เส้นทาง .... ชีวิต
“สิ่งมีชีวิต” ที่อาศัยอยู่บนโลกกลมๆใบนี้ บางสิ่งบางอย่างมันก็น่าสราญรมย์ แต่ในอีกมุมหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ยังมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ยังคงดิ้นรนกันต่อไป ตามชะตาชีวิตของแต่ละคน
“ แม่ ! เสร็จหรือยังจะไปแล้วน๊า”
เสียงแหลมๆของเด็กชายวัยราวๆ 6 7 ขวบ ใส่เสื้อสีน้ำเงินคอกลมสีแดง นุ่งกางเกงขาสั้นเก่าๆขาดวิ่น โดยไม่ได้สวมรองเท้า กำลังเรียกหญิงวัยกลางคนที่ผมหยิกฟูสั้น ใส่เสื้อแขนยาวลายดอก และนุ่งผ้าถุงสีซีด มืออีกข้างถือถังน้ำเล็กภายในบรรจุน้ำอยู่ ส่วนที่บ่าก็คอนหาบเร่เดินออกมาท่าทางโซซัดโซเซ ออกมาจากสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่าบ้าน บ้านในที่นี้ไม่ได้หมายถึง บ้านที่ใหญ่โตหรูหรา แต่มีเพียงสังกะสีเก่าๆและฝาผนังเป็นไม้อัดเก่าๆถูกนำมาวางซ้อนทับกันเท่านั้นเอง ทันทีที่เสียงเด็กน้อยเงียบลงหญิงวัยกลางคนก็เอ่ยขึ้นว่า
“ จ้าเสร็จแล้วลูกไปกันเถอะ ขวัญ!” นั่นคือชื่อเรียกของเด็กน้อย จากนั้นเด็กชายก็เดินตามหน้าหญิงวัยกลางคนไปทันที
“ส้มตำ ไหมครับ ส้มตำ ไก่ย่าง ขนมจีน ไหมครับ” เด็กน้อยเดินไปพลางตะโกนไปพลางเดินกับผู้เป็นแม่ ในขณะนี้แสงของพระอาทิตย์ไกล้จะค่อนวันแล้ว มีแสงแดดจ้าเล็กน้อย แต่เด็กน้อยก็ยังทนกับแสงได้เป็นอย่างดี พอสองแม่ลูกเดินไปได้สักพักหนึ่ง พลันได้ยินเสียงคนตะโกนมาทางด้านหลังว่า
“แม่ค้าทางนี้หน่อยจ้า” ทันใดนั้นเด็กน้อยหันขวับกลับไปดูพลันสังเกตเห็นว่า เสียงนั้นดังมาจากกลุ่มผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่แต่มีหลายคน กำลังนั่งอยู่บนชายหาดโดยมีร่มกางบังแสงแดดและมีเสื่อปูให้นั่ง บางคนก็กำลังก้มๆ เงยๆ กับผู้ชายและผู้หญิงผมสีทอง จมูกดูยื่นมากกว่า เด็กน้อยสงสัยจึงหันไปทางแม่แล้วถามว่า
“แม่ เขานั่งทำอะไรกันครับ ทำไมเขาต้องขึ้นไปนั่งทับบนตัว เขาไม่หนักเหรอครับ”
แม่ตอบเด็กน้อยพร้อมกับขำเล็กๆว่า
“นั่นเขาเรียกว่าการนวดจ๊ะ เวลาคนปวดเมื่อยเขาก็จะทำอย่างนั้นแหละจ๊ะ”
“ อย่างที่เวลา พ่อปวดขาก็จะให้ผมบีบขาให้พ่อเหมือนกันไหมครับ แม่” เด็กน้อยถามต่อ
“ ใช่จ๊ะลูก คล้ายๆกัน” ผู้เป็นแม่ตอบเด็กน้อย แล้วทั้งคู่ก็เดินตรงไปยังในร่มที่มีหมอนวดอยู่
“วันนี้เป็นไงบ้างจ๊ะ ป้า ขายดีไหมจ๊ะ” หญิงสาวดูท่าทางอ่อนกว่าแม่ได้ถามขึ้น
“ก็พอได้จ๊ะ ช่วงนี้ขายไม่ค่อยดีคนกินน้อย แล้วเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ แขกเยอะไหม” แม่ตอบ
“ ก็เหมือนกันละ ป้า ฝรั่งก็หนีหายไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ ช่วงนี้หน้าโลก็อย่างนี้ละจ๊ะ เออ! ป้า ของฉันเอาตำมั่วครกนึงนะ แล้วก็ ขนมจีนน้ำยาป่า 1 จาน ด่วน เอาเผ็ดๆนะ หิวมากๆ” หญิงสาวคนเดิมพูด
“ เอ้า เป็นไงเจ้าขวัญ นั่งเงียบเชียวสบายดีไหมครับ” ป้าคนหนึ่งทักเด็กน้อยด้วยสายตาเอ็นดู ปรกติป้าจะเป็นคนขี้เล่นชอบถามเป็นประจำ ป้าชื่อเจนเป็นหัวหน้าพนักงานนวดทั้งหมดแกเป็นคนใจดี ชอบอุดหนุนแม่เป็นประจำ
เด็กน้อยได้แต่นั่งยิ้มและเล่นทรายในชายหาดไปพลางกับที่รอแม่ขายส้มตำ ขนมจีน แล้วหลังจานนั้นแม่และป้าๆ ก็ได้มีการสนทนากันนานพอสมควร เด็กน้อยจึงถือโอกาสหยิบจานที่กินเสร็จแล้วบางส่วนมาล้างแล้วเช็ดคว่ำไว้ที่เดิมอย่างรู้หน้าที่
ทั้งสองแม่ลูก เดินไปหาบเร่ไปตามประสาเมื่อมีคนร้องเรียกซื้อก็จะแวะขายให้แล้วก็เดินไปได้ไกลพอสมควร เด็กน้อยเหลือบมองเห็นของเล่นชิ้นนึง ตาลุกวาว พร้อมบอกแม่ว่า
“แม่ ผมอยากได้ของเล่นชิ้นนั้นจังเลยครับ”
“ แม่ไม่มีเงินซื้อหรอกลูก แพงขนาดนั้น เอาไว้แม่เก็บเงินให้ได้มากกว่านี้ก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะพามาซื้อ” นั่นเป็นประโยคที่แม่พูดกับเด็กน้อยเสมอเมื่อผ่านที่ร้านขายของเด็กเล่น เด็กน้อยได้แต่พยักหน้ารับแล้วเดินจากไปแม้ว่าภายในใจอยากได้จนใจแทบก็ขาดคงได้แต่ตัดใจ
พอถึงช่วงบ่าย อากาศเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่ก็พอมีลมพัดมาบ้างจากชายทะเลเลยทำให้ไม่ร้อนมากนัก ผู้เป็นแม่ได้หยิบหมวกขึ้นมาใบหนึ่ง พลันสวมให้กับเด็กน้อยเพื่อไม่ให้ร้อนจนเกินไป พอเดินไปได้สักพัก ทั้งคู่จึงได้หยุดพักใต้ร่มไม้ที่เป็นต้นสนที่มีร่มไม้แตกกิ่งก้านสาขามากมาย แต่พอนั่งได้สักพักก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังขึ้นมาว่า
“ คุณ คุณ มานั่งแถวนี้ไม่ได้นะครับ มันเป็นหน้าชายหาด ขายของแถวนี้ไม่ได้ ไปขายที่อื่น” ชายหน้าตาเหี้ยมเกรียม รูปร่างใหญ่โต ล่ำสันมายืนต่อหน้าแม่พร้อมตะโกนออกมาเสียงดังมากราวกับว่ามีคนทำผิดอย่างมหันต์ฉันนั้น แม่ได้แต่พยักหน้า แล้วก็ลุกขึ้นหาบเร่คอนขึ้นบนบ่าแล้วมืออีกข้างก็จูงมือเด็กน้อยเดินจากตรงนั้นไป ทำให้เด็กน้อยที่เห็นเหตุการณ์เป็นงงกับการกระทำดังกล่าว จึงเอ่ยถามมารดาว่า
“ แม่ ชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมเขาถึงพูดเสียงดังจังแล้วเขามาไล่เราทำไมครับ”
“ เขาเป็นเทศกิจจ๊ะ มีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาดและความสงบเรียบร้อยของชายหาดนี้จ๊ะ” แม่ตอบเด็กน้อยด้วยประโยคสั้นๆ แต่เด็กน้อยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
พอทั้งสองแม่ลูกเดินไปได้สักพัก เด็กน้อยสังเกตเห็นใบหน้าของแม่ บัดนี้มีสีหน้าไม่สู้ดีนักและเริ่มมีหยดเหงื่อไหลซึมออกจากใบหน้าแม่ แม่คงร้อนมากเนื่องจากอากาศยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แม่พาเด็กน้อยเดินไปเรื่อยๆ แม้แต่ขึ้นเนินสูงแม่ก็หาบขึ้นไปและพักเป็นระยะๆ
พอไกล้พลบค่ำ ชายหาดเริ่มมีแสงรำไร สีฟ้าคละกับสีทองเปล่งประกายอยู่บนฟากฟ้า ตะวันกำลังอำลาท้องฟ้ามุดไปอยู่ใต้ท้องทะเล มีลมพัดโชยอ่อนๆมาจากท้องชายหาด ผู้คนที่มาเล่นน้ำต่างก็ทยอยกันขึ้นฝั่ง มีเรือหาปลาบางส่วน ล่องเรือไปตามท้องทะเล แสงไฟที่เปิดบนเรือสว่างไสวหลายลำ เพิ่มความคุณค่าให้ทะเลดูน่าค้นหามากยิ่งขึ้น
เด็กน้อยกำลังรอแม่ ที่ตำส้มตำให้ลูกค้า แล้วทันใดที่เด็กน้อยกำลังเพลิดเพลินกับการนั่งดูท้องทะเลอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงใครบางคนเดินก้าวเท้าเข้ามาแล้วกระซิบข้างๆหูเบาๆว่า
“ เป็นอย่างไรบ้างเอ่ย” เสียงดูคุ้นมาก เด็กน้อยพอได้ยินเสียงก็ดีใจเป็นอย่างมากพลันพูดขึ้นว่า
“ พ่อ พ่อ ขายหมดแล้วหรือครับ”
“ขายเกือบหมดแล้วครับ เหลืออีกไม่กี่ฟอง” ชายวัยกลางคนท่าทางใจดี ที่เด็กน้อยเรียกว่า พ่อ สวมรองเท้าแตะ ใส่กางเกงสีดำหัวชะลูด สวมเสื้อลายขวางเก่าๆ โดยที่ไหล่เสื้อขาดวิ่น เพราะต้องคอนหาบของขายไข่ปิ้งทุกวันซึ่งมีน้ำหนักมากว่าที่เด็กน้อยจะหาบได้ไหว แน่ !
“ เดี๋ยว รอให้แม่ขายเสร็จแล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกันนะ”
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสามชีวิต เดินกลับบ้านพร้อมกัน พอถึงบ้านต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ทำของขาย โดยมีเด็กน้อยคอยช่วยทำความสะอาด เสร็จแล้วทุกคนก็อาบน้ำแล้วรับประทานอาหารเย็นกัน
หลังจากนั้น เด็กน้อยก็หยิบกระเป๋าเงินของพ่อและแม่นำเหรียญส่วนใหญ่ที่ขายของได้ออกมานับดู แม้จะเป็นเงินไม่มาก แม่บอกกับเด็กน้อยว่า
“ ขวัญ เอาเหรียญมาหยอดกระปุกไว้สิลูก” เด็กน้อยรู้หน้าที่ทำตามที่แม่บอกทันที แล้วสั่นกระปุกให้พ่อแม่ดู เด็กน้อยคิดในใจว่าสักวันมันต้องเต็มกระปุกแน่ๆ พ่อ แม่ ได้แต่นั่งหัวเราะ
พอตกดึก ทุกคนต่างนอนหลับกันอย่างสนิทเพราะความอ่อนเพลีย และอีกอย่างต้องตื่นแต่เช้าเพื่อจ่ายตลาดและเตรียมของสำหรับวันพรุ่งนี้ต่อไป มีเพียงเด็กน้อยที่ยังคงข่มตานอนไม่หลับสักที โดยในใจเขากำลังครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไร พลันทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนเรียก
“ ขวัญ ขวัญ มาทานข้าวได้แล้วลูก” เสียงหญิงวัยกลางคนตะโกนเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังเหม่อมองฟ้า ที่เขากำลังคิดถึงตอนที่เขายังเป็นเด็กๆ ที่ได้อยู่กับพ่อแม่ ได้รู้จักการทำมาหากินตั้งแต่เยาว์วัย ได้เห็นหยาดเหงื่อของพ่อแม่แต่ละหยด กว่าจะหาเลี้ยงเด็กน้อยคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมาได้ ต้องทุ่มเทมากขนาดไหน เด็กน้อยในวันนั้นได้ตระหนักถึงบุณคุณจนกลายเป็นเด็กหนุ่มในวันนี้ที่อดทน ต่อสู้กับความยากลำบาก จนได้มีโอกาสเรียนจบปริญญาตรี ได้ทำงานดี ดี เพื่อพ่อ แม่ ทำทุกอย่างเพื่อลูก แล้วคุณละพร้อมหรือยังที่จะทำเพื่อท่าน?
วันนายู
ผู้เขียน
นายสมศักดิ์ วันโย
73 / 5 บ้านเจริญสว่าง ต.หนองยอง อ. ปากคาด จังหวัดหนองคาย 43190
โทรศัพท์ 084-4495623,087-9818103
ที่ทำงาน
ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนเขตสาทร
สำนักงานเขตสาทร ชั้น 6 ฝ่ายการศึกษา แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กทม. 10120
โทรศัพท์ 0-2212-5395-6
เส้นทาง .... ชีวิต
“สิ่งมีชีวิต” ที่อาศัยอยู่บนโลกกลมๆใบนี้ บางสิ่งบางอย่างมันก็น่าสราญรมย์ แต่ในอีกมุมหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ยังมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่ยังคงดิ้นรนกันต่อไป ตามชะตาชีวิตของแต่ละคน
“ แม่ ! เสร็จหรือยังจะไปแล้วน๊า”
เสียงแหลมๆของเด็กชายวัยราวๆ 6 7 ขวบ ใส่เสื้อสีน้ำเงินคอกลมสีแดง นุ่งกางเกงขาสั้นเก่าๆขาดวิ่น โดยไม่ได้สวมรองเท้า กำลังเรียกหญิงวัยกลางคนที่ผมหยิกฟูสั้น ใส่เสื้อแขนยาวลายดอก และนุ่งผ้าถุงสีซีด มืออีกข้างถือถังน้ำเล็กภายในบรรจุน้ำอยู่ ส่วนที่บ่าก็คอนหาบเร่เดินออกมาท่าทางโซซัดโซเซ ออกมาจากสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่าบ้าน บ้านในที่นี้ไม่ได้หมายถึง บ้านที่ใหญ่โตหรูหรา แต่มีเพียงสังกะสีเก่าๆและฝาผนังเป็นไม้อัดเก่าๆถูกนำมาวางซ้อนทับกันเท่านั้นเอง ทันทีที่เสียงเด็กน้อยเงียบลงหญิงวัยกลางคนก็เอ่ยขึ้นว่า
“ จ้าเสร็จแล้วลูกไปกันเถอะ ขวัญ!” นั่นคือชื่อเรียกของเด็กน้อย จากนั้นเด็กชายก็เดินตามหน้าหญิงวัยกลางคนไปทันที
“ส้มตำ ไหมครับ ส้มตำ ไก่ย่าง ขนมจีน ไหมครับ” เด็กน้อยเดินไปพลางตะโกนไปพลางเดินกับผู้เป็นแม่ ในขณะนี้แสงของพระอาทิตย์ไกล้จะค่อนวันแล้ว มีแสงแดดจ้าเล็กน้อย แต่เด็กน้อยก็ยังทนกับแสงได้เป็นอย่างดี พอสองแม่ลูกเดินไปได้สักพักหนึ่ง พลันได้ยินเสียงคนตะโกนมาทางด้านหลังว่า
“แม่ค้าทางนี้หน่อยจ้า” ทันใดนั้นเด็กน้อยหันขวับกลับไปดูพลันสังเกตเห็นว่า เสียงนั้นดังมาจากกลุ่มผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่แต่มีหลายคน กำลังนั่งอยู่บนชายหาดโดยมีร่มกางบังแสงแดดและมีเสื่อปูให้นั่ง บางคนก็กำลังก้มๆ เงยๆ กับผู้ชายและผู้หญิงผมสีทอง จมูกดูยื่นมากกว่า เด็กน้อยสงสัยจึงหันไปทางแม่แล้วถามว่า
“แม่ เขานั่งทำอะไรกันครับ ทำไมเขาต้องขึ้นไปนั่งทับบนตัว เขาไม่หนักเหรอครับ”
แม่ตอบเด็กน้อยพร้อมกับขำเล็กๆว่า
“นั่นเขาเรียกว่าการนวดจ๊ะ เวลาคนปวดเมื่อยเขาก็จะทำอย่างนั้นแหละจ๊ะ”
“ อย่างที่เวลา พ่อปวดขาก็จะให้ผมบีบขาให้พ่อเหมือนกันไหมครับ แม่” เด็กน้อยถามต่อ
“ ใช่จ๊ะลูก คล้ายๆกัน” ผู้เป็นแม่ตอบเด็กน้อย แล้วทั้งคู่ก็เดินตรงไปยังในร่มที่มีหมอนวดอยู่
“วันนี้เป็นไงบ้างจ๊ะ ป้า ขายดีไหมจ๊ะ” หญิงสาวดูท่าทางอ่อนกว่าแม่ได้ถามขึ้น
“ก็พอได้จ๊ะ ช่วงนี้ขายไม่ค่อยดีคนกินน้อย แล้วเป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ แขกเยอะไหม” แม่ตอบ
“ ก็เหมือนกันละ ป้า ฝรั่งก็หนีหายไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ ช่วงนี้หน้าโลก็อย่างนี้ละจ๊ะ เออ! ป้า ของฉันเอาตำมั่วครกนึงนะ แล้วก็ ขนมจีนน้ำยาป่า 1 จาน ด่วน เอาเผ็ดๆนะ หิวมากๆ” หญิงสาวคนเดิมพูด
“ เอ้า เป็นไงเจ้าขวัญ นั่งเงียบเชียวสบายดีไหมครับ” ป้าคนหนึ่งทักเด็กน้อยด้วยสายตาเอ็นดู ปรกติป้าจะเป็นคนขี้เล่นชอบถามเป็นประจำ ป้าชื่อเจนเป็นหัวหน้าพนักงานนวดทั้งหมดแกเป็นคนใจดี ชอบอุดหนุนแม่เป็นประจำ
เด็กน้อยได้แต่นั่งยิ้มและเล่นทรายในชายหาดไปพลางกับที่รอแม่ขายส้มตำ ขนมจีน แล้วหลังจานนั้นแม่และป้าๆ ก็ได้มีการสนทนากันนานพอสมควร เด็กน้อยจึงถือโอกาสหยิบจานที่กินเสร็จแล้วบางส่วนมาล้างแล้วเช็ดคว่ำไว้ที่เดิมอย่างรู้หน้าที่
ทั้งสองแม่ลูก เดินไปหาบเร่ไปตามประสาเมื่อมีคนร้องเรียกซื้อก็จะแวะขายให้แล้วก็เดินไปได้ไกลพอสมควร เด็กน้อยเหลือบมองเห็นของเล่นชิ้นนึง ตาลุกวาว พร้อมบอกแม่ว่า
“แม่ ผมอยากได้ของเล่นชิ้นนั้นจังเลยครับ”
“ แม่ไม่มีเงินซื้อหรอกลูก แพงขนาดนั้น เอาไว้แม่เก็บเงินให้ได้มากกว่านี้ก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะพามาซื้อ” นั่นเป็นประโยคที่แม่พูดกับเด็กน้อยเสมอเมื่อผ่านที่ร้านขายของเด็กเล่น เด็กน้อยได้แต่พยักหน้ารับแล้วเดินจากไปแม้ว่าภายในใจอยากได้จนใจแทบก็ขาดคงได้แต่ตัดใจ
พอถึงช่วงบ่าย อากาศเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แต่ก็พอมีลมพัดมาบ้างจากชายทะเลเลยทำให้ไม่ร้อนมากนัก ผู้เป็นแม่ได้หยิบหมวกขึ้นมาใบหนึ่ง พลันสวมให้กับเด็กน้อยเพื่อไม่ให้ร้อนจนเกินไป พอเดินไปได้สักพัก ทั้งคู่จึงได้หยุดพักใต้ร่มไม้ที่เป็นต้นสนที่มีร่มไม้แตกกิ่งก้านสาขามากมาย แต่พอนั่งได้สักพักก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังขึ้นมาว่า
“ คุณ คุณ มานั่งแถวนี้ไม่ได้นะครับ มันเป็นหน้าชายหาด ขายของแถวนี้ไม่ได้ ไปขายที่อื่น” ชายหน้าตาเหี้ยมเกรียม รูปร่างใหญ่โต ล่ำสันมายืนต่อหน้าแม่พร้อมตะโกนออกมาเสียงดังมากราวกับว่ามีคนทำผิดอย่างมหันต์ฉันนั้น แม่ได้แต่พยักหน้า แล้วก็ลุกขึ้นหาบเร่คอนขึ้นบนบ่าแล้วมืออีกข้างก็จูงมือเด็กน้อยเดินจากตรงนั้นไป ทำให้เด็กน้อยที่เห็นเหตุการณ์เป็นงงกับการกระทำดังกล่าว จึงเอ่ยถามมารดาว่า
“ แม่ ชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมเขาถึงพูดเสียงดังจังแล้วเขามาไล่เราทำไมครับ”
“ เขาเป็นเทศกิจจ๊ะ มีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาดและความสงบเรียบร้อยของชายหาดนี้จ๊ะ” แม่ตอบเด็กน้อยด้วยประโยคสั้นๆ แต่เด็กน้อยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
พอทั้งสองแม่ลูกเดินไปได้สักพัก เด็กน้อยสังเกตเห็นใบหน้าของแม่ บัดนี้มีสีหน้าไม่สู้ดีนักและเริ่มมีหยดเหงื่อไหลซึมออกจากใบหน้าแม่ แม่คงร้อนมากเนื่องจากอากาศยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น แม่พาเด็กน้อยเดินไปเรื่อยๆ แม้แต่ขึ้นเนินสูงแม่ก็หาบขึ้นไปและพักเป็นระยะๆ
พอไกล้พลบค่ำ ชายหาดเริ่มมีแสงรำไร สีฟ้าคละกับสีทองเปล่งประกายอยู่บนฟากฟ้า ตะวันกำลังอำลาท้องฟ้ามุดไปอยู่ใต้ท้องทะเล มีลมพัดโชยอ่อนๆมาจากท้องชายหาด ผู้คนที่มาเล่นน้ำต่างก็ทยอยกันขึ้นฝั่ง มีเรือหาปลาบางส่วน ล่องเรือไปตามท้องทะเล แสงไฟที่เปิดบนเรือสว่างไสวหลายลำ เพิ่มความคุณค่าให้ทะเลดูน่าค้นหามากยิ่งขึ้น
เด็กน้อยกำลังรอแม่ ที่ตำส้มตำให้ลูกค้า แล้วทันใดที่เด็กน้อยกำลังเพลิดเพลินกับการนั่งดูท้องทะเลอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงใครบางคนเดินก้าวเท้าเข้ามาแล้วกระซิบข้างๆหูเบาๆว่า
“ เป็นอย่างไรบ้างเอ่ย” เสียงดูคุ้นมาก เด็กน้อยพอได้ยินเสียงก็ดีใจเป็นอย่างมากพลันพูดขึ้นว่า
“ พ่อ พ่อ ขายหมดแล้วหรือครับ”
“ขายเกือบหมดแล้วครับ เหลืออีกไม่กี่ฟอง” ชายวัยกลางคนท่าทางใจดี ที่เด็กน้อยเรียกว่า พ่อ สวมรองเท้าแตะ ใส่กางเกงสีดำหัวชะลูด สวมเสื้อลายขวางเก่าๆ โดยที่ไหล่เสื้อขาดวิ่น เพราะต้องคอนหาบของขายไข่ปิ้งทุกวันซึ่งมีน้ำหนักมากว่าที่เด็กน้อยจะหาบได้ไหว แน่ !
“ เดี๋ยว รอให้แม่ขายเสร็จแล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกันนะ”
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสามชีวิต เดินกลับบ้านพร้อมกัน พอถึงบ้านต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ทำของขาย โดยมีเด็กน้อยคอยช่วยทำความสะอาด เสร็จแล้วทุกคนก็อาบน้ำแล้วรับประทานอาหารเย็นกัน
หลังจากนั้น เด็กน้อยก็หยิบกระเป๋าเงินของพ่อและแม่นำเหรียญส่วนใหญ่ที่ขายของได้ออกมานับดู แม้จะเป็นเงินไม่มาก แม่บอกกับเด็กน้อยว่า
“ ขวัญ เอาเหรียญมาหยอดกระปุกไว้สิลูก” เด็กน้อยรู้หน้าที่ทำตามที่แม่บอกทันที แล้วสั่นกระปุกให้พ่อแม่ดู เด็กน้อยคิดในใจว่าสักวันมันต้องเต็มกระปุกแน่ๆ พ่อ แม่ ได้แต่นั่งหัวเราะ
พอตกดึก ทุกคนต่างนอนหลับกันอย่างสนิทเพราะความอ่อนเพลีย และอีกอย่างต้องตื่นแต่เช้าเพื่อจ่ายตลาดและเตรียมของสำหรับวันพรุ่งนี้ต่อไป มีเพียงเด็กน้อยที่ยังคงข่มตานอนไม่หลับสักที โดยในใจเขากำลังครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้ชีวิตของเขาจะเป็นเช่นไร พลันทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนเรียก
“ ขวัญ ขวัญ มาทานข้าวได้แล้วลูก” เสียงหญิงวัยกลางคนตะโกนเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังเหม่อมองฟ้า ที่เขากำลังคิดถึงตอนที่เขายังเป็นเด็กๆ ที่ได้อยู่กับพ่อแม่ ได้รู้จักการทำมาหากินตั้งแต่เยาว์วัย ได้เห็นหยาดเหงื่อของพ่อแม่แต่ละหยด กว่าจะหาเลี้ยงเด็กน้อยคนหนึ่งให้เติบโตขึ้นมาได้ ต้องทุ่มเทมากขนาดไหน เด็กน้อยในวันนั้นได้ตระหนักถึงบุณคุณจนกลายเป็นเด็กหนุ่มในวันนี้ที่อดทน ต่อสู้กับความยากลำบาก จนได้มีโอกาสเรียนจบปริญญาตรี ได้ทำงานดี ดี เพื่อพ่อ แม่ ทำทุกอย่างเพื่อลูก แล้วคุณละพร้อมหรือยังที่จะทำเพื่อท่าน?
วันนายู
ผู้เขียน
นายสมศักดิ์ วันโย
73 / 5 บ้านเจริญสว่าง ต.หนองยอง อ. ปากคาด จังหวัดหนองคาย 43190
โทรศัพท์ 084-4495623,087-9818103
ที่ทำงาน
ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนเขตสาทร
สำนักงานเขตสาทร ชั้น 6 ฝ่ายการศึกษา แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กทม. 10120
โทรศัพท์ 0-2212-5395-6
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น