “  ไปดื่มกาแฟกันดีกว่า...บ่ายนี้คงมีเรื่องอะไรสะใจอะไรให้เห็นบ้างหรอก” ญาณีเอ่ยชวนพลางเดินนำไปที่โต๊ะรับแขก...โดยมีรติยาเดินตามไปด้วยสีหน้าที่ไม่สู้จะสบายใจนัก
                           
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น