ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พยาบาท

    ลำดับตอนที่ #2 : มนัสญาRe

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 48


                                                                                 บทที่ 1



        หญิงสาวผู้มีใบหน้ารูปไข่ได้รูปสวยสอดรับกับผมเหยียดตรงดำสนิทที่ปล่อยยาวปะบ่าคนหนึ่งกำลังก้าวเท้ายาว...ยาวไปตามทางเดินยาวสายแคบ..แคบสายนั้นที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน..เดินขวักไขว้ไปมา...โดยเธอสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็วเยี่ยงนั้นราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

            

                                                            “ เจ็ดโมงครึ่งแล้ว” เจ้าหล่อนอุทานอย่างตกใจเมื่อดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนของหล่อนเหลือบไปเห็นเวลาที่แสดงอยู่บนนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดตระหง่านอยู่บนหอนาฬิกากลางเบื้องห้า

        

                           ผู้คนบนถนนสายนั้นต่างคนต่างเร่งรีบด้วยกันทั้งนั้น…มันเป็นภาพที่หล่อนเองมองดูอย่างชินสายตา...ด้วยว่าอาการเร่งรีบนั้นก็มีกริยาไม่ต่างจากที่หล่อนเป็นอยู่สักเท่าใดนัก

        

                          สิบนาทีต่อมา…หล่อนพาตัวเองมาหยุดอยู่หน้าตึกกระจกทรงสี่เหลี่ยมสูงระฟ้าด้วยอาการเหนื่อยหอบ…ถอนใจอย่างโล่งอกพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่ซึมออกมาจากหน้าผากกว้างได้รูปของหล่อนอย่างเบามือด้วยเกรงว่ารองพึ้นเบอร์หนึ่งที่หล่อนบรรจงฉาบไว้บางๆจะหลุดล่อนติดผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นออกมาด้วย

                          

                         หล่อนใช้เวลาเพียงครู่เดียว...หยุดหายใจหายคอ…ก่อนนำตัวเองเข้าไปด้านในด้วยอากัปที่ผ่อนคลายมากกว่าอาการเมื่อสิบนาทีก่อน พลางนำตนเองมาหยุดอยู่ปลายแถวยาวหน้าลิฟโดยสารที่คะเนตามสายตาแล้วคงไม่ถึงสิบนาทีหล่อนเองก็น่าจะถึงที่หมายเสียที

                          

                        ถัดจากหล่อนไปประมาณหนึ่งช่วงตัว....หญิงสาวสองคนที่ยืนอยู่ทางด้านหน้ากำลังคุยกันอย่างออกรส หน้าลิฟตัวนั้น

        

                                                            “ นี่เขาว่ากันว่าแม่เลขาใหม่ของคุณนทีแกหนะสวยอยู่ใช่ไหมเธอ” สาวผมบอบเอ่ยถามเสียงดังอย่างใคร่รู้เต็มที...มิไยกับคนรอบข้าง

        

                                                             “ ก็งั้นๆแหละ…จืดๆชืดๆ ไม่อินเทรนเหมือนคนก่อนหรอก ” สาวผมตรงหันกลับมาเอ่ยตอบ…ท้ายน้ำเสียงนั้นสูงอย่างจงใจเปรียบเทียบ

        

                                                             “ หรือเธอ…แล้วมาเป็นเลขาคุณนทีได้ไงหละ” แม่สาวผมบอบเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ เธอน่ะคนวงใน...เล่าให้ฟังบ้างซิ”

        

                                                              “ แหม…ทำอย่างกับเธอไม่รู้ ” แม่สาวผมตรงว่าพลางหัวเราะเสียงแหลมอย่างชอบใจในเรื่องที่กำลังสนทนาอยู่เสียยิ่งกระไร “ เขาลือกันให้แซดว่า…แม่เนี๊ยแกเอาตัวเข้าแลก” ท้ายประโยคนั้นเบาลงอย่างต้องการให้เป็นความลับ

        

                                                              “  อุ๊ยตาย…ผู้หญิงอะไรแบบนี้ ” คู่สนทนาอุทานเสียงดังราวกับตกใจสิ่งที่ได้ยินนั้นเสียเต็มประดา “ แล้วคุณรตีเธอไม่เต้นเป็นเจ้าเข้าหรือ ตัวเองออกจะปิ๊งคุณธีมาตั้งนาน ”

        

                                                               “ โอ๊ย…ขานั้นหน่ะผู้ดีจะตาย แกไม่ลดตัวลงมายุ่งเรื่องคาวๆอย่างนี้หร๊อก ” แม่สาวผมตรงว่าอย่างมั่นใจ “ นี่นะ…เขายังว่ากันว่าแม่เนี่ย ทำงานทำการอะไรก็ห่วยคุณญาณีน้องสาวคุณธีต้องกำหลาบอยู่บ่อยๆเชียวล่ะ…เธอ ”

        

                                                             “ ต๊าย…ลงไม่ถูกกับน้องผัวอย่างนี้จะมีหวังจับคุณธีติดหรือเธอ ” สาวผมบอบกล่าวถาม

        

                                                              “ ก็แค่น้องจะไปทัดไปทานอะไรได้…คนนั่งคุยกับคนนอนคุย…น้ำหนักมันต่างกันนะเธอ”

        

                                                               “ แล้วแม่นี่เค้าชื่อ…มนัส…นัสอะไรนะเธอ ”แม่สาวผมบอบถามอย่างใคร่รู้

        

                                                               “ มนัสญาค่ะ”น้ำเสียงนั้นเข้มจัดอย่างหมดความอดทน “ เลขาของคุณนธีพัตร์  รุ่งรัตนาอนัตต์ชื่อ...มนัสญา วิชญากร ” พวงแก้มของผู้พูดระเรื่อเรืองเป็นสีแดง

                    

                        ทั้งสองสาวชะงักงันที่มีผู้กล่าวแทรกคำสนทนาของทั้งคู่ขึ้นมา…สาวผมบอบมีท่าทีประหลาดใจและตำหนิอย่างแรงในความเสียมารยาทนั้น…ผิดกับสาวผมตรงที่มีสีหน้าซีดเผือดลงไปจนผิดสังเกต

        

                                                             “ ขอโทษนะค่ะ…ดิชั้นกำลังคุยอยู่กับเพื่อน…คนอื่นเห็นจะไม่เกี่ยว” สาวผมบอบเอ่ยตำหนิตรงๆ...ท่าทางเอาเรื่อง

                  

                         การสนทนาถูกขัดขึ้นเมื่อท้ายแถวเริ่มร่นขึ้นไปหากแต่ยังเหลือคนอีกสองสามคนค้างอยู่ด้านหน้าของตน...การสนทนาของคนทั้งสาม จึงยังคงดำเนินต่อไป

        

                                                             “ หรือคะ…แต่ดิชั้นเชื่อว่าถ้าเป็นเรื่องของแม่เลขาหน้าจืดของคุณนธีล่ะก็…ถามดิชั้นดีกว่าคะ ดิชั้นทราบเรื่องแม่นี่เป็นอย่างดีทีเดียว” แม้น้ำเสียงนั้นจะเรียบ…หากแต่สายตานั้นวาวโรจน์ด้วยความโกรธจัด “ บางทีดิชั้นคิดว่าดิชั้นอาจจะรู้ดีมากกว่าเพื่อนของคุณเสียด้วยซ้ำไป…จริงไหมคะ” หล่อนหันไปถามสาวผมตรงอย่างจงใจ

        

                                                              “ค่ะ”สาวผมตรงเอ่ยรับไม่ค่อยเต็มน้ำเสียงนัก สายตานั้นหลุบต่ำอย่างไม่กล้าประสานสายตาคู่นั้นของผู้ถาม

        

                                                              “ ดีเชียว…ดิชั้นหล่ะอยากรู้เรื่องแม่คนนี้เสียจริงๆ ”  สาวผมบอบเอ่ยอย่างถูกใจ…มิไยกับมือของสาวผมตรงที่คอยกระตุกชายแขนเสื้ออย่างปรามอยู่ในที “ เห็นมีเรื่องฉาวโฉ่ออกมาไม่เว้นแต่ละวัน \" สาวผมบอบเบ้ปากอย่างรังเกียจ

        

                                                              “ อย่างนั้นเลยหรือค่ะ…แหมดิฉันไม่ยักทราบ” หล่อนเอ่ยอย่างประหลาดใจ

                        

                                                              “ โอ้ย...เค้าปิดกันให้แซดไปทั้งแผนกล่ะค่า....ไม่ทราบไปอยู่ที่ไหมมาคะ ” สาวผมบอบว่าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะอย่างนึกขันเสียเต็มประดา...\" ว่าแต่คุณพอทราบประวัติแม่นี้บ้างไหมคะ...”                        

                                                                “   เห็นว่าคุณมนัสญาเธอจบโทการบริหารเกียตินิยมอันดับหนึ่งมาจากฮาวเวิร์ดหนะคะ และรู้สึกว่าเธอจะสามารถพูดและเขียนได้คล่องหลายภาษาเชียว…ทั้งภาษาอังกฤษ สเปน เยอรมัน และ ”หล่อนหยุดเล็กน้อยมองดูสีหน้าประหลาดใจของสาวผมบอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก  “  และที่เห็นจะคล่องมากๆก็คงจะเป็นภาษาไทยนี่ล่ะมั้งคะ…รู้สึกว่าเธอจะพูดและฟังได้ดีเป็นพิเศษทีเดียว  ”

        

                                                                “ แล้วยายนี่มาทำงานบริษัทเล็กๆนี่ทำไมเล่าค่ะ…ออกจะเก่งเสียหลายด้านเชียว…ใช่ไหมเธอ ” สาวผมบอบเหยียดปากอย่างไม่ใคร่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินนักพลางหันไปขอความเห็นจากสาวผมตรงซึ่งทำท่าเหมือนจะตายให้ได้อยู่ข้างๆ

        

                                                               “ รู้สึกว่าคุณนธีเธอจะเป็นคนดึงมาทำงานที่นี่ด้วยตัวเธอเองเชียวล่ะคะ…ก็จบมารุ่นเดียวกันนี่คะ ”

        

                                                                “ แหม...ดูจะประจวบเหมาะเกินไปหน่อยนะ....ว่าไหมคะ...เรียนที่เดียวกันแถมกลับมาพร้อมกัน...ฮึ ”สาวผมบอบทำท่าครุ่นคิด “  อ๋อ…ดิชั้นพอเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว  ” หล่อนร้องออกมาอย่างเพิ่งเข้าใจอะไรมากขึ้น “ เอ๊ะ…ว่าแต่ทำไมคุณทราบเรื่องได้ละเอียดดีจัง…อยู่ฝ่ายบุคคลหรือค่ะ  ”

                  

                        หญิงสาวยิ้มในหน้าไม่ตอบคำถามนั้นของสาวผมบอบหากแต่กลับย้อนถามกลับไป

        

                                                                “ เข้าใจมากขึ้น…อะไรหรือคะ ”

                

                         สาวผมบอบหัวเราะเสียงใสอย่างถูกใจในคำถามนั้น ผิดกับเพื่อนสาวที่ทำหน้าจะร้องไห้อยู่ข้างๆ

        

                                                                 “ แหม…ก็เข้าใจอย่างที่คุณเข้าใจนั่นล่ะค่ะ”น้ำเสียงนั้นกลั้วหัวเราะอย่างกลั่นไม่อยู่

        

                                                                 “ ว่า… ?”ท้ายน้ำเสียงนั้นเจือความไม่พอใจอย่างยิ่งในท่าทางแบบนั้น

        

                                                                  “  ว่าแม่มนัสญาเนี๊ยก็คงจะวางแผนไว้ว่าจะจับคุณธีเธอเสียตั้งแต่อยู่เมืองนอกด้วยกันแล้วน่ะสิค่ะ…ถามได้คุณเนี๊ย” สาวผมบอบกล่าวอย่างมั่นใจ ”หรือไม่ตอนแรกก็คงจะเฉยๆ...แต่พอกลับมาแล้วเห็นคุณธีมีบริษัทใหญ่โตอย่างนี้ล่ะก็เลยตาโต...วิ่งเข้าใส่ทันทีเลย” หล่อนชักติดลมกับการนิททากับคู่สนทนาคนใหม่นี้เสียแล้ว

                        

                                                                   “  อัญ...” สาวผมตรงอุทานอย่างตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

                        

                                                                   “ อะไรล่ะสมร...เธอนี่ยังไงนะดึงแขนอยู่ได้”สาวผมบอบเอ่ยอย่างรำคาญ  “  แล้วดูทำท่าทำทางเข้าสิอย่างกับท้องผูกงั้นแหละ”

        

                                                                   “ คุณนี่ช่างคิดว่าคนอื่นเค้าจะชอบเรื่องต่ำๆและมักทำตัวเลวๆเหมือนที่คุณชอบทำเสียเรื่อยเชียวนะค่ะ…”

        

                                                                   “  เอ๊ะคุณ…ทำไมพูดอย่านี่ล่ะค่ะ” ท้ายน้ำเสียงนั้นไม่พอใจอย่างยิ่ง...ท่าทางเอาเรื่อง

        

                                                                   “ ก็แหม....ขนาดดิชั้นเอง…ยังคิดไม่ถึงเลย”หล่อนว่าอย่างใจเย็น...มิไยที่จะแก้คำกล่าวนั้นให้เบาลง

        

                                                                    “  แหมคุณ…เจตนาแบบนี้ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากความหลอกคะ…ดิชั้นเห็นมามากต่อมากแล้ว” สาวผมบอบยังคงไม่รู้สึกตัว…กลับเอ่ยอ้างอย่างภูมิใจ...แต่กระนั้นก็ยังคงเคืองอยู่ในทีที่ถูกด่าว่าเมื่อครู่

        

                                                                    “ หรือค่ะ…ลิฟมาแล้วค่ะ ” หล่อนร้องบอกพลางเดินตามเข้าไปภายใน

        

                                                                    “  ชั้นไหนครับ…” ชายคนหนึ่งเอ่ยถามอย่างมีน้ำใจ

        

                                                                    “ 7 ค่ะขอบคุณ”หญิงคนหนึ่งเอ่ยบอก

        

                                                                    “ 14 ”  ชายข้างตัวเอ่ยบ้าง

                      

                                                                    “19กับ 27 ค่ะแล้วของคุณล่ะคะ…คุณเอ่อ ” สาวผมบอบเอ่ยถามคู่สนทนาอย่างใคร่ทำความรู้จัก

        

                                                                     “ มนัสญาคะ…ชั้น 27เช่นกัน ขอบคุณ ” หญิงสาวกล่าวอย่างเน้นเสียงทุกคำที่พูดในประโยค



                 ……………………………………………………………………….

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×