ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพลิงรักทะเลทราย

    ลำดับตอนที่ #3 : หนีไม่พ้น 100%

    • อัปเดตล่าสุด 19 ธ.ค. 53




       
        วันนี้ปารมีสวมเครื่องแต่งกายเหมือนกับนางกำนันทั่วไป เป็นกระโปรงยาวถึงเกือบข้อเท้า สวมกำไลข้อเท้าน่ารักสองข้าง แต่ดูว่าเสื้อที่หล่อนสวมใส่มันจะเป็นปัญหากับหล่อนมากเหลือเกิน เพราะมั่นสั้นแทบจะเป็นชุดชั้นในของหล่อนอยู่แล้ว ปารมีมองในกระจกก็ยิ่งขัดใจ หล่อนรู้สีกว่าธรรมเนียมที่นี้ต้องเป็นพวกผู้ชายแน่ๆที่คิดให้ผู้หญิงใส่ มันถึงได้ล่อแหลมอย่างนี้
     
      “น่าเกลียดจัง จินนี่ จิม”
    “ไม่หลอกเพคะ สวยมากต่างหาก หม่อมฉันไม่เห็นใครใส่ชุดนางกำนัลสวยเท่าพระสนมมาก่อน”

     “ปากหวานกันจริงนะ แต่สีมันแจ่มเกินไป แถมยังเสื้อยังสั้นขนาดนี้ดูสิจะเห็นเข้าไปในตับไตใส้พุงของฉันอยู่แล้ว แล้วสีอื่นละ ไม่มีหรือ”
    “ไม่มีหรอกเพคะ ชุดนางกำนัลก็มีแต่สีบานเย็นสีนี้สีเดียว”
    ปารมีนึกขำในใจ คนเราก็แปลกผิวคนที่นี้ก็ออกจะเฉดสีคล้ำแต่กลับชอบใส่ชุดสีชูดชาด ถ้าเป็นบ้านหล่อนก็คงเรียกอีกาคาบพริกหล่อนนึกดีใจที่หล่อนไม่ดำไม่อย่างนั้นหล่อนคงต้องเป็นตัวตลกแน่ๆ หล่อนนึกถึงเพื่อนสาวของหล่อนคนหนึ่งเธอเป็นคนผิวสีดำ ดำมาก อาจจะพอๆกับนิโกรด้วยซ้ำไป สีแต่ละชุุดที่เธอไม่สีแดงก็สีชมพู
    “หัวเราะอะไรเพค่ะ”
     “เปล่าหรอก ว่าแต่พวกเธอห้ามบอกคุณโมยา เด็ดขาดว่าฉันไม่อยู่”
    “เพคะ พวกเราจะปิดปากให้เงียบ แล้วพระสนมอย่าลืมซื้อของมาฝากพวกเรานะคะ”
    “โอเค ฉันไม่ลืม”
     ปารมีผ่านประตูไปอย่างง่ายได้ หล่อนใช้เงินที่หล่อนรับมาจากนางกำนัลโมยา แบ่งให้ทหารที่ทางผ่านประตู หล่อนก็ได้ออกมาอย่างสบายๆ หล่อนถึงอำนาจเงิน มันช่างมีพลังมหาศาลจริงๆเขาถึงบอกกันว่าให้ทุกอย่างกับเราได้ หล่อนเดินตามนางกำนัลและคนอื่นๆออกไปเรื่อยๆก็พบรถม้าลาก ที่ตั้งอยู่เรียงรายเหมือนรถวินมอเตอร์ไซค์แถวบ้านหล่อน ปารมีลงจากรถม้าเมื่อถึงที่หมาย ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็ถึงซึ่งถ้าความจริงหล่อนจะเดินก็คงได้ ถ้าเปรียบเหมือนที่บ้านหล่อนก็คงสักสามป้ายรถเมล์เอง หล่อนพยายามจำทางในระหว่างนั่งรถม้าถ้าหากวันหนึ่งหล่อนเกิดทำเงินหายขึ้นมาหรือมีปัญหาอะไรที่ขาดไม่ถึงเกิดขึ้นหล่อนก็ยังสามารถเดินกลับเองได้ หล่อนเดินเล่นในตลาดก็เริ่มรู้สึกว่ามีสายตาที่มองหล่อนอยู่หลายคู่ อาจเป็นพราะรูปร่างของหล่อนที่เล็กนิดเดียว ผิวขาวผุด อวดหน้าท้องแบนราบของหล่อน สายตานับสิบคู่จ้องมองอย่างใคร่รู้ว่าสาวน้อยนางนี้เป็นใครกันถึงมาเดินนวยนาดอย่างนี้ ปารมี
    กระฉับผ้าคลุมที่ปิดใบหน้า ผ้าผืนยาวยังช่วยบดบังหน้าท้องไม่ให้เป็นที่สนใจ ปารมีเดินผ่านสถานที่แห่งหนึ่ง หน้าร้านมีงานฝีมือวางขายเต็มไปหมด หล่อนค่อนข้างแน่ใจว่าผู้หญิงในร้านเป็นคนไทย  แต่อย่างน้อยก็คงต้องใช้หญิงสาวเอเชียเหมือนกับหล่อนอย่างแน่นอน ปารมีจึงตัดสิ้นใจเดินเข้าไป  
    “สวัสดีคะ” ผู้หญิงไว้กลางคนเดินเข้ามาหาหล่อนและเอ่ยทักหล่อนเป็นภาษาไทย
    ปารมีอดแปลกใจไม่ได้หญิงอาหรับคนนี้ทำไมถึงพูดภาษาไทยได้ค่อนขางชัดเจน
    “คนไทยใช่ไหม”
    “คะ ฉันเป็นคนไทย ดีใจจังที่คุณพูดภาษาไทยได้”
    “แม่ฉันเป็นลูกครึ่งไทย” อิสรารู้สึกถูกชะตากับปารมีไม่น้อย ด้วยหน้าตาจิ้มลิ้มเป็นไทยแท้อย่างนี้
    “ดีจังนะคะ คือฉันเดินผ่านมาเห็นที่นี่หน้าจะมีคนไทย ไม่คิดว่าจะเจอคนที่นี่พูดภาษาไทย”
    “ถูกแล้วล่ะ ที่นี้ล้วนแต่มีสาวไทย หญิงสาวที่เธอเห็นล้วนแต่เป็นสาวไทยจากต่างแดนทั้งนั้น”
    “ข้าไม่ค่อยเห็นผู้หญิงไทยมาเดินเที่ยวตลาด”
    “คือว่า ฉันไม่ได้มาขอทำงานหรอกนะคะ”
    “ฉันรู้อยู่แล้ว ก็เธอใส่ชุดนางกำนัลในวังมา เธอคงไม่ใช้นางกำนัลของท่านกาบี้หรอกนะ เพราะฉันไม่เคยเห็นหน้าเลย”
    “ไม่ ไม่ ใช่”
    “หรือเธอเป็นนางกำนัลของสนมที่มาจากประเทศไทย”
    “คะ ใช่แ
                                   ........................
       ปารมีรู้สึกสนุกมากที่ได้ออกไปเที่ยวตลาด หล่อนดีใจได้รู้จักกับอิสราและเพื่อนคนไทยที่อาศัยอยู่ที่นั้น ทุกคนล้วนเป็นมิตรกับหล่อน และหล่อนยังรู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับที่นี้อีกด้วย อย่างน้อยหล่อนก็รู้ว่า ชีคเฟอร์เรซท ไม่ชอบผู้หญิงไทย ผู้หญิงไทยที่อยู่ที่นี้จึงถูกกดขี่ข่มเหง ถ้าไม่ได้ท่านกาบี้ก็คงอยู่กันไม่ได้ อิสรายังบอกกับหล่อนอีกว่าผู้หญิงที่อาศัยอยู่ที่นี้ถูกใช้ให้เป็นนางรำ ต้องคอยร่ายรำให้กับพวกในวังเมื่อมีงานสังสรรค์ ถ้าหากท่านเฟอร์เรซทถูกใจผู้ใดคนนั้นก็ต้องเข้าไปปฏิบัติงานให้กับเขา ปารมีรู้ขยะแขยงชีคตัณหากลับคนนี้ หล่อนไม่มีวันที่จะยอมเป็นผู้หญิงที่อยู่ใต้อำนาจของเขา
                         .........................................
     
       ปารมีมักชอบหนีไปขลุกที่ร้านของอิสรา  ดีกว่าไปเข้ารอคิวกันติดสินบนเพื่อไปถวายตัวให้กับเขา ปารมีนึกสนุก ลองเต้นระบำกับพวกนางรำ
     
    “เธอนี่ ใส่ชุดอะไรก็สวยนะ ดูสิ ถ้าได้ไปเต้นที่วังมีหวัง สบาย ดีไม่ดี พวก ทหารยศสูงประมูลไปรับใช้แน่ๆ”
    “พี่ อยากถูกประมูลหรือคะ” ปารมีถามอย่าง ใคร่รู้
    “อยากสิ มีหลายคนที่นี้ ที่ได้ไปเป็นเมียน้อยพวกนายท่านในวัง เขาว่าสบายนะ วันๆไม่ต้องทำอะไร มีเงินให้ใช้อีกต่างหาก”
    “ต้องทำอย่างนั้นหรือค่ะถึงจะอยู่รอด”
    “ใช่ ผู้หญิง ถ้าอยากได้ดีก็ต้องเอากายแรกอยู่แล้ว เราโชคดีกันเท่าไรที่เกิดมาหน้าตาสะสวย ถ้าลองขี้ริ้วสิ ป่านนี้ก็คงต้องกลายเป็นทาสเลี้ยงอูฐทำงานหนักไปแล้ว”
     
    “พอเถอะ สาวิตรี เธออย่าเอาความคิดง่ายมาพูด ที่นี้เสียชื่อก็เพราะมีคนชอบคิดแบบพวกเธอนะแหละ เสียแรงท่าน ย่ากาบี้ช่วยเหลือพวกเธอออกมาจากขุมนรก”
      อริสเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าสาวิตรีชักจะพูดเลยเถิด
    “โธ่ ท่านอิสรา ข้าก็อยากจะได้ดิบได้ดีอย่างคนอื่นเขาบ้าง รับลองจะไม่ลืมบุญคุณเชียว” สาวิตรีพูดก่อนที่จะดึงมือของปารมีออกมาเต้นรำ
    ปารมีเต้นรำไปกับพวกสาวๆอย่างสนุกสนาน ไม่ทันระวังจึงหมุนตัวไปชนกับร่างหนาของคนที่เข้ามาจนหล่อนกระเดนล้มลงก้นกระแทกกับพื้น หูของหล่อนได้ยินว่าผู้ที่มาเยือนเป็นทหารคนสนิทของชีคเฟอร์เรซท หล่อนรีบดึงผ้าคลุมที่หน้าของตัวเองทันทีก่อนที่จะลุกขึ้นและหลบไปข้างหลังนางรำคนอื่น แต่ก็หลบไม่พ้น เมื่อหล่อนก็ถูกทหารกลุ่มหนึ่งเอาตัวออกมาเพราะคิดว่าหล่อนเป็นนางรำในนั้น ปารมีใจเย็นขึ้นเมื่อสาวิตรีและเพื่อนๆที่ถูกพามาด้วยกันต่างบอกว่าไม่มีอันตรายใดๆนอกจากเพียงไปเต้นระบำให้กับพวกนายท่านดูเท่านั้น สาวิตรีจำได้ว่าทหารพวกนี้เป็นของ ท่านอาดัม
    “พี่คะ มันได้เวลาที่ฉันต้องกลับวังนะ ถ้าถูกจำได้ต้องถูกเฆี่ยนแน่”
    “จะกลับอย่างไง ก็ทหารพวกนี้ไม่ยอมปล่อย ขืนถ้าทำให้โกรธมีหวัง ต้องถูกทำโทษแน่ เธออย่างให้พวกพี่ถูกเฆี่ยนหรือไง สาวิตรีเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
    “แต่ว่า”
    “ไม่ต้องแต่แล้ว มาถึงขนาดนี้แล้ว เธอกลับไม่ได้แล้ว”
    ห้าสาวที่ถูกแต่งตัวด้วยชุดที่สวยงาม ร่วมทั้งปารมีด้วย
    “พี่คะ แล้วฉันจะเต้นอย่างไง เต้นก็ไม่เป็น จะทำงานเสียนะคะ”
    “แล้วจะทำไงได้ละ ก็ถูกลากมาอย่างนี้ ขืนลองไม่เต้นสิ ท่านอาดัมโกรธเอาจะตายกันหมด เธอก็เต้นตามๆพวกพี่ไปก่อนล่ะกันพอจำได้ไหมละ ที่เราเต้นกันเมื่อครู่”
     
                  ในห้องโถงใหญ่ อาหารเลิศหรูเต็มโต๊ะยาวไปอย่างโอ่อ่า  สาวิตรียืนนำหน้าอย่างสง่าเตรียมพร้อมที่จะร่ายรำ
     
    “อาดัมเจ้าเชิญข้ามาก็เพียงมาดูนางระบำพวกนี้เองหรือ” ชีคเฟอร์เรซทเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ
    “โธ่ ท่านเฟอร์เรซทหม่อมฉันเพียงอยากให้ท่านได้ดูความสวยงามของพวกหญิงไทยพวกนี้”
    “เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ชอบ ทำไมต้องใช้ผู้หญิงต่ำๆพวกนี้ด้วย ในวังของข้ามีเยอะแยะ จะเอาสวยขนาดไหนก็บอก ข้าจัดหาได้ทั้งนั้น” เขาพูดอย่างไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร ในเมื่อเขาไม่ชอบ
     เสียงดนตรีดังขึ้น นางรำก็เริ่มร่ายรำกันอย่างอ่อนช้อย มีแต่ปารมีที่เต้นไม่พร้อมกับคนอื่นเขา ชีคเฟอร์เรซทมองอย่างดูถูก
    “นี้หรือ ระบำที่สวยงามอ่อนช้อยของเจ้า ในวังของข้ามีเกลื่อนไป ถ้าเจ้าชอบไว้ข้าจะสั่งมาร่ายรำให้เจ้าดู”อาดัมหน้าเครียดที่ถูกอีกฝ่ายเย้ยเอา เขามองสาวิตรีอย่างเอาเรื่อง
    “สาวิตรีนี้มันเกิดอะไรทำไมวันนี้พวกเจ้าถึงทำให้ข้าขายหน้า”
    “อภัยเถอะท่านอาดัม วันนี้คนไม่พอมีน้องใหม่เข้ามา ยังซ้อมไม่ดีโปรดอภัยด้วย”
    “ข้าคงให้อภัยเจ้าไม่ได้หรอกนะ นอกจากเจ้าไปขออภัยกับท่านเฟอร์เรซท”
    “เจ้าคะ” สาวิตรีส่งสายตา นางรำทุกคนก็แยกย้ายกันไปนั่งข้างกายชายหนุ่ม
    “ขออนุญาตนะเพคะ” สาวิตรีเปิดผ้าคลุมหน้าออกก่อนที่จะค่อยๆแหงนหน้าให้กับชีคเฟอร์เรซทดู เขาจ้องมองหล่อนอย่างพอใจ ก่อนที่จะอนุญาตให้หล่อน นั่งลงข้างกายของเขา เหลือเพียงแต่ปารมีที่ยืนเก้ๆกังๆ ทำอะไรไม่ถูก อาดัมจึงเรียกหล่อนมานั่งกับเขา ปารมีทำอะไม่ถูก หล่อนจึงแกล้งฟังไม่รู้เรื่อง 
    “ขอภัย ฉันฟังภาษาของพวกคุณไม่ออก” หล่อนพูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงดีจนชีคเฟอร์เรซทสนใจ
     
    “ขอภัยเพค่ะ ท่านเฟอร์เรซท นางเป็นเด็กที่เพิ่งมาใหม่”
    “ถ้าอย่างนั้นเจ้ามานั่งกับข้าก็ได้” อาดัมเอ่ยขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ ปารมีไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่มองหน้าสาวิตรี เธอก็พยักหน้าให้หล่อน หล่อนจำเป็นต้องเดินเข้าไปนั่งข้างกายอาดัม แต่หล่อนก็ไม่ยอมถอดผ้าผืนบางออกจากใบหน้าเรียวของหล่อน
     
    “เจ้าไม่คิดให้ข้าดูหน้างามๆของเจ้าบางหรือสาวน้อย” อาดัมพูดพร้อมกับจะดึงมันออกเสียเอง แต่หล่อนก็เบียงกายหนี อาดัมชักสีหน้าไม่พอใจ ชีคเฟอร์เรซทมองอย่างขำขัน อาดัมเจ้าอย่างไม่ชินกับผู้หญิงไทยอีกหรือ ใครๆเขาก็รู้ว่าผู้หญิงพวกนี้มารยาแค่ไหน เจ้าก็ให้แหวนเพชรเล็กๆสักวงหล่อนก็คงไม่ถอดแต่ผ้าคุมหน้าหรอกนะ เขาพูดพร้อมเสียงหัวเราะและสายตาเหยียดไปทางหญิงสาวที่ภายในใจกำลังลุกเป็นไฟเพราะคำพูดของเขา หล่อนเพิ่งจะสักเกตุเห็นหน้าตาเจ้าของคำพูดเหยียดหยาม นี่หรือชีคเฟอร์เรซทแห่งตูนาเซีย เดิมทีหล่อนคิดว่าเขาคงแก่คราวพ่อของหล่อน แต่ที่หล่อนเห็นเขากับยังหนุ่มอยู่เลย ผมสีดำสนิทของกับดวงตาคมแฝงความดุดัน เหยียดมองหล่อนอย่างดูถูก หล่อนไม่แปลกใจเมื่อผู้หญิงนับร้อยต้องการแย่งชิงเขา ทั้งหน้าตาและสมบัติเขามีอยู่ในตัวเสียหมด แต่สำหรับหล่อนคงไม่ไหว เพราะหล่อนไม่นิยมชอบสิ่งภายนอกจิตใจของเขาช่างต่างกับหน้าตาจริงๆ
     
    อาดัมหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย “ คงจะจริง หม่อมฉันลืมเสียสนิท” เขาพูดจบก็หันไปหยิบสร้อยเพชร ที่วางไว้ข้างๆก็คงอามาวางเพื่อเป็นรางวัล ปารมีรู้สึกเกลียดผู้ชายประเทศนี้ที่สุด ทำราวกับพวกหล่อนเป็นเด็กที่ต้องเอาขนมมาล่อ
    “ทีนี้เจ้าจะถอดหรือยัง” ชีคเฟอร์เรซทเอ่ยขึ้น ทุกคนต่างจ้องมองมาที่หล่อน แต่หล่อนก็ยังเฉย อาดัมชักโมโหจึงจะคว้าผ้าผืนบางที่หน้าของหล่อนออก แต่ก็ถูกหล่อนปัดออกก่อนที่จะลุกเดินออกมาจากที่นั่งเสียก่อน
    “อาดัมเจ้ามันช่างไร้สเน่ห์จริงๆ แต่อย่างว่า มีข้านั่งตรงนี้จะมีผู้หญิงที่ไหนมองผู้ชายอื่นอีกในเมื่อในประเทศนี้ข้ายิ่งใหญ่ที่สุด เจ้ากลับไปนั่งกับอดัมไป” สาวิตรีจำต้องลุกเดินมานั่งข้างอาดัมตามคำสั่ง ชีคเฟอร์เรซทกระดิกนิ้วเรียกหล่อนเขาไปนั่งข้างเขา
    “มาสิ ถ้าอยากเสนอตัวกับฉัน” เขาหัวเราะเบาๆเหล่าทหารที่ร่วมโต๊ะด้วยก็หัวเราะกันตามอย่างนึกสนุกไปกับเขาด้วย แต่มันสร้างความอับอายให้กับหล่อนไม่น้อย
     
    “ขออภัย หม่อมฉันคงต้องกลับแล้ว ความจริงหม่อมฉันไม่ใช่นางรำ แต่ทหารของพวกท่านบังคับพาหม่อมฉันมา” หล่อนพูดออกมาอย่างไม่พอใจก่อนที่จะเดินออกไปแต่ก็ถูกทหารขวางเอาไว้เสียก่อนด้วยคำสั่งของเขา
     
    “เจ้าเล่นเกมอะไร นางหญิงไทย”เขาถามหล่อนเสียงคำราม ทุกคนเงียบกันหมดเพราะรู้ว่าเขากำลังโมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ
    “หม่อมฉันเปล่าเล่นเกม แต่พวกท่านต่างหากที่เล่นเกมอะไรกัน”ปารมีพูดไปด้วยความโมโหเช่นกัน หล่อนไม่กลัวถ้าเขาจะฆ่าหล่อนเสียให้จบๆไปอยู่อย่างนี้ก็ไม่มีศักดิ์ศรีอะไร
    “เจ้าบังอาจนัก” อาดัมเอ่ยขึ้นแทรก เจ้าอยากจะตายหรือไง
    ปารมีคิดว่าอย่างไรหล่อนไม่รอดแน่ๆถ้าไม่ถูกฆ่าก็คงต้องถูกเฆี่ยนตายแน่ๆ
    “แก้ผ้าให้หมดห้ามเหลือแม้สักชิ้นเดียว ดูสิว่าเจ้ามีอะไรดีถึงได้กล้าเล่นตัวกับข้าอย่างนี้” ชีคเฟอร์เรซทเอ่ยขึ้นอย่างโมโห
    “ไม่ ฉันไม่ถอด พวกคุณเป็นบ้ากันหรือไง” ปารมีเอ่ยออกมาอย่างรนราน ไม่ว่าหล่อนจะหนีไปทางไหน ก็มีทหารขวางทางหล่อนเอา
    “สาวน้อยเจ้าทำให้ข้าสนุกแล้วรู้ไหม ถอดเร็วๆ ข้าจะคอยดู” เมื่อหล่อนไม่ยอมถอดเขาก็สั่งให้ทหารจัดการถอดให้หล่อน
    “อย่านะ ทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้” หล่อนสู้กับทหารอย่างสุดกำลัง นางรำที่มาด้วยกันต่างสงสารแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรเพราะรู้ดีจะถูกลงโทษเช่นไร หทารหนุ่มฉีกเสื้อของหล่อนหลุดติดมือเหลือเพียงเสื้อชั้นสีเนื้อตัวจิ๋ว เสียงหัวเราะลั่น แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่ช่วยหล่อน น้ำตาของหล่อนไหลออกมาอย่างอดสู่ หล่อนไม่คิดว่าชีวิตของหล่อนจะต้องมาถูกทำทารุณอย่างนี้ หล่อนมองทหารที่กำลังจะเดินเข้ามาหาหล่อนอีก
    “หยุดนะ คุณทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้” ทหารคนนี้ดูเหมือนจะฟังภาษาอังกฤษที่หล่อนพูดไม่ออก หล่อนวิ่งขึ้นไปหาชีคเฟอร์เรซท หล่อนยืนตระหง่านตรงหน้าของเขา ดวงตากลมโตของหล่อนจ้องมองเขาอย่างขอความเมตตา แต่เขากลับไม่มีให้หล่อนแม้แต่นิดเดียว เขายังกระฉาก เสื้อชั้นในตัวจิ๋วของหล่อนขาดติดมือของเขาไปด้วย เขาชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าประทุมเต้างามของหล่อนอวดเด่นต่อสายตาของเขา
    “เลวที่สุด”หล่อนตบหน้าเขาอย่างโมโหก่อนที่จะใช้มือทั้งข้างของหล่อนปกปิดมันเอาไว้ ทุกคนล้วนตกใจไม่คิดว่าจะมีใครกล้าตบหน้าผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศนี้ ตัวเขาเองก็ตกใจไม่แพ้คนอื่น เขากัดกรามแน่น ดึงหล่อนเข้ามาชิดก่อนที่จะใช้มือข้างหนึ่งบีบที่คอบางของหล่อนด้วยความโมโห
    “เจ้ากล้ามากนะนางหญิงชั่ว ข้าจะตัดมือเจ้า” เขาพูดพร้อมกับดึงผ้าคลุมหน้าของหล่อนออก เขาก็พบใบหน้านวล และดวงตาที่มองเขาอย่างโกรธแค้น ก่อนที่จะหมดสติลงไป เขามองร่างบ่างบนแขนของเขาอย่างพิจรณา เขาปฏิเสธกับตัวเองไม่ได้ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง โดยเฉพราะสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นเขา ไม่มีผู้หญิงคนไหนมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้ เขารู้ได้ว่าหล่อนไม่ได้พิสวาทเขาเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นจริง ชีคเฟอร์เรซทถอดชุดคลุมของเขาห่มกายให้หล่อนอย่างที่ใครจะเดาความคิดของเขาได้
                                       ..................

     เม้นกำลังใจหน่อยนะ ไม่รู้ว่าพระเอกจะโหดไปเปล่า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×