ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฉัน...เธอและเขากับเรื่องเศร้าของเรา(สามคน)

    ลำดับตอนที่ #1 : มิตร...ศัตรู

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ย. 46


              ณ ลานใต้ต้นลั่นทมขนาดใหญ่ในโรงเรียนสตรีแห่งหนึ่ง…เบื้องล่างมีม้านั่งขนาดปานกลางจำนวนหนึ่งจัดว่างไว้อย่างสวยงามบนเนินดินกว้างลาดปูไว้ด้วยหญ้าเทียมทอดยาวออกไปเป็นบริเวณกว้าง…ดูน่าชื่นตาชื่นใจไม่น้อย จึงไม่แปลกนักที่จะมีครูอาจารย์และกลุ่มนักเรียนพากันมานั่งหย่อนใจ ณ สถานที่แห่งนี้เสมอ

             “ อรอนงค์ ” เป็นเด็กสาวหน้าตาดีผิวขาวไว้ผมยาวปะบ่าและมาจากครอบครับที่มีฐานะ…หล่อนมักเชื้อเชิญเกสรให้ร่วมนั่งรถกลับบ้านพร้อมหล่อนเสมอด้วยความมีน้ำใจ

    เย็นวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันที่เกสรและอรอนงค์สองเพื่อนรักพากันมานั่งรอรถที่จะมารับในตอนเลิกเรียนเพื่อเดินทางกลับพร้อมกัน ณ ลานลั่นทมแห่งนี้…สองสาวสนทนากันอย่างออกรสชาติเพื่อฆ่าเวลา

        “ โอ๋ย…กินเข้าไปได้ไงเนี๊ย…เปรี้ยวจะตายไป” เกสรร้องบอกเสียงสูงหลังหยิบมะม่วงชิ้นหนึ่งเข้าปาก

        “ ไหนเปรี้ยวจริงๆเหรอ…” อรอนงค์พูดพลางหยิบมะม่วงที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากบ้าง

        “ เป็นไง”

        “ หือ…อร่อยจะตาย ” อรอนงค์ว่าพลางหยิบอีกชิ้นเข้าปากหน้าตาเฉย

        “ บ้าหน่า…หรือว่า…อร ” เกสรหันมาทำตาโตจ้องเพื่อนสาว

        “ อะไร ” หล่อนว่าอย่างขันๆ แต่ส่ายตายังคงจับจ้องอยู่ที่อ่านหนังสือนิยายตรงหน้า

        “ ก็ไอ้อาการของคนชอบกินของดองๆ…ของเปรี้ยวๆเนี๊ยมัน…ท้องใช่ไหมอร ” เกสรหรี่ตามอง

    อรอนงค์ละสายตาจากหนังสือนิยายเล่มโปรด…พับมันลง…แล้วหันไปจ้องหน้าผู้พูดนิ่ง…ก่อนยกหนังสือขนาดพอเหมาะในมือฟาดผัวะเข้าให้ที่ต้นแขนของเกสรแทนคำตอบ

         “ โอ๊ย…ล้อเล่นแค่เนี๊ยต้องรุนแรงด้วย ” เกสรว่าพลางพยุงตัวขึ้นมานั่งตามเดิม

         “ ก็สรพูดอะไรก็ไม่รู้…ท้องเทิ้งอะไรกัน ” พวงแก้มขาวนวลนั้นแดงระเรื่อ

    ต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างรู้ใจ…ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างขบขันในเรื่องที่พวกหล่อนกำลังนึกถึงกันอยู่

    ปานวาดและตวง…สองนายบ่าวนวยนาดผ่านเข้ามาทันได้ยินประโยคสุดท้ายที่อรอนงค์พูดพอดี

          “ หน้าไม่อาย… ” ปานวาดมองทั้งคู่อย่างเหยียดๆ

    เกสรมองอย่างขวางๆ…เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่เริ่มแผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้างพร้อมกับคำพูดนั้นของปานวาด

           “ อ้าวปาน…ตวงรอรถมารับเหรอ…นั่งด้วยกันสิ ” อรอนงค์เอ่ยทักพลางขยับตัวปันที่ว่างข้างๆให้ผู้มาใหม่อย่างมีน้ำใจ

           “ ขอบใจ…แต่เห็นจะไม่หล่ะ…เธอก็รู้หนิอรว่าว่าคนระดับฉัน…อยู่สูงกว่าพวกเธอมากแค่ไหนแล้วจะให้ฉันลดตัวลงไปนั่งข้างเธอ…เห็นจะไหวหล่ะมั้ง ” หล่อนว่าพลางหัวเราะเสียงสูงอย่างชอบใจ

             “ อ๋อ…เหรอ ” เกสรสวนทันควัน “ ก็บนต้นไม้ไงสูงดี…แต่ว่า ” เกสรหรี่ตามองพลางยิ้มน้อยๆ “ ไอ้ที่อยู่บนต้นไม้เนี๊ย…ถ้าเจี๊ยกๆเนี๊ยเขาเรียกว่าลิงนะ…แต่ถ้าผัวๆเนี๊ยก็ชะนีเธอเป็นแบบไหนหล่ะปาน ”

              “ นังดอกไม้ข้างถนน” หล่อนแว็ดใส่

               “ ไมเหรอนังปานปีศาจ ” เกสรลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาปานวาดอย่างหมดความอดทน

    ปานวาดถอยกรูเมื่อเห็นท่าทางเอาเรื่องของอีกฝ่าย

                 “ ต่ำ…การศึกษาจากโรงเรียนดีๆเนี๊ยมันไม่ได้ช่วยให้สมองกลวงๆที่มีแต่น้ำคลำเน่าๆของหล่อนมีรอยหยักมากขึ้นเลยหรือไง ” ปานวาดยังทำฟอร์มไม่กลัว…แต่หน้าซีดราวกับกระดาษ

                  “ ฉันสิต้องต้องถามหล่อนมากกว่าว่าตะกูลดีๆที่หล่อนโชคดีอาศัยมาเกิดนั้นมันไม่ซึมเข้าสายเลือดชั่วๆของหล่อนบ้างเหรอ…ถึงได้ทำให้หล่อนปฎิบัติตัวอย่างผู้ดีเค้าทำไม่เป็น…แต่ก็นั้นแหล่ะเขาถึงได้บอกไงว่าสันดอนหน่ะขุดง่าย…แต่ไอ้สันดานขี้อิจฉาที่มันติดตัวหล่อนมาตั้งแต่เกิดหน่ะคงจะขุดไม่ออก ” เกสรว่าพลางขยับเข้าไปใกล้

    ปานวาดเต้นเร่าๆเมื่อได้ยินอย่างนั้น

                      “ อีตวงตบมันๆ ” หล่อนแผดเสียงสั่งดังลั่น

    ตวงมีท่าทางกล้าๆกลัวๆเมื่อได้ยินคำสั่งนั้น

                      “ อย่ามีเรื่องเลยสร ” อรอนงค์ก้าวเข้าฉุดแขนเพื่อน

                       “ ขี้ขลาด…เอาแต่สั่งคนอื่นแต่ตัวเองเอาแต่หดหัวหลบอยู่ข้างหลัง…อย่างว่าหละน้านายยังไงบ่าวมันก็อย่างนั้นๆ”

                      “ นึกว่าชั้นกลัวหล่อนเหรอ…ฉัน…ชั้นแค่ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือมากกว่า” หล่อนว่า “ ลูกข้าหลวงอย่างชั้นไม่ลดตัวไปตบตีกับอีเด็กสลัมลูกแม่ค้านั่งตลาดอย่าหล่อนให้เสียมือเสียเกียจหรอก ” เกสรรับฟังคำเหล่านั้นอย่างเดือดดาน

                      “ อีตวงไป…แกมันไม่ได้เรื่องเลย…ฉันจะไม่ให้คุณพ่อส่งแกเรียนอีกคอยดู…แล้วก็ให้ท่านเฉดหัวครอบครัวแกออกจากบ้านฉันด้วย เป็นคนชั้นต่ำเหมือนมันแท้ๆดันไปกลัวมันได้ ”หล่อนสำทับอย่างหัวเสียพลางจะเดินหนี

                      “ อย่านะค่ะคุณหนู ” ตวงทำหน้าราวกับจะร้องไห้

                      “ เดี๋ยว…คิดจะมาก็มาจะไปก็ไปงั้นเหรอ ” เกสรวิ่งมาดักหน้าทั้งสองไว้อย่างไม่ยอมให้จบง่ายๆ

                      “ จะ…เอางัยอีกหล่ะสร ” ตวงถามเสียงสั่น

                       “ ก็ไม่เอาไงหรอก…แค่จะให้นายของแกมันช่วยเก็บไอ้คำพูดชั่วๆที่เห่าออกมาจากสมองหมาๆของมันเมื่อครู่…กลับใส่เข้าไปที่เดิมด้วย…อย่าปล่อยเรี่ยราดไว้แถวนี้เดี๋ยวใครเดินผ่านไปผ่านมาจะติดเชื้อโรคคนหัวสูงขี้อิจฉาไปด้วย ” น้ำเสียงนั้นเข้มจัด

                      “ ปล่อยเค้าเถอะสรอย่าไปหาเรื่องเลย ” อรอนงค์ว่าพลางพยายามดึงเกสรออกห่าง

                       “ แกว่าชั้นเหรอ ”

            “ ใช่ชั้นว่าแกนั่นแหละนังปานนรกแตกขี้อิจฉา…นังปานเชื้อโรค…นังปานอเวจี…นัง… ” ยังมีตามมาอีกหลายปานเท่าทีเกสรจะนึกออก

        ปานวาดนั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธจัด…หล่อนผลักตวงเสียกระเด็นไปอีกทาง

            “ ระวังสร ! ” อรอนงค์ร้องบอกเพื่อนเสียงดัง

            “ เพี๊ยะ ”

        ต่างคนต่างตะลึงงัน…ปานวาดชะงักงันก้มมองดูมือตัวเองและมองที่อรอนงค์สลับกัน…ด้วยความรู้สึกผิดระคนตกใจที่แล่นผ่านเข้ามาในสมอง

    พวงแก้มสีขาวนวลของอรอนงค์นั้นแดงขึ้นตามรอยนิ้วมือ…หล่อนยกฝ่ามือขึ้นกุมเนื้อบริเวณนั้นไว้อย่างตกใจ…หล่อนรู้สึกราวกับว่าเนื้อบริเวณนั้นค่อยๆขยายออกราวกับว่ามันจะปริออกจากกันให้ได้

        เกสรฉลาเข้าผลักปานวาดเสียกระเด็นอย่างโกรธจัด

            “ โกรธชั้นก็ตบชั้นสิ…ไปทำอรเค้าทำไม ” ท้ายนั้นเสียงนั้นดังจนเกือบเป็นตะคอก

            “ ก็… ” ปานวาดกลืนคำบางอย่างลงไปในลำคอ “ ก็แกอยากมาหาเรื่องชั้นทำไมหล่ะ…อรก็พวกเดียวกับแกโดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว…จะได้รู้ว่าคบเพื่อนเลวๆอย่างแกแล้วจะเป็นยังงั้ยแหล่ะ” หล่อนยิ้มอย่างรู้สึกสะใจลึกๆที่หล่อนเองสามารถทำให้อรอนงค์เจ็บได้…ความรู้สึกผิดเมื่อครู่มลายไปสิ้น “ ไปนังตวง ”

        ปานวาดกับตวงพากันเดินออกไปอย่างรวดเร็ว…มิไยกับท่าทางฮึดอัดของเกสรที่ไม่สามารถตามไปเอาเรื่องได้…ด้วยแขนของหล่อนนั้นถูกอรอนงค์รั้งไว้

                

                …………………………………………………

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×