ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ที่แห่งนี้มันจะต่างอันใดเล่ากับดงแห่งคนชั่วห้าร้อยประเภท
                                      บทที่  10
   
                              “ งั้นก็ดีแล้ว ในเมื่อเป็นมิตรกันไม่ได้ก็มาเป็นศัตรูกันเสียให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน” ช้องนางกล่าวด้วยน้ำเสียงกร้าว กร้าว ไม่เหลือเค้าของความน่าสงสารเมื่อครู่ให้เห็นอีกเลย       
                  “ หลีกไปชั้นจะเข้าไปข้างใน ” หล่อนสั่งอย่างวางอำนาจพลางใช้หลังมือป้ายหยาดน้ำตาที่ยังมีตกค้างอยู่เพื่อให้แน่ใจว่ามันหมดไปแล้วจริงๆ
                  “ เห็นจะไม่ได้มังค่ะ คุณคณิตฐา ” อุ่นเรือนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุจเดิม
                  “ ทำไม ” น้ำเสียงนั้นขุ่นจัด
อุ่นเรือนยิ้มเย็นมิไยกับท่าทีขึงโกรธของคณิตฐาแม้แต่น้อย ผิดกับช้องนางที่ดูเดือดดานอย่างที่สุด
                    “ ชั้นถามว่าทำไมชั้นถึงจะเข้าไปไม่ได้ นังอุ่น จะหลีกให้ดีๆหรือจะให้ชั้นโค่นหล่อนเข้าไป ”
        “ อิชั้นคงจะยินดีอย่างยิ่งถ้าคุณคณิตฐาจะกรุณาทำอย่างที่พูดจริงๆ เคราะห์หามยามเหมาะอิชั้นจะได้อาศัยรอยมือรอยเท้าคุณนี่แหละไปแสดงให้คุณนพดลเธอตาสว่างเสียทีว่า สิ่งที่เธอหลงไหลอยู่นั้นมันก็แค่เปลือกของทองคำเปลวเท่านั้น ไม่ใช่ทองนพคุณแต่อย่างใด ”
        “ แกนึกอย่างนั้นหรือว่าคุณพี่ดลจะเชื่อคำข้าเก่าที่ไร้เงาหัวอย่างแก มากกว่าชั้น ” หล่อนยิ้มหยันอย่างผู้ที่เหนือกว่า
        “ จักลองดูก็ได้นะคุณคณิตฐา อิชั้นใคร่เห็นคุณนพดลมีแววในดวงตาก่อนสิ้นลมเสียจริงๆ ”
    ช้องนางรับฟังคำท้าทายนั้นอย่างลังเล ด้วยใจนั้นก็พอรู้อยู่บ้างว่าสามีของหล่อนนั้นก็ออกจะนับถือและเกรงใจอุ่นเรือนคนเก่าแก่ของตะกูลวงศ์กำจายอยู่ไม่น้อย เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวหล่อนจึงพยามอย่างที่สุดที่เอาอุ่นเรือนมาเป็นพวกให้ได้ แต่เมื่อมาถึงวันนี้หล่อนจึงรู้ว่าที่ทำมาทั้งหมดนั้นเหนื่อยเปล่าโดยแท้
        “ กลับไปในที่ของคุณเถอะ คุณคณิตฐา คุณรอคอยที่นี่มานาน ซึ่งถ้าคุณจะรออีกสักหน่อยก็คงจะไม่ทำให้คุณทุรนทุรายไปมากกว่านี้ดอก ” อุ่นเรือนออกปากไล่อย่างคร้านที่จะต่อฝีปากกับคนอย่างช้องนางเต็มที
        “ คนอย่างชั้น อะไรที่ชั้นอยากได้ ชั้นต้องได้มาครองคอยดูกันไปสิ ”
        “ แม้มันจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของคนดีๆทั้งครอบครัวกระนั้นหรือ คุณคณิตฐา ” ท้ายน้ำเสียงนั้นสั่นด้วยความสะเทือนใจ
        “ ตายจริง ป้าอุ่นเรือนพูดอย่างนี้ก็หมายความว่า เห็นฐาเป็นนางฟ้านางสวรรค์ที่นึกอยากให้ใครตายใครอยู่ก็ได้อย่างนั้นหรือ ” หล่อนจงใจหัวเราะเสียงแหลมเสียดแทงผู้ฟัง
    อุ่นเรื้อนน้ำตารื้อขึ้นมาเมื่อฟังถ้อยคำเสียดแทงนั้น หล่อนหลับตานิ่งอย่างอับจนคำพูด
        “ หรือฐาจะเป็นจริงก็ไม่ทราบได้ แค่นึกอยากลองเป็นเจ้าของที่นี่ดู มันก็กลายมาเป็นของฐาเอาเสียดื้อๆ ” หล่อนยังคงหัวเราะต่ออย่างเห็นมันเป็นเรื่องน่าขันเสียเต็มประดา  “ เอาอย่างนี้ดี ไหมป้าอุ่นเรือน ไว้คืนนี้ก่อนนอนฐาจะอธิฐานขอให้คุณพี่นวภูมิกับคุณพี่อรอนงค์และก็ตาทัพฟื้นขึ้นมา เผื่อว่าพวกเค้าจะฟื้นขึ้นมาจริงๆ ป้าอุ่นว่าดีไหม ”
        “ แต่อิชั้นไม่ได้อยากให้พวกท่านฟื้นขึ้นมาดอกคุณคณิตฐา ถ้าต้องเหยียบย่างอยู่บนพื้นดินผืนเดียวกันกับคนชั่วช้าบางเหล่า หรือต้องใช้ลมหายใจร่วมกับคนเลวๆบางจำพวกอย่างที่อิชั้นเป็นอยู่ตอนนี้ อิชั้นว่าปล่อยท่านไปในที่สะอาดและสบายกว่าที่นี่จะดีกว่า ” อุ่นเรือนกล่าวอย่างระอากับกริยาและวาจานั้นของช้องนางเต็มที
        “ กลับไปเถอะค่ะคุณคณิตฐา อย่าให้อิชั้นรู้สึกว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับสัตว์จำพวกหนึ่งที่ไม่สำเนียกในภาษาคนไปมากกว่านี้เลย อิชั้นมีเรื่องหดหู่ใจมากพอแรงอยู่แล้ว ” อุ่นเรือนกล่าวตัดบทในที่สุดพลางหมุนตัวลับหายเข้าไปในตัวตึกอย่างไม่ใคร่เสวนากับช้องนางอย่างที่นางลั่นกล่าววาจาจริงๆ
    ช้องนางจ้องมองอุ่นเรือนไปจนลับสายตาด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยความอาฆาต ริมฝีปากเรียบบางคู่นั้นเม้มเข้าหากันจนเกือบจะกลายเป็นเส้นตรง เนื้อตัวสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน
        “ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน นังอุ่นเรือน ” หล่อนสบถเสียงเขียวก่อนสืบเท้ากลับไปยังตึกของหล่อนมิไยกับเสียงนางอ่อนที่ร้องเรียกให้หยุดรออยู่เบื้องหลัง ทั้งที่ตัวนางอ่อนเองก็ยังคงสาระวนตบตีอยู่กับนางนอมที่พื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะวิ่งตามนายของตนกลับไปในที่สุด
                                 
   
   
                อุ่นเรือนพาตัวเองเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องโถงใหญ่ ภายในห้องมีรูปขนาดใหญ่ของครอบครัววงศ์กำจายแขวนอยู่บนผนัง นางจ้องมองบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพเขียนนั้นด้วยหัวใจที่หม่นหมอง ปล่อยให้น้ำตาแห่งความสะเทือนใจล่วงหล่นอาบสองแก้มอย่างไม่คิดจะกลั้นมันไว้อีกต่อไป
    อุ่นเรือนทรุดกายลงกับพื้นห้องจ้องมองภาพนั้นนิ่ง เนินนานมิไยกับนางนอมที่คลายเข่าเข้ามาทรุดกายอยู่ข้างตัวนางด้วยสภาพบอบช้ำไปทั้งตัว ผมเผ้ารุงรังเกราะกรังเต็มไปด้วยเศษหญ้าและผงฝุ่น ใบหน้านางบางแห่งเขียวช้ำและบางแห่งมีเลือดซึมออกมาตามบาดแผลสดใหม่เหล่านั้น
        “ ไปอาบน้ำอาบท่าเสียไป แล้วหาหยูกหายามาทาเสียด้วย ประเดี๋ยวคงได้เคล็ดได้ปวดบ้างดอก ” อุ่นเรือนเอ่ยบอกนางนอมด้วยน้ำเสียงเศร้าๆโดยยังไม่ละสายตาจากรูปบานตรงหน้า
    นางนอมตั้งท่าจะคลานออกไปแต่กลับเปลี่ยนใจคลานกลับเข้ามาหาอุ่นเรือนอีกครั้ง
        “  เราต้องไปจากที่นี่จริงๆหรือยาย ” นางนอมเอ่ยถามอย่างใจหาย
        “  ถึงเวลาก็ต้องไป ” แม้อุ่นเรือนจะไม่หันหน้ากลับมาแต่นางนอมก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกอาวรณ์ได้จากน้ำเสียงสั่นเครือนั้นของอุ่นเรือน
        “ ทำไมเล่ายายถ้าเราไม่อยากไป คุณดลก็ยังอยู่ทั้งคน ”
        “ สิ้นนายของเราไปหมดเสียแล้วที่นี่ก็ไม่น่าอยู่อีกแล้วหล่ะนอมเอ้ย ” อุ่นเรือนถอนใจยาวก่อนกล่าวออกมาอย่างเศร้าๆ
                                “ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกันเล่ายาย ”
    คำถามนั้นเสียดแทงเข้าไปในใจของอุ่นเรือนไม่น้อย สี่ชั่วอายุคนแล้วสินะที่ครอบครัวของนางไม่เคยย้ายออกไปอยู่ไหนมาก่อน
        “ ถึงไม่มีที่ไปก็ต้องไป ” อุ่นเรือนรู้สึกใจหายอย่างช่วยไม่ได้ที่ต้องมาจากที่แห่งนี้ไปในรุ่นของนางเอง
        “ ก็ถ้าเรายอมลงให้คุณฐาเธอหน่อย เราก็น่าจะอยู่ที่นี่ได้ ” นางนอมออกความเห็น
        “ เอ็งรู้จักนรกไหมนอม ” อุ่นเรือนเอ่ยถามหลานสาว
    นอมนิ่งเงียบด้วยความงวยงงในท่าทีและคำถามที่อุ่นเรือนเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
        “ นรก ก็คือสถานที่ของคนชั่วห้าร้อยจำพวกที่ถูกจองจำไว้ให้ชดใช้เวรกรรมที่ตนเองเป็นคนก่อ ที่แห่งนั้นไม่มีตรงไหนน่าอยู่ดอกนอม ”
        “ ก็นั่นมันที่สำหรับคนตายนี่ยายเกี่ยวอะไรกับการที่เราจะอยู่ที่นี่ด้วยเล่ายาย ” นางนอมเอ่ยถามอย่างไม่สู้เข้าในความคิดของอุ่นเรือนนัก
    อุ่นเรือนยิ้มเย็นเมื่อได้ยินสิ่งที่หลานสาวเอ่ยถามก่อนกล่าวสืบไปว่า
        “ ก็ในเมื่อตัวเราต้องมาใช้ชีวิตรวมกับคนชั่ว ซ้ำร้ายยังต้องไปอยู่ใต้อานัทเขาอีก มันก็ไม่ต่างอันใดกับนรกดอกหลาน ” นางหยุดถอนใจเล็กน้อย “ เมื่อคนชั่วมามีอำนาจเหนือเราอีกหน่อยเราก็อาจจะกลายเป็นหนึ่งในคนชั่วนั้นไปด้วย หรือไม่คนชั่วประเภทอื่นๆก็จักพากันมารวมตัวกับคนชั่วประเภทเดียวกันในสถานที่ ที่คนชั่วด้วยกันเรืองอำนาจ เมื่อนั้นที่นี่มันจะต่างอันใดเล่ากับดงแห่งคนชั่ว ดงแห่งมาร ”
        “ ที่แห่งนี้มันจะต่างอันใดเล่ากับดงแห่งคนชั่วห้าร้อยประเภทที่จะพากันมาชุมนุมในที่สุด แล้วเราจักหาความสุขจากไหนได้เล่าในเมื่อตัวเราแวดล้อมด้วยมาร และเมื่อเราถูกแวดล้อมอยู่ในดงแห่งมาร เราก็จะกลายเป็นมารไปในที่สุด ”
     
   
                              “ งั้นก็ดีแล้ว ในเมื่อเป็นมิตรกันไม่ได้ก็มาเป็นศัตรูกันเสียให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน” ช้องนางกล่าวด้วยน้ำเสียงกร้าว กร้าว ไม่เหลือเค้าของความน่าสงสารเมื่อครู่ให้เห็นอีกเลย       
                  “ หลีกไปชั้นจะเข้าไปข้างใน ” หล่อนสั่งอย่างวางอำนาจพลางใช้หลังมือป้ายหยาดน้ำตาที่ยังมีตกค้างอยู่เพื่อให้แน่ใจว่ามันหมดไปแล้วจริงๆ
                  “ เห็นจะไม่ได้มังค่ะ คุณคณิตฐา ” อุ่นเรือนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาดุจเดิม
                  “ ทำไม ” น้ำเสียงนั้นขุ่นจัด
อุ่นเรือนยิ้มเย็นมิไยกับท่าทีขึงโกรธของคณิตฐาแม้แต่น้อย ผิดกับช้องนางที่ดูเดือดดานอย่างที่สุด
                    “ ชั้นถามว่าทำไมชั้นถึงจะเข้าไปไม่ได้ นังอุ่น จะหลีกให้ดีๆหรือจะให้ชั้นโค่นหล่อนเข้าไป ”
        “ อิชั้นคงจะยินดีอย่างยิ่งถ้าคุณคณิตฐาจะกรุณาทำอย่างที่พูดจริงๆ เคราะห์หามยามเหมาะอิชั้นจะได้อาศัยรอยมือรอยเท้าคุณนี่แหละไปแสดงให้คุณนพดลเธอตาสว่างเสียทีว่า สิ่งที่เธอหลงไหลอยู่นั้นมันก็แค่เปลือกของทองคำเปลวเท่านั้น ไม่ใช่ทองนพคุณแต่อย่างใด ”
        “ แกนึกอย่างนั้นหรือว่าคุณพี่ดลจะเชื่อคำข้าเก่าที่ไร้เงาหัวอย่างแก มากกว่าชั้น ” หล่อนยิ้มหยันอย่างผู้ที่เหนือกว่า
        “ จักลองดูก็ได้นะคุณคณิตฐา อิชั้นใคร่เห็นคุณนพดลมีแววในดวงตาก่อนสิ้นลมเสียจริงๆ ”
    ช้องนางรับฟังคำท้าทายนั้นอย่างลังเล ด้วยใจนั้นก็พอรู้อยู่บ้างว่าสามีของหล่อนนั้นก็ออกจะนับถือและเกรงใจอุ่นเรือนคนเก่าแก่ของตะกูลวงศ์กำจายอยู่ไม่น้อย เมื่อเป็นเช่นนี้ตัวหล่อนจึงพยามอย่างที่สุดที่เอาอุ่นเรือนมาเป็นพวกให้ได้ แต่เมื่อมาถึงวันนี้หล่อนจึงรู้ว่าที่ทำมาทั้งหมดนั้นเหนื่อยเปล่าโดยแท้
        “ กลับไปในที่ของคุณเถอะ คุณคณิตฐา คุณรอคอยที่นี่มานาน ซึ่งถ้าคุณจะรออีกสักหน่อยก็คงจะไม่ทำให้คุณทุรนทุรายไปมากกว่านี้ดอก ” อุ่นเรือนออกปากไล่อย่างคร้านที่จะต่อฝีปากกับคนอย่างช้องนางเต็มที
        “ คนอย่างชั้น อะไรที่ชั้นอยากได้ ชั้นต้องได้มาครองคอยดูกันไปสิ ”
        “ แม้มันจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของคนดีๆทั้งครอบครัวกระนั้นหรือ คุณคณิตฐา ” ท้ายน้ำเสียงนั้นสั่นด้วยความสะเทือนใจ
        “ ตายจริง ป้าอุ่นเรือนพูดอย่างนี้ก็หมายความว่า เห็นฐาเป็นนางฟ้านางสวรรค์ที่นึกอยากให้ใครตายใครอยู่ก็ได้อย่างนั้นหรือ ” หล่อนจงใจหัวเราะเสียงแหลมเสียดแทงผู้ฟัง
    อุ่นเรื้อนน้ำตารื้อขึ้นมาเมื่อฟังถ้อยคำเสียดแทงนั้น หล่อนหลับตานิ่งอย่างอับจนคำพูด
        “ หรือฐาจะเป็นจริงก็ไม่ทราบได้ แค่นึกอยากลองเป็นเจ้าของที่นี่ดู มันก็กลายมาเป็นของฐาเอาเสียดื้อๆ ” หล่อนยังคงหัวเราะต่ออย่างเห็นมันเป็นเรื่องน่าขันเสียเต็มประดา  “ เอาอย่างนี้ดี ไหมป้าอุ่นเรือน ไว้คืนนี้ก่อนนอนฐาจะอธิฐานขอให้คุณพี่นวภูมิกับคุณพี่อรอนงค์และก็ตาทัพฟื้นขึ้นมา เผื่อว่าพวกเค้าจะฟื้นขึ้นมาจริงๆ ป้าอุ่นว่าดีไหม ”
        “ แต่อิชั้นไม่ได้อยากให้พวกท่านฟื้นขึ้นมาดอกคุณคณิตฐา ถ้าต้องเหยียบย่างอยู่บนพื้นดินผืนเดียวกันกับคนชั่วช้าบางเหล่า หรือต้องใช้ลมหายใจร่วมกับคนเลวๆบางจำพวกอย่างที่อิชั้นเป็นอยู่ตอนนี้ อิชั้นว่าปล่อยท่านไปในที่สะอาดและสบายกว่าที่นี่จะดีกว่า ” อุ่นเรือนกล่าวอย่างระอากับกริยาและวาจานั้นของช้องนางเต็มที
        “ กลับไปเถอะค่ะคุณคณิตฐา อย่าให้อิชั้นรู้สึกว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับสัตว์จำพวกหนึ่งที่ไม่สำเนียกในภาษาคนไปมากกว่านี้เลย อิชั้นมีเรื่องหดหู่ใจมากพอแรงอยู่แล้ว ” อุ่นเรือนกล่าวตัดบทในที่สุดพลางหมุนตัวลับหายเข้าไปในตัวตึกอย่างไม่ใคร่เสวนากับช้องนางอย่างที่นางลั่นกล่าววาจาจริงๆ
    ช้องนางจ้องมองอุ่นเรือนไปจนลับสายตาด้วยแววตาที่แฝงไว้ด้วยความอาฆาต ริมฝีปากเรียบบางคู่นั้นเม้มเข้าหากันจนเกือบจะกลายเป็นเส้นตรง เนื้อตัวสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน
        “ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน นังอุ่นเรือน ” หล่อนสบถเสียงเขียวก่อนสืบเท้ากลับไปยังตึกของหล่อนมิไยกับเสียงนางอ่อนที่ร้องเรียกให้หยุดรออยู่เบื้องหลัง ทั้งที่ตัวนางอ่อนเองก็ยังคงสาระวนตบตีอยู่กับนางนอมที่พื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะวิ่งตามนายของตนกลับไปในที่สุด
                                 
   
   
                อุ่นเรือนพาตัวเองเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องโถงใหญ่ ภายในห้องมีรูปขนาดใหญ่ของครอบครัววงศ์กำจายแขวนอยู่บนผนัง นางจ้องมองบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพเขียนนั้นด้วยหัวใจที่หม่นหมอง ปล่อยให้น้ำตาแห่งความสะเทือนใจล่วงหล่นอาบสองแก้มอย่างไม่คิดจะกลั้นมันไว้อีกต่อไป
    อุ่นเรือนทรุดกายลงกับพื้นห้องจ้องมองภาพนั้นนิ่ง เนินนานมิไยกับนางนอมที่คลายเข่าเข้ามาทรุดกายอยู่ข้างตัวนางด้วยสภาพบอบช้ำไปทั้งตัว ผมเผ้ารุงรังเกราะกรังเต็มไปด้วยเศษหญ้าและผงฝุ่น ใบหน้านางบางแห่งเขียวช้ำและบางแห่งมีเลือดซึมออกมาตามบาดแผลสดใหม่เหล่านั้น
        “ ไปอาบน้ำอาบท่าเสียไป แล้วหาหยูกหายามาทาเสียด้วย ประเดี๋ยวคงได้เคล็ดได้ปวดบ้างดอก ” อุ่นเรือนเอ่ยบอกนางนอมด้วยน้ำเสียงเศร้าๆโดยยังไม่ละสายตาจากรูปบานตรงหน้า
    นางนอมตั้งท่าจะคลานออกไปแต่กลับเปลี่ยนใจคลานกลับเข้ามาหาอุ่นเรือนอีกครั้ง
        “  เราต้องไปจากที่นี่จริงๆหรือยาย ” นางนอมเอ่ยถามอย่างใจหาย
        “  ถึงเวลาก็ต้องไป ” แม้อุ่นเรือนจะไม่หันหน้ากลับมาแต่นางนอมก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกอาวรณ์ได้จากน้ำเสียงสั่นเครือนั้นของอุ่นเรือน
        “ ทำไมเล่ายายถ้าเราไม่อยากไป คุณดลก็ยังอยู่ทั้งคน ”
        “ สิ้นนายของเราไปหมดเสียแล้วที่นี่ก็ไม่น่าอยู่อีกแล้วหล่ะนอมเอ้ย ” อุ่นเรือนถอนใจยาวก่อนกล่าวออกมาอย่างเศร้าๆ
                                “ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกันเล่ายาย ”
    คำถามนั้นเสียดแทงเข้าไปในใจของอุ่นเรือนไม่น้อย สี่ชั่วอายุคนแล้วสินะที่ครอบครัวของนางไม่เคยย้ายออกไปอยู่ไหนมาก่อน
        “ ถึงไม่มีที่ไปก็ต้องไป ” อุ่นเรือนรู้สึกใจหายอย่างช่วยไม่ได้ที่ต้องมาจากที่แห่งนี้ไปในรุ่นของนางเอง
        “ ก็ถ้าเรายอมลงให้คุณฐาเธอหน่อย เราก็น่าจะอยู่ที่นี่ได้ ” นางนอมออกความเห็น
        “ เอ็งรู้จักนรกไหมนอม ” อุ่นเรือนเอ่ยถามหลานสาว
    นอมนิ่งเงียบด้วยความงวยงงในท่าทีและคำถามที่อุ่นเรือนเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
        “ นรก ก็คือสถานที่ของคนชั่วห้าร้อยจำพวกที่ถูกจองจำไว้ให้ชดใช้เวรกรรมที่ตนเองเป็นคนก่อ ที่แห่งนั้นไม่มีตรงไหนน่าอยู่ดอกนอม ”
        “ ก็นั่นมันที่สำหรับคนตายนี่ยายเกี่ยวอะไรกับการที่เราจะอยู่ที่นี่ด้วยเล่ายาย ” นางนอมเอ่ยถามอย่างไม่สู้เข้าในความคิดของอุ่นเรือนนัก
    อุ่นเรือนยิ้มเย็นเมื่อได้ยินสิ่งที่หลานสาวเอ่ยถามก่อนกล่าวสืบไปว่า
        “ ก็ในเมื่อตัวเราต้องมาใช้ชีวิตรวมกับคนชั่ว ซ้ำร้ายยังต้องไปอยู่ใต้อานัทเขาอีก มันก็ไม่ต่างอันใดกับนรกดอกหลาน ” นางหยุดถอนใจเล็กน้อย “ เมื่อคนชั่วมามีอำนาจเหนือเราอีกหน่อยเราก็อาจจะกลายเป็นหนึ่งในคนชั่วนั้นไปด้วย หรือไม่คนชั่วประเภทอื่นๆก็จักพากันมารวมตัวกับคนชั่วประเภทเดียวกันในสถานที่ ที่คนชั่วด้วยกันเรืองอำนาจ เมื่อนั้นที่นี่มันจะต่างอันใดเล่ากับดงแห่งคนชั่ว ดงแห่งมาร ”
        “ ที่แห่งนี้มันจะต่างอันใดเล่ากับดงแห่งคนชั่วห้าร้อยประเภทที่จะพากันมาชุมนุมในที่สุด แล้วเราจักหาความสุขจากไหนได้เล่าในเมื่อตัวเราแวดล้อมด้วยมาร และเมื่อเราถูกแวดล้อมอยู่ในดงแห่งมาร เราก็จะกลายเป็นมารไปในที่สุด ”
     
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น