คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2: ฮีโร่ II (ตอนแรก)
สุริยาแห่งน่านนภาเริ่มทอประกายสีทองระเรื่อจับขอบฟ้า แสงละมุนอิ่มไปด้วยความร้อนทอดผ่านกลุ่มปุยเมฆขาวละเอียดอ่อนดั่งสำลีบริสุทธ์จนกลายเป็นสีแสดจาง ๆ สายลมโชยพัดหมุนวนโอบรอบยานพาหนะขนาดใหญ่ลำหนึ่ง ซึ่งกำลังเผยอปีกทั้งสองแล่นผ่านนานาประเทศจากยุโรปกลับสู่ไทย...
ตัวเครื่องบินถูกสร้างขึ้นมาแบบพิเศษให้สะดวกต่อเวลาอันจำกัดของทุกคน ลำตัวเครื่องมีลักษณะปราดเปรียวไม่เทอะทะเหมาะกับการเดินทางแบบกระชั้นชิดเน้นความรวดเร็ว มีไอพ่นเร่งความเร็วสูงสำหรับเวลาฉุกเฉินและอื่น ๆ ที่ช่วยป้องกันเครื่องบินไม่ให้เกิดอันตราย
‘ยูโรเปี้ยน แอร์ไลน์’ คือชื่อของสายการบินนี้ ด้วยการบริการรวมถึงความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ทำให้ผู้คนที่ต้องการเดินทางสัญจรไปยังทวีปยุโรปมักนิยมสายการบินนี้เป็นหลัก ทั้งยังเรื่องของเวลาในการเดินทาง ซึ่งรวดเร็วมากเมื่อเทียบกับสายการบินอื่น ๆ
ณ เครื่องบินสายการบิน ยูโรเปี้ยน แอร์ไลน์
เที่ยวบิน โบวอิ้ง 777
ตัวอักษรหนาแบบดิจิตอลวิ่งผ่านจอบางเรียบที่อยู่ด้านหน้าของทุกคน ด้วยคุณสมบัติคล้ายจอ ‘LCD’ ซึ่งทำจากของเหลว จึงสร้างอันตรายแก่สายตาของผู้ชมได้น้อยกว่าแบบอื่น ขอบทั้งสี่เป็นโลหะมันวาวส่งแสงวิบวับยามต้องแสงไฟ ปกติแล้วมันจะทำหน้าที่เป็นตัวถ่ายทอดรายการต่าง ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการจากเครือข่ายของสถานีประจำของสายการบิน แต่บัดนี้
เมื่อเครื่องบินกำลังร่อนลดระดับลงเรื่อย ๆ เพื่อเตรียมตัวลงจอดในลานสนามบิน ทำให้เครือข่ายรายการหรือสถานีประจำสายการบินจำต้องงด กลายเป็นชื่อของเที่ยวบินแทนที่วิ่งขึ้นมา
สายตานับร้อยจดจ้องไปยังหน้าจอที่ปรากฏตัวหนังสือด้วยสีหน้าดีใจกันถ้วนหน้า เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่พบเห็นเป็นดั่งสัญญาณใกล้ถึงจุดหมาย รวมไปถึงนัยน์ตาสีเขียวมรกตซึ่งฉายแววยินดีจนนั่งไม่ติดกับที่นั่ง ผู้ร่วมเดินทางบางคนต่างอยู่ในนิทราหวังฟื้นเก็บแรง ไม่นับรวมเด็กหนุ่มเชื้อสายไทยจากแดนยุโรปซึ่งกำลังลุ้นตัวงอ หลังจากต้องเดินทางจากบ้านเกิดไปศึกษาต่างประเทศเป็นเวลาสองปีเต็ม
‘ใกล้ถึงแล้วสินะ ป่านนี้ทุกคนจะเป็นยังไงกันบ้างล่ะเนี่ย’ เด็กชายผู้คงเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ระต้นคอปล่อยมโนความคิดอันแสนสุขให้ล่องลอยไปเรื่อย โดยมีบรรยากาศเคลิบเคลิ้มช่วยสร้างอารมณ์ ดูเผิน ๆ แล้ว เด็กหนุ่มก็เหมือนกับคนหน้าตาดีทั่วไป หากแต่ปลายผมด้านหน้าปัดออกไปทางด้านขวาในทรงตั้งขึ้นเล็กน้อย ทำให้เป็นจุดเด่นในสายตาของผู้คนในทันที
ความคิดถึงซึ่งดูเหมือนจะห้ามไม่อยู่เรียกใจดวงน้อย ๆ ของเด็กหนุ่มให้เต้นรัวและแรงขึ้นกว่าเดิม เสียงหัวใจดังตึกตัก ๆ ค่อย ๆ ผ่อนลงช้า ๆ จนเป็นปกติ เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนรอยยิ้มกวนประสาทจะพรายบนใบหน้าที่ร่าเริงเป็นประจำ เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ไม่ว่าจะทางด้านจิตใจที่สงบลงหรือร่างกายที่หยุดงอแล้วกลับมานั่งตรงเหมือนเดิม ความรู้สึกบางอย่างถาโถมซัดกระหน่ำใส่ร่างสูงที่นั่งอยู่จนสะท้าน นัยน์ตาสีมรกตพราวระยับอย่างนึกขำตัวเองพลางมองหาทิศที่ตั้งของห้องน้ำอย่างรู้สึกรักมันเพิ่มอีกเท่าตัว
มันปวดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะวะ หนังยางก็รัดไม่ได้ด้วย คงต้องเข้าห้องน้ำก่อนถึงจริง ๆ ซะล่ะมั้ง
คิดเล่น ๆ แล้วถอนหายใจเฮือกอย่างปลงตนเอง ก็มันใกล้จะถึงแล้ว เลยไม่อยากพลาดวิวสวย ๆ ซักวินาที ไอ้จะคิดอั้นมันก็ใช่ที่กลัวจะราดเสียก่อน สู้ชิ๊งฉ่องให้มันสบายเลยจะดีกว่า
มือทั้งสองเริ่มขยับตามการตัดสินใจของเจ้าของ ปลายนิ้วทั้งห้ากดสัมผัสลงไปยังปลายสุดที่รองแขน เกิดแสงสีเหลืองนวลจางขึ้นไม่กี่วินาที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้ม ระบบเทคโนโลยีที่นั่งบนเครื่องบินสมัยใหม่ร้อง ‘ติ๊ด’ เบา ๆ เข็มขัดนิรภัยแสนบางแต่แข็งแรงดุจเหล็กหลุดออกจากการล็อกทันที เป็นผลให้เด็กชายลุกขึ้นยืนได้ โดยไร้เครื่องป้องกันใด ๆ
คนปวดเบายกแขนบิดขี้เกียจชั่วครู่ ความดำมืดเริ่มคลายตัวออกไปหลังจากแสงอาทิตย์ลอดเข้ามาในตัวเครื่องเล็กน้อย เขาจึงเสียเวลาไม่มากกับการปรับสภาพสายตาให้คุ้นชินกับทางเดินสลัว ๆ เมื่อเห็นว่าตัวเองสามารถเดินได้โดยไม่ไปชนถูกใครเขาเข้า ขาซ้ายจึงเริ่มปฏิบัติหน้าที่สำคัญของมัน คนอยากห้องน้ำรีบก้าวฉับ ๆ ตรงไปทางห้องสุขาที่ใกล้ที่สุด ท่าทางการเดินหนีบแข้งหนีบขา เรียกเครื่องหมายคำถามให้ปรากฏบนใบหน้าของผู้พบเห็นด้วยความรู้สึกแปลกชอบกล
เหงื่อเม็ดเล็กเม็ดใหญ่ซึ่งไหลอาบใบหน้าหล่อเหลาแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาแห่งความยินดี ความปวดที่ยิ่งจะทวีเพิ่มขึ้นมาถึงจุดจบของมัน ตอนนี้เขาเห็นจุดหมายที่คอยเฝ้าปรารถนามาตลอดทางเมื่อครู่ คนที่รู้สึกรักห้องน้ำหมาด ๆ หยุดอยู่ตรงหน้าประตูบานหนึ่ง ซึ่งมันก็คือเป้าหมายอย่างไม่ต้องสงสัย!!
เด็กชายไม่รอช้ารีบป้อนรหัสที่นั่งใส่กล่องเหล็กขนาดเล็กที่มีปุ่มตัวเลขให้กดอย่างช่ำชอง
4 5 6
3
ติ๊ด!
เมื่อเลขตัวสุดท้ายถูกกดลงไป จึงเกิดเสียงประเภทเดียวกับระบบของที่นั่งประจำเครื่องบิน ประตูเลื่อนปราศจากลูกบิดเลื่อนออกไปทางขวาอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มดีใจรีบมองผ่านเข้าไปในตัวห้องน้ำด้วยความรู้สึกถวิลหา หากแต่ภาพที่เห็นหาใช่สุขภัณฑ์สีขาวสะอาดตาไม่
สิ่งที่พบเรียกขนให้ลุกตั้งชันอย่างไม่เคยประสบมาก่อน ริมฝีปากซึ่งเม้มเข้าหากันเมื่อตอนอั้นสุดฤทธิ์ บัดนี้แทบจะมีเลือดซึมออกมาจากฟันที่กัดเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้ากวนเหยเกลงถนัดตา ความคิดต่าง ๆ นานาพาลเอาเขาทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยืนมองภาพเบื้องหน้าอยู่แบบนั้น
ภาพของบุรุษผู้อาบไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน!!
“ต้องหาทางช่วย...ต้องหาทางช่วย” เสียงพึมพำดังแผ่ว ๆ ราวกับคนเสียสติ ก่อนจะฉุดสติที่หายไปให้กลับมาดังเดิม หางตาตวัดมองซ้ายขวาหาพนักงานประจำเครื่องบิน บรรยากาศแบบนี้เขาไม่ชอบเลย...ให้ตายสิ!!
เด็กหนุ่มหัวสีน้ำตาลไหม้ลอบถอนหายใจ แล้วสำรวจระยะห่างระหว่างห้องน้ำกับสิ่งรอบตัว...จากตรงนี้ที่ยืนอยู่กับเก้าอี้อิเล็กทรอนิกส์นุ่มนิ่มตัวใกล้ที่สุดแบบเดียวกับที่เขานั่งนั้นห่างกันประมาณเจ็ดเมตร ซึ่งถือว่าไกลพอสมควร นอกจากนี้ทางด้านซ้ายห่างจากห้องน้ำไปหกเมตร...เป็นเคาน์เตอร์สำหรับเก็บสิ่งที่ผ่านการใช้มาก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเศษขยะ เศษอาหารยันกระดาษรองแก้ว เพียงแต่แอร์โฮสเตสอย่างพวกเธอทำหน้าที่แค่ตรวจดูสารทุกข์สุขดิบของผู้ใช้บริการกับเก็บสิ่งของจำพวกเมื่อครู่ให้เรียบร้อยเท่านั้น...
ทำให้หญิงสาวแต่ละคนหว่านรอยยิ้มได้มากขึ้น เมื่อใช้แรงน้อยลงกว่าสมัยก่อนเป็นเท่าตัว และตอนนี้...กลุ่มสาวหน้าตาสะสวยทั้งหมดกำลังแบ่งหน้าที่ออกเป็นสองฝ่าย โดยมีนัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองการกระทำอย่างสนใจ กลุ่มแรกทำหน้าที่เดินสำรวจลูกค้าบนเครื่อง ส่วนอีกกลุ่มก็คอยรอรับสิ่งของหรือเศษขยะที่โผล่ออกมาจากช่องรวมขยะจากทุก ๆ ที่นั่ง หลังจากการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มเสร็จสิ้น...ดูเหมือนพวกเธอจะดีใจกับเทคโนโลยีที่รุดหน้าขึ้นเรื่อย ๆ โดยช่วยประหยัดทั้งแรงทั้งเวลาในการทำงานแต่ละครั้ง...ไม่ใช่น้อย
“เอ่อ...น้องคะ มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่าเอ่ย” เสียงใสปลุกเด็กหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์ตัวเอง ก่อนจะตกใจเมื่อห้องสุขาที่เคยอยู่ใกล้ตัวกลับไกลออกไปเสียดื้อ ๆ กว่าจะเข้าใจตัวเองอีกที ใบหน้าซีดเซียวหลังจากช็อกกับภาพชวนสยองกลับมีสีเลือดฝาดแสดงออกมาให้เห็น เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากหญิงสาวคนที่ถามจนเขาหน้าขึ้นสีเข้าไปใหญ่
ใครมันจะไปรู้ล่ะ จู่ ๆ ขาบ้านี่มันก็พาเดินมาหาเอง สงสัยจะอึ้งมากไปหน่อย... เขาสรุปแบบเออออเอาเองเสร็จสรรพ โดยไม่คิดจะปริปากถามใคร...ก็แน่ล่ะสิ!! ขืนถามไป รู้ถึงไหนอายถึงนั่นชัวร์!!
เมื่อทราบสาเหตุของการกระทำเปิ่น ๆ ลืมตัวเป็นครั้งที่ร้อย เด็กชายจึงตีสีหน้ากังวลให้คนตรงหน้ารู้ว่าเหตุผลที่มาหาเธอนั้นไม่ได้เป็นเรื่องเล่น ๆ หรือตลกมุกฝืดแต่อย่างใด พาลเอาใบหน้านวลเคร่งขึ้นตอบสนองบรรยากาศสงบเงียบ ซึ่งหญิงสาวรู้ดีว่าอีกไม่นาน...อีกไม่นานเท่านั้น ปัญหาใหญ่อาจจะกำลังเกิดขึ้น!!
กรี๊ดดด!!
เสียงแหลมแหวกอากาศดังขึ้นขนาดที่คู่สนทนาของเขาต้องยกมือขึ้นปิดหู ชายเพียงคนเดียวในละแวกนั้นหมุนตัวกลับไปหาทิศทางของต้นเสียงด้วยความรวดเร็ว เวลาผ่านไปชั่วเสี้ยววินาที...ก่อนเขาจะเข้าใจถึงสาเหตุขึ้นมาราง ๆ เด็กหนุ่มหันไปพยักหน้าให้หญิงสาวทีหนึ่งเป็นเชิงให้ตามมา พลางเอ่ยแนะนำตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท เพราะทั้งสองต่างก็ยังไม่รู้จักชื่อแซ่ของอีกฝ่ายเลย...
“ผมชื่อ ‘บัส’ ครับ” กล่าวเปิดบทสนทนาพร้อมสาวเท้าฝ่าอากาศเย็นที่โรยตัวลงรอบกายอย่างไม่สะทกสะท้าน
“บัส หรอคะ? เท่จังเลย ชั้น
” เธอเว้นวรรคเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่ จนในที่สุดก็เผยรอยยิ้มออกมา “
ดาว ค่ะ”
เด็กชายนาม ‘บัส’ ฉีกยิ้มจริงใจคืนให้ แต่ในใจกลับวิเคราะห์คนข้างหลังที่เดินตามต้อย ๆ อย่างสุดชีวิต
ไม่ธรรมดา
เขาสรุปได้เพียงเท่านี้ ด้วยท่าทางที่ดูน่าไว้ใจบวกกับความเย็นใจเหนือคาด ทำให้คนนำหน้าถึงกับคิ้วผูกโบ ทั้ง ๆ ที่มีคนร้องด้วยความตกใจสุดฤทธิ์บนเครื่องบินทั้งคน หญิงสาวที่ดูเผิน ๆ เหมือนจะธรรมดาคนนี้ต้องลนลานแล้วรีบเข้าไปดูสิ เธอเป็นถึงแอร์โฮสเตสเชียวนะ อะไรมันจะใจเย็นขนาดนั้น ไหนจะเรื่องชื่ออีก ชื่อของตัวเองแท้ ๆ แต่กลับทำท่าเหมือนนึกอยู่เสียนาน ถ้าจะโกหกก็น่าจะทำให้มันแนบเนียนกว่านี้!!
ทั้งหมดมันทำให้คนช่างสังเกตคนนี้กระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
‘ถ้าคิดจะปิด ก็ต้องล้วงมันออกมา!’
แต่ในตอนนี้สิ่งที่พวกเขาควรจะสนใจมากที่สุดเห็นจะเป็นเด็กสาวคนที่กรีดร้อง เนื่องจากบัดนี้เธอทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยสีหน้าขาวซีดคล้ายคนไร้เลือด
ระยะทางหกเมตรสิ้นสุดลง เมื่อทั้งสองหยุดยืนข้าง ๆ ร่างที่จวนจะไร้สติอยู่รอมร่อ เป็นผลให้ชายหนึ่งเดียวต้องรีบกึ่งหิ้วกึ่งลากเธอให้ออกมาจากบริเวณห้องน้ำ และพยักพเยิดให้พนักงานสาวที่ชื่อ ‘ดาว’ ลองเปิดประตูห้องน้ำดู
เสียง ‘ติ๊ด’ ดังขึ้นอีกครั้งหลังจากรหัสถูกใส่ลงไปอย่างถูกต้อง บานประตูเลื่อนออกไปอีกหนึ่งครั้ง ซึ่งคราวนี้เธอเข้าใจถึงทรวงเลยว่า
เหตุใดสองคนแรกจึงเป็นเช่นนั้น
ตรงหน้าดาวเป็นชายหนุ่มผู้อุดมไปด้วยหนวดเคราเต็มใบหน้า นัยน์ตาเหลือกค้างอย่างน่าเวทนากับชุดสูทขาว-ดำชุ่มไปด้วยเลือดดูไม่รับกันสักนิด โดยที่มีมีดปอกผลไม้เสียบคาอกฝั่งซ้ายใต้หัวใจ
ตำแหน่งเดียวกับปอดไม่มีผิดเพี้ยน
แต่สิ่งที่นัยน์ตาคู่สวยกำลังจับจ้องคือการเคลื่อนที่ของหน้าอก หญิงสาวสังเกตด้วยความมุ่งมั่น และพบว่าผู้ถูกทำร้ายยังหายใจ
เขายังไม่ตาย!!
เพื่อความแน่นอนพนักงานสาวหนึ่งเดียวในละแวกนั้นจำต้องรี่เข้าไปหาผู้ใช้บริการวัยประมาณสี่สิบปี กลิ่นคาวเลือดโชยมาแตะจมูก ความรู้สึกสะอิดสะเอียนผุดขึ้นข้างในตัวราวกับตอไม้ ดาวอยากจะหันหน้ากลับแล้วรีบวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้เสียจริง ๆ ต่างจากสิ่งที่เธอกำลังทำอย่างชัดเจน
หญิงสาวล้วงถุงมือจากกระเป๋าเสื้อ จากนั้นบรรจงใส่มือซ้ายแบบลวก ๆ และจัดการพลิกข้อมือฝั่งเดียวกับที่เธอใส่ถุงมือของชายข้างหน้าให้หงายขึ้น แล้วใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางมือขวาสัมผัสที่ข้อมือฝั่งซ้ายของบุรุษเพศผู้มีอาการเจียนตาย
แม้สิ่งรอบ ๆ ตัวจะเจริญรุดหน้านำคนอย่างเธอไปมากแค่ไหน ต่อให้มีอุปกรณ์ครบครันในการรักษาผู้ป่วย แต่ในเวลาฉุกเฉินไร้ซึ่งเครื่องมือซักชิ้น จะมีวิธีการอะไรบ้างไหมที่จะช่วยคนที่กำลังเดือดร้อนข้างหน้า โดยไม่ต้องพะว้าพะวงถึงอุปกรณ์ที่ผู้ทำการรักษาบอกว่าอีกไม่นานก็คงถึง
เพียงนิดเดียว
ขอแค่มีส่วนช่วยเหลือ
แม้คนอย่างเธออาจจะทำอะไรได้ไม่มาก
แต่เพียงแค่สามารถรักษาชีวิตของผู้คนได้
ถึงจะนิดเดียว
เธอก็ยอม
น้ำตาแห่งความหลังราวกับจะตอกย้ำคำตอบที่เกิดขึ้นในใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงสาวคอยแต่จะหาข้อมูลรวมถึงวิธีการรักษาในสมัยที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากมาย โดยมีเหตุการณ์บางอย่างเป็นตัวผลักดันให้ดาวรู้สึกถึงคุณค่าของการเกิดมาครั้งหนึ่ง
เหตุการณ์ที่เธอเฝ้าโทษว่าตัวเองเป็นคนผิด
เป็นต้นเหตุที่ทำให้บุพการีทั้งสองท่านจากไป
อย่างไม่มีวันหวนกลับ
และในวันนี้ก็ถึงเวลาของมันเสียที ถึงคราวที่จะทดสอบว่า
เวลาที่เธอแลกไปเพื่อศึกษาหลายปี มันคุ้มค่ากับที่เสียไปหรือเปล่า สิ่งที่คอยพร่ำฝึกฝนมานาน
จะสามารถช่วยยื้อชีวิตคนก่อนจะถึงมือหมอ โดยไม่ใช้เครื่องมือใด ๆ เข้าช่วย
ได้หรือไม่!!
เสียงโหวกเหวกโวยวายพร้อมกับเสียงวิจารณ์ต่าง ๆ นานาดังระงมปลุกสตรีในชุดพนักงานประจำสายการบินให้ตื่นจากภวังค์ ดูเหมือนผู้โดยสารทั้งหลายจะพร้อมใจกันสงสัยการกรีดร้องอย่างไม่มีสาเหตุของเด็กสาวที่ถูกหิ้วไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ผู้คนจำนวนหนึ่งยืนยันรหัสรอยนิ้วมือปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยเพื่อเดินมาตรวจดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น เวลาผ่านไปสักพัก...ขณะที่ดาวยังคงจับชีพจรและสำรวจบาดแผลตามส่วนต่าง ๆ พร้อมกับหาทางรักษาชายหนุ่มที่โดนทำร้ายไปในตัว หลังประตูเลื่อนของจุดเกิดเหตุกลับมีจำนวนของผู้โดยสารมาออกันหน้าห้องน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
และสิ่งที่ตามมาคือเสียงโวยวายชวนปวดหู ทำเอาพนักงานสาวรอบ ๆ เส้นสมองเต้นตุบ ๆ กันเป็นแถบ ความโกลาหลชนิดหาได้ยากบนเครื่องบินกำลังแผ่ไปทั่วบริเวณห้องน้ำ หากแต่เหตุผลที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นหาใช่เพราะเห็นบุรุษเลือดอาบนั่นไม่...
เป็นเสียงกรีดร้องของเด็กสาวต่างหาก...
ซึ่งข้อนี้เขารู้ดี...
“ถึงผู้โดยสารทุกท่าน ทางสายการบิน ยูโรเปี้ยน แอร์ไลน์ ขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า...” บัสที่ไม่รู้แอบไปโผล่แถวห้องเสียงเมื่อตอนไหนเต๊ะท่าเป็นพนักงานหนุ่มออกประกาศประจำสายการบินได้อย่างแนบเนียนพร้อมกับเว้นช่วงคำพูดให้เหล่าผู้ชุมนุม(?)หยุดตะโกนแล้วหันมาสนใจเสียงที่ดังออกจากลำโพงขนาดเล็กทั่วเครื่องบิน ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเรียบ “...เสียงเมื่อครู่ที่ทุกท่านได้ยินและสงสัยนั้น มีสาเหตุมาจากอาการปวดหัวฉับพลัน จึงทนไม่ได้แล้วกรีดร้องออกมา ดังนั้นผู้โดยสารทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วงสำหรับเหตุร้ายหรือเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ทุกอย่างยังคงปลอดภัยปกติดีเรียบร้อย กรุณานั่งประจำที่ของท่านเพื่อความปลอดภัยของตัวทุกท่านเองนะครับ ขอบคุณครับ”
ลักษณะการใช้คำแปลก ๆ ที่ดูเหมือนจะทำให้ใครหลายคนย่นคิ้ว แต่ก็ไร้ซึ่งข้อกังขาใด ๆ ผู้โดยสารต่างทยอยกันกลับที่นั่งของตนเองอย่างสบายใจด้วยความคิดอันปลอดโปร่งไม่มีเรื่องต้องกังวล ผิดกับผู้ที่รับรู้ข้อเท็จจริงซึ่งได้แต่ตีหน้าซื่อนิ่ง ๆ ไม่ส่อพิรุธให้ใครได้สงสัย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มรู้สึกดั่งปัญหาในครั้งนี้จะไร้ทางออก...
นัยน์ตาสีมรกตฉายแววลังเลวูบหนึ่ง ก่อนจะแสดงความแน่วแน่อย่างมาดมั่นในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา สร้างความประหลาดใจให้แก่เด็กสาวข้าง ๆ ซึ่งเป็นคนเดียวกับเด็กสาวที่กรี๊ดแล้วหมดสติไปอยู่หน้าห้องน้ำ เมื่อเขาได้สอบถามเกี่ยวกับชื่อเสียงเรียงนามจึงได้รู้ว่าเธอชื่อ ‘พีช’
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายออกมาราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ หางตาเหลือบมองเจ้าของดวงตากลมแป๋วชั่วครู่ เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้น พร้อมเริ่มปฏิบัติการตามสิ่งที่คิดไว้...
บัสกระตุกปลายแขนเสื้อแบบตุ๊กตาของพีช เรียกใบหน้านวลให้หันกลับมามอง โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง...ฝ่ามือหนารีบคว้าข้อมือบาง ก่อนจะออกแรงดึงร่างเล็กให้ตามมาแม้จะไม่เต็มใจอยู่ก็ตามที...
ดาวไหวตัวเล็กน้อยให้ร่างกายอยู่ในท่าที่สบาย หากแต่กระโปรงยาวเสมอเข่าค่อนข้างพอดีตัวไม่ได้เอื้ออำนวยความสะดวกในการลงมือรักษาเลยสักนิด เธอหันมาเขม่นหน้าใส่เจ้าชุดพนักงานสาวงี่เง่าแรง ๆ ทีหนึ่ง พร้อมกับหายใจฟุดฟิดไม่สบอารมณ์ แล้วเริ่มหันกลับไปลงมือวางแผนวิธีการรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัยบนพื้นฐานข้อมูลจากสภาพร่างกายของชายหนุ่ม
อัตราการเต้นของชีพจรผิดปกติ เสียเลือดไปจำนวนมาก คงจะรักษาได้ไม่ง่าย ไหนจะลมหายใจเบาอีก คงจะต้องสิ้นเปลืองแรงไม่น้อยทีเดียว...
หญิงสาววิเคราะห์สถานการณ์อย่างรวดเร็ว บางทีการรักษาครั้งนี้อาจต้องใช้อุปกรณ์ของเธอก็เป็นได้ แต่สิ่งที่ควรจะทำก่อนจะเริ่มรักษาคือ...
...ต้องห้ามเลือด...
แบบแผนการรักษาของเธอตรงกับตำรับตำราวิชาการแพทย์เล่มหนาเท่าครึ่งไม้บรรทัดที่บ้านอย่างเป๊ะ ๆ มือเรียวเล็กกระชากชายเสื้อที่เป็นผ้าฉีกง่ายของร่างโชกเลือดให้มีความยาวพอสมควรแล้วทำการมัดปมด้านหลังของคนข้างหน้าโดยพันโอบหน้าอกหนาช่วงที่ถูกแทง ซึ่งเธอก็ไม่ลืมดึงมีดปอกผลไม้เจ้าปัญหาออก แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าหากนำมีดออกมาจะสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้เคราะห์ร้ายมากแค่ไหน ในเมื่อมันเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะช่วยประทังชีวิตเขา...เธอก็ต้องทำ!!
แต่ก่อนที่จะได้ลงมือช่วยชีวิตคนเจ็บปางตายขั้นต่อไป เสียงของสัญญาณบางอย่างก็ดังขึ้น...
ติ๊ด! ออด!
หญิงสาวหันขวับไปทางประตูเลื่อนหนาทึบ และคลี่ยิ้มในอึดใจต่อมา เมื่อจำเสียงที่คุ้นหูตะโกนฝ่าจากหน้าห้องน้ำจนเธอได้ยิน แม้จะค่อนข้างเบาคล้ายคนพูดปกติก็ตาม...
“พี่ดาว ๆ ข้างในเป็นยังไงบ้างครับ ทำไมมันถึงเข้าไม่ได้ก็ไม่รู้” น้ำเสียงเจือด้วยความกังวลกับเสียงตุบ ๆ จากการทุบประตูเรียกให้ดาวตะโกนตอบกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้บัสต้องเป็นห่วง
“เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน รหัสของพนักงานบนเครื่องบินจะสามารถเข้าไปในห้องน้ำที่มีคนเข้าอยู่แล้วได้เท่านั้นอ่าจ๊ะ พี่เลยเข้ามาได้
” เธอเว้นช่วงหายใจ “
ส่วนเรื่องทางนี้เดี๋ยวพี่จัดการเอง พี่ก็พอมีฝีมือทางด้านการแพทย์อยู่บ้างเหมือนกัน น้องก็ต้องทำในสิ่งที่น้องพอจะทำได้นะคะ” เสียงหวานหยุดลง ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากเด็กหนุ่มคนฟัง
’ไม่ธรรมดา ๆ แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาถามหาความจริงด้วย เราก็คงต้องทำในสิ่งที่ทำได้ล่ะนะ’ คนถูกต่อว่าอยู่กลาย ๆ ได้แต่เกาหัวแกรก ๆ กับความคิดเป็นงานเป็นการที่นาน ๆ จะปรากฏในหัวสมองไปกลบต่อมอยากรู้อยากเห็นประจำตัวให้ฝ่อลงอย่างจำใจ เด็กชายจึงทำได้เพียงแค่ยิ้มแหย ๆ อยู่หน้าประตู ก่อนจะหันมาปรึกษาเด็กสาวที่กำลังทำหน้ามุ่ยใส่อยู่เป็นวรรคเป็นเวร
“วัน ๆ ทำหน้าแบบนี้ไม่เมื่อยบ้างรึไงเนี่ย?” บัสพึมพำเบา ๆ แต่ไม่วายไม่รอดจากหูระดับพระกาฬที่ได้ยินเสียงของคู่กรณีคนที่ลากเธอมาเมื่อครู่นี้
“แล้วจะทำไม? ตัวฉันไม่ใช่ตัวนายซะหน่อย หรือนายอยากมาเป็นผู้หญิงกันล่ะ?” เธอส่งเสียงเย้ยอย่างคนถือไพ่เหนือกว่าไปแว้งกัดคนตัวสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตร และจบลงด้วยการค้อนวงโตใส่ทางหางตาแล้วสะบัดหน้าหนีราวกับไม่สะทกสะท้านน้ำหนักจากค้อนที่ส่งไป(?) เป็นอันห้ามเถียงต่อ [คนแต่งท่าทางจะบ้า - - << พีช]
“เอาน่าพีช ตอนนี้พวกเราต้องช่วยกันหาตัวคนร้ายกันก่อนนะ อย่าเพิ่งมากัดกันเองเลย ถือว่าฉันขอร้อง เอ้า!“ เขาเหล่ไปทางเด็กสาวด้วยสีหน้าระอาเต็มที่
“จะกัดก็กัดไปคนเดียว อย่ามาเหมามนุษย์อย่างชั้นไปรวมกับนายนะยะ” เหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้า คนที่เคยคิดระงับศึกทนไม่ไหว เส้นความอดทนซึ่งเดิมมีอยู่น้อยขาดผึงทันที!!
เขาเริ่มเผยอปากจะเถียงคืน แต่ฝ่ามือบางกลับมาปิดมันเอาไว้เสียก่อน ตามมาด้วยคำพูดหยุดสงครามที่บัสได้แต่ยืนควันออกหู
“นายจะไปหาเบาะแสไม่ใช่หรือไง? เดี๋ยวฉันจะไปถามเรื่องมีดนั่นที่ห้องครัวให้ ก่อนจะขึ้นเครื่องทุกคนต้องถูกตรวจกันหมด ถ้าจะใช้มีด ก็คงมีแต่ที่นั่นล่ะนะ ส่วนนาย
” พีชหยุดแล้วชี้นิ้วมาที่เด็กหนุ่ม “
คิดว่าจะช่วยอะไรได้บ้างก็ทำไป อย่ามาเป็นตัวถ่วงฉันเป็นอันพอ” พูดจบก็เดินนำลิ่วหายไปกับความมืดในตัวเครื่องบิน
บ๊ะ!! ผู้หญิงอะไรปากจัดชะมัด
“เฮ้อ
จะบ้าตาย ถ้าได้เป็นเพื่อนกับยัยนี่มีหวังต้องมีใครตายก่อนเรียนจบแน่นอน” คนถูกเบรกยืนสบถพรืดอยู่คนเดียว ก่อนความคิดบางอย่างจะแล่นปราดเข้ามาในเซลล์สมอง
ถ้ารู้ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ บางทีนะ
บางที อาจจะพอจำกัดตัวผู้ต้องสงสัยให้น้อยลงก็ได้
“พี่ดาว!! พี่พอจะรู้เวลาตอนที่เกิดเรื่องมั้ยครับ?” ไวเท่าคิด ปากตัวดีเริ่มดำเนินการอย่างรวดเร็ว
“ดูจากการที่เลือดแข็งตัวคงจะประมาณเมื่อ ยี่สิบนาทีที่แล้วค่ะ” ตอบกลับมาอย่างสุภาพเพียงแค่นั้น แล้วความเงียบก็เริ่มโรยตัวคลุมบริเวณส่วนท้ายของเครื่องบินหรือหน้าห้องน้ำที่เกิดเหตุ โดยทิ้งไว้เพียงภาพรอยยิ้มแห่งความยินดี ก่อนที่จะไม่เหลือใครอยู่อีกเลย
ความคิดเห็น