ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 :
10 สิงหาคม 2545
            ผมได้รู้จักหน้าตาของเว็บเด็กดีครั้งแรกจากการ “ ค้นหา ”  เว็บไซด์นักเขียนหน้าใหม่ที่ยังไม่มีที่ส่งงานเขียน โดยการค้นหาของสนุก ดอท คอม ( sanook.com)
       
      ตื่นเต้น สุดๆครับ (เหมือนตอนไปยืนอยู่หน้าบอร์ดประกาศผลสอบยังไงยังงั้นเลยหล่ะ)และผมก็( แทบจะตะโกน)บอกตัวเอง( ออกมาดังๆ)ทันทีเลยว่า เฮ้ยความฝัน(ลมๆ) ของเราเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วโว๊ย หลังจากหน่าย กับการส่งต้นฉบับเรื่องยาวของตนเองไปที่สำนักพิมพ์หลายต่อหลายที่ แต่แล้วก็ได้แต่รอกับรอ และก็รอ (ทุกวันนี้ก็ยังหน้าด้าน รอ) คำตอบที่แสนยาวนานของสำนักพิมพ์ แต่จากวันนี้ไป..อะนะ (จะลองทำเชิดๆใส่สำนักพิมพ์สักพัก คอยดู)
   
    แต่ พอเปิดเข้าไปที่ส่งเรื่องเท่านั้นแหละ โอ้แม่เจ้า อะไรจะขนาดนั้นมีเรื่องส่งไว้ก่อนตั้งเกือบพันห้าร้อยเรื่อง ( โอ้โห มีคนร่วมเส้นทางมากขนาดนี้เลยเหรอ )
        พอเห็นอย่างนั้นผมก็ตัดสินใจลองเข้าไปชิมลางอ่านงานของคนอื่นดูก่อนว่าเป็นไงกันบ้าง (ยังคิดเข้าข้างตัวเองอีกนะว่า คงได้อ่านแต่เรื่องของเด็กๆ รูปแบบการเขียนแบบขอไปทีแหง๋เลย )
    และเรื่องแรกที่ผม( ยอม )ลองเข้าไปอ่านก็คือเรื่องอัญมณีสีน้ำเงิน( หัวข้อเรื่องของผมนี่แหละ) ด้วยเหตุผลที่ว่ามีคนเข้าไปอ่านมากติด1ใน5ของเดือน เรื่องนี้(คิดว่า)คงพออ่านได้ และที่สำคัญคำบรรยายเรื่องน่าสนใจสุด สุด
        “ชายคนหนึ่งได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับอัญมณีล้ำค่าโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เขาและเพื่อนต้องเผชิญกับภารกิจที่ไม่คาดฝัน
           
    และผมก็ได้รู้ว่าที่ผมคิดไว้แต่แรกนั้น ผมคิดผิดไปถนัดเลย ที่ปรามาสเรื่องนี้เสียตั้งแต่ยังไม่ได้ลองอ่าน...ทำไมนะหรือครับ....
    “ เพราะ อัญมณีสีน้ำเงินไม่ใข่แค่พออ่านได้
    และไม่ใช่งานเขียนแบบเด็กๆด้วย ”
   
                แต่ กลับเป็นงานเขียนที่คล้ายเขียนโดยนักเขียนมืออาชีพเขียนมากทีเดียว   
                “ อัญมณีสีน้ำเงิน ” เป็นเรื่องที่ค่อนข้างออกแนวบู้ หน่อยๆ (ในความคิดของผมนะ) และคนเขียนค่อนข้างจะเป็นผู้มีความสามารถในการบอกเล่าเรื่องราวด้วยตัวหนังสือ ( และภาพประกอบ )ได้ดีทีเดียว
    ตอนที่หนึ่งที่ผมอ่านผมมีความรู้สึกว่า โอ้โหไมพี่แกลำดับเหตุการณ์ได้กระชับแบบนี้ว่ะเนี๊ย แถมสนุกอีกต่างหาก (อย่างกับนักเขียนอาชีพน่ะ ) ผมลองอ่านรอบที่สองในตอนเดียวกัน เพื่อหาข้อบกพร่องที่อาจจะเกิดเป็นช่องว่างให้ผมรู้สึก ( ภูมิใจ ) ว่าต้นฉบับและเนื้อเรื่องของผมสมบูรณ์มากกว่า
    แต่ ไม่ยักกะมีแฮ่ะ..ทั้งสั้น ง่าย ได้ใจความ และก็สนุก ชวนติดตามอีกต่างหาก (เค้าไม่ได้ติดสินบนผมมาเขียนหลอกนะครับ แค่500ร้อยเอง..แฮ่ๆล้อเล่นนะครับ )
    ผมอ่านไปตอนเดียวความคิดผมตะเหลิดไปถึงเงื่อนที่มันควรจะเป็นปมของเรื่องเลยทีเดียว มันทำให้ความกระหายที่ซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกๆของหัวใจ (สะออน) ของผม เกิดความอยากจะรู้เรื่องราวในตอนต่อไปขึ้นมาอย่างประหลาด
    “ นิยายที่ดี มันควรจะเล่นกับความรู้สึกของคนอ่านได้ ทำให้ใคร่อ่าน ใคร่รู้ และสนุกไปพร้อมๆกัน”
    ผมอดไม่ได้ที่จะลอง( ขโมย) อ่านข้อความที่ฝากให้นักเขียนที่ฝากกันไว้มากมาย( เหลือเกิน)ด้านล่าง พลางเอามือจับที่หน้าอกข้างซ้ายแล้วขยำอย่างแรง ทำไมน่ะหรือครับ
              แต่ละ ข้อความที่ฝากให้นักเขียนน่ะสิครับ มันโดนใจผมอย่างแรงเลย
    เกิดคำถามขึ้นในใจว่า .
    ...นี่คือนักเขียนสมัครเล่นจริงๆหรือ
    ทำไมคิดพล็อตได้โป๊ะเช๊ะขนาดนี้
              เอาข้อมูลแบบนี้มาจากไหนนะ
    และอีกมากมายที่ผุดขึ้นในสมองของผม มีแต่คำถามและคำถาม
    และคำถามสุดท้ายที่ทำให้ ผมยอกสแยกในใจอย่างช่วยไม่ได้ว่า
    แล้วงานของผมล่ะ จะมีคนอ่านกับเขาไหมเนี๊ย
    ผมสลัดความคิดนั้นออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว ทำไมนะหรือครับ
     
                แหม ใครจะกล้าคิดหล่ะครับว่า “ ถ้างานที่แสนจะรักและหวงแหนของผมเอง ที่อุตส่าห์หาที่ลงอวดสายตาชาวโลกได้แล้ว แต่กลับไม่มีใครอ่าน จะเกิดอะไรขึ้น ” แค่คิดก็หดหู่พิลึกแล้ว
    ผมค่อยๆลงทะเบียนนักเขียน ด้วยสมองที่ไม่เป็นสุขนัก มีหลายเรื่องเชียวครับที่ผมกำลังคิดอยู่ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับงานของผมทั้งนั้นเลย
    แต่ความคิดหนึ่งที่ผมคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์มากๆสำหรับผู้อ่านที่น่ารักทุกคนของผม( ก็อุตส่าห์อ่านผมพล่ามมาถึงขนาดนี้ ไม่รักคุณแล้วจะให้ไปรักแมวที่ไหน ) ก็คือ
    ผมเพิ่งเข้าใจว่า ทำไมงานเขียนของผมจึงต้องรอการพิจารณานาน ขนาดนั้น ( นานชนิดที่เรียกว่าลืมกันไปข้างเลย)
    “นั่นอาจเกิดจากคนที่มีงานเขียนเป็นของตนเองนั้นมีจำนวนมาก และงานเขียนดีๆก็เกิดขึ้นทุกวัน นี่ล่ะสาเหตุสำคัญเชียว ”
                ดังนั้นงานเขียนที่ส่งต้นฉบับย่อมต้องใช้เวลาคัดสรรนานที่เดียว กว่าจะบอกได้ว่างานชิ้นนั้นโดนหรือไม่โดน หรือ ไม่อย่างไร
    คิดได้อย่างนี้แล้วก็เอาแต่นั่งปลงอนิจจัง( บวกสบายใจขึ้นอีกโขเลย ) อะครับ (พลางกับส่งเนื้อเรื่องขึ้นเว็บ)
    และก็ได้แต่คาดหวังว่า( ไอ้) งานของเราคงจะป๊อปไม่แพ้อัญมณีสีน้ำเงินเหมือนกัน
                แต่ตอนนี้ ผมขอไปอ่านเรื่องนี้ (อัญมณีสีน้ำเงิน) ตอนที่2ก่อนนะครับ มันชักติดใจเสียแล้ว
                                             
                                                                                                  วานิช นิ่มสกุล
“ ปล1. ใครเคยอ่านเรื่องอะไรมาบ้างครับ เนื้อหาเป็นไงวิจารณ์กันตามสบายเลยนะครับ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ส่วนเรื่องต่อไปที่ผมจะเอามาเล่า เอามาแฉ (ความรู้สึก) รับรองว่าคุณๆหลายๆคนคงเคยอ่านแล้วแน่นอน โพทบอกเรื่องที่คุณเคยอ่าน หรือโพทโฆษณางานของตัวเองก็ได้นะครับไม่ว่ากัน ถือว่ามาเปิดโอกาส(ให้ผมและคนอื่นทราบว่ามีงานเขียนแนวนี้อยู่ที่บอร์ดเราด้วย) ในการอ่านกัน วันนี้บาย ครับ ”
เนื่องด้วยบทวิจารณ์เรื่องนี้ลงไว้ตั้งแต่วันที่ 3 เดือนตุลาคมปี2546 ซึ่งเวลาได้ล่วงเลยมานานมากแล้ว...ผมเองในฐานะผู้วิจารณ์งานก็จึงขอปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนที่ผู้เขียนได้ทำการปรับปรุงครับ...กล่าวคือ....
1.ขณะนี้เรื่อง อัญมณีสีน้ำเงินมีเพียง2ตอนครับ
2. เนื้อเรื่องในตอนที่1ผิดไปจากเดิมมากพอสมควรแต่ยังคงความสั้นง่ายและอ่านง่ายเหมือนเดิมครับ
3. กระนั้นผู้เขียนยังมีความสามารถในการดำเนินเรื่องได้อย่างดีเยี่ยมเช่นเคย...เพียงแต่ว่าบางช่วงใส่ความเป็นเหตุเป็นผลลงไปมากเกินจำเป็นเสียหน่อย...( เพราะบางเรื่องผมว่าคนอ่านคิดเองเดาเองมันก็ให้อารมณ์ได้ดีอีกแบบหนึ่ง...แต่นี่อาจเป็นรูปแบบการนำเสนอของคุณก็ได้ )
4.ใครสนใจเรียนเชิญสมาชิกทุกท่านที่ http://www.dek-d.com/entertain/viewlong.php?id=8899ครับ...รับรองว่าสนุกตื่นเต้นไม่แพ้ละครเรื่องใดๆในเด็กดีแน่นอนครับ
ปล.2. ข้อความอันหนึ่งอันใดที่ข้าพเจ้าสอดใส่ลงไปในงานวิจารณ์เป็นเพียงความรู้สึกขณะอ่านและหลังอ่านเท่านั้นไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น หากมีคำพูดอันหนึ่งอันใดที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตัวเรื่องหรือ...ความรู้สึกของผู้เขียนเอง ข้าพเจ้าขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ปล.3 ฉบับ Re Write ขณะนี้ ( 15 /03/47)มีทั้งหมด 2ตอน และเปลี่ยนจากหมวดแฟนตาซีมาเป็นผจญภัยครับ....เขียนโดย DOME008  email : dome008@hotmail.com ที่ http://www.dekd.com/entertain/viewlong.php?id=8899  ครับเรียนเชิยพิสูจน์ความตื่นเต้นได้แล้ววันนี้ครับ...
ปล .4 ผมอาจเขียนเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงครับ
            ผมได้รู้จักหน้าตาของเว็บเด็กดีครั้งแรกจากการ “ ค้นหา ”  เว็บไซด์นักเขียนหน้าใหม่ที่ยังไม่มีที่ส่งงานเขียน โดยการค้นหาของสนุก ดอท คอม ( sanook.com)
       
      ตื่นเต้น สุดๆครับ (เหมือนตอนไปยืนอยู่หน้าบอร์ดประกาศผลสอบยังไงยังงั้นเลยหล่ะ)และผมก็( แทบจะตะโกน)บอกตัวเอง( ออกมาดังๆ)ทันทีเลยว่า เฮ้ยความฝัน(ลมๆ) ของเราเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วโว๊ย หลังจากหน่าย กับการส่งต้นฉบับเรื่องยาวของตนเองไปที่สำนักพิมพ์หลายต่อหลายที่ แต่แล้วก็ได้แต่รอกับรอ และก็รอ (ทุกวันนี้ก็ยังหน้าด้าน รอ) คำตอบที่แสนยาวนานของสำนักพิมพ์ แต่จากวันนี้ไป..อะนะ (จะลองทำเชิดๆใส่สำนักพิมพ์สักพัก คอยดู)
   
    แต่ พอเปิดเข้าไปที่ส่งเรื่องเท่านั้นแหละ โอ้แม่เจ้า อะไรจะขนาดนั้นมีเรื่องส่งไว้ก่อนตั้งเกือบพันห้าร้อยเรื่อง ( โอ้โห มีคนร่วมเส้นทางมากขนาดนี้เลยเหรอ )
        พอเห็นอย่างนั้นผมก็ตัดสินใจลองเข้าไปชิมลางอ่านงานของคนอื่นดูก่อนว่าเป็นไงกันบ้าง (ยังคิดเข้าข้างตัวเองอีกนะว่า คงได้อ่านแต่เรื่องของเด็กๆ รูปแบบการเขียนแบบขอไปทีแหง๋เลย )
    และเรื่องแรกที่ผม( ยอม )ลองเข้าไปอ่านก็คือเรื่องอัญมณีสีน้ำเงิน( หัวข้อเรื่องของผมนี่แหละ) ด้วยเหตุผลที่ว่ามีคนเข้าไปอ่านมากติด1ใน5ของเดือน เรื่องนี้(คิดว่า)คงพออ่านได้ และที่สำคัญคำบรรยายเรื่องน่าสนใจสุด สุด
        “ชายคนหนึ่งได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับอัญมณีล้ำค่าโดยไม่ตั้งใจ ทำให้เขาและเพื่อนต้องเผชิญกับภารกิจที่ไม่คาดฝัน
           
    และผมก็ได้รู้ว่าที่ผมคิดไว้แต่แรกนั้น ผมคิดผิดไปถนัดเลย ที่ปรามาสเรื่องนี้เสียตั้งแต่ยังไม่ได้ลองอ่าน...ทำไมนะหรือครับ....
    “ เพราะ อัญมณีสีน้ำเงินไม่ใข่แค่พออ่านได้
    และไม่ใช่งานเขียนแบบเด็กๆด้วย ”
   
                แต่ กลับเป็นงานเขียนที่คล้ายเขียนโดยนักเขียนมืออาชีพเขียนมากทีเดียว   
                “ อัญมณีสีน้ำเงิน ” เป็นเรื่องที่ค่อนข้างออกแนวบู้ หน่อยๆ (ในความคิดของผมนะ) และคนเขียนค่อนข้างจะเป็นผู้มีความสามารถในการบอกเล่าเรื่องราวด้วยตัวหนังสือ ( และภาพประกอบ )ได้ดีทีเดียว
    ตอนที่หนึ่งที่ผมอ่านผมมีความรู้สึกว่า โอ้โหไมพี่แกลำดับเหตุการณ์ได้กระชับแบบนี้ว่ะเนี๊ย แถมสนุกอีกต่างหาก (อย่างกับนักเขียนอาชีพน่ะ ) ผมลองอ่านรอบที่สองในตอนเดียวกัน เพื่อหาข้อบกพร่องที่อาจจะเกิดเป็นช่องว่างให้ผมรู้สึก ( ภูมิใจ ) ว่าต้นฉบับและเนื้อเรื่องของผมสมบูรณ์มากกว่า
    แต่ ไม่ยักกะมีแฮ่ะ..ทั้งสั้น ง่าย ได้ใจความ และก็สนุก ชวนติดตามอีกต่างหาก (เค้าไม่ได้ติดสินบนผมมาเขียนหลอกนะครับ แค่500ร้อยเอง..แฮ่ๆล้อเล่นนะครับ )
    ผมอ่านไปตอนเดียวความคิดผมตะเหลิดไปถึงเงื่อนที่มันควรจะเป็นปมของเรื่องเลยทีเดียว มันทำให้ความกระหายที่ซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกๆของหัวใจ (สะออน) ของผม เกิดความอยากจะรู้เรื่องราวในตอนต่อไปขึ้นมาอย่างประหลาด
    “ นิยายที่ดี มันควรจะเล่นกับความรู้สึกของคนอ่านได้ ทำให้ใคร่อ่าน ใคร่รู้ และสนุกไปพร้อมๆกัน”
    ผมอดไม่ได้ที่จะลอง( ขโมย) อ่านข้อความที่ฝากให้นักเขียนที่ฝากกันไว้มากมาย( เหลือเกิน)ด้านล่าง พลางเอามือจับที่หน้าอกข้างซ้ายแล้วขยำอย่างแรง ทำไมน่ะหรือครับ
              แต่ละ ข้อความที่ฝากให้นักเขียนน่ะสิครับ มันโดนใจผมอย่างแรงเลย
    เกิดคำถามขึ้นในใจว่า .
    ...นี่คือนักเขียนสมัครเล่นจริงๆหรือ
    ทำไมคิดพล็อตได้โป๊ะเช๊ะขนาดนี้
              เอาข้อมูลแบบนี้มาจากไหนนะ
    และอีกมากมายที่ผุดขึ้นในสมองของผม มีแต่คำถามและคำถาม
    และคำถามสุดท้ายที่ทำให้ ผมยอกสแยกในใจอย่างช่วยไม่ได้ว่า
    แล้วงานของผมล่ะ จะมีคนอ่านกับเขาไหมเนี๊ย
    ผมสลัดความคิดนั้นออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว ทำไมนะหรือครับ
     
                แหม ใครจะกล้าคิดหล่ะครับว่า “ ถ้างานที่แสนจะรักและหวงแหนของผมเอง ที่อุตส่าห์หาที่ลงอวดสายตาชาวโลกได้แล้ว แต่กลับไม่มีใครอ่าน จะเกิดอะไรขึ้น ” แค่คิดก็หดหู่พิลึกแล้ว
    ผมค่อยๆลงทะเบียนนักเขียน ด้วยสมองที่ไม่เป็นสุขนัก มีหลายเรื่องเชียวครับที่ผมกำลังคิดอยู่ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับงานของผมทั้งนั้นเลย
    แต่ความคิดหนึ่งที่ผมคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์มากๆสำหรับผู้อ่านที่น่ารักทุกคนของผม( ก็อุตส่าห์อ่านผมพล่ามมาถึงขนาดนี้ ไม่รักคุณแล้วจะให้ไปรักแมวที่ไหน ) ก็คือ
    ผมเพิ่งเข้าใจว่า ทำไมงานเขียนของผมจึงต้องรอการพิจารณานาน ขนาดนั้น ( นานชนิดที่เรียกว่าลืมกันไปข้างเลย)
    “นั่นอาจเกิดจากคนที่มีงานเขียนเป็นของตนเองนั้นมีจำนวนมาก และงานเขียนดีๆก็เกิดขึ้นทุกวัน นี่ล่ะสาเหตุสำคัญเชียว ”
                ดังนั้นงานเขียนที่ส่งต้นฉบับย่อมต้องใช้เวลาคัดสรรนานที่เดียว กว่าจะบอกได้ว่างานชิ้นนั้นโดนหรือไม่โดน หรือ ไม่อย่างไร
    คิดได้อย่างนี้แล้วก็เอาแต่นั่งปลงอนิจจัง( บวกสบายใจขึ้นอีกโขเลย ) อะครับ (พลางกับส่งเนื้อเรื่องขึ้นเว็บ)
    และก็ได้แต่คาดหวังว่า( ไอ้) งานของเราคงจะป๊อปไม่แพ้อัญมณีสีน้ำเงินเหมือนกัน
                แต่ตอนนี้ ผมขอไปอ่านเรื่องนี้ (อัญมณีสีน้ำเงิน) ตอนที่2ก่อนนะครับ มันชักติดใจเสียแล้ว
                                             
                                                                                                  วานิช นิ่มสกุล
“ ปล1. ใครเคยอ่านเรื่องอะไรมาบ้างครับ เนื้อหาเป็นไงวิจารณ์กันตามสบายเลยนะครับ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ส่วนเรื่องต่อไปที่ผมจะเอามาเล่า เอามาแฉ (ความรู้สึก) รับรองว่าคุณๆหลายๆคนคงเคยอ่านแล้วแน่นอน โพทบอกเรื่องที่คุณเคยอ่าน หรือโพทโฆษณางานของตัวเองก็ได้นะครับไม่ว่ากัน ถือว่ามาเปิดโอกาส(ให้ผมและคนอื่นทราบว่ามีงานเขียนแนวนี้อยู่ที่บอร์ดเราด้วย) ในการอ่านกัน วันนี้บาย ครับ ”
เนื่องด้วยบทวิจารณ์เรื่องนี้ลงไว้ตั้งแต่วันที่ 3 เดือนตุลาคมปี2546 ซึ่งเวลาได้ล่วงเลยมานานมากแล้ว...ผมเองในฐานะผู้วิจารณ์งานก็จึงขอปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนที่ผู้เขียนได้ทำการปรับปรุงครับ...กล่าวคือ....
1.ขณะนี้เรื่อง อัญมณีสีน้ำเงินมีเพียง2ตอนครับ
2. เนื้อเรื่องในตอนที่1ผิดไปจากเดิมมากพอสมควรแต่ยังคงความสั้นง่ายและอ่านง่ายเหมือนเดิมครับ
3. กระนั้นผู้เขียนยังมีความสามารถในการดำเนินเรื่องได้อย่างดีเยี่ยมเช่นเคย...เพียงแต่ว่าบางช่วงใส่ความเป็นเหตุเป็นผลลงไปมากเกินจำเป็นเสียหน่อย...( เพราะบางเรื่องผมว่าคนอ่านคิดเองเดาเองมันก็ให้อารมณ์ได้ดีอีกแบบหนึ่ง...แต่นี่อาจเป็นรูปแบบการนำเสนอของคุณก็ได้ )
4.ใครสนใจเรียนเชิญสมาชิกทุกท่านที่ http://www.dek-d.com/entertain/viewlong.php?id=8899ครับ...รับรองว่าสนุกตื่นเต้นไม่แพ้ละครเรื่องใดๆในเด็กดีแน่นอนครับ
ปล.2. ข้อความอันหนึ่งอันใดที่ข้าพเจ้าสอดใส่ลงไปในงานวิจารณ์เป็นเพียงความรู้สึกขณะอ่านและหลังอ่านเท่านั้นไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น หากมีคำพูดอันหนึ่งอันใดที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตัวเรื่องหรือ...ความรู้สึกของผู้เขียนเอง ข้าพเจ้าขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ปล.3 ฉบับ Re Write ขณะนี้ ( 15 /03/47)มีทั้งหมด 2ตอน และเปลี่ยนจากหมวดแฟนตาซีมาเป็นผจญภัยครับ....เขียนโดย DOME008  email : dome008@hotmail.com ที่ http://www.dekd.com/entertain/viewlong.php?id=8899  ครับเรียนเชิยพิสูจน์ความตื่นเต้นได้แล้ววันนี้ครับ...
ปล .4 ผมอาจเขียนเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น