ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sunset

    ลำดับตอนที่ #2 : sunset part2

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 52


    ออดี้คันสวยขับตรงจากถนนใหญ่เข้ามาสู่บ้านสีขาวทรงยุโรปที่มองจากภายนอกนั้นดูเหมือนคฤหาสถ์มากกว่าบ้านเสียอีก

    ด้วยการก่อนสร้างที่ใช้หินอ่อนทั้งหลังและการตกแต่งสไตล์ยุโรปที่ดูโอ่อ่า บริเวณของตกแต่งภายนอกบ้านนั้นก็ไม่ได้ดูด้อยไปกว่ากันเลย ทั้งสระน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางปีกขวาของบ้าน และสวนสวยจากดอกไม้นานาพันธุ์ที่ถูกปลูกขึ้นด้วยฝีมือของคนสวน และนี่ยังไม่นับบอนไซซึ่งถูกดัดให้เป็นรูปทรงต่างๆที่ประดับอยู่รายรอบที่ทำให้บ้านหลังนี้ดูโดดเด่นและตั้งตระหง่านอย่าท่ามกลางบ้านหลายๆหลังทั่วบริเวณนี้

    เสียงเสียดสีของล้อรถยนต์กับพื้นถนนนั้นเงียบสงบลงภายในโรงจอดอันใหญ่โต ซึ่งสามารถจะจอดรถได้กว่าสิบคันเลยทีเดียว แต่ในยามนี้มีเพียงรถคันสวยของยุนโฮและเบนซ์สีเทาอีกคันจับจองพื้นที่เท่านั้น

    ยุนโฮก้าวลงจากรถช้าๆด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเดินตรงไปยังประตูไม้บานใหญ่ที่ถูกสลักไว้อย่างสวยงาม เขาเปิดมันออกช้าๆซึ่งในตอนนี้ปรากฎร่างของชายผู้หนึ่งกำลังนั่งเพ่งอะไรบางอย่างจากแผ่นกระดาษตรงหน้า และทันทีที่ชายผู้นี้สัมผัสได้ว่าคนที่เค้าอยากจะเจอได้มาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว กระดาษในมือก็ดูท่าจะหมดความสนใจไปในทันที

    "

    ผมกลับมาแล้วครับ คุณพ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมครับ"ยุนโฮพูดพร้อมกับขยับเนคไทที่ถูกมัดให้ชิดกับกระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อเชิ๊ตตัวโปรดของเขาตั้งแต่เมื่อเช้าให้คลายลง

    "

    แกไม่รู้จริงๆเหรอ ว่าพ่ออยากจะคุยอะไรกับแก"ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มก่อนจะเหล่ตามองไปยังลูกชายคนเดียว

    "

    ถ้าคุณพ่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นเดี๋ยวผมขอตัวนะครับ"ยุนโฮพูดก่อนจะเดินตรงไปยังบันไดของบ้าน เพื่อขึ้นไปยังชั้นสอง

    "

    วันนี้แกกล้าดียังไงไม่เข้าประชุมกับลูกค้าของบริษัทเรา ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่างานนี้สำคัญสำหรับบริษัทเรามาก!"ชายร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวก่อนจะค่อยลุกขึ้นเดินตรงไปหายุนโฮที่ตอนนี้ยืนนิ่งอยู่ที่ราวบันได

    "

    แล้วคุณพ่อจะให้ผมทำยังไง วันๆนึงคุณพ่อให้ผมทำแต่งาน งานที่ผมไม่ได้รัก ผมทำก็พยายามทำตามที่คุณพ่อบอกแล้ว วันนี้ผมไม่อยากทำอีกแล้ว ผมขอทำในสิ่งที่ผมรักซักครั้งนึงได้มั้ยครับพ่อ"ยุนโฮพูดสิ่งที่อัดอั้นในใจมานานพร้อมกับจ้องมองท่าทีของผู้เป็นพ่ออย่างไม่วางตา

    "

    ไม่ได้! ฉันขีดมาให้แกเดินตามทางที่ฉันเลือกไว้แกก็ต้องเดิน หรือแกอยากจะไปทำงานเป็นจิตรกรตามท้องถนนอย่างคนอื่นเค้า แกอยากจะออกไปมีชีวิตลำบาก ชีวิตโง่ๆอย่างแม่แกหรือไง ฉันอุตส่าห์วางแผนชีวิต วางแผนอนาคตให้แกแต่แกไม่เคยเห็นค่ามันเลยซักครั้งใช่มั้ย"ผู้เป็นพ่อสูงตวาดเสียงใส่ยุนโฮอย่างแรงแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่หวั่นไหวกับคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

    "

    วางแผนชีวิตให้ผมเหรอครับ คุณพ่อรู้มั้ยว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่มันเป็นการทำลายชีวิตของผมอย่างเลือดเย็น ความอบอุ่นที่ผมไม่เคยได้รับการสิ่งที่ผมเรียกมันว่าครอบครัว คุณพ่อต้องแยกจากคุณแม่ก็เพราะเรื่องธุรกิจ ผมต้องต้องใช้ชีวิตและต้องเป็นในสิ่งที่ผมไม่ชอบก็เพราะธุรกิจของคุณพ่อ คุณพ่อเคยรู้บ้างไหมว่าผมทุกข์แค่ไหนที่ต้องเป็นแบบนี้"ยุนโฮจ้องหน้าผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเผลอแผดเสียงพูดของตัวเองเข้าใส่ด้วยอารมณ์โกรธ

    ฝ่ามือที่ใหญ่ที่หยาบและหนานั้นเข้ามากระทบกับแก้มซ้ายของยุนโฮอย่างแรง พร้อมกับเสียงตะโกนด่า

    "

    แกกล้าพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง งานที่ฉันทำ เงินที่ฉันหามาได้ก็เพื่อที่จะมาให้แกใช้ปรนเปรอความสุขของแก ให้แกได้ใช้จ่ายอย่างไม่ขัดสน แล้วแกยังจะมามาพูดแบบนี้กับฉันอีกเหรอ!"ชายร่างสูงสบถด่าออกมาด้วยน้ำเสียงและอารมณ์ที่พลุกพล่าน

    "

    งั้นคุณพ่อก็เชิญใช้เงินของคุณพ่อไปเถอะครับ จากนี้ไปผมจะไม่ยุ่งกับมันอีกแล้ว มันอาจจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับคุณพ่อ แต่สำหรับผม มันไม่ใช่!"สิ้นเสียง ยุนโฮก็วิ่งตรงขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านทันทีทิ้งให้ผู้เป็นที่พ่อยืนนิ่งเพราะไม่คิดว่าจะพบกับปฎิกริยาของลูกชายคนเดียวที่จะโต้ตอบกลับมาเช่นนี้

    "

    ยุนโฮขังตัวเองอยู่ในห้อง ซึ่งตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมากว่าสามชั่วโมงที่เค้ายังคงเอาแต่นั่งนิ่ง วันนี้สิ่งที่เค้าได้พบสิ่งที่เค้าได้เห็นและสิ่งที่ทำให้เค้าได้สัมผัสมันบาดลึกลงไปในก้นบึ้งแห่งความรู้สึกซึ่งจริงๆแล้วความสุขของเขานั้นมันจบลงตั้งแต่วันที่ผู้หญิงคนเดียวและคนแรกที่เค้ารักได้จากไป หญิงที่รักเค้าด้วยความบริสุทธิ์ใจและไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทน แต่สิ่งที่เธอได้รับคือความโหดร้ายและความเห็นแก่ตัวของผู้ที่เค้าเรียกว่าพ่อ ชายผู้ไม่เคยเห็นค่าของสิ่งใดเหนือไปกว่าเงิน และธุรกิจยุนโฮนอนนิ่งอยู่บนเตียงพักหนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาพลางกดหมายเลยถึงใครซักคน เขานิ่งเงียบ รอคอยปลายสายตอบกลับมา ยุนโฮเหรอลูก สบายดีมั้ยลูก แม่คิดถึงลูกจัง"เสียงหวานๆที่คุ้นเคยดังมาจากปลายสาย

    "

    ครับแม่ เอ่อแม่ครับ ผมผมผมคิดถึงแม่"ยุนโฮพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนเหมือนที่เค้าเคยพูดกับแม่ด้วยประโยคที่แสนหวานแต่ต่างกันตรงที่ตอนนี้ดวงตาของเขากำลังรื้นด้วยน้ำตา

    "

    เป็นอะไรไปจ๊ะ วันนี้ดูแปลกๆไปนะ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าลูก"เธอถามลูกชายคนเดียวด้วยความอ่อนโยนจนยุนโฮสัมผัสได้

    "

    เปล่าครับ ไม่มีอะไร แค่คิดถึงน่ะครับ แม่ครับตอนนี้ผมไปหาแม่ได้หรือเปล่าครับ"ยุนโฮถามผู้เป็นแม่เชิงขอร้อง

    "

    ได้ซิจ๊ะ งั้นเดี๋ยวแม่ทำกับข้าวที่ยุนชอบไว้รอนะ แต่เอไม่รู้ว่าแกงกิมจิฝีมือแม่ ยุนจะยังชอบอยู่หรือเปล่านะ ก็ไม่ได้กินตั้งนานแล้วนี่"เธอพูดหยอกล้อ พลางหัวเราะทันทีที่ได้ยินเสียงตอบมาออกมาจากปากลูก

    "

    ไม่หรอกครับ ยังไงๆแกงกิมจิของแม่ก็อร่อยที่สุดอยู่แล้ว มื้อนี้ผมขอสามชามเลยนะครับ"ยุนโฮพูดเสียงใสก่อนที่จะพูดอะไรกับแม่บางอย่างและวางหูโทรศัพท์ลง

    ร่างสูงลุกออกจากเตียง มือใหญ่ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อจากด้านบนอย่างรวดเร็วและหยิบมันโยนใส่ตระกร้าผ้าที่วางอยู่มุมสุดของห้อง ก่อนจะเอื้อมมือลงไปปลดตะขอกางเกงและพันธนาการชิ้นสุดท้ายออกจากร่างกายตัวเอง

    เขาเดินตรงเข้าไปเปิดน้ำใส่อ่างจากุชชี่สีขาวสะอาด ที่ถูกดีไซน์มาอย่างประณีตและสวยงาม ใช้เวลาไม่นานน้ำอุ่นก็เข้ามาเติมเต็มพื้นที่ว่างกว่าครึ่งหนึ่งของอ่าง ยุนโฮใช้มือสัมผัสอุณหภูมิของน้ำและค่อยๆก้าวเข้าไปทำภารกิจส่วนตัวที่เขาปฎิบัติทุกวัน เพียงแต่วันนี้ดูเหมือนเวลาที่ใช้อยู่ในห้องนี้จะรวดเร็วเป็นพิเศษ เนื่องจากมีแขกคนพิเศษรอเค้าอยู่เช่นกัน

    ยุนโฮค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำออกมาในสภาพที่ครึ่งล่างนั้นลูกปกคลุมด้วยผ้าเช็ดตัวสีฟ้าเพียงผืนเดียว ซึ่งก็ถูกผูกไว้อย่างหลวมๆ เหมือนกับว่าเขาต้องการเน้นความสะดวกในการที่จะถอดและใส่และไม่นานนักเขาก็มาหยุดตรงกระจกของตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ที่ตอนนี้ภาพที่สะท้องมาเห็นคือร่างของชายหนุ่มกับร่างกายที่ดูสมส่วน หนวดสีเขียวครึ้มที่ขึ้นอยู่จากรอยของการโกน นั้นยิ่งเน้นให้ภาพลักษณ์ของเขานั้นดูเข้มขึ้นไปอีก ยุนโฮละสายตาจากกระจกและหันไปเลือกหยิบเสื้อโปโลสีขาวและกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงินมาใส่อย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปหยิบน้ำหอมกลิ่นคุ้นเคยที่วางอยู่บนโต๊ะและฉีดพรมทั่วตัว

    เขาเช็คความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจกอีกครั้งหนึ่งเพื่อความแน่ใจก่อนที่จะหมุนตัวไปหยิบกุญแจรถและเดินตรงออกไปยังชั้นล่างเพื่อไปยังรถของเขา แต่ทันทีที่เขาจะได้ก้าวออกจากประตูใหญ่ของบ้านก็ต้องหยุดลงด้วยเสียงเรียกหนึ่งที่ดังมาจากด้านหลัง

    "

    พรุ่งนี้ฉันจะให้แกเข้าบริษัทกับฉันแต่เช้า ฉันมีงานให้แกทำ หวังว่าแกคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ"ชายผู้เป็นพ่อพูดขึ้นในขณะที่สายตายังคงจับจ้องตัวหนังสือบนนิตยสารรถยนต์ที่เพิ่งออกใหม่เมื่อเช้า

    ยุนโฮเหลียวมองด้วยหางตาให้ชายชราที่นั่งอยู่พร้อมกับเดินตรงไปที่รถของเขาโดยไม่มีแม้แต่คำพูดใดเล็ดลอดออกมาจากปาก

    และตอนนี้ดุเหมือนว่ายุนโฮนั้นก็กำลังหิวโหยเช่นกัน

    ไม่นานนักถนนเส้นใหญ่สีดำสนิทก็นำพาเขามาสู่สถานแห่งหนึ่งที่ถูกล้อมรอบด้วยมวลดอกไม้นานาพันธุ์ที่ปลูกอยู่รายรอบบ้านซึ่งถ้าจะเปรียบที่นี่ก็คงเหมือนสวรรค์น้อยๆของเหล่าแมลงที่หิวโหยเลยทีเดียว แต่ต่างกันตรงที่เขากำลังหิวโหยความรักและความอบอุ่นจากผู้ที่เขาเรียกว่า "แม่"ผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านน้อยหลังนี้

    ยุนโฮลงจากรถและก้าวเดินตรงไปเปิดประตูทันใดก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของซุปมิโซะ แกงกิมจิและปลาอิวาจิย่างไฟที่เขาคุ้นเคยโชยมาแตะจมูก และทันทีที่ประตูบานเล็กสีชานั้นได้ถูกเปิดออกก็ปรากฏร่างของหญิงสาววัยกลางคนในชุดคลุมสีขาวสะอาดตา ใบหน้าที่แสดงถึงริ้วรอยแห่งวัยและริมฝีปากสีแดงสดที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกอย่างเคยนั้นคลี่ยิ้มบางๆให้กับลูกชายคนเดียวของเธอซึ่งตอนนี้กำลังเดินตรงมาหาพร้อมด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

    "

    แม่ครับ คิดถึงที่สุดเลย"ยุนโฮโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ด้วยความคิดถึง

    "

    แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกันจ๊ะ ไม่เจอกันตั้งนานนี่ยุนโตขึ้นมากเลยนะเนี่ยรู้มั้ย"หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะลูบหัวของลูกชายอย่างเอ็นดูก่อนทั้งคู่จะเดินจูงมือกันมาที่โต๊ะอาหารตัวเล็กที่ตั้งอยู่กลางห้องครัว

    ผ้าปูโต๊ะสีชมพูอ่อนลายลูกเต๋าพร้อมกับแจกันดอกไม้ที่ถูกจัดอย่างสวยงามด้วยดอกกุหลาบสีทั้งขาวและแดงนั้นช่วยทำให้อาหารที่อยู่บนโต๊ะนั้นน่ากินขึ้นไปอีก

    "

    โอ้โห แม่ครับ นี่มันของชอบผมทั้งนั้นเลยนี่นา ผมรักแม่ที่สุดในโลกเลยครับ"ยุนโฮโผเข้ากอดแม่อีกครั้งและหอมแก้มทั้งซ้ายขวาฟอดใหญ่

    "

    จ้าๆ แหมลูกคนนี้ ช่างอ้อนจริงๆนะเรา"หญิงชราพูดก่อนจะแยกตัวออกมานั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามอีกตัวหนึ่งและทั้งคู่ก็ทานอาหารร่วมกันพร้อมกับพูดคุยเรื่องราวต่างๆทั้งทุกข์และสุขที่ผ่านมา

    มันคงจริงดั่งที่ว่า

    ...

    เวลาแห่งความสุขนั้นผ่านไปเร็วเหลือเกิน

    ...

    เหมือนดั่งลมวูบหนึ่งที่พัดมา และก็จากไปอย่างรวดเร็ว

    เข็มนาฬิกาชี้ตรงมายังเลขสองของวันใหม่

    เพื่อที่จะให้แม่ของเขาได้พักผ่อน และงานที่กำลังรอเขาอยู่ในวันรุ่งขึ้นจึงทำให้เขาต้องตัดสินใจลากลับ

    "

    แม่ครับผมต้องกลับแล้วก่อนนะครับ ถ้าผมมีเวลาผมจะมาหาแม่ใหม่นะครับ"ยุนโฮลุกขึ้นเอ่ยคำลากับแม่และโผเข้าก่อนอีกครั้งก่อนจะเดินตรงไปที่ชั้นวางรองเท้า

    "

    "

    เดินทางดีๆนะลูก จำไว้นะจ๊ะถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็มาหาแม่ที่นี่นะ แม่พร้อมจะให้คำปรึกษาลูกเสมอ แม่รักลูกนะยุน"ครับแม่ ผมก็รักแม่ครับ"ยุนโฮพูดก่อนสวมรองเท้าผ้าใบอย่างหลวมๆพร้อมกับลุกขึ้นยืนโบกมือลาผู้เป็นแม่และก้าวออกจากประตูไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างช้าๆ

    …………………………………………………..

    ไฟแสงสีของตึกรามบ้านช่องยามค่ำคืนนั้นดูสวยงามในช่วงชีวิตอีกด้านหนึ่งของกรุงโซล ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ตามท้องถนน ต่างคนต่างมีจุดหมายของตนตามทางที่ต่างกัน แสงของดวงดาวบนฟ้านั้นถูกกลบลงสนิทด้วยไฟของผับและเทคที่มีเปิดบริการอย่างมากมายตามสองข้างทางเพื่อเป็นสถาณเริงรมณ์ของผู้ที่ต้องการพักใจให้หลับใหลไปกับเสียงเพลงยามค่ำคืน

    ยุนโฮเร่งความเร็วเพื่อที่จะกลับไปพักผ่อนสำหรับงานวันพรุ่งนี้

    ไม่ช้ารถของเขาก็เข้ามาจอดในบริเวณบ้านหลังเดิม หลังที่เขาเคยมีความทรงจำดีๆกับมันเมื่อครั้งยังเด็กและตอนนี้มันก็จบลงหมดแล้วตั้งแต่วันที่แม่เขาต้องแยกทางกับพ่อ

    ยุนโฮก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใดๆ

    ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูเข้าไปภายในตัวบ้าน แต่แล้วเขาก็สังเกตุเห็นสภาพอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาถึงกับตกตะลึง นั่นคือข้าวของที่กระจัดกระจายและร่องรอยของการต่อสู้อย่างหนัก แจกันดอกไม้หลายใบนั้นแตกกระจายอยู่เต็มพื้นห้อง ประตูกระจกที่อยู่โดยรอบนั้นมีรอยร้าวน่ากลัว โซฟานั้นถูกกรีดด้วยของมีคมจนนุ่นที่ถูกยัดอยู่กระจัดกระจายออกเต็มห้องอย่างไม่มีชิ้นดี กลิ่นสาปของเลือดสดนั้นอบอวนทันทีที่เขาเปิดประตูออก จนเขาต้องเอามือปิดจมูก เลือดสดๆนั้นหยอดเป็นทางนำเขามายังร่างของชายคนหนึ่ง

    "

    พ่อ!"ยุนโฮพูดพร้อมกับประคองร่างของผู้เป็นพ่อขึ้นสู่อ้อมแขน ลมหายใจรวยรินของผู้เป็นพ่อนั้นยังคงพอมีแรงที่จะมองหน้าลูกชายเป็นครั้งสุดท้ายโดยเปลือกตาหนานั้นค่อยๆขยับขั้นช้าๆพร้อมกับริมฝีปากที่กำลังรวมรวมแรงจะพูดอะไรบางอย่างแต่นั่นก็มีเพียงลมแผ่วๆ และแล้วลมหายใจเฮือกสุดท้ายของชายชราผู้เป็นพ่อก็ดับสิ้นลงไปพร้อมไปของชีวิต

    ยุนโฮมองผู้เป็นพ่อค่อยๆจากไปอย่างไม่เชื่อสายตาพลางแผดร้องอย่างบ้าคลั่งราวกับเสียสติทันใดนั้นสายตาเรียวก็ได้สังเกตุเห็นอะไรบางอย่างข้างตัวผู้เป็นพ่อในขณะที่เขากำลังอุ้มเพื่อจะยกร่างขึ้น

    มันคือสิ่งที่คร่าชีวิตพ่อเขาไปนั่นเอง

    เขาพินิจมันด้วยความคุ้นเคยในรูปทรงและแบบซึ่งดูๆแล้วมันคล้ายกับปืนที่พ่อของเขาพกไว้ใช้ป้องกันตัวอยู่ตลอด

    เขาหยิบมันขึ้นมาถือไว้ดูใกล้ๆก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักทีพ่อเขาจะเก็บปืนไว้ประจำ และก็ได้พบว่ามันเป็นไปดังที่เขาคิด

    คนใช้สามถึงสี่คนนั้นวิ่งตรงมายังเรือนใหญ่ของบ้านเพื่อต้องการจะมาดูแลยุนโฮหลังจากเพิ่งกลับมา

    และทันทีที่ทั้งสามคนเห็นถาพตรงหน้าบางคนก็ถึงกับเป็นลมล้มพับลงไปกองกับพื้น แล้บางคนก็กรีดร้องด้วยความตกใจราวกับภาพของชายตรงหน้าคืออสูรกาย

    "

    คุณยุนโฮ ฆ่าคุณท่าน! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!"หญิงรับใช้วัยกลางคนๆหนึ่งในนั้นพูดขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกับวิ่งหน้าตื่นออกไปนอกบริเวณบ้านโดยทันทีโดยที่เธอยังคงตะโกนเรียกคนเข้ามาช่วยตลอดทาง

    ยุนโฮนิ่งเงียบในขณะที่มือข้างขวายังคงกำกระบอกปืนไว้แน่น

    เวลานี้คงสายไปแล้วที่จะมานั่งเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นให้กับคนที่กำลังขาดสติฟัง

     

     

     

     

    เสียงหวอของรถตำรวจนั้นดังขึ้นระงมทั่วบริเวณบ้าน

    ชาวบ้านหลายๆคนในละแวกนั้นต่างกรูกันเข้ามามุงดุด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนตำรวจต้องกันพื้นที่ไว้ทำงานส่วนหนึ่งเพื่อจะได้ปฎิบัติงานได้สะดวก นายตำรวจคนหนึ่งกระจายสั่งกำลังออกเพื่อปิดล้อม

    ยุนโฮคลายกระบอกปืนในมือออกและโยนมันทิ้งภายในบ้านก่อนจะตรงดิ่งไปยังรถคู่ใจและขับมันออกไปทันทีที่ประตูอัตโนมัติของบ้านนั้นเปิดออก

    ………

    ……………

    …………………

    ………………………………………

    โดยที่ตำรวจหลายคนที่คุมกำลังอยู่ด้านหน้ายังไม่อาจตั้งตัว เปลือกตาคู่สวยค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการนอนติดต่อกันมาติดต่อกันเป็นวันที่สาม วันนี้ดูเหมือนว่ากระดูกที่เข้าเฝือกจะไม่มีอาการเจ็บแล้ว และคุณหมอก็อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ เลยทำให้รอยยิ้มน้อยนั้นคลี่ออกด้วยความดีใจที่จะได้กลับบ้าน

    แต่แล้ววันนี้สิ่งที่ทำให้เขาเศร้าใจนิดหน่อยคือ ตลอดทั้งสามวันที่ผ่านมานั้นยังไม่มีใครที่บ้านมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลซักคน จะมีก็แต่เพื่อนๆของเขาเท่านั้นที่รู้ข่าว จริงอยู่ที่ว่าเขาเป็นคนบอกเองว่าไม่เป็นไร แต่ความน้อยใจมันก็เกิดกันได้บางที

    แจจุงสลัดความคิดเล็กๆน้อยๆออกจากหัว เขาขยับตัวอย่างช้าๆด้วยความระมัดระวังขาข้างที่เจ็บและค่อยๆพยุงตัวลุกออกจากเตียง กระดาษแผ่นเล็กๆสีขาวไม่มีลวดลายใดๆถูกวางอยู่บนโต๊ะไม้ข้างตัว

    เขาเอื้อมมือหยิบขึ้นมาและอ่านช้าๆในกระดาษมีข้อความอยู่สองสามบรรทัด

    "

    ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้อยู่ดูแลคุณ พอดีผมมีธุระด่วนที่ต้องรีบไป เรื่องค่ารักษาพยาบาลผมจัดการให้แล้วนะครับ ถ้ามีเวลาอะไรโทรหาผมได้นะครับ เบอร์โทรผมเมมไว้ในโทรศัพท์คุณแล้วแล้วผมจะมาเยี่ยมนะครับ

    ยุนโฮ

    แจจุงพับจดหมายนั้นเก็บก่อนที่ริมฝีปากสีกลีบกุหลาบจะเผยรอยยิ้มกว้างด้วยความอิ่มใจแปลกๆ

    แจจุงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาช้าๆก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์ของยูชอนพร้อมกับต่อสายในทันที

    ………

    …………..

    ………….

    ตู้ดๆๆๆ เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้

    แจจุงกดโทรออกซ้ำอีกครั้งแต่นั่นก็ดูเหมือนว่าผลที่ออกมาก็เหมือนเดิม

    แจจุงยังคงจ้องมองโทรศัพท์นิ่ง

    ความแปลกใจบางอย่างประทุขึ้นมาในสมอง ยูชอนไม่เคยปิดโทรศัพท์ซักครั้งเวลาที่เขาโทรหา หรืออาจจะเกิดอะไรขึ้นนะ

    แจจุงพยุงตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ถูกแขวนไว้อย่างเรียบร้อยในตู้ไม่ใกลจากเตียง

    จากนั้นก็ใช้เวลาไม่นานในการทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล

    รถแท็กซี่สีฟ้านั้นจอดเคียงข้างบ้านสองชั้นสีขาวสะอาดตา

    ผีเสื้อสองสามตัวกำลังบินวนเวียนอยู่รายรอบบริเวณบ้าน ดอกไม้หลายๆดอกนั้นชูช่อไสวแข่งกันต้อนรับเจ้าของบ้านคนเดิมกลับมา แต่ความรู้สึกของเขาต่างไปทันทีที่เข้าก้าวลงจากรถและมือได้สัมผัสกับประตูเหล็กบานใหญ่ของบ้าน บ้านที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของน้องชายคนโปรดของเขาในช่วงเวลาเย็นๆแบบนี้ที่ ชางมินมักจะออกมาเดินเล่นเสมอ แต่วันนี้ไม่มี เสียงพูดคุยกันและเสียงเพลงดั่งสั่นหูที่มักจะมาพร้อมกับเสียงฮัมเพลงเบาๆของจุนซูก็ไม่มี มันเงียบเสียจนเหมือนไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ที่นี่เลยแจจุงรวบรวมสติก่อนจะค่อยๆใช้มือข้างหนึ่งพยุงขาที่เจ็บและมืออีกข้างหนึ่งบิดลูกประตูเพื่อเปิดเข้าบ้าน เหมือนเวลาทั้งโลกหยุดนิ่งราวกับภาพที่เขาเห็นในตอนนี้มันสะกดเขาเข้าสู่โลกแห่งฝันร้าย โซฟาตัวใหญ่ของบ้านนั้นถูกจับจองโดยร่างของคนสองคน ที่กำลังร่วมรักกันอย่างไม่เกรงใจสายตาของเขา ทั้งคู่ค่อยๆเล่นบทสวาทกันอย่างช้าๆราวกับว่าอยากให้ภาพนี้นั้นติดตาของผู้ที่พบเห็นในยามนี้ไปนานแสนนาน

    "

    "

    "

    ยูชอนในร่างที่เปล่าเปลือยนั้นยังคงเป็นฝ่ายรุกเร้าจนร่างบางของจุนซูที่รับครางกระเส่า เสียงสวรรค์นั้นดังขึ้นเรื่อยๆทุกทีที่ยูชอนขยับกายเข้าออก ยูชอน อ่ะอ่ะ! ไม่ใหวแล้ว"ทนหน่อยนะ ทนนิดนึง"ยูชอน….อ่ะ เดี๋ยวอื้อ"

    ริมฝีปากบางของยูชอนนั้นประกบกับริมฝีปากของจุนซูทันที

    ลิ้นร้อนๆที่ซุกซนนั้นกำลังซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากสีแดงกลีบกุกลาบนั้น ยูชอนบรรจงจูบด้วยความอ่อนโยนราวกับว่าต้องการจะซึบซับความเจ็บปวดของคนตรงหน้าจากการกระทำของเขา

    ยูชอนเร้าอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆด้วยการขยับแกนกลางถี่ขึ้นจนลืมสังเกตุไปว่าน้ำตาหยดเล็กๆจากดวงตาทั้งคู่ของจุนซูนั้นได้ใหลลงมาด้วยความเจ็บปวดแต่ดูเหมือนเขาก็ยังเก็บอาการแม้ว่าจะเจ็บปวดเท่าใด

    ยอมได้

    เพื่อคนๆนี้คนเดียวเท่านั้น

    ฉันรักนายนะ ยูชอน

    สิ้นเสียงเขาก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังหลั่งใหลเข้ามาในตัวเขา

    สิ่งที่ทำให้เขากับยูชอนเป็นหนึ่งเดียวกันและสายสัมพันธ์แนบแน่นกำลังแผ่ซ่านเข้ามา สู่กายและใจของเขา

    ริมฝีปากคู่สวยของยูชอนประกบเข้ากับริมฝีปากสีกุหลาบอีกครั้ง

    เพื่อแทนคำขอโทษสำหรับความเจ็บปวดที่ยูชอนได้รับจากเขา ยูชอน ฉันรักนายนะ

    ฉันก็รักนาย รักมากด้วย จุนซู

    น้ำตาของความเสียใจและไม่เข้าใจประทังกันเข้ามาสู่บุรุษที่สามที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตลอด

    มันบาดลึกลงไปถึงความรู้สึกข้างในที่เขานั้นไม่เคยคิด คนหนึ่งคือคนที่เขาคิดว่าคือเพื่อนที่เขารักที่สุดและอีกคนที่เขาให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เลือดสีแดงสดนั้นค่อยๆใหลลงจากมุมปากเนื่องจากเขาต้องกัดมันไว้เพื่อสงบอารมณ์ไม่ให้มันแสดงออกมาแจจุงจุนซูค่อยเอื้อนเอ่ยเรียกชื่อของเพื่อนรักราวกับไม่เชื่อสายตาของคนตรงหน้าจะมายืนอยู่ที่นี่ ตรงหน้าเค้าและดูเหมือนว่าชื่อนี้จะเรียกให้ยูชอนนั้นตื่นขึ้นมาจากภวังค์แห่งความใคร่ในทันใด เขาผละตัวออกจากจุนซูอย่างรวดเร็วพลางควานหยิบกางเกงขายาวที่วางอยู่ที่พื้นและสวมมันอย่างลวกๆก่อนจะเดินตรงมาหาแจจุงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

    "

    แจจุง นายฟังฉันก่อนนะ คือฉันฉันอธิบายได้"ยูชอนจับมือของแจจุงเบาๆโดยรับรู้ถึงร่างบางที่กำลังสั่นใหว

    "

    "

    น้องอยู่ใหน…"แจจุง นายเงยหน้ามองฉันก่อนนะ ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไงดี แต่ตอนนี้นายตั้งสติก่อนนะ"ยูชอนเห็นท่าแล้วว่าต้องดูไม่ดีแน่เพราะแจจุงเอาแต่ก้มหน้าและร้องให้พร้อมกับน้ำตาที่ใหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

    "

    ฉันถามว่าน้องอยู่ใหน!"เสียงแผดร้องอย่างบ้าคลั่งนั้นดังมาพร้อมกับดวงตาสีแดงก่ำที่จับจ้องมาที่ยูชอนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

    "

    "

    คือชางมินเค้า…"หนีไปแล้ว หนีไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว"จุนซูแทรกพูดขึ้นซึ่งก็ทำเอายูชอนต้องหัวควับไปมองด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้แววตาและน้ำเสียงที่ก้าวร้าวของจุนซูนั้นลดลงเลย

    "

    "

    อยากตามก็ตามมันไปซิ ไอ้เด็กไม่รักดีอย่างนั้น ใครพูดก็ไม่ฟัง ฉันหมดปัญญากับมันแล้ว"จุนซู! หยุดเดี๋ยวนี้นะ"ยูชอนกำราบด้วยเสียงอันดังก่อนที่จุนซูจะได้พูดอะไรต่อ

    "

    แจจุงเมื่อวานนี้ที่นี่มีเรื่องนิดหน่อย แล้วน้องก็อาจจะเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง เลยตัดสินใจอะไรผิด บางทีเขาอาจจะไปอยู่บ้านเพื่อนนายไม่ต้องกังวลนะ"ยูชอนโผเข้ากอดแจจุงหวังจะลดระดับความโกรธของแจจุงที่กำลังประทุขึ้นทุกขณะในตอนนี้

    แจจุงผลักอกที่เปล่าเปลือยของยูชอนจนกระเด็นออกไป

    และค่อยๆหมุนตัวเพื่อออกไปจากสถาณที่แห่งนี้แต่ก็ต้องหยุดไว้ด้วยพันธนาการที่รัดแน่นของยูชอน

    "

    แจจุง ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ…"ยูชอนตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดังใส่คนตรงหน้า ราวกับจะให้มันส่งไปถึงใจของคนตรงหน้า แต่ก็ดูเหมือนมันก็เป็นเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น

    เพี๊ยะ

    ! "…คนสารเลว."ฝ่ามือสีขาวนั้นกระทบเข้ากับแก้มเขาอย่างแรงท่ามกลางความตกใจของจุนซูที่นั่งมองอยู่ไม่ห่างจนตัวเองต้องวิ่งตรงมาหายูชอน

    "

    คงมีความสุขกันมากเลยใช่มั้ยที่ผ่านมาคงเห็นฉันเป็นตัวตลกตัวนึงที่มันโง่มาตลอดเวลา ที่เคยคิดว่าคนที่ใกล้ที่สุดนั้นคือคนที่ไว้ใจได้ที่สุด แต่วันนี้ฉันรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ รักกันให้มากๆนะยูชอนปล่อยฉันไปเถอะถ้านายยังเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา ฉันจะไปตามหาน้องฉันขอร้อง"แจจุงพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าทั้งน้ำตาก่อนจะค่อยๆพยุงตัวออกมาจากบ้านด้วยความรวดเร็วเท่าที่เขาจะพยุงตัวให้เดินออกไป

    "

    แจจุง! หยุดก่อน รอฉันก่อน"ยูชอนตะโกนสุดเสียงเพื่อเรียกให้แจจุงที่ตอนนี้กำลังเร่งฝีเท้าหันกลับมาแต่นั่นก็ดูเหมือนจะไร้ผล ขณะที่ยูชอนจะขยับเท้าออกวิ่งตามแจจุงก็ต้องถูกหยุดไว้ด้วยอ้อมกอดของร่างบางอีกคน

    "

    ยูชอน อย่าไปเลยนะ อย่าไป"จุนซูยังคงโอบกอดยูชอนไว้แน่นในอ้อมแขนราวกับกลัวว่าร่างนี้จะหายไป

    "

    จุนซูปล่อยฉัน ปล่อย!"ยูชอนพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากพันธนาการของจุนซูแต่นั้นก็ดูเหมือนว่ามันจะรัดแน่นขึ้นทุกทีที่เขาจะก้าวขาออก

    "

    นายบอกว่านายรักฉันไม่ไช่เหรอ ฉันขอนายแค่นี้ นายอย่าตามเค้าไปนะ ฉันขอร้อง นะยูชอน"สายน้ำตาที่ใหลรินออกมาอาบแก้มใสของยูชอนนั้นเรียกสติของยูชอนกลับมาได้อย่างชะงัก เหมือนไฟที่กำลังลุกไหม้นั้นสงบลงในทันใด ยูชอนค่อยๆก้มหน้าลงมาช้าๆเช็ดน้ำตาที่ใหลออกมาอย่างไม่ขาดสายของจุนซู

    "

    ฉันรักนายนะจุนซู แต่แจจุงคือเพื่อนของเรานะ นายจะปล่อยให้เขาไปคนเดียวเหรอ นายเข้าใจฉันนะจุนซู…"ยูชอนพูดช้าๆ

    "

    นายยังรักแจจุงใช่มั้ย…"ราวกับคำพูดได้เสียดแทงในใจของยูชอนจนเขาต้องชะงักลง

    "

    ถ้านายไปก็ไม่ต้องกลับมาอีก นายเลือกเอา ระหว่างฉันกับแจจุง นายจะเลือกใคร"จุนซูยื่นคำขาดก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าจุนซูเพื่อรอคำตอบ

    "

    นายอย่าทำแบบนี้ได้มั้ยจุนซู ฉันไม่ชอบเลย"ยูชอนก้มหน้าในขณะที่มือทั้งสองข้างยังคงกำแน่น

    "

    ประกบริมฝีปากสีกุหลาบกับริมฝีปากคู่สวยทันทีเพื่อแทนคำตอบ

    ฉันรักนายนะ ยูชอน ฉันรู้ว่ายังไงนายก็เลือกฉัน"จุนซูพูดพร้อมกับ

    "

    อยู่นี่กับฉันนะยูชอน"เสียงพูดขอจุนซูนั้นจบลงแต่เป็นการเริ่มต้นบทจูบที่แสนดื่มด่ำยามค่ำคืนอีกครั้งหนึ่ง

    ………………………………………………….

     

     

     

    เสียงไซเรนของรถตำรวจสองถึงสามคันนั้นดังระงมอยู่ทั่วท้องถนน

    แสงของมันราวกับลูกข่างสีแดงทั่วท้องถนนกำลังหมุนอยู่อย่างไม่สิ้นสุด ถนนทุกสายถูกตั้งด่านเพื่อตรวจค้น และบุคคลที่ตอนนี้ตำรวจเหล่านี้กำลังต้องการตัวนั้นจะไม่มีวี่แววที่จะพบจนกระทั่งยุนโฮเหยียบคันเร่งกว่าร้อยแปดสิบเพื่อจะหลบหนีรถตำรวจหลายๆคันที่ตามติดรถเขามาอย่างกระชั้นชิด และโชคก็ดูเหมือนว่าจะไม่เข้าข้างเพราะเบื้องหน้าของเขาคือด่านของเจ้าหน้าที่กว่าสิบนายที่ประจำอยู่และดูเหมือนว่าทั้งหมดจะเตรียมตัวพร้อมที่จะสกัดรถของเขา ยุนโฮหักเลี้ยวรถออกลงข้างทางทันทีเนื่องจากบริเวณโดยรอบข้างที่ขนาบเขาอยู่นั้นเต็มไปด้วยตึกแถวและซอยเล็กๆเต็มไปหมด การตัดสินใจอย่างรวดเร็วจึงเกิดขึ้นด้วยความคิดวูบหนึ่ง กลิ่นของยางที่เสียดสีกับพื้นถนนนั้นคละคลุ้ง ควันสีเทานั้นล่องลอยปกคลุมทั่วบริเวณ ยุนโฮถือจังหวะที่บริเวณโดยรอบนั้นเกิดความโกลาหลวิ่งลงมาจากรถและหายไปในฝูงชนในทันที ซึ่งตำรวจหลายนายที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอดนั้นยังคงวิ่งไล่ล่าเขา แต่เนื่องจากบริเวณโดยรอบที่มีผู้คนมากมายจึงทำให้เกิดความสับสน และคลาดตัวจากเขาไปในที่สุด

    ยุนโฮยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ และด้วยความอ่อนล้านั้นทำให้เขาต้องหยุดพักหน้าโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านหลังหนึ่ง หัวใจที่เต้นถี่ด้วยความเหนื่อยล้านั้นส่งผลให้ดวงตาทั้งคู่ของเขานั้นแทบจะลืมไม่ขึ้น แต่ดูเหมือนว่าภาพของคนตรงหน้าจะทำให้เขาอึ้งไปชั่วขณะเพราะไม่คิดว่าจะมาเจอที่นี่ก่อนจะตะโกนออกไปสุดเสียงทันทีที่ๆตั้งสติได้

    "

    "

    "

    แจจุง! ใช่นายหรือเปล่า แจจุง!"ยุนโฮ นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"แจจุงหันกลับมาด้วยความตกใจปนดีใจที่อย่างน้อยตอนนี้หนึ่งในคนที่เขากำลังคิดถึงก็มาหยุดอย่าตรงหน้าเขาแล้ว คือฉันมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ นายมากับฉันได้มั้ย แจจุง"โดยไม่ต้องรอคำตอบจากปากแจจุง ยุนโฮก็จูงมือร่างบางออกวิ่งทันที่โดยไม่ทันตั้งตัว

    "

    เดี๋ยวก่อนยุนโฮ นายมีเรื่องอะไรเหรอ คือตอนนี้ฉันกำลังรีบอยู่นะ"แจจุงหยุดมือของยุนโฮก่อนจะถามด้วยความแปลกใจ

    "

    ตอนนี้นายอย่าเพิ่งถามอะไรฉันเลย ตามฉันมาก่อนนะ"ยุนโฮจูงมือแจจุงและรีบออกเดินโดยไม่ปล่อยโอกาสให้ร่างบางได้ถามอะไรอีกและดูเหมือนว่าตอนนี้แจจุงก็เข้าใจและตามไปโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

    ไม่นานนักหลังจากที่ทำเรื่องเข้าพักเสร็จ

    ยุนโฮหยุดฝีเท้าลงด้านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปยังเค้าเตอร์ด้านหน้าทันทีเพื่อทำเรื่องเข้าพักในโรงแรมโดยสายตาแจจุงยังคงมองเขาด้วยความไม่เข้าใจกับพฤติกรรมของเขาที่ดูแปลกๆไปตลอดทาง ยุนโฮก็รับกุญแจห้องจากพนักงานแล้วเดินจับมือแจจุงเดินตรงไปยังห้องพักที่จองไว้ท่ามกลางสายตาที่มองมายังทั้งคู่อย่างไม่วางตา

    ยุนโฮเปิดประตูห้องช้าๆก่อนจะเอื้อมมือควานหาสวิตช์ไปในห้อง หลังจากความสว่างของหลอดไปนั้นกระจายไปทั่วบริเวณนั้นเผยให้เห็นห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ถูกจัดไว้ด้วยมุมต่างๆอย่างลงตัวไม่ว่าจะเป็นโซฟา โทรทัศน์ และเครื่องเรือนต่างล้วนเป็นของนอกแทบทั้งสิ้น พรมสีแดงที่ปูอยู่กลางพื้นห้องนั้นยามที่เท้าทั้งสองได้สัมผัสลงเหยียบก็ให้ความรู้สึกเหมือนสำลีที่ทั้งนุ่มและเบาสบายเท้า แต่ดูเหมือนว่าคนที่กำลังจะเข้าพักในตอนนี้ไม่มีอารมณ์สุนทรีเช่นนั้นเลย

    "

    ตกลงนายจะเล่าให้ฉันฟังได้หรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น" แจจุงค่อยๆพยุงตัวเดินไปยังโซฟาตัวเล็กที่ตั้งอยู่ติดกับทีวีเครื่องใหญ่ภายในห้อง พลางจ้องมองมาที่ยุนโฮรอคำตอบ

    "

    แจจุง ฉันขอโทษนะที่พานายมาลำบากด้วย แค่ตอนนี้หลายๆคนกำลังเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวฉัน และฉันกำลังจะไม่เหลือใครแล้วตอนนี้…"ยุนโฮเดินมานั่งข้างแจจุง พลางปลดกระดุมที่คอเสื้อเพื่อคลายความอึดอัดและความร้อน

    "

    นายกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่"แจจุงถามด้วยความไม่เข้าใจ

    "

    ตอนนี้ฉันยังไม่อยากเล่ารายละเอียดอะไรมาก เพียงแต่ฉันคงต้องเก็บตัวอยู่ที่นี่ซักพัก รอเวลาเพื่อให้อะไรหลายๆอย่างคลี่คลาย ตอนนี้ฉันไม่มีใครเลย นายอยู่กับฉันที่นี่นะ…"ราวกับเด็กตัวเล็กๆที่ขอร้องให้ผู้ใหญ่อยู่ด้วยในยามเหงาใจ ยุนโฮกำลังกุมมือนุ่มของแจจุงวางไว้แนบอกแทนคำขอร้อง แต่ทันทีเขาได้มองหน้าของร่างบางอย่างละเอียดแล้วเขาก็สังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง

    "

    แจจุงนายร้องไห้เหรอ…"ยุนโฮเอื้อมมือไปแตะที่ขอบตาคู่สวยของแจจุงก่อนจะค่อยลูบมันช้าๆอย่างทะนุถนอม ดวงตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนัก เส้นเลือดฝอยสีแดงภายในตานั้นยังคงเป็นเส้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดและทันทีที่ความทรงจำเมื่อครู่นั้นได้ถูกย้ำเตือนก็ทำให้น้ำตาของความเจ็บปวดนั้นใหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย ราวกับภาพเก่าๆนั้นได้ฉายซ้ำอีกครั้งเมื่อครู่

    "

    ยุนโฮ…"แจจุงโผเข้ากอดยุนโฮอย่างเต็มแรง และกอดแน่นลงไปทุกขณะจนทำให้ร่างสูงรู้สึกว่าแจจุงกำลังเจ็บปวดและหวั่นใหวกับเรื่องบางอย่างที่เจอมา ซึ่งดูเหมือนว่ายุนโฮก็กอดร่างบางตอบเช่นกันราวกับต้องการถ่ายทอดความรู้สึกให้กันและกัน

    "

    "

    เราอาจจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ฉันอยากจะบอกนายว่าฉัน เอ่อเอ่อฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายนะ แจจุง"ยุนโฮผละตัวออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นเล็กน้อยและใช้มือหนาค่อยๆลูบเส้นผมที่หนานุ่มสีดำของแจจุงอย่างอ่อนโยน ยุนโฮ นายช่วยฉันตามหาน้องฉันหน่อยได้มั้ย ตอนนี้เขาออกจากบ้านไปหลายวันแล้ว ฉันอยากรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนตอนนี้ นายต้องช่วยฉันนะ"แจจุงเช็ดน้ำตาออกและพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า

    "

    ฉันไม่รู้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนายนะ แต่เอาเป็นว่าฉันจะอยู่ช่วยนายตามหาน้องนะ"สายตาที่แน่วแน่นั้นจ้องมองลงมายังดวงตาคู่สวยที่ยังคงช้ำจากการร้องให้ เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขารู้สึกได้ว่ามันเป็นเป็นการร้องให้ด้วยความดีใจที่อย่างน้อยๆเขาก็ไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางเงามืดรอบด้านที่กำลังถาโถมเข้าใส่ เพราะยังมีใครบางคนๆนั้นพร้อมจะยืนอยู่คู่กับเขาด้วยความเข้าใจ และแค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่ไม่เหลืออะไรอย่างเขา

    "

    เดี๋ยวเราออกไปตามหาน้องมินกันนะ ฉันเป็นห่วงน้องไปตอนนี้เลยนะ"แจจุงเช็ดน้ำตาก่อนจะพยุงตัวขึ้นช้าๆพลางจับข้อมือของยุนโฮแน่นพร้อมกับเดินเพื่อที่จะออกไปด้านนอกห้อง

    "

    คืนนี้ดึกมากแล้วฉันว่าเรานอนพักเอาแรงก่อนดีกว่านะพรุ่งนี้คอยออกตามหาดีน่าจะดีกว่า ฉันเข้าใจนะว่านายเป็นห่วงน้อง แต่ฉันก็อยากให้นายเป็นห่วงตัวเองด้วยเหมือนกัน เชื่อฉันนะ ตอนนี้นายพักผ่อนก่อนแล้วพรุ่งนี้ฉันสัญญานะว่า เราจะออกตามหาน้องนายด้วยกัน"ยุนโฮจับข้อมือของร่างบางเพื่อที่จะรั้งไว้อย่างเบามือและอธิบายเหตุผลเพื่อให้เข้าใจ

    "

    แต่ว่าฉันเป็นห่วงฉันกลัว…"แจจุงจ้องหน้ายุนโฮแต่ก็ต้องหลบตาลงทันทีที่พูดจบเมื่อเห็นยุนโฮจ้องเขาตอบอย่างไม่วางตา

    "

    ถ้านายเป็นห่วงน้องนายจริง นายต้องฟังฉันนะ คืนนี้นายต้องพักผ่อนแล้วพรุ่งนี้เราจะออกตามหาน้องนายด้วยกัน"ยุนโฮพูดพร้อมกับจูงมือของแจจุงกลับเข้ามาบริเวณกลางห้องอีกครั้ง

    "

    สัญญานะ ว่าพรุ่งนี้เราจะออกตามหาน้องมินแต่เช้า สัญญานะยุนโฮ"แจจุงจับมือของยุนโฮเขย่าช้าๆในขณะที่มือของตัวเองกำลังสั่นใหว

    "

    ฉันสัญญา ตอนนี้นายไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนนะ เชื่อฉัน"ยุนโฮพูดพร้อมกันเอื้อมมือหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดส่งให้เดี่ยวฉันโทรลงไปสั่งอาหารขึ้นมาก่อน หิวมาเลย ตั้งแต่เย็นยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย"ยุนโฮพูดพร้อมกับทำท่ากุมท้องก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่มุมห้อง

    แจจุงยิ้มมุมปากกับท่าทีของยุนโฮก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ใส่มาทั้งวันออกเผยให้เห็นช่วงบนที่ขาวเนียนและตอนนี้ก็ยิ่งเปล่งประกายขึ้นอีกเมื่อกระทบกับแสงสลัวๆของไฟภายในห้อง

    "

    แจจุงเอ้ย! ขอโทษ"ยุนโฮตัวใจจะถามร่างบางบางอย่างแต่ก็ต้องหันกลับทันทีด้วยใบหน้าที่แดงจัดอย่างไม่ทราบสาเหตุ

    "

    นายเอ่อนายอยากกินอะไรเย็นนี้เหรอ เดี๋ยวฉันจะสั่งขึ้นมา"ยุนโฮพูดแต่สายตายังคงไม่มองคู่สนทนา

    "

    แล้วแต่นายเลย อันที่จริงไม่ต้องสั่งอะไรมากให้ฉันก็ได้นะฉันยังไม่ค่อยหิวเลย เดี๋ยวยังไงฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ"แจจุงก้าวเท้าเข้าไปยังห้องน้ำทันทีที่พูดจบทิ้งไว้ให้ยุนโฮนั้นยังยืนใจเต้นระส่ำกับจินตนาการของตัวเอง

     

    เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงนั้นผ่านไปกับการทำภาระกิจส่วนตัวของแต่ละคนและดูเหมือนว่าเวลานอนของคนทั้งคู่ก็ได้มาถึงเพราะดูจากเข็นสั้นของนาฬิกาโบรานทรงยุโรปเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนังสีเหลืองอ่อนของห้องชี้บอกว่าขณะนี้เป็นเวลากว่าตีสองแล้วที่คนทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ในห้องนี้

     

    เตียงคู่สีขาวนั้นตั้งตระหง่านอยู่มุมห้อง ผ้าห่มนวมสีชมพูอ่อนผืนใหญ่ที่ดูอบอุ่นนั้นวางผาดอยู่บนเตียง หมอนนุ่มๆสีขาวนั้นถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบบนหัวเตียงทั้งซ้ายและขวา ยุนโฮมองมันพลางกลืนน้ำลายอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าการนอนในวันนี้จะเป็นวันที่เขาข่มให้หลับลงยากที่สุดเสียแล้ว

    "

    แจจุง เดี๋ยวนายนอนบนเตียงนะ ฉันนอนโซฟาเอง"ยุนโฮพูดพลางเดินไปหยิบหมอนอีกใบบนเตียงติดมือมาวางที่โซฟา

    "

    อ้าว นายก็นอนด้วยกันซิ เตียงก็ออกจะใหญ่ ฉันนอนคนเดียวไม่ได้หรอก เอ๊ะ! …หรือนายนอนดิ้น"แจจุงยืนกอดอกถามคนตรงหน้าด้วยแววตาฉงน

    "

    ป่าวๆ ฉันคือฉันชอบนอนคนเดียวน่ะ นอนกับคนอื่นมันไม่ชิน ฉันนอนไม่หลับ"ยุนโฮตอบเอาตัวรอด

    "

    งั้นนายไปนอนบนเตียงเถอะเดี๋ยวฉันนอนที่โซฟาเอง"แจจุงเดินไปหยิบหมอนอีกใบและวางไว้ข้างๆยุนโฮพลางทำท่าจะล้มตัวลงนอน

    "

    "

    ไม่ๆ นายนั่นล่ะไปนอนบนเตียง เดี๋ยวฉันนอนโซฟาเอง"นายนั่นล่ะนอนบนเตียงไป เดี๋ยวฉันนอนที่โซฟาเอง"แจจุงกอดอกตอบคนตรงหน้าอย่างไม่ยอมแพ้

    "

    นายไปนอนบนเตียงเถอะนะ เดี๋ยวฉันนอนตรงนี้เอง"ยุนโฮใช้ลูกอ้อนกับร่างบางหวังจะได้รับความเห็นใจแต่ก็ไม่เป็นผล

    "

    งั้นฉันตัดสินใจละ นอนนี่ล่ะ ไม่ต้องนอนละบนเตียง"แจจุงล้มตัวลงนอนทันทีโดยที่ยุนโฮที่นอนอยู่ข้างๆยังไม่ทันได้ตั้งตัว และทันทีที่หัวถึงหมอนก็ดูเหมือนว่าร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งวันก็ใช้เวลาไม่นานเข้าสู่ผวังค์ในทันที ซึ่งยุนโฮก็ได้แต่นั่งมองอยู่ข้างๆด้วยความเอ็นดูกับท่าทีเด็กๆของคนตรงหน้า

    เป็นเวลากว่าสิบนาทีแล้วที่เขายังคงนั่งจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่วางตาซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมใจเขาถึงรู้สึกเต้นทุกครั้งที่มองริมฝีปากสีเชอรี่และดวงตาเรียวคู่สวยนี้

    ยุนโฮค่อยๆเลื่อนมือหยาบหนาออกไปลูบไล้หน้าผากและเรือนผมของร่างบางช้าๆด้วยความทนุถนอม ริมฝีหนาของร่างสูงนั้นค่อยๆโน้มตัวลงมาใกล้และประทับจูบลงช้าๆบนหน้าผากสวยของแจจุง

    "

    จับได้แล้ว โจรขโมยจูบ"แจจุงลืมตาขึ้นทันทีที่ยุนโฮถอนริมฝีปากออกและนั่นก็ทำให้ยุนโฮถึงกับผงะออกไปด้วยความตกใจ

    "

    "

    นายยังไม่หลับเหรอ"ถ้าหลับแล้วจะจับขโมยได้เหรอ"แจจุงพูดด้วยในหน้าที่เปื้อนยิ้ม

    "

    คือฉันฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"ยุนโฮก้มหน้ามองพื้นไม่กล้ามองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิด

    "

    ฉันไม่รู้จะพูดไงดี แต่ฉันอยากจะบอกว่าฉันชอบนายนะ มัน เอ่อมันอาจจะดูแปลกๆที่ผู้ชายสองคนจะชอบกันได้ แต่คือมันเป็นความรู้สึกจากใจฉันจริงๆนะ แจแจจุง นายเอ่อคบกับฉันนะ"ยุนโฮพูดตะกุกตะกักพลางกุมมือแจจุงอย่างเบามือรอคำตอบ ซึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าดวงตาทั้งคู่ของเขามันจะรื้นไปด้วยน้ำตาเพราะกลัวคำตอบจะไม่เป็นดั่งที่เขาคิด กลัวว่าคนตรงหน้าจะรังเกียจ

    "

    ยุนโฮ…"แจจุงขานเรียกคนตรงหน้าเบาๆพลางเอื้อมมือไปสัมผัสกับมือของอีกฝ่าย

    "

    "

    นายอย่าร้องไห้ซิ ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าฉันรังเกียจนาย แค่คบกันกันใช่มั้ย งั้นลองดูก็ได้"นายพูดจริงๆนะแจจุง คบกับฉันนะ ฉันสัญญานะว่าจะไม่ทำให้นายผิดหวัง"คนตัวตัวเริ่มมีรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนจะเป็นฝ่ายจับมือร่างบางแทน

    "

    อย่าเพิ่งสัญญาอะไรกับฉันเลย เพราะมันเคยทำให้ฉัน เอ่อฉันหมายถึง ฉันกลัวน่ะ"แจจุงละสายตาออกจากยุนโฮก่อนจะก้มหน้ามองพื้นพลางคิดอะไรบางอย่าง

    คางเรียวถูกจับด้วยมือหยาบให้หันมามองหน้าเขาอย่างเบามือ ริมฝีปากหนานั้นประกบติดกับริมฝีปากสวยสีเชอรี่ในทันใดโดยที่ร่างบางไม่ทันได้ตั้งตัว ลิ้นร้อนๆนั้นสอดผ่านเข้าไปในโพรงปากสีชมพู ก่อนจะควานหาความหวานในโพรงปากนั้นอย่างซุกซน แรงกดจากริมฝีปากหนานั้นยิ่งแน่นเท่าไร ลมหายใจของร่างบางนั้นก็ดูเหมือนว่าจะแผ่วเบาลงเท่านั้น จนเขาต้องผละตัวยุนโฮ ออกก่อนที่จะหมดลมหายใจ

    "

    จูบนี้แทนความรักที่ฉันให้นายนะ"ยุนโฮพูดข้างๆหูตนตัวเล็กเบาๆก่อนจะค่อยๆอุ้มร่างบางแนบอกและเดินตรงไปที่เตียงตัวใหญ่ในทันที

    ยุนโฮค่อยวางร่างบางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม ชุดนอนสีขาวที่ถูกมัดไว้ด้วยเชือกสีขาวที่เอวเพียงเส้นเดียวนั้นเริ่มคลายออกเผยให้เห็นอกที่ขาวเนียนของตนตรงหน้า อารมณ์ที่พลุกพล่านของยุนโฮตอนนี้มันเกินจะควบคุมให้สะกดอยู่ภายใต้จิตสำนึกเสียแล้วยุนโฮกดริมฝีปากหนาประกบกับริมฝีปากของร่างบางอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่ว่าตอนนี้นั้นอ่อนโยนและนุ่มนวล หลังจากควานหาความหวานหอมในโพรงปากแล้วลิ้นร้อนๆก็ซุกซนไซร้ไปตามซอกคอขาวและดวงตาเรียวสวย มือที่ว่างของร่างสูงนั้นค่อยๆปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ละชิ้นของร่างบางอย่างช้าๆ

    "

    ยุนโฮ คือฉันยัง…"แจจุงเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังอยู่บนร่างเขาตอนนี้เพื่อที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่นั่นก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่พูดอะไรกับยุนโฮในตอนนี้ เพราะอารมณ์ของเขาในตอนนี้มันพลุกพล่านเกินกว่าจะฟังคำทัดทานใดๆ

    "

    เชือกสีขาวเพียงเส้นเดียวที่ถูกมัดอยู่ถูกมือใหญ่นั้นปลดออกให้หล่นอยู่ข้างเตียงก่อนผิวที่ขาวเนียนนั้นจะเริ่มเป็นรอยแดงช้ำจากริมฝีปากหนาที่กดลงมายังส่วนต่างๆเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ของชายร่างสูงที่ตอนนี้กำลังประโคมจูบอันหนักหน่วงกับร่างที่บอบบางนี้ ลิ้นร้อนๆนั้นซุกไซร้ผ่านลำคอและลงมายังติ่งสีชมพูทั้งสองข้างที่กำลังตั้งชูชันทันทีที่ลิ้นร้อนนั้นทันทีที่สัมผัส อ่ะ ยุนโฮ อ่า"เสียงครางกระเส่าเบาๆนั้นเริ่มขึ้นเมื่อยุนโฮเดินเกมมาถูกจุด

    "

    ริมฝีปากหนานั้นค่อยๆพรมจูบตามร่างบางช้าๆและไล่ลงมายังจุดศูนย์กลางของแจจุง ยิ่งยุนโฮเข้าใกล้จุดนี้มากเท่าไรก็ดูเหมือนว่าเสียงครางกระเส่าของร่างบางนั้นก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที นิ้วเรียวนั้นค่อยสอดเขาไปภายในโพรงสีชมพูหวานอีกแห่งอย่างเบามือ เพื่อขยายช่องทางให้ยุนโฮนั้นผ่านเข้าไปได้อย่างเต็มที่ อ่ายุนย่ะ อย่า…"น้ำตาหยดใสๆนั้นเริ่มปรากฎขึ้นด้วยความเจ็บปวด แต่ดูเหมือนว่าเสียงครางของร่างบางจะยิ่งทำให้อารมณ์ของยุนโฮนั้นพลุกพล่านขึ้นไปอีก

    นิ้วที่สองและสามถูกสอดเข้าไปในทันทีจังหวะที่เลือนเข้าออกอย่างช้าๆนั้นเรียกเสียงครางของแจจุงได้เป็นอย่างดี และเมื่อช่องทางสีชมพูหวานนั้นถูกขยายออกเต็มที่แล้ว ยุนโฮก็เริ่มปลดอาภรณ์ของเขาออกเช่นกัน มัดกล้ามที่สมส่วนกับร่างกายที่ใหญ่โตนั้นยิ่งเสริมส่วนใจกลางของเขาที่กำลังขยายตัวอย่างเต็มที่ให้ดูเด่นขึ้น ยุนโฮค่อยๆขยับขาร่างบางแยกออกช้าๆก่อนจะโน้มตัวลงพรมจูบหยอกล้อกับติ่งไตสีชมพูหวานของร่างบางอีกครั้ง

    "

    แจจุงเป็นของฉันนะ…"ยุนโฮจับที่แกนกลางก่อนจะค่อยแทรกตัวเข้าไปภายในโพรงสีชมพูนั้น และด้วยขนาดที่แตกต่างกันทำให้ส่วนกลางของยุนโฮนั้นดูฝืนเมื่อผ่านไปได้เพียงครึ่งทาง แรงเสียดทานเริ่มมากขึ้นทุกทีที่เริ่มขยับ ยุนโฮค่อยเอนกายลงให้แนบแน่นเพื่อที่จะสอดผ่านไปให้ได้แต่นั่นดูเหมือนว่านั่นจะยิ่งเร่งความเจ็บปวดให้กับร่างบางด้านล่างอย่างรุนแรง

    "

    ย่ะ ย่ะ ยุนเจ็บ ฉันเจ็บ"เสียงครางแผ่วเบาจากลำคอของแจจุงนั้นยังคงดังออกมาเป็นระยะแต่ดูเหมือนว่ามันจะเบาเกินไปที่จะส่งไปถึงความรู้สึกของยุนโฮที่กำลังตกอยู่ในห้วงของอารมณ์

    แกนกลางขนาดใหญ่ของยุนโฮยังคงแทรกตัวเข้าไปภายในตัวของแจจุงและทุกครั้งที่แทรกตัวลงไปก็ดูเหมือนบริเวณโดยรอบจะเริ่มมีรอยช้ำแดงจากความแน่น จนเมื่อถึงขีดสุดแล้ว เลือดสีแดงหยดเล็กนั้นเริ่มไหลออกมาจากบริเวณโดยรอบ แต่นั่นดูเหมือนว่ามันเป็นยาหล่อลื่นอย่างดีที่ส่วนกลางของยุนโฮจะสอดผ่านเข้าไปสู่ภายในได้มากขึ้น และก็เป็นไปดั่งที่คิด ยุนโฮโน้มตัวลงแนบกับแจจุงในขณะที่ส่วนกลางนั้นเข้าไปจนลึกสุดในปากโพรงสีชมพูหวาน เมื่อรู้ว่าเดินมาตรงจุดแล้วเขาจึงเริ่มขยับ

    "

    "

    อ่ะ อ่า! อ่า! อ่า! ยุน…"เสียงของแจจุงนั้นดังขึ้นทุกขณะที่ส่วนกลางของยุนโฮแทรกผ่านเข้าออก ยุนโฮค่อยๆเลื่อนส่วนกลางเข้าออกช้าๆเพื่อขยายทางจนเมื่อรู้ว่าปากทางขยายดีแล้วจังหวะของการเข้าออกนั้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ยิ่งแจจุงบีบรัดส่วนของเขาให้ปะทะกับส่วนกลางของร่างสูงมากเท่าไรจะงหวะเร้าก็ยิ่งมากเท่านั้น จนรัวถี่ไม่เป็นจังหวะ แจอ่ะ อ่า อ่า"ยุนโฮเริ่มผ่อนจังหวะลงเมื่อรู้ว่าจังหวะนั้นจะมาถึง

    จังหวะการผ่านเข้าออกของแกนกลางนั้นเริ่มแผ่วลงกลายเป็นความนุ่มนวล ยิ่งจังหวะนั้นจะมาถึงเมื่อไรยุนโฮก็ยิ่งสอดแกนกลางของตัวเองให้ลงลึกทุกทีและร่างบางก็สัมผัสถึงบางสิ่งร้อนๆที่พลุ่งพลานเข้าสู่ร่างของเขาจากภายในตัวของยุนโฮ ยุนโฮค่อยๆถอดแกนกลางออกมาร่างบางพลางโน้มตัวลงไปจูบแก้มใส ก่อนจะเอื้อนเอ่ย

    "

    แจจุง ฉันรักนายนะ"บทรักที่แสนดื่มด่ำของคนทั้งคู่นั้นได้จบลงท่ามกลางร่างกายและจิตใจของคนทั้งคู่ที่รวมเป็นหนึ่งภายใต้แสงของนีออนยามค่ำคืนที่ส่งผ่านมาจากภายนอกหน้าต่าง อากาศในคืนนี้นั้นหนาวแทบขาดใจ แต่ภายใต้อ้อมกอดของกันและกันแล้วก็คงไม่มีสิ่งใดมอบความอบอุ่นได้มากกว่านี้ แต่อีกมุมหนึ่งนั้นไม่เคยมีใครรู้เลยว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นยังคงถูกจับจ้องอยู่ในสายตาของคนๆหนึ่งตลอดเวลา และตอนนี้เค้ากำลังเจ็บ เกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้อีก

     

    แสงอาทิตย์ในยามเช้านั้นสาดส่องลงมายังร่างเปล่าเปลือยของยุนโฮที่นอนอยู่อย่างอ่อนเพลียเส้นแสงสีทองเริ่มแทยงตาเค้าให้ตื่นจากพวังค์ ยุนโฮเริ่มก่ายมือซ้ายขวาไปมาช้าๆเพื่อควานหาร่างบางแต่ก็ดูเหมือนว่ารอบตัวของเขาจะมีแต่ความว่างเปล่า ยุนโฮลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันทีก่อนจะเริ่มมองหา

    "

    แจจุง…"ยุนโฮจ้องมองแจจุงในขณะที่มือข้างหนึ่งของร่างบางกำลังกำแก้วน้ำไว้แน่น

    "

    รายงานข่าวด่วนค่ะ ขณะนี้ทางตำรวจกำลังติดตามตัวผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนักธุรกิจบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของกรุงโซล จากรายงานของทางตำรวจเราสืบสาบมาว่า การฆาตกรรมในครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ…"ทันทีที่นักข่าวผมสั้นในชุดสูทที่กำลังรายงานข่าวอย่างคล่องแคล่วจะได้พูดจบเธอหน้าจอทีวีก็ถูกปิดลงทันที

    "

    อ้าวยุน ปิดทำไมล่ะ ฉันยังดูข่าวไม่จบเลย"แจจุงวางแก้วน้ำในมือลงก่อนจะถามยุนโฮด้วยความแปลกใจ

    "

    "

    นายต้องรีบไปตามหาน้องไม่ใช่เหรอ รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะเราจะได้ออกไปด้วยกัน"ก็ได้"แจจุงเดินหยิบผ้าเช็ดตัวบนโต๊ะกดจะเดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก็ยังอดแปลกใจกับท่าทีแปลกของยุนโฮไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ต่อความอะไร

    …………………………………………………..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×