ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : มิตร...ศัตรู
          ณ ลานใต้ต้นลั่นทมขนาดใหญ่ในโรงเรียนสตรีแห่งหนึ่ง
เบื้องล่างมีม้านั่งขนาดปานกลางจำนวนหนึ่งจัดว่างไว้อย่างสวยงามบนเนินดินกว้างลาดปูไว้ด้วยหญ้าเทียมทอดยาวออกไปเป็นบริเวณกว้าง
ดูน่าชื่นตาชื่นใจไม่น้อย จึงไม่แปลกนักที่จะมีครูอาจารย์และกลุ่มนักเรียนพากันมานั่งหย่อนใจ ณ สถานที่แห่งนี้เสมอ
        “ อรอนงค์ ” เป็นเด็กสาวหน้าตาดีผิวขาวไว้ผมยาวปะบ่าและมาจากครอบครับที่มีฐานะ หล่อนมักเชื้อเชิญเกสรให้ร่วมนั่งรถกลับบ้านพร้อมหล่อนเสมอด้วยความมีน้ำใจ
เย็นวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันที่เกสรและอรอนงค์สองเพื่อนรักพากันมานั่งรอรถที่จะมารับในตอนเลิกเรียนเพื่อเดินทางกลับพร้อมกัน ณ ลานลั่นทมแห่งนี้ สองสาวสนทนากันอย่างออกรสชาติเพื่อฆ่าเวลา
    “ โอ๋ย กินเข้าไปได้ไงเนี๊ย เปรี้ยวจะตายไป” เกสรร้องบอกเสียงสูงหลังหยิบมะม่วงชิ้นหนึ่งเข้าปาก
    “ ไหนเปรี้ยวจริงๆเหรอ ” อรอนงค์พูดพลางหยิบมะม่วงที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากบ้าง
    “ เป็นไง”
    “ หือ อร่อยจะตาย ” อรอนงค์ว่าพลางหยิบอีกชิ้นเข้าปากหน้าตาเฉย
    “ บ้าหน่า หรือว่า อร ” เกสรหันมาทำตาโตจ้องเพื่อนสาว
    “ อะไร ” หล่อนว่าอย่างขันๆ แต่ส่ายตายังคงจับจ้องอยู่ที่อ่านหนังสือนิยายตรงหน้า
    “ ก็ไอ้อาการของคนชอบกินของดองๆ ของเปรี้ยวๆเนี๊ยมัน ท้องใช่ไหมอร ” เกสรหรี่ตามอง
อรอนงค์ละสายตาจากหนังสือนิยายเล่มโปรด พับมันลง แล้วหันไปจ้องหน้าผู้พูดนิ่ง ก่อนยกหนังสือขนาดพอเหมาะในมือฟาดผัวะเข้าให้ที่ต้นแขนของเกสรแทนคำตอบ
    “ โอ๊ย ล้อเล่นแค่เนี๊ยต้องรุนแรงด้วย ” เกสรว่าพลางพยุงตัวขึ้นมานั่งตามเดิม
    “ ก็สรพูดอะไรก็ไม่รู้ ท้องเทิ้งอะไรกัน ” พวงแก้มขาวนวลนั้นแดงระเรื่อ
ต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างรู้ใจ ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างขบขันในเรื่องที่พวกหล่อนกำลังนึกถึงกันอยู่
ปานวาดและตวง สองนายบ่าวนวยนาดผ่านเข้ามาทันได้ยินประโยคสุดท้ายที่อรอนงค์พูดพอดี
      “ หน้าไม่อาย ” ปานวาดมองทั้งคู่อย่างเหยียดๆ
เกสรมองอย่างขวางๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่เริ่มแผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้างพร้อมกับคำพูดนั้นของปานวาด
      “ อ้าวปาน ตวงรอรถมารับเหรอ นั่งด้วยกันสิ ” อรอนงค์เอ่ยทักพลางขยับตัวปันที่ว่างข้างๆให้ผู้มาใหม่อย่างมีน้ำใจ
      “ ขอบใจ แต่เห็นจะไม่หล่ะ เธอก็รู้หนิอรว่าว่าคนระดับฉัน อยู่สูงกว่าพวกเธอมากแค่ไหนแล้วจะให้ฉันลดตัวลงไปนั่งข้างเธอ เห็นจะไหวหล่ะมั้ง ” หล่อนว่าพลางหัวเราะเสียงสูงอย่างชอบใจ
        “ อ๋อ เหรอ ” เกสรสวนทันควัน “ ก็บนต้นไม้ไงสูงดี แต่ว่า ” เกสรหรี่ตามองพลางยิ้มน้อยๆ “ ไอ้ที่อยู่บนต้นไม้เนี๊ย ถ้าเจี๊ยกๆเนี๊ยเขาเรียกว่าลิงนะ แต่ถ้าผัวๆเนี๊ยก็ชะนีเธอเป็นแบบไหนหล่ะปาน ”
          “ นังดอกไม้ข้างถนน” หล่อนแว็ดใส่
          “ ไมเหรอนังปานปีศาจ ” เกสรลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาปานวาดอย่างหมดความอดทน
ปานวาดถอยกรูเมื่อเห็นท่าทางเอาเรื่องของอีกฝ่าย
            “ ต่ำ การศึกษาจากโรงเรียนดีๆเนี๊ยมันไม่ได้ช่วยให้สมองกลวงๆที่มีแต่น้ำคลำเน่าๆของหล่อนมีรอยหยักมากขึ้นเลยหรือไง ” ปานวาดยังทำฟอร์มไม่กลัว แต่หน้าซีดราวกับกระดาษ
              “ ฉันสิต้องต้องถามหล่อนมากกว่าว่าตะกูลดีๆที่หล่อนโชคดีอาศัยมาเกิดนั้นมันไม่ซึมเข้าสายเลือดชั่วๆของหล่อนบ้างเหรอ ถึงได้ทำให้หล่อนปฎิบัติตัวอย่างผู้ดีเค้าทำไม่เป็น แต่ก็นั้นแหล่ะเขาถึงได้บอกไงว่าสันดอนหน่ะขุดง่าย แต่ไอ้สันดานขี้อิจฉาที่มันติดตัวหล่อนมาตั้งแต่เกิดหน่ะคงจะขุดไม่ออก ” เกสรว่าพลางขยับเข้าไปใกล้
ปานวาดเต้นเร่าๆเมื่อได้ยินอย่างนั้น
                  “ อีตวงตบมันๆ ” หล่อนแผดเสียงสั่งดังลั่น
ตวงมีท่าทางกล้าๆกลัวๆเมื่อได้ยินคำสั่งนั้น
                  “ อย่ามีเรื่องเลยสร ” อรอนงค์ก้าวเข้าฉุดแขนเพื่อน
                  “ ขี้ขลาด เอาแต่สั่งคนอื่นแต่ตัวเองเอาแต่หดหัวหลบอยู่ข้างหลัง อย่างว่าหละน้านายยังไงบ่าวมันก็อย่างนั้นๆ”
                  “ นึกว่าชั้นกลัวหล่อนเหรอ ฉัน ชั้นแค่ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือมากกว่า” หล่อนว่า “ ลูกข้าหลวงอย่างชั้นไม่ลดตัวไปตบตีกับอีเด็กสลัมลูกแม่ค้านั่งตลาดอย่าหล่อนให้เสียมือเสียเกียจหรอก ” เกสรรับฟังคำเหล่านั้นอย่างเดือดดาน
                  “ อีตวงไป แกมันไม่ได้เรื่องเลย ฉันจะไม่ให้คุณพ่อส่งแกเรียนอีกคอยดู แล้วก็ให้ท่านเฉดหัวครอบครัวแกออกจากบ้านฉันด้วย เป็นคนชั้นต่ำเหมือนมันแท้ๆดันไปกลัวมันได้ ”หล่อนสำทับอย่างหัวเสียพลางจะเดินหนี
                  “ อย่านะค่ะคุณหนู ” ตวงทำหน้าราวกับจะร้องไห้
                  “ เดี๋ยว คิดจะมาก็มาจะไปก็ไปงั้นเหรอ ” เกสรวิ่งมาดักหน้าทั้งสองไว้อย่างไม่ยอมให้จบง่ายๆ
                  “ จะ เอางัยอีกหล่ะสร ” ตวงถามเสียงสั่น
                  “ ก็ไม่เอาไงหรอก แค่จะให้นายของแกมันช่วยเก็บไอ้คำพูดชั่วๆที่เห่าออกมาจากสมองหมาๆของมันเมื่อครู่ กลับใส่เข้าไปที่เดิมด้วย อย่าปล่อยเรี่ยราดไว้แถวนี้เดี๋ยวใครเดินผ่านไปผ่านมาจะติดเชื้อโรคคนหัวสูงขี้อิจฉาไปด้วย ” น้ำเสียงนั้นเข้มจัด
                  “ ปล่อยเค้าเถอะสรอย่าไปหาเรื่องเลย ” อรอนงค์ว่าพลางพยายามดึงเกสรออกห่าง
                  “ แกว่าชั้นเหรอ ”
        “ ใช่ชั้นว่าแกนั่นแหละนังปานนรกแตกขี้อิจฉา นังปานเชื้อโรค นังปานอเวจี นัง ” ยังมีตามมาอีกหลายปานเท่าทีเกสรจะนึกออก
    ปานวาดนั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธจัด หล่อนผลักตวงเสียกระเด็นไปอีกทาง
        “ ระวังสร ! ” อรอนงค์ร้องบอกเพื่อนเสียงดัง
        “ เพี๊ยะ ”
    ต่างคนต่างตะลึงงัน ปานวาดชะงักงันก้มมองดูมือตัวเองและมองที่อรอนงค์สลับกัน ด้วยความรู้สึกผิดระคนตกใจที่แล่นผ่านเข้ามาในสมอง
พวงแก้มสีขาวนวลของอรอนงค์นั้นแดงขึ้นตามรอยนิ้วมือ หล่อนยกฝ่ามือขึ้นกุมเนื้อบริเวณนั้นไว้อย่างตกใจ หล่อนรู้สึกราวกับว่าเนื้อบริเวณนั้นค่อยๆขยายออกราวกับว่ามันจะปริออกจากกันให้ได้
    เกสรฉลาเข้าผลักปานวาดเสียกระเด็นอย่างโกรธจัด
        “ โกรธชั้นก็ตบชั้นสิ ไปทำอรเค้าทำไม ” ท้ายนั้นเสียงนั้นดังจนเกือบเป็นตะคอก
        “ ก็ ” ปานวาดกลืนคำบางอย่างลงไปในลำคอ “ ก็แกอยากมาหาเรื่องชั้นทำไมหล่ะ อรก็พวกเดียวกับแกโดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว จะได้รู้ว่าคบเพื่อนเลวๆอย่างแกแล้วจะเป็นยังงั้ยแหล่ะ” หล่อนยิ้มอย่างรู้สึกสะใจลึกๆที่หล่อนเองสามารถทำให้อรอนงค์เจ็บได้ ความรู้สึกผิดเมื่อครู่มลายไปสิ้น “ ไปนังตวง ”
    ปานวาดกับตวงพากันเดินออกไปอย่างรวดเร็ว มิไยกับท่าทางฮึดอัดของเกสรที่ไม่สามารถตามไปเอาเรื่องได้ ด้วยแขนของหล่อนนั้นถูกอรอนงค์รั้งไว้
           
           
   
        “ อรอนงค์ ” เป็นเด็กสาวหน้าตาดีผิวขาวไว้ผมยาวปะบ่าและมาจากครอบครับที่มีฐานะ หล่อนมักเชื้อเชิญเกสรให้ร่วมนั่งรถกลับบ้านพร้อมหล่อนเสมอด้วยความมีน้ำใจ
เย็นวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันที่เกสรและอรอนงค์สองเพื่อนรักพากันมานั่งรอรถที่จะมารับในตอนเลิกเรียนเพื่อเดินทางกลับพร้อมกัน ณ ลานลั่นทมแห่งนี้ สองสาวสนทนากันอย่างออกรสชาติเพื่อฆ่าเวลา
    “ โอ๋ย กินเข้าไปได้ไงเนี๊ย เปรี้ยวจะตายไป” เกสรร้องบอกเสียงสูงหลังหยิบมะม่วงชิ้นหนึ่งเข้าปาก
    “ ไหนเปรี้ยวจริงๆเหรอ ” อรอนงค์พูดพลางหยิบมะม่วงที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากบ้าง
    “ เป็นไง”
    “ หือ อร่อยจะตาย ” อรอนงค์ว่าพลางหยิบอีกชิ้นเข้าปากหน้าตาเฉย
    “ บ้าหน่า หรือว่า อร ” เกสรหันมาทำตาโตจ้องเพื่อนสาว
    “ อะไร ” หล่อนว่าอย่างขันๆ แต่ส่ายตายังคงจับจ้องอยู่ที่อ่านหนังสือนิยายตรงหน้า
    “ ก็ไอ้อาการของคนชอบกินของดองๆ ของเปรี้ยวๆเนี๊ยมัน ท้องใช่ไหมอร ” เกสรหรี่ตามอง
อรอนงค์ละสายตาจากหนังสือนิยายเล่มโปรด พับมันลง แล้วหันไปจ้องหน้าผู้พูดนิ่ง ก่อนยกหนังสือขนาดพอเหมาะในมือฟาดผัวะเข้าให้ที่ต้นแขนของเกสรแทนคำตอบ
    “ โอ๊ย ล้อเล่นแค่เนี๊ยต้องรุนแรงด้วย ” เกสรว่าพลางพยุงตัวขึ้นมานั่งตามเดิม
    “ ก็สรพูดอะไรก็ไม่รู้ ท้องเทิ้งอะไรกัน ” พวงแก้มขาวนวลนั้นแดงระเรื่อ
ต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างรู้ใจ ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างขบขันในเรื่องที่พวกหล่อนกำลังนึกถึงกันอยู่
ปานวาดและตวง สองนายบ่าวนวยนาดผ่านเข้ามาทันได้ยินประโยคสุดท้ายที่อรอนงค์พูดพอดี
      “ หน้าไม่อาย ” ปานวาดมองทั้งคู่อย่างเหยียดๆ
เกสรมองอย่างขวางๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่เริ่มแผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้างพร้อมกับคำพูดนั้นของปานวาด
      “ อ้าวปาน ตวงรอรถมารับเหรอ นั่งด้วยกันสิ ” อรอนงค์เอ่ยทักพลางขยับตัวปันที่ว่างข้างๆให้ผู้มาใหม่อย่างมีน้ำใจ
      “ ขอบใจ แต่เห็นจะไม่หล่ะ เธอก็รู้หนิอรว่าว่าคนระดับฉัน อยู่สูงกว่าพวกเธอมากแค่ไหนแล้วจะให้ฉันลดตัวลงไปนั่งข้างเธอ เห็นจะไหวหล่ะมั้ง ” หล่อนว่าพลางหัวเราะเสียงสูงอย่างชอบใจ
        “ อ๋อ เหรอ ” เกสรสวนทันควัน “ ก็บนต้นไม้ไงสูงดี แต่ว่า ” เกสรหรี่ตามองพลางยิ้มน้อยๆ “ ไอ้ที่อยู่บนต้นไม้เนี๊ย ถ้าเจี๊ยกๆเนี๊ยเขาเรียกว่าลิงนะ แต่ถ้าผัวๆเนี๊ยก็ชะนีเธอเป็นแบบไหนหล่ะปาน ”
          “ นังดอกไม้ข้างถนน” หล่อนแว็ดใส่
          “ ไมเหรอนังปานปีศาจ ” เกสรลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาปานวาดอย่างหมดความอดทน
ปานวาดถอยกรูเมื่อเห็นท่าทางเอาเรื่องของอีกฝ่าย
            “ ต่ำ การศึกษาจากโรงเรียนดีๆเนี๊ยมันไม่ได้ช่วยให้สมองกลวงๆที่มีแต่น้ำคลำเน่าๆของหล่อนมีรอยหยักมากขึ้นเลยหรือไง ” ปานวาดยังทำฟอร์มไม่กลัว แต่หน้าซีดราวกับกระดาษ
              “ ฉันสิต้องต้องถามหล่อนมากกว่าว่าตะกูลดีๆที่หล่อนโชคดีอาศัยมาเกิดนั้นมันไม่ซึมเข้าสายเลือดชั่วๆของหล่อนบ้างเหรอ ถึงได้ทำให้หล่อนปฎิบัติตัวอย่างผู้ดีเค้าทำไม่เป็น แต่ก็นั้นแหล่ะเขาถึงได้บอกไงว่าสันดอนหน่ะขุดง่าย แต่ไอ้สันดานขี้อิจฉาที่มันติดตัวหล่อนมาตั้งแต่เกิดหน่ะคงจะขุดไม่ออก ” เกสรว่าพลางขยับเข้าไปใกล้
ปานวาดเต้นเร่าๆเมื่อได้ยินอย่างนั้น
                  “ อีตวงตบมันๆ ” หล่อนแผดเสียงสั่งดังลั่น
ตวงมีท่าทางกล้าๆกลัวๆเมื่อได้ยินคำสั่งนั้น
                  “ อย่ามีเรื่องเลยสร ” อรอนงค์ก้าวเข้าฉุดแขนเพื่อน
                  “ ขี้ขลาด เอาแต่สั่งคนอื่นแต่ตัวเองเอาแต่หดหัวหลบอยู่ข้างหลัง อย่างว่าหละน้านายยังไงบ่าวมันก็อย่างนั้นๆ”
                  “ นึกว่าชั้นกลัวหล่อนเหรอ ฉัน ชั้นแค่ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือมากกว่า” หล่อนว่า “ ลูกข้าหลวงอย่างชั้นไม่ลดตัวไปตบตีกับอีเด็กสลัมลูกแม่ค้านั่งตลาดอย่าหล่อนให้เสียมือเสียเกียจหรอก ” เกสรรับฟังคำเหล่านั้นอย่างเดือดดาน
                  “ อีตวงไป แกมันไม่ได้เรื่องเลย ฉันจะไม่ให้คุณพ่อส่งแกเรียนอีกคอยดู แล้วก็ให้ท่านเฉดหัวครอบครัวแกออกจากบ้านฉันด้วย เป็นคนชั้นต่ำเหมือนมันแท้ๆดันไปกลัวมันได้ ”หล่อนสำทับอย่างหัวเสียพลางจะเดินหนี
                  “ อย่านะค่ะคุณหนู ” ตวงทำหน้าราวกับจะร้องไห้
                  “ เดี๋ยว คิดจะมาก็มาจะไปก็ไปงั้นเหรอ ” เกสรวิ่งมาดักหน้าทั้งสองไว้อย่างไม่ยอมให้จบง่ายๆ
                  “ จะ เอางัยอีกหล่ะสร ” ตวงถามเสียงสั่น
                  “ ก็ไม่เอาไงหรอก แค่จะให้นายของแกมันช่วยเก็บไอ้คำพูดชั่วๆที่เห่าออกมาจากสมองหมาๆของมันเมื่อครู่ กลับใส่เข้าไปที่เดิมด้วย อย่าปล่อยเรี่ยราดไว้แถวนี้เดี๋ยวใครเดินผ่านไปผ่านมาจะติดเชื้อโรคคนหัวสูงขี้อิจฉาไปด้วย ” น้ำเสียงนั้นเข้มจัด
                  “ ปล่อยเค้าเถอะสรอย่าไปหาเรื่องเลย ” อรอนงค์ว่าพลางพยายามดึงเกสรออกห่าง
                  “ แกว่าชั้นเหรอ ”
        “ ใช่ชั้นว่าแกนั่นแหละนังปานนรกแตกขี้อิจฉา นังปานเชื้อโรค นังปานอเวจี นัง ” ยังมีตามมาอีกหลายปานเท่าทีเกสรจะนึกออก
    ปานวาดนั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธจัด หล่อนผลักตวงเสียกระเด็นไปอีกทาง
        “ ระวังสร ! ” อรอนงค์ร้องบอกเพื่อนเสียงดัง
        “ เพี๊ยะ ”
    ต่างคนต่างตะลึงงัน ปานวาดชะงักงันก้มมองดูมือตัวเองและมองที่อรอนงค์สลับกัน ด้วยความรู้สึกผิดระคนตกใจที่แล่นผ่านเข้ามาในสมอง
พวงแก้มสีขาวนวลของอรอนงค์นั้นแดงขึ้นตามรอยนิ้วมือ หล่อนยกฝ่ามือขึ้นกุมเนื้อบริเวณนั้นไว้อย่างตกใจ หล่อนรู้สึกราวกับว่าเนื้อบริเวณนั้นค่อยๆขยายออกราวกับว่ามันจะปริออกจากกันให้ได้
    เกสรฉลาเข้าผลักปานวาดเสียกระเด็นอย่างโกรธจัด
        “ โกรธชั้นก็ตบชั้นสิ ไปทำอรเค้าทำไม ” ท้ายนั้นเสียงนั้นดังจนเกือบเป็นตะคอก
        “ ก็ ” ปานวาดกลืนคำบางอย่างลงไปในลำคอ “ ก็แกอยากมาหาเรื่องชั้นทำไมหล่ะ อรก็พวกเดียวกับแกโดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว จะได้รู้ว่าคบเพื่อนเลวๆอย่างแกแล้วจะเป็นยังงั้ยแหล่ะ” หล่อนยิ้มอย่างรู้สึกสะใจลึกๆที่หล่อนเองสามารถทำให้อรอนงค์เจ็บได้ ความรู้สึกผิดเมื่อครู่มลายไปสิ้น “ ไปนังตวง ”
    ปานวาดกับตวงพากันเดินออกไปอย่างรวดเร็ว มิไยกับท่าทางฮึดอัดของเกสรที่ไม่สามารถตามไปเอาเรื่องได้ ด้วยแขนของหล่อนนั้นถูกอรอนงค์รั้งไว้
           
           
   
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น