ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ดินแดนคนเถื่อน100%
บทที่5 ดินแดนเถื่อน
เมื่อถึงวันที่ปารมีถูกสอบสวน ปารมีไม่ได้พูดเหมือนกับที่ตกลงกับมาร์ตินเอาไว้ ไม่มีคำแก้ตัวใดหลุดออกจากปากของหล่อนแม้แต่คำเดียว หล่อนจึงถูกตัดสิน และได้รับโทษโดยการถูกปดและส่งตัวไปอยู่ชายแดน ซึ่งเป็นสถานที่ ที่หน้ากลัวและไม่มีใครอยากไป เพราะที่นั้นมีโจรชุกชุมมาก มีการฆ่ากันตายไม่เว้นแต่ละวัน ปารมีถูกคุมตัวส่งมาพร้อมกับนางสนมกลุ่มหนึ่งที่ถูกส่งมาพร้อมกับหล่อน การเดินทางอันแสนยาวไกลเริ่มขึ้น ในระหว่างการเดินทาง หล่อนรู้สึกหดหู่ กับสาพที่เห็นเป็นอย่างมาก หล่อนไม่ได้กลัวเหนื่อยหรือกลัวกับเหตุการณ์ข้างหน้า แต่ผู้หญิงหลายคนที่ยอมมีอะไรกับผู้คุมเพื่อต้องการความสุขสบายและต้องการหลีกหนีงกับความรับบากที่ต้องเผชิญ มันทำให้หล่อนรู้สึกท้อใจและหมดเรี่ยวแรงในการต่อสู้ หล่อนถูกข่มขืน หล่อนพูดได้เต็มปากว่าหล่อนถูกข่มขืน แต่ผู้หญิงพวกนี้สิกลับยินยอมพร้อมที่จะทำตามความต้องการของทหารพวกนั้น แถมยังพยายามชวนหล่อนให้ทำเช่นเดียวกัน
“ทำไม เจ้าไม่ทำอย่างนางพวกนั้น ข้าเห็นว่าผู้คุมหลายคนที่สนใจเจ้า”
“แล้วเธอละ ทำไม ไม่ทำ” ปารมีย้อนคำถามกลับเช่นเดียวกับที่เธอถามหล่อน
""""""""""""""""""""""
หล่อนมองผู้หญิงตรงหน้าที่เหลือยู่สี่คน ทุกคนเปิดผ้าที่คุมบาออกและหันหลังให้หล่อนดูที่บริเวณไหล่ด้านหลัง
“เจ้าเห็นแล้วใช่ไหมว่าสิ่งนี้คือไร”
“ฉันไม่รู้ ไม่.. รู้ทำไม มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ”ปารมีพูดออกมาอย่างสงสาร หล่อนมองรอยประทับที่ที่เกิดจากของร้อนทับลงไป อย่างตะลึงและไม่อยากเชื่อ ทำไมถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้
“มันเป็นการตรีตราว่าพวกเราเป็นหญิงต้องห้าม ห้ามชายใดล่วงเกิน ต่อให้สวยขนาดไหน ก็ไม่มีใครกล้าถ้าเห็น สิ่งที่ติดตัวกับพวกเรามา”
“ทำไมเขาถึงทำขนาดนี้ อย่างไงพวกเธอก็เป็นภรรยาของเขาเหมือนกับคนอื่น”
“ไม่เหมือนหรอก พวกเราทั้งสี่คนเคยเป็นคนที่โปรดมาก แล้วในขณะเดียวกันพวกเราก็ทำทุกวิธีที่จะให้ท่านชีคหลงและเลือกเราเป็นราชินี แต่ตอนนี้สิ พวกเราไขว้คว้าอะไรไม่ได้สักอย่าง แม้แต่ชื่อยังถูกลืม” ปารมีฟังเรื่องราวของผู้หญิงเหล่านั้นอย่างสงสาร หล่อนมองสิ่งที่ตรีตราบนฝ่าหลังของผู้หญิงพวกนั้นอย่างจดจำ คำสั้นๆว่า ต้องห้าม มันชั่งเป็นคำที่โหดร้ายสำหรับพวกผู้หญิงสี่คนนี้จริงๆ
“เลว ที่สุด”
“เจ้าอย่าพูดอย่างนี้เลย ความผิดอาจเป็นเพราะพวกเราใฝ่สูงเกินไป สิ่งที่ได้รับบางที่ก็สมควรแล้ว อย่างน้อยเวลาที่ผ่านมา ท่านชีคก็ทำให้พวกเรามีความสุขไม่น้อย ต่อให้ตายก็ยอมถ้าหากจะได้เคียงคู่กับท่าน”
“ทั้งที่พวกเธอถูกทำทารุณอย่างนี้นะหรือ”
ปารมีมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
ในกลางดึกปารมีรู้สึกตัวตื่นเมื่อผู้คุมมาเอาตัวหญิงสาวทั้งสี่คนไป ปารมี แอบตามไปดูก็พบว่าหญิงสาวทั้งสี่คนถูกผู้คุมฆ่าตายกันหมด คำพูดของผู้คุมที่กล่าวโทษกับพวกหล่อนทำให้ปารมีรู้ว่ามันเป็นคำสั่งมาจากชีคเฟอร์เรซท ปารมีวิ่งกลับมานอนอย่างตื่นกลัว ทำไมเขาถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ หล่อนได้แต่ถามตัวเองในใจ น้ำตาไหลออกมาด้วยความสงสาร อากาศที่หนาวเย็นไม่ได้ทำให้หล่อนรู้สึกปวดใจมากกว่าสิ่งที่หล่อนเห็น
..................................
ชีคเฟอร์เรซทมาที่ตำหนักขาว ซึ่งเขาไม่คิดว่าเขาจะต้องมาเหยียบที่นี่ เพราะเขารู้ดีว่าตำหนักนี้เป็นของท่านย่ากาบี้ ที่เตรียมไว้ให้กับนางสนมที่มาจากเมืองไทยซึ่งเขาไม่คิดจะสร้างความสัมพันธ์ด้วย เขาไม่คิดว่าเขาจะติดใจผู้หญิงไทยคนนี้ถึงขนาดควานหาตัวหล่อนให้ทั่ว ยิ่งมารู้ว่าหล่อนเป็นนางกำนัลของที่นี้ก็ยิ่งไม่พอใจ เขานึกชุนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หล่อนเป็นแค่นางกำนัลแต่เขากับติดใจหล่อนมากมายขนาดนี่ ถ้าจำนายของหล่อนรู้ก็คงหัวเราะเยาะเขา
“เจ้าไปตามเจ้านายของเจ้ามาสิ ข้ามีเรื่องจะพูดด้วย” เขาสั่งนางกำนัลในตำหนัก
“ขออภัยท่านชีค เจ้านางไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเพคะ”
“แล้วอยู่ที่ไหน เรียกว่าพบข้าเดี๋ยวนี้”
“คือว่า เจ้านาง ต้องโทษส่งตัวไปชายแดนตั้งแต่เมื่อวานแล้วเพคะ” นางกำนัลรายงานตามจริง
“เจ้าเป็นนางกำนัลของตำหนักนี่ ใช่ไหม”
“เพคะ”
“แล้วนางกำนัลที่นี่ชื่อ บาร์บาร่าด้วยหรือเปล่า”
“บาร์บาร่าหรือ”เพคะ
“เจ้าได้ยินไม่ผิด ข้ามาหานางกำนัลคนนี่ เป็นคนไทยด้วย คงไม่ได้ถูกโทษไปชายแดนกับเจ้านายของหล่อนหรอกนะ”
“เปล่าเพคะ แต่ว่า ที่ตำหนักนี่ไม่มีนางกำนัล เป็นคนไทยหรอกเพคะ และอีกอย่าง บาร์บาร่าเป็นชื่อที่ พระสนมคนไทยได้รับการแต่งตั้งนะเพคะ”
คำบอกเล่าของนางสนม ทำให้เขาปะติดปะต่อเรื่องได้ดีมากขึ้น คนที่เขาตามหาเป็นนางในฮาเร็มของเขาเองอย่างนั้นหรือ แต่ที่สำคัญ หล่อนกับถูกส่งตัวไปชายแดน เขาไม่รู้ว่าอารมณ์ตอนนี้ของเขามันเกิดจากอะไร เขาโกรธมากที่หล่อนถูกส่งตัวไปชายแดน โดยที่เขาไม่รู้ ชีคเฟอร์เรซทไปอาละวาดที่ตำหนักของเฮเลนเมื่อรู้ว่านางเป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เฮเลนแทบไม่เชื่อที่ตัวเองถูกชีคต่อว่าอย่างรุนแรงทั้งที่หล่อนไม่เคยถูกตำหนิแม้แต่นิดเดียว ชีคเฟอร์เรซทตัดสินใจออกเดินทางไปตามหล่อนที่ชายแดนกับทหารคนสนิทของเขาไม่กี่คนเขาได้แต่ภาวนาให้หล่อนปลอดภัย
ด้วยความที่ปารมีไม่ชินกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวในท้องทะเลทราย ทำให้หล่อนเกิดอาการไม่สบาย การเดินทางก็ยิ่งช้าลง พวกผู้คุมก็เอาแต่หมกมุ่นกับผู้หญิงจึงไม่กระตือรือร้นกับการเดินทาง มีคนป่วยมาด้วยอย่างนี้ ก็ยิ่งเป็นโอกาสของพวกเขาที่จะใช้เวลาตักตวงความสุข เหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้นเมื่อเกิดพายุทรายขึ้น ปารมีถูกทิ้งไว้ เพราะผู้คุมไม่อยากเอาหล่อนไปเป็นภาระการมีคนป่วยเดินทางด้วยในทะเลทรายด้วยนั้นเป็นการอยากลำบากมาก ปารมีมองมันอย่างหวาดกลัว สิ่งที่หล่อนไม่เคยเห็น และไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นกับพายุที่กระหน่ำอย่างโหดร้าย ความน่ากลัวของพายุมันทำให้หล่อนนึกถึงเขา ว่าเขาก็คงเป็นพายุที่โหดร้ายเหมือนกับตอนนี้ที่หล่อนได้พบเจอ เมื่อทุกคนหนีหล่อนไปกันหมด ปารมีไม่นึกเสียใจที่หล่อนไม่ได้รับความช่วยเหลือจากใคร คนที่ไม่มีประโยชน์ใครเขาจะต้องการ ป้าและลุงของหล่อนก็คงไม่ต้องการหล่อน ถ้าหากหล่อนไม่ได้มีประโยชน์กับพวกเขา ปารมีได้แต่มองพายุที่คุกคามเข้ามาอย่างหวาดกลัว หล่อนทำได้เพียงเข้าไปหลบในกระโจม ที่พวกผู้คุมสร้างทิ้งเอาไว้ ปารมีเข้าไปนอนโทรมในกระโจมนั้น หล่อนไม่ได้รับความเมตตาจากใคร อาหารที่ได้กิน ก็เพียงเล็กน้อยที่พวกเขากินเหลือกันทั้งนั้น ปารมีรู้สึกว่าลมหายใจของหล่อนเหมือนจะขาดหายไปเต็มที หล่อนนึกถึงแต่พ่อกับแม่
“แม่จ๋า พ่อจ๋า เอาหนูไปอยู่ด้วยนะคะ” ปารมีพูดกับตัวเองอย่างหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป ดวงตาของหล่อนค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ และก็หมดสติลงไปโดยไม่รู้ตัว
ชีคเฟอร์เรซทเฝ้ามองปารมีที่นอนหลับอย่างกระวนกระวายใจ เขาไม่เคยต้องกังวลอะไรเช่นนี่
การตายของใครหลายๆคนที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกังวลเช่นนี้ เขาใจชื้นขึ้นเมื่อสองสามวันมานี้ ใบหน้าของหล่อนเริ่มมีสีเลือดขึ้นจากวันที่เข้าพบหล่อนครั้งแรก เขานึกโทษตัวเองน่าจะตามหล่อนมาให้เร็วกว่านี้ ก่อนที่หล่อนจะโดนพายุทรายเล่นงาน เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าหล่อนจะรอดมาได้ ทหารที่เขาให้ล่วงหน้าไปก่อนกลับมารายงานพร้อมกับร่างของหล่อนที่จมลงในกองทะเลทราย โชคยังดีที่กระโจมครอบคลุมร่างของหล่อนเอาไว้
ปารมีค่อยๆลืมตาขึ้นมา เมื่อหล่อนรู้สึกว่ามีเสียงดังโวยวายอยู่ข้างหูหล่อน
“ทำไมเธอยังไม่ฟื้นอีก ไหนเจ้าบอกว่าเธอปลอดภัยแล้ว นี้มันตั้งสี่วันแล้วนะ”
“ขออภัยท่านเฟอร์เรซท ร่างกายของเจ้านางขาดน้ำมากเกินไป และแถมยังต้องสู้กับความร้อนของแดดอีก ร่างกายต้องการพักฟื้น”
“เจ้าฟังเอาไว้ ว่าข้าไม่ให้เธอตาย ถ้าเธอต้องตาย ข้าจะให้เจ้าตายเสียก่อน”
“ท่านสิ ต้องตาย” เสียงของหญิงสาวแทรกขึ้นมา ทำให้คนที่พูดต้องหันไปมองต้นเสียง ลุกขึ้นมานนั่งมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ เขาอดนึกหมั่นไส้หล่อนไม่ได้ ขนาดป่วยจะตายอยู่แล้วยังทำเป็นปากดี แปลกที่เขาไม่นึกโกรธหล่อนถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้เขาคงทำโทษอย่างแน่นอน
“หมอ ถ้าปากดีอย่างนี้ คงไม่ตายแล้ว เจ้าออกไปได้แล้ว” ชีคเฟอร์เรซทเอ่ยขึ้นก่อนที่จะหันมามองหน้าหญิงสาวต้องหน้าอย่างพอใจ
“เจ้ารู้สึกดีแล้วใช่ไหม”เขาพูดพร้อมกับเดินเข้ามานั่งที่ข้างๆหล่อน
“ฉันหิวน้ำ”
“ได้สิ”เขาพูดพร้อมกับลุกไปรินน้ำให้หล่อนดื่ม
“อีกแก้วไหม”เขาถามเมื่อเห็นหล่อนดื่มมันจนหมดแก้ว
“ไม่ ขอบคุณ ฉันจะไปจากที่นี่ได้หรือยัง”
“ทำไม ไม่บอก ว่าเป็นนางสนมของข้า”
“จำเป็นด้วยหรือ ในเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นอะไร เป็นลูก เป็นเมียใคร ท่านก็ไม่สนใจอยู่แล้ว”
“เจ้า”ชีคเฟอร์เรซทโกรธหล่อนจนลืมตัวบีบแขนของหล่อนด้วยความโมโห
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ”
“ดี เจ้าจะต้องรู้ว่าที่นี่ข้าใหญ่ที่สุด จะพูดจาอะไรก็ต้องระวังด้วย ข้าไม่ใช่เพื่อนเล่นของเจ้า”
“ขออภัยนะคะ แต่ว่าฉันจะพูดกับคุณอย่างนี้ เพราะฉันไม่เห็นว่าคุณจะคู่ควรให้ใครยกย่อง”
“บังอาจ”เขาโมโหจนตบหน้าหล่อน แต่ปารมีก็ไม่ได้กลัวยังมองเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าว
“เจ้าอย่ามามองข้าด้วยสายตาอย่างนี้”
“ทำไม หม่อมฉันจะมอง แล้วจะทำไม”
“ทำไมอย่างนั้นหรือ” เขาดึงหล่อนเข้ามาชิดใบหน้าของเขาก่อนที่จูบลงไปที่ริมฝีปากบาง อย่างรุนแรง ไม่ว่าหล่อนจะขัดขืนอย่างไรเขาก็ไม่ยอมปล่อย
“จำเอาไว้ อย่าบังอาจกับคนอย่างข้าอีก ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
“แล้วท่านต้องการอะไร”
“ข้าต้องการเจ้า เจ้าควรทำให้ข้าเมตตามากว่าให้ข้าโมโห แล้วเจ้าจะได้ทุกอย่าง เข้าใจไหม” เขาตะโกนใส่หน้าหล่อนอย่างบันดาลโทสะ ไม่เคยมีใครทำให้เขาโมโหได้้เท่ากับหล่อน เขามีอะไรน่ารังเกียจ หล่อนถึง ทำราวกับว่าเขาเป็นปีศาจ เขาต้องลุกออกไปจากห้องเพราะไม่อยากให้ตัวเองบีบคอเล็กๆของหล่อนให้หักไปด้วยความโมโห คอยดูเถอะไว้ให้เขาเบื่อหล่อนเสียก่อนเขาจะจัดการหล่อนให้สาสมกับที่หล่อนทำกับเขา
..............................
ชีคเฟอร์เรซทใช้ความอดทนเป็นอย่างสูงกับปารมี เขาเวียนเข้าใกล้หล่อนหลายครั้งหล่อนก็อาละวาดใส่เขา เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนโมโหร้ายเท่าหล่อนมาก่อน เขาเคยเจอฤทธิ์ของเฮเลนอย่างมากนางก็คร่ำครวญจะเอาแต่ใจ ร้องไห้ตีโพยตีพาย แต่กับ หล่อนคนนี้ ทั้งโวยวายอาระวาดปาข้าวปาของใส่เขา ทำราวกับเขาเป็นสัตย์์ป่า
“ท่านเฟอร์เรซท หม่อมฉันอยากจะอาบน้ำ” ประโยคแรกที่วันนี้หล่อนยอมพูดกับเขา ทั้งที่ไม่อยากจะพูดด้วยเลยแม้แต่น้อย แต่ดูเขาสิ นิ่งเฉยทำราวกับไม่ได้ยินอะไร
“ท่านหม่อมฉัน อยากจะอาบน้ำ จะอาบได้ที่ไหน” เขาก็ยังเชย ไม่พูดสิ่งใดออกมา
“เอ๊ะ ถ้าท่านไม่พูดหม่อมฉันไปดูเองก็ได้”ปารมีไม่พูดเปล่าพร้อมเดินออกจากกระโจมที่หล่อนอยู่ แต่ก็ถูกทหารขวางเอาไว้ไม่ยอมให้หล่อนออกไปได้ หล่อนจำต้องเดินกลับมายืนตรงหน้าเขาอีกครั้ง
“สรุปว่าหม่อมฉันทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากอยู่ในนี้หรือคะ” ชีคเฟอร์เรซทยังเฉยอยู่ไม่ยอมพูดกับหล่อน
“ก็ดี ถ้าท่านต้องการอย่างนี้” ปารมีเดินกลับไปที่ทางออกอีกครั้ง ครั้งนี้หล่อนไม่ยอมฟังพวกทหาร หล่อนผลักดันไปดันมากับทหารอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งที่หล่อนรู้ดีอยู่แล้วถ้าพวกนี้เอาจริงหล่อนก็คงกระเด่นไปกองกับพื้นนานแล้ว
“หยุดบ้าได้แล้ว” ชีคเฟอร์เรซทคำรามจนทหารที่พยายามจำหญิงสาวต้องปล่อยมือออกอย่างรวดเร็วเพราะสายตาที่เจ้านายมองมาอย่างห่วงแหน
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ” เขาลากหล่อนเข้าไปข้างใน โยนหล่อนลงที่เตียง
“เจ้าจะบ้าหรือไง คิดว่าตัวแค่นี้จะผ่านทหารของฉันออกไปได้หรอ”
“ก็เพระท่านนั้นแหละ อมอะไรในปาก หม่อมฉันถามเท่าไรก็ไม่พูด”
“แล้วข้าจำเป็นต้องพูดกับเธอด้วยหรือ ทั้งที่ตลอดวันเธอไม่พูดกับฉัน เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ข้าถึงต้องง้องอนเจ้า”
“หม่อมฉันก็ไม่ได้อยากให้ท่านมาทำอย่างนั้นกับหม่อมฉัน หม่อมฉันอยากจะพูดกับท่านเพราะเรื่องจำเป็นเท่านั้น อะไรที่ไม่จำเป็นหม่อมฉันไม่อยากพูดด้วย”
“ดูท่าเจ้าจะหายดีแล้ว เมื่อคืนข้าก็อยากจะสนุกกับเจ้า แต่เห็นว่ายังไม่สบายเจ้าคงจะไม่ไหว แต่ตอนนี้ข้าคงต้องคิดใหม่”เขามองหล่อนด้วยสายตาเหมือนกับเสือที่จ้องเหยื่อ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น