ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดงมาร

    ลำดับตอนที่ #10 : ที่แห่งนี้มันจะต่างอันใดเล่ากับดงแห่งคนชั่วห้าร้อยประเภท

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 46


                                          บทที่  10



        

                                   “ งั้นก็ดีแล้ว…ในเมื่อเป็นมิตรกันไม่ได้ก็มาเป็นศัตรูกันเสียให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน” ช้องนางกล่าวด้วยน้ำเสียงกร้าว…กร้าว ไม่เหลือเค้าของความน่าสงสารเมื่อครู่ให้เห็นอีกเลย        

                       “ หลีกไปชั้นจะเข้าไปข้างใน ” หล่อนสั่งอย่างวางอำนาจพลางใช้หลังมือป้ายหยาดน้ำตาที่ยังมีตกค้างอยู่เพื่อให้แน่ใจว่ามันหมดไปแล้วจริงๆ

                       “ เห็นจะไม่ได้มังค่ะ…คุณคณิตฐา ” อุ่นเรือนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุจเดิม

                       “ ทำไม… ” น้ำเสียงนั้นขุ่นจัด

    อุ่นเรือนยิ้มเย็นมิไยกับท่าทีขึงโกรธของคณิตฐาแม้แต่น้อย…ผิดกับช้องนางที่ดูเดือดดานอย่างที่สุด

                        “ ชั้นถามว่าทำไมชั้นถึงจะเข้าไปไม่ได้…นังอุ่น จะหลีกให้ดีๆหรือจะให้ชั้นโค่นหล่อนเข้าไป ”

            “ อิชั้นคงจะยินดีอย่างยิ่งถ้าคุณคณิตฐาจะกรุณาทำอย่างที่พูดจริงๆ…เคราะห์หามยามเหมาะอิชั้นจะได้อาศัยรอยมือรอยเท้าคุณนี่แหละไปแสดงให้คุณนพดลเธอตาสว่างเสียทีว่า…สิ่งที่เธอหลงไหลอยู่นั้นมันก็แค่เปลือกของทองคำเปลวเท่านั้น…ไม่ใช่ทองนพคุณแต่อย่างใด ”

            “ แกนึกอย่างนั้นหรือว่าคุณพี่ดลจะเชื่อคำข้าเก่าที่ไร้เงาหัวอย่างแก…มากกว่าชั้น ” หล่อนยิ้มหยันอย่างผู้ที่เหนือกว่า

            “ จักลองดูก็ได้นะคุณคณิตฐา…อิชั้นใคร่เห็นคุณนพดลมีแววในดวงตาก่อนสิ้นลมเสียจริงๆ ”

        ช้องนางรับฟังคำท้าทายนั้นอย่างลังเล…ด้วยใจนั้นก็พอรู้อยู่บ้างว่าสามีของหล่อนนั้นก็ออกจะนับถือและเกรงใจอุ่นเรือนคนเก่าแก่ของตะกูลวงศ์กำจายอยู่ไม่น้อย…เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวหล่อนจึงพยามอย่างที่สุดที่เอาอุ่นเรือนมาเป็นพวกให้ได้…แต่เมื่อมาถึงวันนี้หล่อนจึงรู้ว่าที่ทำมาทั้งหมดนั้นเหนื่อยเปล่าโดยแท้

            “ กลับไปในที่ของคุณเถอะ…คุณคณิตฐา คุณรอคอยที่นี่มานาน…ซึ่งถ้าคุณจะรออีกสักหน่อยก็คงจะไม่ทำให้คุณทุรนทุรายไปมากกว่านี้ดอก ” อุ่นเรือนออกปากไล่อย่างคร้านที่จะต่อฝีปากกับคนอย่างช้องนางเต็มที

            “ คนอย่างชั้น…อะไรที่ชั้นอยากได้…ชั้นต้องได้มาครองคอยดูกันไปสิ ”

            “ แม้มันจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของคนดีๆทั้งครอบครัวกระนั้นหรือ…คุณคณิตฐา ” ท้ายน้ำเสียงนั้นสั่นด้วยความสะเทือนใจ

            “ ตายจริง…ป้าอุ่นเรือนพูดอย่างนี้ก็หมายความว่า…เห็นฐาเป็นนางฟ้านางสวรรค์ที่นึกอยากให้ใครตายใครอยู่ก็ได้อย่างนั้นหรือ ” หล่อนจงใจหัวเราะเสียงแหลมเสียดแทงผู้ฟัง

        อุ่นเรื้อนน้ำตารื้อขึ้นมาเมื่อฟังถ้อยคำเสียดแทงนั้น…หล่อนหลับตานิ่งอย่างอับจนคำพูด

            “ หรือฐาจะเป็นจริงก็ไม่ทราบได้…แค่นึกอยากลองเป็นเจ้าของที่นี่ดู…มันก็กลายมาเป็นของฐาเอาเสียดื้อๆ ” หล่อนยังคงหัวเราะต่ออย่างเห็นมันเป็นเรื่องน่าขันเสียเต็มประดา  “ เอาอย่างนี้ดี ไหมป้าอุ่นเรือน…ไว้คืนนี้ก่อนนอนฐาจะอธิฐานขอให้คุณพี่นวภูมิกับคุณพี่อรอนงค์และก็ตาทัพฟื้นขึ้นมา…เผื่อว่าพวกเค้าจะฟื้นขึ้นมาจริงๆ…ป้าอุ่นว่าดีไหม ”

            “ แต่อิชั้นไม่ได้อยากให้พวกท่านฟื้นขึ้นมาดอกคุณคณิตฐา…ถ้าต้องเหยียบย่างอยู่บนพื้นดินผืนเดียวกันกับคนชั่วช้าบางเหล่า…หรือต้องใช้ลมหายใจร่วมกับคนเลวๆบางจำพวกอย่างที่อิชั้นเป็นอยู่ตอนนี้ อิชั้นว่าปล่อยท่านไปในที่สะอาดและสบายกว่าที่นี่จะดีกว่า ” อุ่นเรือนกล่าวอย่างระอากับกริยาและวาจานั้นของช้องนางเต็มที

            “ กลับไปเถอะค่ะคุณคณิตฐา…อย่าให้อิชั้นรู้สึกว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับสัตว์จำพวกหนึ่งที่ไม่สำเนียกในภาษาคนไปมากกว่านี้เลย…อิชั้นมีเรื่องหดหู่ใจมากพอแรงอยู่แล้ว ” อุ่นเรือนกล่าวตัดบทในที่สุดพลางหมุนตัวลับหายเข้าไปในตัวตึกอย่างไม่ใคร่เสวนากับช้องนางอย่างที่นางลั่นกล่าววาจาจริงๆ

        ช้องนางจ้องมองอุ่นเรือนไปจนลับสายตาด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยความอาฆาต…ริมฝีปากเรียบบางคู่นั้นเม้มเข้าหากันจนเกือบจะกลายเป็นเส้นตรง…เนื้อตัวสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน

            “ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน…นังอุ่นเรือน ” หล่อนสบถเสียงเขียวก่อนสืบเท้ากลับไปยังตึกของหล่อนมิไยกับเสียงนางอ่อนที่ร้องเรียกให้หยุดรออยู่เบื้องหลัง…ทั้งที่ตัวนางอ่อนเองก็ยังคงสาระวนตบตีอยู่กับนางนอมที่พื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย…ก่อนจะวิ่งตามนายของตนกลับไปในที่สุด



                                      ……………………………………………………………………

        

        

                    อุ่นเรือนพาตัวเองเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องโถงใหญ่…ภายในห้องมีรูปขนาดใหญ่ของครอบครัววงศ์กำจายแขวนอยู่บนผนัง…นางจ้องมองบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพเขียนนั้นด้วยหัวใจที่หม่นหมอง…ปล่อยให้น้ำตาแห่งความสะเทือนใจล่วงหล่นอาบสองแก้มอย่างไม่คิดจะกลั้นมันไว้อีกต่อไป

        อุ่นเรือนทรุดกายลงกับพื้นห้องจ้องมองภาพนั้นนิ่ง…เนินนานมิไยกับนางนอมที่คลายเข่าเข้ามาทรุดกายอยู่ข้างตัวนางด้วยสภาพบอบช้ำไปทั้งตัว…ผมเผ้ารุงรังเกราะกรังเต็มไปด้วยเศษหญ้าและผงฝุ่น…ใบหน้านางบางแห่งเขียวช้ำและบางแห่งมีเลือดซึมออกมาตามบาดแผลสดใหม่เหล่านั้น

            “ ไปอาบน้ำอาบท่าเสียไป…แล้วหาหยูกหายามาทาเสียด้วย…ประเดี๋ยวคงได้เคล็ดได้ปวดบ้างดอก ” อุ่นเรือนเอ่ยบอกนางนอมด้วยน้ำเสียงเศร้าๆโดยยังไม่ละสายตาจากรูปบานตรงหน้า

        นางนอมตั้งท่าจะคลานออกไปแต่กลับเปลี่ยนใจคลานกลับเข้ามาหาอุ่นเรือนอีกครั้ง

            “  เราต้องไปจากที่นี่จริงๆหรือยาย ” นางนอมเอ่ยถามอย่างใจหาย

            “  ถึงเวลาก็ต้องไป ” แม้อุ่นเรือนจะไม่หันหน้ากลับมาแต่นางนอมก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกอาวรณ์ได้จากน้ำเสียงสั่นเครือนั้นของอุ่นเรือน

            “ ทำไมเล่ายายถ้าเราไม่อยากไป…คุณดลก็ยังอยู่ทั้งคน ”

            “ สิ้นนายของเราไปหมดเสียแล้วที่นี่ก็ไม่น่าอยู่อีกแล้วหล่ะนอมเอ้ย ” อุ่นเรือนถอนใจยาวก่อนกล่าวออกมาอย่างเศร้าๆ

                                    “ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกันเล่ายาย ”

        คำถามนั้นเสียดแทงเข้าไปในใจของอุ่นเรือนไม่น้อย…สี่ชั่วอายุคนแล้วสินะที่ครอบครัวของนางไม่เคยย้ายออกไปอยู่ไหนมาก่อน

            “ ถึงไม่มีที่ไปก็ต้องไป ” อุ่นเรือนรู้สึกใจหายอย่างช่วยไม่ได้ที่ต้องมาจากที่แห่งนี้ไปในรุ่นของนางเอง

            “ ก็ถ้าเรายอมลงให้คุณฐาเธอหน่อย…เราก็น่าจะอยู่ที่นี่ได้ ” นางนอมออกความเห็น

            “ เอ็งรู้จักนรกไหมนอม ” อุ่นเรือนเอ่ยถามหลานสาว

        นอมนิ่งเงียบด้วยความงวยงงในท่าทีและคำถามที่อุ่นเรือนเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

            “ นรก ก็คือสถานที่ของคนชั่วห้าร้อยจำพวกที่ถูกจองจำไว้ให้ชดใช้เวรกรรมที่ตนเองเป็นคนก่อ…ที่แห่งนั้นไม่มีตรงไหนน่าอยู่ดอกนอม ”

            “ ก็นั่นมันที่สำหรับคนตายนี่ยายเกี่ยวอะไรกับการที่เราจะอยู่ที่นี่ด้วยเล่ายาย ” นางนอมเอ่ยถามอย่างไม่สู้เข้าในความคิดของอุ่นเรือนนัก

        อุ่นเรือนยิ้มเย็นเมื่อได้ยินสิ่งที่หลานสาวเอ่ยถามก่อนกล่าวสืบไปว่า

            “ ก็ในเมื่อตัวเราต้องมาใช้ชีวิตรวมกับคนชั่ว…ซ้ำร้ายยังต้องไปอยู่ใต้อานัทเขาอีก…มันก็ไม่ต่างอันใดกับนรกดอกหลาน ” นางหยุดถอนใจเล็กน้อย “ เมื่อคนชั่วมามีอำนาจเหนือเราอีกหน่อยเราก็อาจจะกลายเป็นหนึ่งในคนชั่วนั้นไปด้วย หรือไม่คนชั่วประเภทอื่นๆก็จักพากันมารวมตัวกับคนชั่วประเภทเดียวกันในสถานที่…ที่คนชั่วด้วยกันเรืองอำนาจ…เมื่อนั้นที่นี่มันจะต่างอันใดเล่ากับดงแห่งคนชั่ว…ดงแห่งมาร ”

            “ ที่แห่งนี้มันจะต่างอันใดเล่ากับดงแห่งคนชั่วห้าร้อยประเภทที่จะพากันมาชุมนุมในที่สุด…แล้วเราจักหาความสุขจากไหนได้เล่าในเมื่อตัวเราแวดล้อมด้วยมาร และเมื่อเราถูกแวดล้อมอยู่ในดงแห่งมาร…เราก็จะกลายเป็นมารไปในที่สุด ”



           ……………………………………………………………………

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×