คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : sunset part1
Sunset
รับสมัครเลขานุการคนใหม่ ท่านผู้ใดมีความรู้ความสามารถดังที่กล่าวเบื้องต้นกรุณาติดต่อสอบถามได้ที่บริษัท ชองกรุ๊ป" แจจุง ค่อยๆเลื่อนสายตาลงอย่างช้าๆทีละข้อความในประกาศรับสมัครงาน มันเป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่เค้าต้องถูกเลิกจ้างจากบริษัทแห่งหนึ่งที่เขาทำงานอยู่เป็นเวลากว่าสามปี"
ยูชอน นายว่าตำแหน่งเลขานุการน่าสนใจไหม" แจจุงละสายตาสีฟ้าคู่สวยออกจากตัวหนังสือบนหน้าหนังสือพิมพ์ก่อนที่จะหันไปถามความเห็นกับยูชอนที่ตอนนี้กำลังนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจบนโซฟาสีม็อคค่าตัวโปรดที่วางอยู่กลางห้อง"
ดูๆไปแล้ว งานนี้ฉันว่าน่าสนใจนะ เงินเดือนก็สูง สวัสดิการก็ดี แถมยังเป็นงานที่ตรงกับตำแหน่งที่นายเรียนมาด้วยนี่"ยูชอนออกความอย่างตรงไปตรงมา พลางหยิบแครกเกอร์ชิ้นเล็กเข้าปากและตามด้วยกาแฟจิบใหญ่"
งานนี้จะว่าดีก็ดีนะครับ แต่ผมอยากให้พีแจจุงรู้จักบริษัทนี้ให้มากกว่านี้ จากที่ผมรู้มาจากเพื่อนและก็พี่ๆที่เคยทำงานที่นั่น ท่านประธานของที่นั่นดูจะเป็นคนหัวสมัยใหม่และก็แข็งกร้าวมากเลยทีเดียว เห็นเขาบอกว่าถ้าทำงานไม่เข้าตาหรือบกพร่องแค่ครั้งเดียวก็มีสิทธิโดนเลย์ออฟได้เลยครับ"ชางมินค่อยๆลุกจากเตียงสีขาวตัวใหญ่ช้าๆก่อนจะเดินตรงมานั่งข้างๆแจจุงพร้อมกับออกความเห็นให้กับพี่คนโตของบ้านที่ตอนนี้ดูจากสีหน้าแล้วเขาก็รู้ทันทีเลยว่าแจจุงกำลังสองจิตสองใจกับงานนี้อยู่"
ฉันว่านายลองดูก็ไม่เสียหายอะไรนะ อีกอย่างตอนนี้นายก็กำลังอยากจะหางานที่ตรงกับความสามารถนายจริงๆไช่มั้ย งานนี้ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกนะ"จุนซูพูดให้กำลังใจแจจุงขณะที่มือก็กำลังตักน้ำตาลในโหลรินใส่แก้วที่มีกาแฟอยู่ครึ่งหนึ่งก่อนจะกดน้ำร้อนใส่และเดินตรงมานั่งข้างๆจุนซู"
งั้นพรุ่งนี้ฉันลองไปสมัครดูนะ ได้หรือไม่ได้ยังไงเอาไว้ค่อยว่ากันอีกที เดี๋ยวตอนนี้ขอตัวลงไปทำอาหารเช้าก่อนนะ"แจจุงพูดพลางลูบหัวชางมินอย่างเย็นดูเพราะได้ยินเสียงท้องร้องของน้องชายแล้วก็อดขำไม่ได้กับท่าทีเด็กๆของน้องจากนั้นก็เดินตรงดิ่งลงไปยังห้องครัวทันที"ความเงียบได้มาเยือนทั้งห้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถูกทำลายลงด้วยเสียงทุ้มของชางมิน
"
"
พี่จุนซูกับพี่ยูชอน ไม่น่าไปยุให้พี่แจจุงเลือกงานนี้เลยนะครับ พี่ก็รู้ว่าชอง ยุนโฮ เจ้าของบริษัทที่นั่นเป็นคนยังไง พูดตรงๆนะครับ ผมไม่อยากให้พี่แจจุงเลือกงานนี้เลย ผมเป็นห่วง"ชางมินพูดพร้อมกับหันไปทางพี่ชายทั้งสอง ก่อนดวงตาเรียวจะรื้นไปด้วยน้ำตา ครู่ที่แล้วที่เขาอยู่กับแจจุงนั้นเขาต้องพยายามฝืนยิ้มเพราะกลัวแจจุงไม่สบายใจเนื่องจากว่าแจจุงต้องเป็นเสาหลักให้กับบ้าน ช่วงนี้ก็มีปัญหาอะไรหลายๆอย่างมารุมเร้าจนเขาก็รู้ว่าแจจุงถึงกับนอนไม่หลับในบางคืน พี่เข้าในความรู้สึกของนายนะมิน แต่ว่าตอนนี้นายดูสภาพการเงินของบ้านเราซิ ลำพังพี่กับยูชอนทำงานมาก็คงช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านได้ส่วนหนึ่งแต่ว่ารายจ่ายของบ้านเรามีมากกว่า ไหนจะค่าผ่อนรถ บ้าน และก็ของจิปาถะต่างๆมากมายอีก พี่ก็อยากให้นายเข้าใจว่าที่พี่พูดไปพี่มีเหตุผลนะชางมิน"จุนซูชี้แจงเหตุผลให้หวังให้น้องเข้าใจในขณะที่ยูชอนก็ลุกเดินไปนั่งข้างๆพร้อมกับโอบใหล่น้องชายคนเล็กเพื่อเป็นการปลอบโยนความรู้สึก"
ไม่เป็นไรนะชางมิน เดี๋ยวอะไรๆมันก็คงดีขึ้นหลังจากนี้ พี่ไม่อยากให้นายคิดมากเกินไป บางทีมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่นายคิดก็ได้นะ เชื่อพี่เถอะ พี่แจจุงเป็นคนเก่งและอ่อนโยน ถึงจะเจอคนแบบไหนเขาก็ต้องชนะใจได้แน่นอน ว่าแต่ตอนนี้นายรีบไปแต่งตัวก่อนดีกว่านะ แจจุงคงทำอาหารเช้าเสร็จแล้วล่ะ"ริมฝีปากสวยสีชมพูหวานของยูชอนนั้นเอื้อนเอ่ยคำพูดปลอบโยนน้องชายเนื่องจากเข้าใจความรู้สึกของน้องตอนนี้ชางมินเช็ดน้ำตาพลางส่งยิ้มให้พี่ชายทั้งสองก่อนจะเดินตรงดิ่งไปยังห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวตามที่พี่บอกอย่างว่าง่าย
"
"
ยูชอน นายว่าฉันทำถูกไหม นายก็รู้ใช่ไหมว่าเรื่องนี้ "ยูชอนต้องหยุดพูดกลางคันเนื่องจากตอนนี้ริมฝีปากสีสวยนั้นกำลังถูกประกบจากอีกคน จุนซูส่งลิ้นร้อนๆเข้าไปยังโพรงปากอย่างรวดเร็วจนยูชอนไม่ทันตั้งตัว บทจูบที่แสนหวานนั้นดำเนินไปอย่างช้าๆ ยูชอนกดต้นคอของจุนซูลงมาเพื่อให้การจูบครั้งนี้หนักหน่วงขึ้นอีก ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นฝ่ายรุก จนจุนซูต้องค่อยๆผลักอกของยูชอนออกเบาๆเพราะเขากำลังจะขาดใจจากการจูบ ยูชอน นายเดินมากับฉันทางนี้แล้ว นายก็ต้องไปกับฉันตลอด ฉันรู้ว่าแจจุงกับนายเป็นเพื่อนรักกัน แต่ฉันอยากจะให้นายเลือกนะ ระหว่างเพื่อนรักกับคนรักนายจะเลือกอะไร งานครั้งนี้สำคัญมากเพราะมันจะหมายถึงอนาคตของเราสองคน นายอาจจะต้องเจ็บปวดบ้างแต่ฉันอยากจะบอกว่าอีกไม่นานมันก็จะหายไปเอง ฉันรักนายนะยูชอน"จุนซูพูดประโยคสุดท้ายช้าๆก่อนที่จะจูบลงบนหน้าผากของยูชอนเบาๆ
"
"
คุณยุนโฮค่ะ วันนี้การประชุมใหญ่จะมีผู้เข้าร่วมประชุมจากบริษัทคู่ค้าหลายแห่งมาฟังมาตราการในการบริหารงานและการวางแผนดำเนินงานของบริษัทตอนบ่ายสามโมงตรง ที่ห้องประชุม.."เลขานุการสาวทำหน้าที่รายงานตารางเวลาการทำงานให้กับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำที่ตัดกับเสื้อเชิ๊ตสีขาวลายทางและเน็ตไทสีฟ้าอ่อน ที่ตอนนี้กำลังกุมขมับเพราะเครียดกับแผนงานในช่วงนี้ที่มารัดตัวเขาจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่นเลย บอกคุณพ่อว่าวันนี้ฉันไม่เข้าประชุม บอกว่าฉันขอลาพักร้อนซักสองสามวัน เรื่องนี้ก็ให้คุณพ่อจัดการไปแล้วกันฉันไม่ว่าง"ยุนโฮพูดแทรกก่อนที่เลขานุการส่วนตัวจะพูดจบ พร้อมกับลุกขึ้นเก็บโน๊ตบุ๊คและโทรศัพท์บนโต๊ะเตรียมพร้อมจะออกจากบริษัท แต่ก่อนที่จะได้เดินออกจากประตูก็หยุดไว้เสียก่อนด้วยเสียงเรียกของเลขาคนเดิม"
คุณยุนโฮค่ะ การประชุมครั้งนี้สำคัญมากซึ่งท่านประธานก็อยากให้ท่านเข้าร่วมประชุมด้วย ท่านบอกให้ดิฉัน เอ่อ ดิฉัน ดึงตัวคุณเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ให้ได้ค่ะ"เธอพูดอย่างขลาดๆพร้อมกับก้มหน้ามองพื้น เธอรู้สึกได้ว่าตอนนี้กำลังถูกแรงกดดันอะไรบางอย่างภายในห้องกำลังบีบเธอให้สั่นใหวยุนโฮเดินตรงมาที่เลขานุการสาวช้าๆก่อนจะหยุดตรงหน้าเธอไม่เกินคืน
มือข้างหนึ่งเชยคางเธอขึ้นมาเพื่อให้เธอมองหน้าเขาตรงๆ ก่อนที่จะพูดบางอย่างที่ทำให้เธอเกือบถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น"
ฉันจ้างให้เธอมาเป็นเลขา หรือให้มาเป็นเจ้านายฉันกันแน่ คิดว่าตัวเองเป็นใครมีสิทธิมาสั่งฉันให้ทำโน่นทำนี่ เธอรู้ไหมว่าฉันเกลียดมากเลยพวกที่ชอบจุ้นจ้านวุ่นวาย หวังว่าครั้งนี้ฉันจะได้เห็นหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้ายนะแล้วฟังฉันให้ดีนะว่าตั้งแต่วันนี้ ฉันไล่เธอออก"ยุนโฮเน้นคำสุดท้ายใส่เธอ ก่อนที่จะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองสภาพภายในออฟฟิตนั้นดูคึกคักเพราะเป็นช่วงพักเที่ยงพอดี พนักงานหลายๆคนก็ออกไปรัปทานอาหารด้านนอก แต่อีกส่วนหนึ่งก็ยังคงทำงานอยู่ภายในซึ่งทันทีที่ยุนโฮเดินออกไป บริเวณโดยรอบก็เข้าสู่ความสงบอีกครั้งจนยุนโฮเดินลงลิฟท์และออกจากบริษัทไป"
นี่แก ครั้งนี้คุณยุนโฮต้องแผลงฤทธิ์อะไรใส่เลขาคนใหม่อีกแน่เลยฉันว่า แกรู้ไหมว่าแค่เดือนเดียวคุณยุนโฮเปลี่ยนเลขาตั้งสามคนแล้วนะ"พนักงานสาวร่างท้วมออกวาจาเผ็ดร้อนนินทาเจ้านายตามประสาคนช่างพูด"
ก็อย่างว่านั่นล่ะ คุณยุนโฮทั้งหล่อ ฐานะก็ดี การศึกษาก็ดี ชาติตระกูลก็ดี โอ้ย แก! สมบูรณ์แบบทุกอย่าง เสียอย่างเดียว เป็นคนเจ้าอารมณ์มากและก็ไม่ค่อยชอบอะไรขัดใจ ก็ดูอย่างแม่เลขาที่เขาเปลี่ยนเป็นว่าเล่นซิ"พนักงานสาวร่างบางอีกคนละมือจากงานและหันมาร่วมสนทนากับอีกฝ่ายอย่างเมามัน"
แต่ถ้าฉันได้เป็นเลขาของคุณยุนโฮซักวันก็คงดีนะ เพราะว่าอย่างน้อยๆฉันจะได้ใกล้ชิดกับเจ้าชายในฝัน ถึงมันจะแค่วันเดียวก็ไม่เป็นไร แกว่าไหม "สาวร่างท้วมพูดด้วยน้ำเสี่ยงเอื่อยเฉื่อย"
ฉันก็คิดอย่างนั้นแหละแต่มันก็คงเป็นได้แค่ฝันแล้วล่ะแก เพราะหลังจากนี้ไปท่านประธานจะให้เปลี่ยนเลขาคุณยุนโฮเป็นผู้ชายแล้ว ฉันว่านะครั้งนี้คงมีเรื่องสนุกๆเกินขึ้นแน่เลย ว่าไปแล้วฉันก็อยากจะเห็นหน้าคนที่จะมาสมัครจังเลยอ่ะ อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะไปได้ซักกี่น้ำ"สาวร่างบางพูดพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนที่หยุดลงและเปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจแทนเนื่องจากเป็นเวลาเข้างานแล้ว และท่านประธานใหญ่ของบริษัทก็เดินออกมาจากห้องทำงานและตรงดิ่งไปยังห้องประชุมด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด จากพฤติกรรมเอาแต่ใจของลูกชายคนโปรด
รถออดี้คันหรูสีขาวสะอาดนั้นจอดเด่นสง่าอยู่ท่านกลางรถเก่าคร่ำครึกของพนักงานบริษัทหลายๆคน
มันดูเหมือนแสงที่อยู่ท่ามกลางเงามืด และเจ้าของแสงนั้นก็กำลังเดินเข้าไปประชิดพร้อมกับค่อยๆเปิดประตูฝั่งคนขับเข้าไปนั่งภายในรถก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว ยุนโฮเร่งเครื่องทันทีที่ออกมาจากอาคารจอดรถของบริษัท เข้าขับตรงสู่ถนนใหญ่ที่ตอนนี้รถยังไม่ติดมากนักเพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน ประกอบกับความรีบร้อนและไม่ทันได้ระวัง ในขณะที่ออดี้คันสวยจะเลี้ยวออกสู่ถนนใหญ่ก็ต้องหยุดลงเพราะเขารู้สึกเหมือนว่ารถกระแทกกับอะไรบางอย่างจึงปลดเข็มขัดนิรภัยที่รัดแน่นอยู่และวิ่งตรงดิ่งลงไปดูในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นภาพที่เขาเห็นคือชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีดำ เนตไทสีฟ้าน้ำทะเลที่ตัดกับกางเกงแสล็กสีดำและรองเท้าคัตชูที่ขัดจนเป็นเงาวาว กำลังนั่งจับขาข้างขวาของตัวเองอยู่ ในขณะที่เอกสารในแฟ้มที่เขาถือมาด้วยนั้นกระจัดกระจายออกตามพื้น"
โอ๊ย! นี่นาย ขับรถประสาอะไรเนี่ย คนทั้งคนชนมาได้ โอ๊ย!"เสียงใสๆนั้นโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยสีฟ้านั้นกำลังหรี่มองตรงไปยังคู่กรณีที่ยังยืนอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงหน้า"
นายเดินยังไงกัน ไม่ดูตามาตาเรือเลยรถทั้งคันมองไม่เห็นหรือไง" ยุนโฮก้มตัวลงไปพยุงชายร่างบางตรงหน้าให้ค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างเบามือ แต่ก็ต้องวางร่างบางไว้บนพื้นเหมือนเดิมเพราะอาการเจ็บขาจากอุบัติเหตุเมื่อครู่ซึ่งมันทำให้เขาถึงกับลุกไม่ขึ้น"
อ้าว! ทำไมพูดยังงี้ล่ะ นายเป็นคนขับมาชนฉันนะ แล้วยังจะหาว่าฉันไม่ดูตาม้าตาเรืออีก ตกลงจะเอาไง"ชายหนุ่มร่างบางจ้องมองมายังยุนโฮด้วยสายตาเคืองๆก่อนที่จะหลบสายตาออกห่างเพราะตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเป็นฝ่ายโดนจับจ้องอย่างไม่วางตาเสียเอง"
"
เอาเป็นว่าฉันขอโทษแล้วกันนะ แล้วนี่นายคงลุกไม่ไหวแน่เลย งั้นเดี๋ยวฉันพานายไปส่งโรงพยาบาลละกันนะ"ยุนโฮส่งยิ้มให้ก่อนจะวิ่งเก็บเอกสารที่กระจายอยู่เมื่อครู่ลงสู่แฟ้มของร่างบางตามเดิม เอ่อ ไม่ต้องหรอก คือฉัน "ไม่รู้ว่าเพราะอากาศภายนอกที่ร้อนจัดจนเห็นเปลวแดดระยิบหรือว่าเพราะอาการเจ็บปวดกันแน่ที่ทำให้อาการโมโหเมื่อครู่นี้หายไปแต่กลับกลายเป็นอุณหภูมิของแก้มยุ้ยๆทั้งสองข้างกำลังพุ่งขึ้นสูงจนเป็นสีแดงก่ำเหมือนกับผลเชอรี่ที่กำลังจะปลิดออกจากขั้วเนื่องจากตอนนี้เขากำลังถูกอุ้มด้วยมือใหญ่ทั้งสองข้างก่อนที่จะตรงไปยังรถออดี้เจ้ากรรม ก่อนที่ยุนโฮค่อยๆวางร่างบางลงบนเบาะนุ่มๆอย่างช้าๆ ก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตูฝั่งคนขับอีกด้านหนึ่งและก็เริ่มสตาร์ทรถและมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลทันที"
อันที่จริงนายไม่ต้องพาฉันไปโรงพยาบาลก็ได้นะ เมื่อกี้นี้มันแค่เฉี่ยวๆน่ะฉันไม่เป็นอะไรมากหรอก"ร่างบางเอ่ยพร้อมกับมองตรงมายังคนขับข้างๆ เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าจมูกที่โด่งเป็นสัน ดวงตาเรียว นัยน์ตาสีเปลือกไม้โอ๊คซึ่งเข้ากันกับทรงผมสีน้ำตาลที่ถูกเซ็ตให้ตั้งขึ้นนิดๆรับกับใบหน้า ของคนตรงหน้ามันทำให้ใจของเขาหวั่นไหวแปลกๆ"
อะไรกัน เมื่อกี้นี้นายยังร้องบอกว่าเจ็บอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ฉันก็กำลังจะผ่านไปทางโรงพยาบาลพอดี นายไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก อีกอย่างถ้าจะให้ฉันทิ้งนายไว้คนเดียวตรงนั้นมันก็ดูจะโหดร้ายเกินไปไช่มั้ยล่ะ" ยุนโฮพูดในขณะที่ตาก็ยังคงมองทางข้างหน้าอย่างไม่วางตา"
"
ฉัน ชอง ยุนโฮนะยินดีที่ได้รู้จัก ว่าแต่ นายชื่ออะไรเหรอ"ยุนโฮพูดออกตัวก่อนที่จะมองคู่สนทนาครู่หนึ่งเป็นการรอคำตอบ เอ่อ นายชื่ออะไรนะ ขออีกทีได้ไหม ฉันได้ยินไม่ค่อยชัด"ร่างบางเริ่มรู้สึกถึงความกดดันภายในรถ จริงๆแล้วเขาได้ยินชื่อของชายคนข้างๆชัดแล้วแต่ต้องลองถามดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ"
ฉัน ชอง ยุนโฮ ยินดีที่ได้รู้จัก"ยุนโฮพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำก่อนที่จะใช้มือข้างหนึ่งที่ว่างอยู่เอื้อมไปแตะบ่าของร่างบางเบาๆ"
ฉัน คิม แจจุง ยินดีที่ได้รู้จักนะ"แจจุงแนะนำตัวบ้างก่อนที่จะหันไปส่งยิ้มให้กับยุนโฮที่ตั้งหน้าตังตาขับรถอยู่ไม่นานบรรยากาศภายในรถก็เข้าสู่ความเงียบและระยะทางกว่าจะถึงโรงพยาบาลก็อีกใกลพอสมควรจนตอนนี้ความเงียบนั้นทำให้ยุนโฮเริ่มรู้สึกอึดอัดเขาจึงเอื้อมมือข้างหนึ่งไปเปิดซีดีเพื่อใช้เสียงเพลงเปลี่ยนบรรยากาศและตลอดการเดินทางทั้งคู่ก็ได้ซึมซับกับความไพเราะของบทเพลงจนในที่สุดใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงโรงพยาบาล
ยุนโฮขับรถไปยังที่จอดรถที่ทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้
ก่อนจะดับเครื่องและหันมาถามอะไรบางอย่างกับแจจุง"
นายเดินเองไหวไหม"ยุนโฮถามพร้อมกับดูท่าทีการขยับขาของแจจุงซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะเจ็บมากทีเดียวและเขาต้องใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาช้าๆ"
ไม่เป็นไร ฉันเดินไหว เดี๋ยวนายเดินไปก่อนเลยก็ได้"แจจุงค่อยๆลุกขึ้นช้าๆด้วยความทุลักทุเลแต่ยังไม่ทันทีจะได้ลุกออกจากประตูรถก็ต้องเซถลาอย่างแรงแต่ดีที่มือของยุนโฮคว้าเอวของเขาไว้ทันจนแจจุงต้องมองหน้าตาตื่น"
เอาล่ะ ฉันว่าเดี๋ยวฉันอุ้มนายไปเองดีกว่านะ มานี่มะ"ยุนโฮ ใช้มือซ้ายช้อนตัวแจจุงขึ้นมาอุ้มไว้ที่อกซึ่งดุเหมือนว่าน้ำหนักตัวของร่างบางจะไม่เป็นอุปสรรคต่อชายผู้นี้เลยยุนโฮอุ้มแจจุงเดินผ่านเข้ามายังตึกผู้ป่วยในซึ่งสภาพบรรยากาศตอนนี้กำลังคึกคักด้วยจำนวนของผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการและเสียงประกาศตามสายของทางโรงพยาบาล สายตาของผู้ป่วยหลายๆคนที่นั่งรอรับยาหลายๆคนหันมาจับจ้องกับท่าทีของตนทั้งคู่และตอนนี้ดูเหมือนว่าแจจุงก็กำลังอายจากสายตานับไม่ถ้วนของคนในโรงพยาบาลแห่งนี้ที่มองมาที่เขาจนเขาเผลอตัวใช้มือทั้งสองข้างโอบคอของยุนโฮด้วยความรวดเร็วและซุกใบหน้าแดงๆไว้กับอกอุ่นๆของยุนโฮโดยไม่ได้ตั้งใจ ยุนโฮรู้สึกตกใจเหมือนกันกับท่าทีของแจจุง แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงไม่ได้ห้ามอะไรแจจุงไม่นานนักบุรุษพยาบาลสองคนก็นำเตียงสำหรับคนไข้เข็นมารับ ทันทีที่เตียงอยู่ตรงหน้ายุนโฮก็ค่อยๆวางแจจุงลงบนเตียงอย่างเบามือ แต่ดูเหมือนว่าปลาหมึกตัวน้อยยังเกาะยุนโฮไม่ยอมปล่อยเนื่องจากอาการอายเมื่อครู่ จนยุนโฮต้องพูดอะไรบางอย่าง"
แจจุง ปล่อยได้แล้วล่ะ บุรุษพยาบาลเขาเอาเตียงมาให้แล้ว นายค่อยๆนอนลงไปนะ"ยุนโฮกระซิบข้างๆหูแจจุง"
อุ้ย! ขอโทษๆ"ทันทีที่ได้รู้เหตุการณ์ที่เคลื่อนไหวรอบตัวอีกครั้ง แจจุงก็รีบผละหัวออกจากอกของยุนโฮทันทีแต่ดูเหมือนว่าอาการหน้าแดงเมื่อครู่ยังไม่หายไปเลย และยิ่งเจอรอยยิ้มของยุนโฮกับคำถามของบุรุษพยาบาลทั้งคู่ก็ทำให้เขาหัวใจแทบวาย"
คนไข้ท่าทางจะไข้ขึ้นสูงนะครับ ตอนนี้หน้าแดงมากเลย คงต้องให้คุณหมอตรวจดูหน่อยนะครับ"ทั้งคู่พูดขึ้นเป็นเชิงหยอก"
ดูเหมือนว่าขาของเขาจะหักนะครับ ยังไงคุณหมอก็ช่วยตรวจให้ละเอียดทีนะครับ"ยุนโฮชี้แจงอาการของแจจุงให้บุรุษพยาบาลทั้งสองได้รู้ก่อนจะเดินไปส่งแจจุงพร้อมกับบุรุษพยาบาลทั้งคู่เข้าไปยังห้องตรวจ แต่ทันทีที่เขาจะได้เข้าไปภายในห้องก็ต้องถูกคุณหมอห้ามไว้เสียก่อน"
ญาติผู้ป่วย กรุณารอด้านนอกนะค่ะ"คุณหมอสาวในชุดคลุมสีขาวนั้นพูดผ่านผ้าปิดปากผืนเล็กสีฟ้าบอกกับยุนโฮถึงกฎของโรงพยาบาลหลังจากที่ประตูห้องตรวจปิดลง ยุนโฮก็เดินมานั่งที่เก้าอี้พลาสติกสีขาวในที่ถูกออกแบบให้ติดอยู่กับกำแพง เพื่อเป็นสถานที่นั่งรอสำหรับญาติผู้ป่วย เขานั่งทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ตั้งแต่ที่เขาได้พบกันกับแจจุงบนถนนจนมาถึงที่โรงพยาบาล ระยะเวลาสั้นๆนี้มันทำให้ใจของเขารู้สึกสั่นไหวแปลกๆ ความรู้สึกแข็งกร้าวและไม่ยอมใครของตัวเองดูเหมือนว่ามันจะอันตรธานหายไปหมดเมื่อได้อยู่กับแจจุง เป็นครั้งแรกที่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันยุนโฮนั่งคิดเรื่องต่างๆอยู่พักหนึ่ง และตอนนี้สติของเขาก็ถูกดึงกลับมาอีกครั้งด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือสีดำสนิทและแต่ดูเก๋ด้วยลายสีแดงด้านข้างตัวเครื่อง เขามองดูสายที่โทรเข้าและก็ต้องถอนหายใจครั้งหนึ่งก่อนจะกดรับ"
ยุนโฮ พ่อมีเรื่องจะคุยกับแก วันนี้แกฉีกหน้าพ่อได้นะ กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้!"เสียงตะคอกของชายวัยกลางคนดังมาจากปลายสาย น้ำเสียงแฝงไปด้วยความโกรธเคือง ก่อนจะคัดสายทิ้งทันทีที่พูดจบยุนโฮนั่งรอคุณหมอภายในห้องตรวจจนพักหนึ่งคุณหมอก็ออกมารายงานผลการตรวจ"
ยุนโฮเข้าไปในห้องผู้ป่วยเพื่อดูอาการและคุยกับแจจุงของแจจุงแต่ก็ต้องยิ้มน้อยๆด้วยความผิดหวังเพราะร่างบางนั้นนอนหลับตาพริ้มอยู่ในห้องเนื่องจากคุณหมอได้ใหนยานอนหลับไปเพื่อให้คนไข้ได้พักผ่อน
ตอนนี้คนไข้อาการดีขึ้นแล้วนะครับ ที่เราตรวจพบในตอนนี้ก็มีเพียงแต่อาการกระดูกที่ข้อเท้าซ้ายแตก อาจจะต้องเข้าเฝือกรักษาซักระยะหนึ่งครับ เดี๋ยวถ้ายังไงตอนนี้หมอขอตัวไปดูคนไข้รายอื่นก่อนนะครับ"คุณหมอชี้แจงอาการป่วยของแจจุงอย่างละเอียดก่อนจะ ขอตัวออกไปทำงานต่อร่างสูงค่อยเดินออกมาจากตึกของโรงพยาบาลและตรงไปยังรถคันโปรดหลังจากเคลียร์ค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ไม่นานรถของเขาก็ออกตรงไปสู่ถนนใหญ่และกลืนหายไปกับรถนับร้อยนับพันที่อยู่บนท้องถนนชางมินยังนั่งมองนาฬิการูปแมวที่แจจุงซื้อให้เขาในวันเกิดปีที่แล้ว ตอนนี้เข็มสั้นนั้นชี้ตรงมายังเลขเก้าตัดกับเข็มยาวซึ่งชี้ไปที่เลขสามที่อยู่อีกฝั่งของหน้าปัดนาฬิกา จากบรรยากาศภายนอกที่บรรยากาศของความมืดนั้นเริ่มปกคลุมทั่วบริเวณ มีเพียงแต่แสงของไฟนีออนเท่านั้นที่ยังคงให้แสงสว่างรอบบริเวณบ้าน
"
"
สามทุ่มแล้ว ทำไมพี่แจจุงยังไม่กลับอีกละครับ"ชางมินละสายตาจากนาฬิกาและหันไปถามยูชอนที่ตอนนี้กำนั่งดูรายการข่าวของวันอยู่หน้าจอที่วี แจจุงอาจจะต้องเริ่มงานวันนี้เลยก็เป็นได้นะมิน หรือบางทีก็อาจจะแวะซื้อของก่อนกลับเข้าบ้านก็ได้นะ ว่าแต่มินยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นเลยนะ เอาแต่รอแจจุงกลับ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะนะ เอางี้มั้ย เดี๋ยวพี่เข้าครัวไปทำอะไรให้กิน"ยูชอนละสายตาจากผู้ประกาศข่าวในทีวีตรงหน้าก่อนจะหันมาถามน้องชายพลางรอคำตอบ"
ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่ค่อยหิว พี่ยูชอน ผมเป็นห่วงพี่แจจุงจังครับ วันนี้ผมรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลย"ชางมินผละตัวออกมาจากโต๊ะเขียนหนังสือที่เค้าเอาไว้ใช้ทำการบ้านและวางคอมพิวเตอร์ เดินตรงมานั่งข้างๆยูชอน"
งั้นเดี๋ยวพี่ลองโทรหาแจจุงให้นะ พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าดึกป่านนี้แล้วเค้าทำอะไรอยู่ แล้วมินก็จะได้สบายใจด้วย"จุนซูเดินลงมาจากชั้นบนในสภาพที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาด ผมสีดำขลับนั้นยังคงเปียกน้ำเล็กน้อย ใบหน้าก็ยังคงมีหยดน้ำเล็กๆสองสามหยดติดอยู่ ซึ่งเป็นตัวบอกว่าเขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จหมาดๆ"
จุนซูเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะพร้อมกับกดหมายเลขไปยังโทรศัพท์ของแจจุง แจจุง นายอยู่ไหน"จุนซูยิงคำถามใส่แจจุงทันทีทีมีเสียงตอบรับ แต่เขาก็ต้องแปลกใจกันเสียงของแจจุงที่ดูแปลกๆไป"
เอ่อ ตอนนี้ฉันอยู่โรงพยาบาล พอดีตอนกลางวันตอนที่จะไปสมัครงานมีอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ ขอโทษนะจุนซูที่ไม่ได้โทรบอกก่อน ว่าแต่ตอนนี้น้องมินกลับมาแล้วไช่ไหมแล้วน้องกินข้าวหรือยัง"แจจุงพูดด้วยน้ำเสียงสลึมสลืมเพราะเพิ่งจะรู้สึกตัวจากการหลับเป็นเวลากว่าแปดชั่วโมง ทันทีที่ได้ยินเสียงของจุนซูเขาก็ยิงคำถามเป็นชุดใส่ทันที ด้วยความเป็นห่วงน้องชายคนเล็ก"
นายไม่ต้องเป็นห่วงมินหรอก พวกฉันดูแลน้องได้ ว่าแต่นายเถอะ ตอนนี้อาการเป็นยังไงมั่ง "จุนซูถามด้วยความเป็นห่วง"
ตอนนี้ไม่เป็นไรมากแล้ว แค่กระดูกข้อเท้าแตก หมอให้เข้าเฝือกและก็นอนพักวันสองวันเดี๋ยวก็คงกลับบ้านได้ ว่าแต่ฉันขออะไรนายอย่างนึงได้มั้ยจุนซู"แจจุงพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า"
"
เรื่องที่ฉันนอนอยู่โรงพยาบาลนายอย่าเพิ่งบอกชางมินนะ ฉันไม่อยากให้น้องไม่สบายใจ ยังไงนายก็ช่วยหาเหตุผลระหว่างที่ฉันไม่อยู่สองสามวันนี้ทีนะ" อืม ฉันเข้าใจ ยังไงพรุ่งนี้ฉันกับยูชอนจะเข้าไปเยี่ยมนายหลังจากเลิกงานนะ ตอนนี้นายพักผ่อนก่อนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง"จุนซูตอบรับเพื่อนก่อนจะวางหูโทรศัพท์เมื่อแจจุงพูดจบ"
ภาพที่จุนซูเห็นในตอนนี้คือยูชอนและชางมินนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันบนโซฟาสีฟ้าตัวใหญ่ ยูชอนใช้มือข้างหนึ่งโอบใหล่น้องและใช้มืออีกข้างหนึ่งขยี้ผมของชางมินเล่นด้วยความเอ็นดู ยิ่งรอยยิ้มที่ยูชอนกำลังยิ้มให้กับชางมินแล้ว มันทำให้จุนซูนึกถึงใครบางคน คนที่ครั้งหนึ่งยูชอนเคยหลงรักอย่างหัวปักหัวปำ และตอนนี้ก็ใช่ว่าจะลืมเลือนไปได้จากใจ มิน ช่วงนี้พี่แจจุงอาจจะยังไม่ได้กลับบ้านซักพักนะ พอดีแจจุงต้องไปค้างบ้านเพื่อนซักสองสามวัน เค้าบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง"จุนซูพูดกับน้องชายในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ยูชอน"
พี่แจจุงไปค้างที่บ้านใครเหรอครับทำไมพี่เค้าไม่เคยบอกผมเลย แล้วจะกลับมาเมื่อไรครับ"ชางมินเดินตรงมายืนข้างๆจุนซูก่อนจะยิงคำถามด้วยความสงสัย"
เรื่องนั้นแจจุงก็ไม่ได้บอกพี่เหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าตอนนี้มินไม่ต้องเป็นห่วงพี่เค้านะ แล้วก็ไปนอนได้แล้วล่ะเพราะพรุ่งนี้มินมีเรียนพิเศษตอนเช้า"จุนซูละสายตาจากยูชอนและหันมาพูดกับน้องชายอย่างตัวบทก่อนที่จะค่อยๆก้าวขึ้นบันใดไปชั้นสองของบ้าน"
ยูชอน ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อย เดี๋ยวนายตามขึ้นไปหาฉันที่ห้องนะ"จุนซูพูดในขณะที่ก้าวขึ้นบันใดช้าๆชางมินนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามหลังจุนซูไปและเข้าห้องของตัวเองในที่สุด
เขาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ขึ้นซึ่งวันนี้เขารู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับเขาหลายๆอย่างกับท่าทีของจุนซู และเรื่องที่แจจุงไม่กลับบ้าน จนความสงสัยก็ดึงเขาให้ออกไปถามถึงสาเหตุที่แท้จริงกับจุนซูชางมินค่อยๆเดินโดยไม่ลงส้นเท้าเพื่อให้เสียงเงียบที่สุดเพราะเกรงว่าตอนนี้จุนซูและยูชอนอาจจะหลับไปแล้ว ระยะทางจากห้องเขากับจุนซูห่างกันไม่มากใช้เวลาเดินไม่นานก็มาหยุดอยู่หน้าประตู ชางมินชูมือขึ้นจะเคาะประตูเรียกจุนซู แต่ก็ต้องตกใจในทันทีที่ได้ยิงครางเบาๆภายในห้อง"
อื้อ ยูชอน นาย รักฉันมั้ย อ่ะ อ่ะ ยูชอน"เสียงใสๆนั้นครางเบาๆด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน"
รักซิ รักมากด้วย ฉันสัญ อ่า สัญญา ว่า อ่า ฉันจะไม่ขัดใจนายอีกแล้วนะจุนซู"เสียงพูดติดขัดๆของยูชอนดังเป็นระยะ มันขาดหายไปเพราะเสียงครางของเขาชางมินละมือออกจากลูกบิดประตูทันทีก่อนจะค่อยๆล้มตัวลงนั่งอยู่หน้าห้องของพี่ชายทั้งคู่ สิ่งที่เขาไม่เคยได้รู้เลยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทั้งคู่ที่ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ นั่นเพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน คนทั้งคู่ไม่เคยแสดงท่าทีหรือพฤติกรรมใดๆให้เขาได้เห็น มุมมองที่เค้าเห็นตั้งแต่เด็กคือพี่ชายสามคนที่แสนอบอุ่นและเป็นคนที่คอยดูแล คอยให้คำปรึกษากับเขาในทุกเรื่อง ทุกคนมีเพียงมิตรภาพและความรักให้กันในฐานะเพื่อน แต่จากวันนี้เป็นต้นไปมันเปลี่ยนไปแล้วความเคลื่อนไหวภายในห้องยังคงร้อนรุ่มและรุนแรงซึ่งวัดได้จากเสียงร้องและครวญครางของจุนซู จนกระทั่งความเงียบได้มาเยือน เสียงของทั้งคู่หยุดลงแต่ตามมาด้วยเสียงหายใจแผ่วเบามาแทนที่"
"
"
ยูชอน นายรู้มั้ย ว่าวันนี้ทำไมแจจุงไม่กลับบ้าน"จุนซูพูดในขณะที่กอดร่างที่เปล่าเปลือยของยูชอน ไม่รู้ซิ ก็นายบอกว่าแจจุงไปค้างบ้านเพื่อนไม่ใช่เหรอ"ยูชอนพูดก่อนกะเอียงหน้ามาฝังปลายจมูกลงบนแก้มใสของจุนซู ตอนนี้แจจุง อยู่โรงพยาบาลพอดีตอนกลางวันเค้าประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรมากแค่ข้อเท้าหักต้องเข้าเฝือกและก็นอนพักซักสองสามวันถึงจะกลับบ้านได้ ที่เมื่อกี้นี้ฉันไม่ได้ "จุนซูต้องหยุดพูดทันที่เนื่องจากสีหน้าและแววตาของยูชอนที่จ้องมาทางเขาอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับคำพูดขัดขึ้นมา"
จุนซู! ทำไมนายไม่บอกฉันว่าแจจุงอยู่โรงพยาบาล ทำไมต้องโกหกฉันด้วย!"ยูชอนเผลอตวาดเสียงใส่คนตรงหน้าและใช้มือทั้งสองข้างบีบหัวใหล่จุนซูจุนเป็นรอยแดง"
คือ ฉัน ฉัน ฉันสัญญากับแจจุงไว้ว่าจะไม่บอกความจริงเรื่องนี้เพราะกลัวชางมินไม่สบายใจ"จุนซุพูดด้วยเสียงสะอื้นเนื่องจากความเจ็บปวดที่หัวใหล่ทั้งสองข้างจากแรงบีบของยูชอน"
แล้วทำไมนายต้องปิดบังฉันด้วย หรือนายยังกลัวเรื่องนั้นอยู่ ใช่มั้ย"ยูชอนยังแผดเสียงใส่จุนซูอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะเขย่าหัวใหล่ทั้งสองข้างเพื่อเร่งคำตอบ"
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดนาย คือฉัน "จุนซูก้มหน้าตอบด้วยน้ำเสียงสั่นไหวยูชอนผละมือออกอย่างแรงปล่อยให้ไหล่ทั้งสองข้างของจุนซูออกจากพันธนาการ พร้อมกับลุกออกจากเตียงหยิบเสื้อเชิ๊ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำใส่อย่างลวกๆก่อนที่จะวิ่งออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งอีกคนไว้ในห้องโดยไม่หันกลับมามองทันทีที่ยูชอนเปิดประตูออกไปด้านนอก ชางมินก็วิ่งสวนลงบันใดไปทันทีซึ่งมันทำให้ยูชอนอึ้งไปพักหนึ่งกับท่าทีของน้องก่อนที่จะได้สติ"
ชางมิน! ชางมิน! จะไปไหนน่ะ ชางมิน!"ยูชอนตะโกนเรียกน้องชายสุดเสียงในขณะที่วิ่งตามน้องลงไป ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้ไม่ว่ายูชอนจะวิ่งตามยังไงก็คงเห็นเพียงแต่เงาเสียแล้ว เราเพราะทันทีที่มินออกมานอกรั้วบ้านเขาก็วิ่งหายเข้าไปในความมืดด้านนอกทันที..
"
ความคิดเห็น