ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เงินไม่ใช่ปัญหา...จัดการให้เรียบร้อยก็แล้วกัน
บทที่  3
    เสียงโทรศัพท์ดังอยู่เป็นครู่ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะรับมันขึ้นมาพร้อมกับแนบหูฟังสิ่งที่ผู้พูดกำลังบอกเล่าเรื่องราวมาทางต้นสาย
                      “ เงินไม่ใช่ปัญหา...จัดการให้เรียบร้อยก็แล้วกัน ” ท้ายน้ำเสียงเจ้าอารมณ์ที่สั่งสำทับนั้นแฝงไว้ด้วยอำนาจตอบกลับไปเมื่อเสียงที่ต้นสายเงียบลง
                        “ รอฟังข่าวดีพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...คนเริ่มแห่กันมาดูแล้ว...เตรียมเงินให้พร้อมด้วยแล้ว...จะติดต่อกลับไป ” ว่าแล้วสัญญาณที่ต้นสายก็ขาดลง...
ช้องนางยังคงถือหูโรศัพท์อยู่เป็นครู่...แล้วจึงวางสายลงพร้อมรอยยิ้มชนิดหนึ่งที่ผุดขึ้นที่มุมปาก มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความอำมหิต...ดูน่ากลัวสิ้นดี
                เจ้าหล่อนลุกจากเก้าอี้หวายเก่าๆตัวนั้นช้าๆ...แล้วเดินออกจากห้องโถงไป ทันทีที่หล่อนก้าวพ้นประตูบานใหญ่ออกไป...หล่อนได้กระทบเข้ากับอากาศที่หนาวเย็นยามใกล้รุ่งสางภายนอก  ไอเย็นนั้นต้องเข้ากับ    ผิวกายโดยตรงหล่อนหยุดเท้าอยู่ตรงนั้น...ห่อไหล่เข้าหากันด้วยหนาวเย็นของอากาศรอบกาย...
              แต่เพียงครู่เดียว...หล่อนยืดอก...สูดไอเย็นนั้นเข้าปอดลึกๆนิ่ง..นาน มันสร้างความสดชื่นให้กันหล่อนอย่างประหลาด จากนั้น..หล่อนจึงออกเดินอีกครั้งไปบนทางเดินที่ทอดตัวยาวจากตัวตึกหลังเล็กที่หล่อนและสามีอาศัยอยู่ไปยังตัวตึกหลังใหญ่ที่เห็นชายหลังคาอยู่ริบๆในความมืดเบื้องหน้า...เรือนใหญ่อันเป็นที่อาศัยของพี่เขยและพี่สะใภ้    ซึ่งเรือนทั้งคู่นั้นปลูกห่างกันอยู่พอประมาณ...หากแต่ความโอ่อ่านั้นเทียบกันไม่ได้เลย..แม้แต่น้อย ... มันเหมือนเรือนนายกับเรือนบ่าวไม่มีผิดในความรู้สึกของช้องนาง...
              หล่อนเดินทอดน่องต่อไปเรื่อย...เรื่อยมิไยกับอากาศที่เย็นขึ้นเรื่อยๆ ชายกระโปรงนอนเนื้อผ้าบางเบาสีฟ้าอ่อนนั้นปลิวไสวไปตามแรงลม...มันชื้นเมื่อต้องเข้ากับละอองน้ำค้างที่ลงจัด ช้องนางอดหวนคิดถึงเรื่องราวของตนเองเมื่อยังเด็กไม่ได้...
ภาพของเด็กผู้หญิงอายุราวสิบสองขวบนอนขดตัวอยู่บนพื้นไม้เก่าๆคราคร่ำไปด้วยฝุ่นที่จับหนาตามซอกไม้ มีเพียงผ้าเนื้อบางเก่า...ขาด...แหว่ง...วิ่นจนแทบจะไม่สามารถบรรเทาความเย็นเยือกของอากาศหนาวรอบกายได้ เสียงฟันที่กระทบเข้าหากันดังสนั่นแข่งกับเสียงหวีดหวิวของเสียงลม
              ภาพเหล่านี้เด่นชัดขึ้นในความคิดที่ล่องลอยของช้องนาง...และเด็กในมโนภาพนั้นก็คือตัวของหล่อนเอง แม้ว่าตอนนี้หล่อนอยู่จะในสภาพอากาศที่ไม่ต่างจากวันนั้นเท่าใดนัก แต่สภาพการเป็นอยู่นั้น..แตกต่างกันริบลับ
                        “ แล้วที่นี่ มันก็เป็นของฉัน ” ช้องนางสบถขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสมหวัง    เมื่อหล่อนมาหยุดอยู่หน้าตึกใหญ่...จุดหมายที่หล่อนตั้งใจจะมา...ความพึงพอใจกระจายเกลื่อนอยู่บนใบหน้ารูปเหลี่ยมดวงนั้น...สายตาที่กวาดมองไปตามตัวตึกที่ปลูกสร้างได้อย่างวิจิตตระการตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสมหวัง เป็นสุขอย่างยิ่ง..
                          “ ใครหนะ...ทำอะไรอยู่ตรงนั้น ” เสียงใครคนหนึ่งตะโกนถามจากเบื้องหลังช้องนาง...
                          “ คณิตฐาเองค่ะ...คุณพี่ดล ” หล่อนร้องบอกออกไป...ปรับสีหน้าเป็นอ่อนโยน แล้วจึงหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้เข้ามาใหม่เบื้องหลัง
                          “ ฐารึ...มายืนทำอะไรอยู่ที่นี่ดึกป่านนี้แล้ว ” นพดลเอ่ยถามอย่างแปลกใจก่อนเดินเข้ามาใกล้ภรรยาที่หยุดยืนอยู่ไม่ห่างนัก น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
                          “ ฐา...ฐานอนไม่หลับค่ะก็เลยออกมาเดินเล่น...คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยหนะคะ...มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คุณพี่ดลเรียกนี่แหละค่ะ ” ช้องนางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆพยามซ่อนความตกใจไว้ไม่ให้เจือออกมาในคำกล่าวนั้น “ แล้วคุณพี่ดลหละคะ...เมื่อสักครู่ก่อนที่ฐาจะออกมาเดินเล่นยังเห็นหลับสบายอยู่เลยนี่คะ...ทำไมมาถึงนี่ได้ ”
            นพดลขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย...เมื่อสักครู่...มันคงจะเป็นครู่ที่นานพอดูอยู่...ในเมื่อตัวเขาเองสะดุ้งตื่นขึ้นมาได้สักเกือบครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้แล้วกระมั้ง
                            “ พี่ได้ยินเหมือน...เหมือนเสียงโทรศัพท์มั้งก็เลยตื่น...รอเธออยู่สักพักก็ไม่เห็นว่าจะกลับเข้ามาก็เลยออกมาตามนี่แหละ ” น้ำเสียงนั้นเข้มจัดอย่างไม่ใคร่พอใจนัก อีกทั้งยังเจือไว้ด้วยความระแวงอีกด้วย
    ช้องนางพอจะจับอารมณ์นั้นของสามีได้ หล่อนซ่อนยิ้มในหน้า...ก่อนแสร้งตีหน้าเศร้าพลางถอนใจยาวออกมาอย่างแรง แลดูทุกข์ใจยิ่งนัก
                              “ ฐา...ฐาเป็นห่วงคุณพี่ภูมิเหลือเกินค่ะคุณพี่ดล...นี่ก็เกือบสองอาทิตย์เข้าไปแล้ว...ไม่มีวี่แววเลยนะคะว่าจะอยู่ดีไหม ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง ” ท้ายน้ำเสียงนั้นสั่นสะท้าน...ดูอาธรอย่างคำพูด
                              “ ไปห่วงมันทำไม...คนใจดำอย่างนั้น...ตายเสียได้ก็ดี ” นพดลสบถอย่างเดือดดาน คล้ายตวาดเต็มที
                              “ คุณพี่ดล...ไม่เอาค่ะ...พูดอะไรอย่างนั้น ” ช้องนางอุทานอย่างตกใจ
                              “ ก็มันจริงนี่...นี่ถ้ารู้ว่าเป็นห่วงมันขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับอย่างนี้ ไม่เดินตามหาให้เมื่อยหรอก ” นพดลกล่าวอย่างหัวเสียก่อนเดินลงส้นจากไป ทิ้งช้องนางที่มองตามสามีของหล่อนไปด้วยสายตาว่างเปล่าผิดกับคำพูดอาธรเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
                                                 
    เสียงโทรศัพท์ดังอยู่เป็นครู่ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะรับมันขึ้นมาพร้อมกับแนบหูฟังสิ่งที่ผู้พูดกำลังบอกเล่าเรื่องราวมาทางต้นสาย
                      “ เงินไม่ใช่ปัญหา...จัดการให้เรียบร้อยก็แล้วกัน ” ท้ายน้ำเสียงเจ้าอารมณ์ที่สั่งสำทับนั้นแฝงไว้ด้วยอำนาจตอบกลับไปเมื่อเสียงที่ต้นสายเงียบลง
                        “ รอฟังข่าวดีพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...คนเริ่มแห่กันมาดูแล้ว...เตรียมเงินให้พร้อมด้วยแล้ว...จะติดต่อกลับไป ” ว่าแล้วสัญญาณที่ต้นสายก็ขาดลง...
ช้องนางยังคงถือหูโรศัพท์อยู่เป็นครู่...แล้วจึงวางสายลงพร้อมรอยยิ้มชนิดหนึ่งที่ผุดขึ้นที่มุมปาก มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความอำมหิต...ดูน่ากลัวสิ้นดี
                เจ้าหล่อนลุกจากเก้าอี้หวายเก่าๆตัวนั้นช้าๆ...แล้วเดินออกจากห้องโถงไป ทันทีที่หล่อนก้าวพ้นประตูบานใหญ่ออกไป...หล่อนได้กระทบเข้ากับอากาศที่หนาวเย็นยามใกล้รุ่งสางภายนอก  ไอเย็นนั้นต้องเข้ากับ    ผิวกายโดยตรงหล่อนหยุดเท้าอยู่ตรงนั้น...ห่อไหล่เข้าหากันด้วยหนาวเย็นของอากาศรอบกาย...
              แต่เพียงครู่เดียว...หล่อนยืดอก...สูดไอเย็นนั้นเข้าปอดลึกๆนิ่ง..นาน มันสร้างความสดชื่นให้กันหล่อนอย่างประหลาด จากนั้น..หล่อนจึงออกเดินอีกครั้งไปบนทางเดินที่ทอดตัวยาวจากตัวตึกหลังเล็กที่หล่อนและสามีอาศัยอยู่ไปยังตัวตึกหลังใหญ่ที่เห็นชายหลังคาอยู่ริบๆในความมืดเบื้องหน้า...เรือนใหญ่อันเป็นที่อาศัยของพี่เขยและพี่สะใภ้    ซึ่งเรือนทั้งคู่นั้นปลูกห่างกันอยู่พอประมาณ...หากแต่ความโอ่อ่านั้นเทียบกันไม่ได้เลย..แม้แต่น้อย ... มันเหมือนเรือนนายกับเรือนบ่าวไม่มีผิดในความรู้สึกของช้องนาง...
              หล่อนเดินทอดน่องต่อไปเรื่อย...เรื่อยมิไยกับอากาศที่เย็นขึ้นเรื่อยๆ ชายกระโปรงนอนเนื้อผ้าบางเบาสีฟ้าอ่อนนั้นปลิวไสวไปตามแรงลม...มันชื้นเมื่อต้องเข้ากับละอองน้ำค้างที่ลงจัด ช้องนางอดหวนคิดถึงเรื่องราวของตนเองเมื่อยังเด็กไม่ได้...
ภาพของเด็กผู้หญิงอายุราวสิบสองขวบนอนขดตัวอยู่บนพื้นไม้เก่าๆคราคร่ำไปด้วยฝุ่นที่จับหนาตามซอกไม้ มีเพียงผ้าเนื้อบางเก่า...ขาด...แหว่ง...วิ่นจนแทบจะไม่สามารถบรรเทาความเย็นเยือกของอากาศหนาวรอบกายได้ เสียงฟันที่กระทบเข้าหากันดังสนั่นแข่งกับเสียงหวีดหวิวของเสียงลม
              ภาพเหล่านี้เด่นชัดขึ้นในความคิดที่ล่องลอยของช้องนาง...และเด็กในมโนภาพนั้นก็คือตัวของหล่อนเอง แม้ว่าตอนนี้หล่อนอยู่จะในสภาพอากาศที่ไม่ต่างจากวันนั้นเท่าใดนัก แต่สภาพการเป็นอยู่นั้น..แตกต่างกันริบลับ
                        “ แล้วที่นี่ มันก็เป็นของฉัน ” ช้องนางสบถขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสมหวัง    เมื่อหล่อนมาหยุดอยู่หน้าตึกใหญ่...จุดหมายที่หล่อนตั้งใจจะมา...ความพึงพอใจกระจายเกลื่อนอยู่บนใบหน้ารูปเหลี่ยมดวงนั้น...สายตาที่กวาดมองไปตามตัวตึกที่ปลูกสร้างได้อย่างวิจิตตระการตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสมหวัง เป็นสุขอย่างยิ่ง..
                          “ ใครหนะ...ทำอะไรอยู่ตรงนั้น ” เสียงใครคนหนึ่งตะโกนถามจากเบื้องหลังช้องนาง...
                          “ คณิตฐาเองค่ะ...คุณพี่ดล ” หล่อนร้องบอกออกไป...ปรับสีหน้าเป็นอ่อนโยน แล้วจึงหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้เข้ามาใหม่เบื้องหลัง
                          “ ฐารึ...มายืนทำอะไรอยู่ที่นี่ดึกป่านนี้แล้ว ” นพดลเอ่ยถามอย่างแปลกใจก่อนเดินเข้ามาใกล้ภรรยาที่หยุดยืนอยู่ไม่ห่างนัก น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
                          “ ฐา...ฐานอนไม่หลับค่ะก็เลยออกมาเดินเล่น...คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยหนะคะ...มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่คุณพี่ดลเรียกนี่แหละค่ะ ” ช้องนางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆพยามซ่อนความตกใจไว้ไม่ให้เจือออกมาในคำกล่าวนั้น “ แล้วคุณพี่ดลหละคะ...เมื่อสักครู่ก่อนที่ฐาจะออกมาเดินเล่นยังเห็นหลับสบายอยู่เลยนี่คะ...ทำไมมาถึงนี่ได้ ”
            นพดลขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย...เมื่อสักครู่...มันคงจะเป็นครู่ที่นานพอดูอยู่...ในเมื่อตัวเขาเองสะดุ้งตื่นขึ้นมาได้สักเกือบครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้แล้วกระมั้ง
                            “ พี่ได้ยินเหมือน...เหมือนเสียงโทรศัพท์มั้งก็เลยตื่น...รอเธออยู่สักพักก็ไม่เห็นว่าจะกลับเข้ามาก็เลยออกมาตามนี่แหละ ” น้ำเสียงนั้นเข้มจัดอย่างไม่ใคร่พอใจนัก อีกทั้งยังเจือไว้ด้วยความระแวงอีกด้วย
    ช้องนางพอจะจับอารมณ์นั้นของสามีได้ หล่อนซ่อนยิ้มในหน้า...ก่อนแสร้งตีหน้าเศร้าพลางถอนใจยาวออกมาอย่างแรง แลดูทุกข์ใจยิ่งนัก
                              “ ฐา...ฐาเป็นห่วงคุณพี่ภูมิเหลือเกินค่ะคุณพี่ดล...นี่ก็เกือบสองอาทิตย์เข้าไปแล้ว...ไม่มีวี่แววเลยนะคะว่าจะอยู่ดีไหม ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง ” ท้ายน้ำเสียงนั้นสั่นสะท้าน...ดูอาธรอย่างคำพูด
                              “ ไปห่วงมันทำไม...คนใจดำอย่างนั้น...ตายเสียได้ก็ดี ” นพดลสบถอย่างเดือดดาน คล้ายตวาดเต็มที
                              “ คุณพี่ดล...ไม่เอาค่ะ...พูดอะไรอย่างนั้น ” ช้องนางอุทานอย่างตกใจ
                              “ ก็มันจริงนี่...นี่ถ้ารู้ว่าเป็นห่วงมันขนาดกินไม่ได้นอนไม่หลับอย่างนี้ ไม่เดินตามหาให้เมื่อยหรอก ” นพดลกล่าวอย่างหัวเสียก่อนเดินลงส้นจากไป ทิ้งช้องนางที่มองตามสามีของหล่อนไปด้วยสายตาว่างเปล่าผิดกับคำพูดอาธรเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
                                                 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น