ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Heroic Saga

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 ก้าวแรกสู่โลกใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 49


                     ป้อมปราการ Sentry ที่ศูนย์กลางเป็นปราสาทหินขนาดใหญ่มีรูปปั้นทวยเทพประดับตามที่ต่างๆของปราสาท ด้านหน้าของปราสาทมีเสาหินมหึมาเรียงรายมากมาย ล้อมรอบลานกว้างหินปูนรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ราวกับเป็นสถานที่รวมพลกองทัพ รอบๆปราสาทมีบ้านรูปทรงแปลกๆแต่งต่างกันออกไป ถัดออกมาด้านหน้าของตัวปราสาทมีหมู่บ้านเล็กๆมากมายซึ่งคาดว่าเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนี้



                     ภายในป้อมปราการมีต้นไม้เขียวชอุ่มมากมาย ทำให้ดูร่มรื่นแม้ในยามแดดร้อน ในยามค่ำคืนต้นไม้เหล่านั้นจะมีแสงไฟเล็กๆราวกับหิ่งห้อยส่องสว่างวาววับอยู่เรียงรายในทุกๆต้น แต่มันกลับมีความสว่างยิ่งกว่าแสงดาวในคืนฟ้ามืดเสียอีก นอกจากนี้ยังมีสถานที่คล้ายกับวิหารมากมายตั้งอยู่รายรอบป้อมปราการ



                     กำแพงที่ทำจากก้อนหินขนาดใหญ่หลายชั้นสูงประมาณ50เมตร ล้อมรอบตัวป้อมปราการเป็นวงกลม ถ้านับพื้นที่ของป้อมปราการแห่งนี้ เส้นผ่านศูนย์กลางคงประมาณ 15กิโลเมตร บนกำแพงมีซุ้มสำหรับเฝ้ายามหลายจุดห่างกันพอประมาณ อีกทั้งประตูทางเข้าที่มีขนาดใหญ่และแข็งแกร่ง ยากนักแก่การที่ศัตรูจะบุกเข้าป้อมปราการแห่งนี้



        ขณะนี้คลิฟและลูน่าได้เดินออกมาจากตัวปราสาทโดยมีมิวคอยเดินนำทางไปยังที่พัก ซึ่งอยู่ในเขตหมู่บ้าน



                     "เรากำลังจะไปที่ไหนหรือคะ แล้วคุณชื่ออะไรเหรอ คุณรีเดลจะให้พวกเราทำอะไรบ้างคะ" ลูน่าเริ่มเปิดประเด็นสนทนาทำลายบรรยากาศเงียบงันในยามค่ำคืน เพราะเธอไม่ค่อยชินกับการที่อยู่เงียบๆซักเท่าไหร่ ส่วนคลิฟยังเดินตามมาเงียบๆพร้อมกับพิจารณาดาบที่แม่ของเขาฝากรีเดลมามอบให้



                     "ฉันกำลังจะพาพวกเธอไปที่หมู่บ้านกิลดาส ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ของหมู่บ้านที่นี่ หมู่บ้านนี้อยู่ทางตอนเหนือของป้อมปราการ ฉันชื่อมิว เรเซนท์ ตำแหน่ง Mystic Knight เมื่อถึงที่พักฉันจะอธิบายให้พวกเธอฟังเอง" มิวตอบโดยไม่หันมามอง พลางเดินนำต่อไปตามทางเดินหินอ่อน



                     "ส่วนนายฉันว่าเดินแกว่งดาบไปมาตอนนี้ ระวังทหารยามจะเข้าใจผิดนะ" มิวกล่าวเบาๆจนคลิฟสะดุ้งรีบเก็บดาบใส่ห่อผ้าแล้วสะพายหลังเดินตามมาทันที



                     ทั้ง3เดินมาถึงในตัวหมู่บ้านซึ่งมีตัวหนังสือสีขาวโปร่งใสส่องประกายคำว่า Gildas ลอยอยู่เหนือทางเข้าหมู่บ้าน ภายในมีบ้านหลังเล็กๆขนาดห้องห้องหนึ่งหลายหลังขนานไปตามทาง และมีทางแยกไปบ้านหลังอื่นๆ



                     มิวพาพวกเขามาถึงบ้านหลังด้านใน ถ้านับระยะทางก็ถือว่าไกลพอสมควร บ้านพักที่ทำจากหินอ่อนตั้งอยู่คู่กันสองหลังเบื้องหน้าพวกเขา หน้าบ้านเป็นระเบียงเล็กๆที่มีโต้ะและเก้าอี้ไม้สำหรับนั่งเล่น มีบันไดขึ้น ตัวบ้านยกสูงจากพื้นไม่มาก ลักษณะบ้านคล้ายกับบ้านพักริมทะเล มีต้นไม้อยู่ข้างบ้าน ทำให้ดูร่มรื่น และพุ่มไม้เล็กๆที่อยู่ด้านข้างบันได ทำให้ดูน่าอยู่มาก



                     "โห บ้านสวยจังเลย" ลูน่าเดินไปสำรวจตัวบ้าน ก่อนจะจับจองบ้านหลังซ้ายอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งคลิฟเองก้ออดอายแทนเพื่อนสาวของเขาไม่ได้



                     "เธอดูร่าเริงดีนะ" มิวเองก็มองลูน่า พลางพูดอย่างไร้อารมณ์ก่อนจะหันมาฟังคลิฟ



                     "เอ่อ คุณมิวครับ นอกจากการ วัดความสามารถ ของพวกเราในวันพรุ่งนี้ ผมยังต้องทำอะไรต่อจากนี้อีกหรือเปล่าครับ" คลิฟถามในสิ่งที่รีเดลกล่าวก่อนเขาเดินทางออกมา



                     "นายไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นหรอกน่ะ ไว้คราวจริงมันจะไม่น่ากลัวอย่างที่นายคิด" มิวบอกพลางยิ้มเล็กๆ นี่คงเป็นรอยยิ้มแรกที่คลิฟเห็นจากชายผู้นี้ "ส่วนสิ่งนี้มันคือหนังสือที่อธิบายสิ่งต่างๆของที่นี่ รวมทั้งกฏระเบียบ และรายละเอียดของสถานที่ต่างๆอีกด้วย นายอ่านแล้วจะเข้าใจมากขึ้น มันเรียกว่า Sentinel memos"มิวกล่าวพลางถือหนังสือสองเล่มขึ้นมา ลักษณะสีน้ำตาลขนาดไม่ใหญ่มากนักพกพาได้ หน้าปกเป็นสัญลักษณ์รูปโล่ที่มีดาบสองเล่มไขว้กันทับอยู่ และเหนือขึ้นไปคือก้านมะกอกสองก้านไขว้กันอยู่ อันแสดงถึง สันติภาพอยู่เหนือการรบราฆ่าฟัน และยื่นมาให้คลิฟ ก่อนที่จะเดินจากไป



                     "เอ่อ คุณมิวครับ ขอบ. ." ยังไม่ทันที่คลิฟจะขอบคุณ มิวก็วาบจากไปก่อน



                     "นี่ๆ บ้านสวยมากเลยแหละคลิฟ อ้าว แล้วคุณมิวไปไหนแล้วหรอ" ลูน่าวิ่งลงมาจากบ้านก่อนจะเข้ามาถามคลิฟ



                     "อื้ม เขาก็งี้แหละมาเร็วไปเร็ว นี่ๆคุณมิวฝากนี่มาให้เธอด้วย" คลิฟยื่นSM(Sentinel memos)ให้กับลูน่าที่รับไปด้วยความตื่นเต้น



                     "อย่างกับหนังสือเวทย์มนต์เลย คืนนี้ฉันคงไม่ได้นอนแน่ๆ อ้อ ฝันดีนะจ้ะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะ" ลูน่ารีบวิ่งเข้าไปในบ้านพักของเธออย่างรวดเร็ว แต่ก้อต้องหยุดค้างที่ประตูเพราะเธอไม่รู้ว่าจะเข้าไปได้อย่างไร



                     "นี่คลิฟฉันเจอปัญหาอย่างนึงแล้วล่ะ" ลูน่าร้องบอกคลิฟที่ยืนทำหน้างงๆอยู่



                     "อะไรหรือ" คลิฟถามพลางเดินเข้าไปหาลูน่าที่ยืนมองพื้นอยู่ที่ระเบียง และเขาพบว่าบนพื้นมีอักขระเวทสีขาวถูกเขียนเอาไว้มากมายเป็นรูปวงกลม



                     "อืม เธอลองเข้าไปยืนบนนั้นดูสิ" คลิฟเองก็คิดไม่ออกจริงจึงให้ลูน่าลองเข้าไปยืนดู ซึ่งก่อนเธอจะเข้าไปก็หันมามองคลิฟด้วยสายตาประมาณว่า "จะให้ฉันเป็นหนูทดลองหรือไงยะ" แต่เธอก็ยอมทำตามโดยดี ผ่านไปครู่หนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น



                     "ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ฉันว่าเราเดินขาลากกลับไปที่ประสาทถามคุณพี่มิวหน้าหวานกันดีกว่านะ"ลูน่าพูดอย่างเซ็งๆก่อนจะทำท่าเดินออกมา แล้วทันใดนั้นอักขระเวทย์ที่ถูกเขียนไว้ก็ส่องแสงสีขาวขึ้นมาพร้อมละอองระยิบระยับมากมายที่พุ่งออกมาจากวงเวทย์นั้น



                     "ลูน่า โอนิลดรีน" ลูน่าพูดชื่อตัวเองอย่างไม่ปี่มีขลุ่ย ก่อนวงเวทย์นั้นจะหมุนรอบตัวเองแปรเปลี่ยนจากแสงสว่างจ้าเป็นแสงขาวนวลอ่อนๆ และตอนนี้เธอหายไปจากจุดนั้นแล้ว



                     "นี่มันอะไรกัน!" คลิฟที่ยืนตลึงอยู่นั้นมองด้วยความแปลกใจปนกับความเป็นห่วงลูน่า แต่ไม่กี่อึดใจลูน่าก็ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเขาอีกครั้งโดยที่อวัยวะยังครบสามสิบสองตามเดิม



                     "เธอไปไหนมา เมื่อกี้ฉันเห็นเธอหายไปต่อหน้าต่อตาเลยนะ" คลิฟร้องบอกอย่างตื่นตลึง



                     "ไม่รู้สิเมื่อกี้นี้ฉันได้ยินเสียงคนถามชื่อฉัน แล้วอยู่ดีๆฉันก็เข้าไปอยู่ในห้องเลย พอเข้ามาที่วงเวทย์อีกทีมันก้อพาฉันออกมาข้างนอก เหมือนบ้านพ่อมดแม่มดที่ฉันเคยอ่านเลยล่ะ!!!" ลูน่าอธิบายด้วยความทึ่งในสิ่งที่เธอสัมผัสเมื่อครู่



                     "งั้นเดี๋ยวฉันขอไปลองมั่งนะ ฝันดีนะลูน่า" คลิฟตื่นเต้นเช่นกันจากที่ฟังเรื่องของลูน่าก่อนจะวิ่งไปยังบ้านพักของเขาและขึ้นไปยืนบนวงเวทย์ครู่หนึ่ง ก่อนจะมีแสงสว่างสีขาวและละอองระยิบระยับปรากฏขึ้นมา



                     "กรุณาเอ่ยนามของท่าน" เสียงใสกังวาลราวกับเสียงเทพธิดา ฟังดูนุ่มนวลดังในหัวของคลิฟ



                     "คลิฟ ไดแลนเซอร์" ทันใดนั้นวงเวทย์ก็เปลี่ยนสภาพเป็นสีขาวนวล ยังไม่ทันที่เขาจะหายใจก็มาอยู่อีกสถานที่หนึ่งแล้ว มันคือห้องภายในที่มีเตียง ตู้เสื้อผ้า ชั้นหนังสือ ที่เก็บของ และห้องน้ำในตัว ผ้าม่านที่ประดับไว้ริมหน้าต่างสีเขียวลายใบไม้ และพรมที่พื้นสีขาวนุ่มสบาย โคมไฟในห้องมีเพียงใบไม้ขนาดใหญ่เรืองแสงสีเหลืองนวลลอยอยู่เหนือทางเข้าและจุดต่างๆ ซึ่งมีสายสำหรับปิดเปิดแสงสว่างจากใบไม้เหล่านั้น ในห้องเย็นสบายอย่างน่าประหลาดแม้กระทั่งไม่เปิดหน้าต่างสักบานเลย เป็นห้องที่น่าอยู่ที่สุดเท่าที่คลิฟเคยเห็นมา



                     คลิฟเดินสำรวจโดยรอบ และสังเกตุเห็นบ่อหินบางอย่างที่อยู่ติดริมห้อง ผนังห้องมีเขียนวิธีการใช้งานอย่างละเอียดว่ามันคือบ่อน้ำที่ใช้สำหรับชำระล้างเสื้อผ้า ภายในบ่อเป็นขาวๆเหมือนกลุ่มหมอก ซึ่งเสื้อผ้าที่ออกมาจะสะอาดและแห้งภายในตัวโดยไม่ต้องนำไปตากให้เสียเวลาอีก ห้องน้ำเป็นกระเบื้องสีฟ้าอ่อน มีอ่างล้างหน้า สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องน้ำ และอ่างอาบน้ำที่เป็นอ่างหินสามารถปรับอุณหภูมิได้ตามต้องการ



                     คลิฟใช้เวลาสำรวจห้องด้วยความตื่นเต้นก่อนจะอาบน้ำชำระร่างกาย แล้วลงไปนอนเล่นอ่านข้อมูลในSM ที่มีทั้งประวัติของป้อมปราการ Sentry เวทย์มนต์ต่างๆ สถานที่สำคัญพร้อมแผนที่ที่แสดงรายละเอียดไว้ครบถ้วน หน้าท้ายๆว่าด้วยเรื่องของกฏที่นี่ และปฏิทินวันสำคัญต่างๆ คลิฟอ่านมันด้วยความสนอกสนใจก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า



                                                                        ********************



                     "ท่านรีเดลครับ ในวันพรุ่งนี้จะพาพวกเขาไปยังวิหารเซนจูเรีย หรือครับ" มิวถามรีเดลขณะนี้ทั้งคู่คุยกันอยู่ที่ห้องทำงานของรีเดลที่พวกคลิฟจากไปเมื่อครู่



                     "อืม ก่อนจะทดสอบเขา เราต้องรู้ถึงพลังของเขาก่อน ว่าพลังแบบไหน" รีเดลกล่าวขณะเธอหันมองออกไปนอกหน้าต่าง



                     "จะให้พวกเขารับการชำระจิตพร้อมกับเด็กใหม่คนอื่นๆที่มาที่นี่หรือครับ ผมคิดว่าพลังของเขาควรเก็บไว้เป็นความลับ" มิวบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย แต่ลึกๆเขาก็หวั่นเกรงว่าพลังของคลิฟอาจเป็นอันตรายต่อคนอื่น ซึ่งรีเดลก็อ่านใจเขาได้แม้แค่ฟังจากน้ำเสียงก็ตาม



                     "ไม่ต้องกังวลหรอกมิว การที่พวกเขาชำระจิตพร้อมกับเด็กคนอื่นๆก็ถือเป็นการได้เพื่อนใหม่ และเป็นการที่จะได้รู้จักพลังคนอื่นๆ เพื่อให้เขาพัฒนาฝีมือของตนเองมากยิ่งขึ้นนะ ฉันเชื่อว่าพลังของเขาจะยิ่งใหญ่ยามเขาปกป้องพวกพ้อง ความรู้สึกของฉันบอกเช่นนั้น" รีเดลกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กๆที่ปรากฏบนใบหน้า



                     "ครับ ถ้าท่านคิดว่าสมควรผมเองก็เห็นควรด้วย แต่ตอนนี้ข่าวการบุกของพวกวิชเชียสได้ห่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย ผมคิดว่ามันเริ่มมีแผนการอะไรบางอย่าง" มิวกล่าว ขณะนี้เองเป็นครั้งแรกที่เขามีความรู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมา



                     "อืม ฉันเองก็รู้สึกเช่นนั้น ต่อจากนี้เราต้องเร่งมือหาศาตราแห่งสวรรค์โดยเร่งด่วนแล้วล่ะ แล้วพลังของดวงตาโครนอสคืออะไรหรือ" รีเดลหันมาพูดกับมิว เมื่อเธอถามถึง 1 ใน ศาตราสวรรค์



                     "ข้อมูลที่ได้มาจากนครหลวง มีการคาดเดาพลังของดวงตาโครนอสคือการมองเห็นอนาคต แต่ยังไม่อาจยืนยันได้ และขณะยังไม่มีจอมเวทย์คนไหนหรือนักรบคนใด สามารถใช้มันได้ครับ" มิวตอบพลางปรับความรู้สึกให้นิ่งเฉยดั่งเดิม



                     "อืม ถ้าเราหาคนใช้มันได้ก็คงดีสินะ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าสิ่งที่เราทำอยุ่ มันจะเปล่าประโยชน์หรือเปล่า" รีเดลกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะหันกลับไปที่หน้าต่างซึ่งขณะนี้มีฝนโปรยปรายลงมาเป็นสายๆ



                                                                        ********************



                     "นี่คลิฟ . . . นายจะให้ฉันมาปลุกนายทุกวันเลยหรือไงหา!!!!!!" เสียงตะวาดของลูน่าดังลั่นขึ้นหน้าบ้านพักของเขาจนคลิฟกระเด้งขึ้นจากเตียง รีบเข้าห้องน้ำ และหาเสื้อผ้าแต่งตัวอย่างร้อนรน ก่อนจะวิ่งออกไปหาลูน่าด้านนอกทันที ขณะนี้เธอมานั่งรอที่ระเบียงโดยหันหลังให้กับเขา



                     "ช้าจริงเลยนะ เดี๋ยวก็โดนอีกซักหมัดนึงหรอก" ลูน่าหันมากล่าวกับคลิฟ ตอนนี้เธออยู่ในชุดใหม่ที่เป็นเสื้อแขนยาวพอดีตัว สีน้ำเงินแถบขาวและกระโปรงยาวที่มีสีเช่นเดียวกัน รองเท้าหนังสีดำวาว และใส่ถุงเท้าทำให้ดูเรียบร้อย ผมที่รวบไว้ถูกปล่อยสลวยยาวลงมากลางหลังและคาดด้วยที่คาดผมสีขาวธรรมดา บวกกับใบหน้าที่หมดจด น่ารักของเธอ เมื่ออยู่ในชุดนี้ทำให้ดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทำเอาคลิฟอึ้งไปเลยทีเดียว



                     "นี่มองไรยะ แล้วเธอไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้างหรือไงแต่งแต่ชุดเดิมอยู่ได้" ลูน่ากล่าวแก้เขินพลางหันหน้าไปมองทางอื่น คลิฟเองที่เหมือนพึ่งรู้สึกตัวจึงรีบตอบอย่างลุกลน



                     "อ่อ เอ่อ . . ฉันคิดว่ามีที่ซักผ้าน่ะ เลยใส่ชุดเดิมก็ได้ แหะแหะ" คลิฟตอบไปแก้ตัว เพราะจริงๆแล้วเขาไม่รู้หรอกว่าลูน่าเอาชุดมาจากที่ไหนมาใส่



                     "อืมๆ นั่นไงมิวมาแล้ว" ลูน่าร้องทักมิวเสียงดังไม่เกรงใจเพื่อนบ้านข้างเคียงที่กำลังนอนหลับ จนทำเอาคลิฟอดเกรงใจแทนไม่ได้ . . มิวเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกเช่นนั้น ทั้งคู่เดินไปหามิวที่ยืนรออยู่หน้าบ้านพัก



                     "วันนี้ฉันจะพาเธอไปวิหารเซนจูเรีย เมื่อถึงที่นั่นพวกเธอจะรู้เองว่าต้องทำอะไรบ้าง ขอให้พวกเธอโชคดีนะ" มิวพูดจบยังไม่ทันที่ลูน่าจะพูดอะไรต่อ มิวก็นำผลึกสีขาวโปร่งให้กับทั้งสอง และทั้งคู่ก็หายวั้บไปทันที



                     "เฮ้อ ต้องไปส่งเด็กคนอื่นๆอีกหรือนี่ เหนื่อยจริงๆเลยเช้านี้" มิวพูดก่อนจะหยิบกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งขึ้นมา และวาบหายไป



                     และแล้วก้าวแรกสู่โลกแห่งเวทย์มนต์ของคลิฟและลูน่ากำลังจะเริ่มขึ้น . . .





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×