ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พยาบาท

    ลำดับตอนที่ #3 : ญาณี

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 48


                                                 บทที่ 2

            



        เสียงอินเตอร์คอมดังขึ้นที่มุมโต๊ะของมนัสญา …หล่อนละสายตาจากข้อมูลบนจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า

            “ คะ?” หล่อนกดปุ่มตอบรับแล้วกรอกเสียงลงไป

            “ ขอกาแฟสองแก้ว…ด่วน” น้ำเสียงของผู้พูดไม่เป็นมิตรนัก

            “ สักครู่ค่ะ…คุณญาณี ” หล่อนรับคำเนือยๆ “ที่ฮาร์เวิร์ดไม่ยักกะสอนการชงกาแฟในหลักสูตรด้วยแฮ่ะ ” หล่อนเปรยออกมาเบาๆอย่างหัวเสียเล็กน้อย…พลางจัดการบันทึกข้อมูลนัดหมายลูกค้าใหม่ในเมลบอกซ์รวมของบริษัทลงแผ่นซีดี ดี-อาร์ดับเบิลยู(เป็นแผ่นซีดีชนิดหนึ่งที่สามารถเขียนและลบข้อมูลในแผ่นได้หลายครั้งคล้ายแผ่นดิสเกส)อย่างระมัดระวังพลางเก็บแผ่นที่บันทึกได้นั้นลงกล่องแล้ววางไว้ที่โต๊ะ…ก่อนเดินเอื่อยๆไปยังห้องครัวทางปีกซ้ายของตัวตึกที่หล่อนทำงานอยู่…

             “  อรุณสวัสดิ์ค่ะ”แม่บ้านวัยกลางคนรูปร่างเล็กที่อยู่ในชุดสีเหลืองสดเอ่ยทักขณะที่มนัสญาเดินเข้ามาในห้องครัว

            “  อรุณสวัสดิ์ค่ะ…พี่พรคะ นัส…ขอกาแฟสองที่นะคะ…ของคุณณี ”หล่อนเน้นชื่อผู้สั่งอย่างตั้งใจ

            “  เดี๋ยวพี่เอาไปให้ก็ได้ค่ะคุณ ” พรร้องบอกพลางกุลีกุจอหยิบชุดกาแฟจากชั้นลอยตรงหน้าที่มีตัวหนังสือคำว่า “ ญาณี ”ติดไว้ที่หน้าชั้นลงมาชุดหนึ่งและจัดเพิ่มอีกชุดจากชั้นฉัดมา

             “ นัสรอเอาไปเลยดีกว่าค่ะ…ยังไงก็ต้องเดินกลับไปที่โต๊ะอยู่ดี ”หล่อนเลี่ยงที่จะบอกความจริงว่าหล่อนถูกใช้ให้นำกาแฟไปส่งด้วยตนเอง

            “  จะดีหรือค่ะ…รบกวนคุณเปล่าๆ ”พรเอ่ยอย่างเกรงใจ

            “  คุณเธอสั่งน่ะค่ะ…”หล่อนบอกออกไปในที่สุด

            “ นี่คงจะหาเรื่องแกล้งคุณอีกแล้วล่ะสิท่า”พรชวนคุยพลางจัดการรินน้ำร้อนใส่ถ้วนเนื้อหนาสีดำที่เคลือบไว้ด้วยรูปหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่สกรีนไว้ด้านนอก

               “ แห๋งล่ะ ”ผู้เข้ามาใหม่เอ่ยตอบขณะที่เดินเข้ามาทันได้ยินคำพูดนั้นของพรพอดี “ มีอย่างที่ไหนเลขาตัวก็มี…ดันเที่ยวไปใช้เลขาคนอื่น ”น้ำเสียงและท่าทางนั้นบ่งบอกถึงความไม่ชอบใจเอามากๆ

            “  ดูพูดเข้าสิ…เดี๋ยวก็ตกงานหลอก” มนัสญาเอ่ยยิ้มๆ

            “  ต๊าย…กลั๊วกลัว” เจ้าหล่อนแกล้งอุทานเสียงดัง “ กลัว..งานใหม่จะไม่น่าเบื่อเท่านี้ ” หล่อนว่าพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ พี่พรคนสวย…ขอแกแฟสามชุดนะคะ ชุดหนึ่งขอพิเศษมากๆนะคะ...เพราะเป็นของคุณศศิตา…พนักงานตัวเล็กๆบนชั้น27... ที่มีแต่คนที่หญ่ายคับตึกทั้งนั้นเลย” ว่าแล้วหล่อนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

            “  ได้คะ…คุณตา ”พรรับคำยิ้มๆ

             “  มีแขกแต่เช้าเลยหรือ  ”มนัสญาชวนคุย

             “  ใครว่าแขก…เจ๊กทั้งนั้นเลย…ไม่ยักกะมีแขกสักคน  ”ศศิตาสัพยอกอย่างอารมณ์ดี

        มนัสญาได้แต่อมยิ้มเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้นของศศิตา…ผิดกับพรที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

            “  เข้าทางเลยสิท่า…ขาวตี๋ ”

            “  ไม่ไหวล่ะมั้งคะคุณนัส…สองคนอายุรวมกันปาเข้าไปร่วมศตวรรษเห็นจะได้มั้ง ”ศศิตาเอ่ย

             “  กาแฟคุณญาณีได้แล้วคะคุณนัส ”

            “  ขอบคุณคะ…ไปนะตาแล้วค่อยคุยกัน ” มนัสญาว่าพลางยกถาดกาแฟออกไป



                                    …………………………………………………….



        เสียงเคาะประตูเบาๆ…ดังขัดจังหวะการสนทนาของคนคู่หนึ่งภายใน และครู่ต่อมาหญิงสาวในชุดรัดรูปสีฟ้าก็ก้าวเข้ามาภายในพร้อมถาดกาแฟในมือ…

            “ กาแฟได้แล้วค่ะ…คุณญาณี ”  มนัสญาว่าพลางวางถาดกาแฟนั้นลงบนโต๊ะรับแขก

        หญิงสาวในชุดสูทน้ำเงินเข้ม…มองมนัสญาด้วยสายตาเหยียดๆไม่กล่าวถ้อยคำใดๆออกมา…ราวกับไม่ได้ยินคำกล่าวนั้นของมนัสญา…ผิดกันหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในชุดรัดรูปสีเทาอ่อนที่ตัดเย็บจากผ้ามัดหมี่เนื้อดีที่ส่งยิ้มให้มนัสญาอย่างเป็นมิตร

            “ ขอบใจนะ  ” หญิงสาวที่อยู่ในผ้ามัดหมี่เอ่ย

            “ ไม่เป็นไรค่ะ…ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิชั้นขอตัวไปทำงานต่อนะคะ ”  มนัสญาเอ่ย

        หญิงสาวในชุดสูทสีน้ำเงินเข็มไม่ตอบรับคำกล่าวนั้น…แต่กลับลุกจากเก้าอี้ทำงานของหล่อน…เดินไปยังชุดรับแขกด้านหน้า หยิบถ้วยกาแฟที่สกีนรูปตนเองขึ้นมาถือไว้ แล้วเดินไปที่มุมห้อง…ก่อนจะเทสิ่งที่บรรจุอยู่ในถ้วยนั้นลงถังไปอย่างไม่ใส่ใจ

            “ ณี ” หญิงในชุดมัดหมี่อุทานอย่างตกใจในการกระทำนั้นของญาณี

            “ บอกให้พรมาทำความสะอาดด้วย…ก่อนที่กลิ่นกาแฟอุบาศนี่จะคลุ้งไปทั้งห้องทำงานของฉัน ” หล่อนสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ อ้อ…ให้เค้าชงถ้วยใหม่มาให้ฉันด้วย...”

            “ ได้ค่ะ ” พวงแก้มของผู้พูดนั้นกลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธ…หล่อนรับคำและหมุนตัวออกไปในทันที

            “ ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลยณี ” หญิงในผ้ามัดหมี่เอ่ยตำหนิ

            “ ณีจะทำยิ่งกว่านี้อีก…ถ้าแม่นั้นยังจะหน้าด้านทำงานที่นี่เพื่อหวังจะจับพี่ธีอยู่ ” ญาณีว่าอย่างไม่ยี่หระพลางเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

            “ เค้าอาจจะไม่คิดแบบนั้นก็ได้ ” คู่สนทนาเอ่ยออกมาอย่างเห็นใจมนัสญา

            “ คิดไม่คิดไม่รู้ล่ะ…ก็ต้องตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ลงตามกันมาจากเมืองนอกแบบนี้มันก็คงต้องมีอะไรๆกันอยู่บ้างล่ะ ” ญาณีกล่าวอย่างมั่นใจ

            “  แล้วถ้าเกิดเค้า…เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆล่ะ”

            “ ขอซะทีเถอะรตี…เลิกทำตัวเป็นแม่พระแบบนี้สักทีได้ไหม ”หล่อนว่าอย่างรำคาญ “ เห็นอยู่โต้งๆว่าพี่ธีน่ะปลื้มมันจะตายอยู่แล้ว…ยังจะมองโลกในแง่ดีอยู่ได้ ”

        รติยาคร้านที่จะพูดจึงเงียบเสีย…แต่กระนั้นตัวหล่อนเองอดที่จะหวั่นไหวในเรื่องนี่ไม่ได้เช่นกัน

            “  ถ้าเธอยังไม่อยากจะเสียพี่ธีไป…เราควรต้องทำอะไรสักอย่าง ” น้ำเสียงนั้นมุ่งมั่นเต็มที่

            “ เธอจะทำอะไรเค้าอีกล่ะ ”มณีญาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว…รู้สึกหวาดกลัวในท่าทางของเพื่อนเป็นอย่างยิ่ง

        ญาณีไม่ตอบ…แต่กลับใช้มือเลื่อนเม้าส์ไปยังปุ่มลบข้อมูลที่ปรากฎร้องถามอยู่เบื้องหน้าจอ…แล้วกดยืนยันอย่างสาสะใจ

            “ ให้มันรู้ไปถ้ามันทำงานพลาดบ่อยๆ…แล้วพี่ธียังจะหาข้ออ้างเก็บมันไว้ได้อีก ” ญาณีว่าพลางกดอินเตอร์คอมที่อยู่มุมโต๊ะ

            “ คะ…คุณญาณี ”

            “ หาสัญญาภาษาฝรั่งเศทเก่าๆสักสองสามฉบับไปให้แม่มนัสญาแปลที…บอกว่าฉันต้องการก่อนเที่ยง ”ว่าแล้วหล่อนก็ตัดการติดต่อทันทีโดยไม่รอคำตอบจากปลายสาย…พลางกดหมายเลขใหม่อีกครั้ง

            “ ณรงค์ครับ” ปลายสายกรอกเสียงมาตามสาย

            “ ฉันญาณีนะ…ชั้นอยากให้คุณช่วยจัดการบล็อคหรือทำอย่างไงก็ได้ที่จะทำให้มนัสญา…ไม่สามารถรับข้อมูลใน....เมลบอกซ์รวมได้ชั่วคราว”

            “ จะดีหรือครับ” ปลายสายลังเลที่จะทำตาม

            “ ฉันสั่งก็ทำไปเถอะ…ด่วนที่สุดด้วยนะ ” หล่อนว่าพลางตัดการติดต่อ

            “  ทำอย่างนี้พี่เธอจะเสียหายไปด้วยนะณี ” รติยาเอ่ยเตือนสติ

            “ เสียหายมากเท่าไหร่ยิ่งดี…ฉันอยากให้เค้ารับผิดชอบโดยการไล่แม่นั้นออก ”

            “ มันเท่ากับแกล้งกันชัดๆเลยนะ ”รติยาเปรยขึ้นเบาๆ

            “  ใช่…แล้วไงล่ะ”หล่อนว่าอย่างไม่ใส่ใจ “ แล้วก็อย่าใจอ่อนไปบอกพี่ธีเชียวนะ” หล่อนดักคออย่างรู้นิสัยเพื่อนเป็นอย่างดี

            “ แต่ฉันไม่อยากเห็นพี่ธีเธอเสียหายไปด้วย ”

            “ เธอน่ะมันใจอ่อนอย่างงี้น่ะสิรตี…พี่ธีเค้าถึงไม่เห็นเธออยู่ในสายตา ” ญาณีว่าออกมาแรงๆ

                   เสียงเคาะประตูดังขึ้นการสนทนาทั้งหมดจึงจบลง...พรเข้ามาภายในและนำกาแฟถ้วยใหม่มาวางที่โต๊ะรับแขก

                                                                    “  ไปดื่มกาแฟกันดีกว่า...บ่ายนี้คงมีเรื่องอะไรสะใจอะไรให้เห็นบ้างหรอก” ญาณีเอ่ยชวนพลางเดินนำไปที่โต๊ะรับแขก...โดยมีรติยาเดินตามไปด้วยสีหน้าที่ไม่สู้จะสบายใจนัก



                                 ……………………………………………………………………………
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×