ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] love is lodged เปลี่ยนรัก #markbam ft.GOT7

    ลำดับตอนที่ #19 : love is 19 จะวันนี้หรือวันไหน ครบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.05K
      3
      29 เม.ย. 58






                       love is lodged 19


             




    ความรักเหมาะกับคนกี่คน?














              ยูคคอมออกมาจากบ้านหลังใหญ่ ไม่ว่าสิ่งที่เขาเห็นมันจะมีอีกกี่ข้อแก้ตัวที่พี่ชายจะใช้บอกเขา ตอนนี้ยูคยอมก็คงทำได้แค่รับฟัง  หากพูดถึงเรื่องที่พี่ชายขอร้องให้เขาช่วย แน่นอนว่าเขาเองยินดีช่วยเพราะเขาเองก็รักแบม แต่เพราะเขารู้ว่าแบมคิดกับเขาได้แค่ไหนจึงอยากจะลองในวิธีของตนก่อน จะให้รวมรัดแล้วทำแบบที่พี่บอกคงต้องรอให้หมดความอดทน

    " โทษทีว่ะ คุยกับมาสเตอร์นานไปหน่อย "  

            รีบบอกกับเพื่อนทั้งสองในทันทีที่เขามาถึงร้าน แบมตอนนี้กำลังสนใจเนื้อย่างบนเต่าโดยมีแอลริทคอยถามความต้องการอยู่ตลอด  
    " ไม่มาพรุ่งนี้เลยละ " เสียงเล็กแทรกขึ้น
     

    " มึงงอลกูเอ่อ ไอ้เตี้ย? "

    " งอลพ่อ ง ดิ  กูหิวตะหากเว้ย "  

            คนตัวเล็กโต้ตอบทั้งที่ในปากยังเต็มไปด้วยผักและเนื้อ แอลริทขำพรืดกับสภาพการกินของเพื่อนตัวเล็กในตอนนี้ไหนบอกว่าจะรอเพื่อนอีกคน  แต่พอเขาสั่งเนื้อมานี่ก็ปาเข้าไปถาดที่สามแล้วคนตัวเล็กยังไม่มีทางทีว่าจะหยุดเคี้ยว กระเพาะของแบมเป็นอะไรที่น่าศึกษามาก








    " มึงก็กินดิ  แบมรอมึงนานแล้วกูเลยให้กินก่อน "แอลริทบอก  ยูคยอมพยักหน้าแล้วหันไปลากเก้าอี้มาชิดทั้งสอง

    " อืม  ก็ดีนะมันจะได้ไม่โมโหหิวจริงมั้ยไอ้แว่น "

    " เออจริง ถ้าหิวจัดๆกูจะแดกหัวมึงแทนเนื้อย่าง "   ว่าแล้วก็ยังคีบเนื้อเข้าปาก ผมมองยูคยอมและแอลริทสลับกันไปมาสองคนนี้ต้องมีเรื่องที่ไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แน่ๆ

              ถึงผมจะไม่เคยถามแต่ผมก็สังเกตมาตลอดทุกครั้งที่ไอ้โย่งมันหายไปแอลริทมักจะเดาถูกเสมอว่ามันไปไหนและที่สำคัญแอลริทเคยบอกให้ผมระวังจากทั้งไอ้โย่งและมาสเตอร์จินยอง  หลังสวาปามเนื้อย่างกันจนพุงแทบแตกพวกเราก็พากันกลับ
              คงไม่ต้องถามว่าใครจะถึงบ้านคนแรกผมแน่นอน ผมถึงคนแรกเลยแต่มันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าคนที่รอผมอยู่บ้านมีแค่ป้าเซมี ไม่ใช่มาร์คต้วนอีกคน








    " กลับมาแล้วคร้าบบ ป้าครับ วันนี้แบม.... " เสียงหวานขาดห้วงอักษรทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อของอีกคน

     

    " อ้าวมาแล้วเหรอลูก นี่รุ่นพี่มารอแบมนานมากเลยนะ หายไปไหนมาเรา "  คำพูดของป้าไม่ได้เข้าสมองผมเท่ากับรอยยิ้มจากร่างสูงตรงหน้า มาร์คมารอผมงั้นเหรอ


    " แบมไปกินข้าวกับเพื่อนมาครับ "


    " เหรอจ๊ะ อ้าว สวัสดีหนุ่มๆพวกเราเป็นเพื่อนแบมใช่มั้ย?"   เจ้าของบ้านหันถามเด็กหนุ่มอีกสองคนที่เดินตามหลานชายเข้ามาวันนี้บ้านของเธอได้รับแขกเยอะจริงๆ







    " สวัสดีครับ/สวัสดีครับ " ทั้งสองกล่าวทักทายแล้วโค้งแนบพื้น?ให้หญิงสูงวัย ใบหน้าของเธอรวมทั้งรอยยิ้มไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเหมือนใคร

    " ร้ายจริงๆเลยนะเรา ไม่เห็นบอกป้าเลยว่าเพื่อนกับรุ่นพี่จะมา นั่งๆก่อนเดี๋ยวป้าให้คนเอาขนมมาให้ "  ตอนนี้ป้าเซมีออกไปแล้วเหลือผมกับคนตัวสูงอีกสามคน นี่มันแดจาวูชัดๆเลยทำไมพวกเขามองกันเหมือนเป็นนักฆ่าเลยละ

    " คุณมาทำอะไรที่นี้? "


    " มาหาเธอไง "


    " หึ  ไอ้น่าม่อ "  น้ำเสียงและคำพูดแบบนี้คงหนีไม่พ้นไอ้โย่งแน่ๆ


    " โย่งมึงเงียบๆเลย "


    " ถึงอย่างนั้นคุณก็น่าจะบอกผมก่อน "  เขาน่าจะบอกผมก่อนน่ะ  เขาควรบอกก่อนเพราะหากผมรู้ก่อนผมจะไม่พาสองคนนี้เข้ามาด้วยเพราะสถานการณ์ตอนนี้น่าอึดอัดเป็นบ้า  




     
    " โทรแล้วน่ะ เธอน่าจะแบตหมด "

            ผมรีบหาโทรศัพท์ทันทีแบตหมดเหรอ? และหลังจากหน้าจอที่เคยสว่างมืดสนิทผมก็ได้แต่ถอนหายใจแบตหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ ตกลงผมผิดเต็มๆใช่มั้ย?

    " ว่าไงแบตหมดใช่รึป่าว? "

    " อือ หมด "  
               ร่างเล็กได้แค่ครางรับ ก็เฮ่อออ อะไรจะประจวบเหมาะขนาดนั้นตอนนี้ดูเหมือนแอลริทกับไอ้เปรตวันนัมจาจะเตรียมจ้วกร่างสูงสะให้ได้  
    " แบม นายควรขึ้นไปพักผ่อนดึกแล้ว เดี๋ยวพวกเราจะกลับแล้ว "   


    แอลริทเลือกที่คุยกับร่างเล็กลดบรรยากาศแปลกที่เขาไม่ชอบใจ  " จริง!! นอนดึกเตี้ยลงๆนะมึง "










    " มึงก็เว่อร์ ตระกรรบ้านมึงเหรอนอนดึกเตี้ยลงแม่ม!! ทำเป็นสาละวันไปได้  "

    " แล้วไม่กินขนมละ "

    " พวกกูอิ่มแล้ว จริงมั้ยครับรุ่นพี่ ผมว่าเราควรกลับพร้อมกัน " ยูคยมอเอ่ยแทรกร่างสูงเดินมาแทรกกลางระหว่างกับร่างเล็ก

    " อืมๆ งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้  " ผมบอกกับเพื่อนทั้งสองโดยที่ยังไม่ได้หันไปหาแขกอีกคน เขายืนอยู่อย่างเงียบๆไม่รุ้สิผมควรจะไล่ไปพร้อมกันรึป่าว










    " ฝันดีละ // ฝันถึงกูด้วยนะเตี้ย คนบางคนอ่ะนะบ้านช่องก็มียืนทำพิธีเซ้งเม้งห่าหอกอะไร " ยูคยอมแหวะร่างสูงก่อนจะเดินตามหลังแอลริทไป แปลกนะที่มาร์คต้วนยังยืนนิ่งทำเหมือนไม่ยินอะไรพวกนั้นหรือเขาไม่สนกันแน่ละ

    " ผมว่าวันนี้คุณควรกลับไปก่อน " ผมมองร่างสูงก่อนจะเอ่ยบอก เขาดูไม่พอใจแน่ละเขามารอผมนี่น่า
     

    " พี่ยังไม่ได้คุยกับเราเลย ไล่แล้วเหรอ? " แม้จะมีสีหน้าผิดหวังแต่น้ำเสียงทุ้มนั้นยังคงปกติ   " ก็ดึกแล้ว ไว้คุยก็ได้นิ "   แบมแบมว่าขึ้น 
             แม้จะอยากรู้ว่าทำไมอีกคนมาที่นี้แต่เพราะตอนนี้เพื่อนของเขายังไม่ได้ออกจากตัวบ้านไป ไม่แน่ใจว่าหากมาร์คต้วนยังอยู่ต่อไม่ยูคยอมก็แอลริทก็เดินกลับเข้ามาแน่

     

    " ก็ได้ครับ ฝันดีนะ "  สีหน้าผิดหวังของมาร์คทำให้แบมแบมอยากจะเอ่ยปาก แต่แล้วเขาก็เลือทกี่จะเดินขึ้นห้องไป แทนที่จะถามถึงสาเหตุที่ร่างสูงมาหา





    " มึงมาที่นี้ทำไม? "   ยูคยอมถามทันทีที่เห็นรุ่นพี่เดินตามหลังออกมา แน่นอนว่าหากมันยังอยู่กับคนตัวเล็กในบ้านเค้าคงได้นอนเฝ้าบ้านเพื่อนแน่

    " แล้วมึงมาทำไม? "  ถามกลับเด็กหนุ่มทันที " มาส่งเพื่อนกูไง"
     

    " กูก็มาหาคนที่กูชอบไง "   ทันทีที่ร่างสูงตอบ เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะหึในคอจากรุ่นน้องนักซิ่งรถ


    " ถุย!! ถ้ามึงชอบแบมจริงคงชอบไปตั้งแต่7ปีก่อนแล้วว่ะ "




    " แล้วมึงรุ้เหรอว่า7ปีก่อนกูไม่ได้ชอบ "  มาร์คไม่ใช่คนที่จะชอบต่อปากต่อคำแต่วันนี้กลับแปลกไป เขาคงได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากรุ่นน้องทั้งสองไม่น้อยเลย


           แต่กลับกันยิ่งเขาเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้แอลริทแน่ใจว่าเมื่อ7ปีก่อน  ตอนที่เขายังชื่นชอบมาร์คต้วนมันก็เป็นเวลาเดียวกับร่างสูงที่ค่อยๆหายไปจากการแข่ง ละทิ้งศรัทธาและความรุ่งเรืองของชีวิตนักแข่งในตอนนั้นจนหมดสิ้น  จนทำให้แอลริทเองหมดศรัธาและเริ่มรังเกลียดในตัวเขาเช่นกัน จะเป็นไปได้มั้ยว่าคนที่ทำให้ผู้ชายแสนเฟอร์เฟ็กคนนี้เปลี่ยนไปคือแบมแบม เด็กแว่นที่ยงกุกเคยพูดถึง


    " ยูคยอม มึงควรกลับบ้าน"

    " กูไม่คิดว่ามึงจะอยู่ที่นี้ ได้ยินข่าวว่าวันนี้มีแข่งกับเซฮุน "  ร่างสูงพูดขึ้นแม้จะไม่เจาะจงออกชื่อแต่ก็ทำให้คนทั้งสองที่กำลังจะก้าวเดินหยุดชะงัก "......."





    " เลิกได้ก็ดี เลิกไม่ได้ก็ชีวิตมึงนั่นแหละที่ต้องติดกับมันไปตลอด "  มาร์คเอ่ยเสียงเรียบ จากนั้นก็ทิ้งให้คนทั้งสองนิ่งเงียบ แอลริทรู้ดีว่าร่างสูงพูดถึงอะไรแต่กับยูคยอมมันต้องมีอะไรแน่ๆที่เขายังไม่รุ้เกี่ยวกับคนทั้งสอง คราวนี้ละไอ้แอลริทกูมีข้อโต้แย้งเป็นวัวสันหลังแหวะแล้วล่ะมึง


    " มึงรู้จักมันเหรอ มาร์คต้วนอะ "

    " อืม มันเป็นเจ้าของสนามรถที่กูเซ็นสัญญาด้วย " 
     

    " มึงก็เป็นเบ๊มันอะดิ" ยูคยอมจิกตามอง ร่างโปร่งข้างๆ

    " ไม่จำเป็นมันไม่ได้มีความหมายขนาดนั้น"
              แอลริทยังใช้น้ำเสียงเรียบง่ายผิดกับยูคยอมที่อยากรู้อยากเห็นก็ถ้ายิ่งรู้มากเค้าก็ยิ่งมีข้อมูลที่จะเอาไว้ต่อรองกับอีกคนได้ เพื่อไม่ใช่อีกคนบอกเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับพี่ชายแต่เพราะยูคยอมคิดตื้นรึคิดน้อยเกินไปร่างสูงจึงไม่เอะใจเลยว่าแววตาของเพื่อนตัวเล็กที่ตนเพิ่งมาส่งได้เปลี่ยนไปแล้ว

























    Mark  part



            ต้องมีเวลามากเท่าไหร่ผมถึงจะสามารถย้ำความจริงที่ผมรู้สึกให้ไปถึงหัวใจคนๆหนึ่งได้  รู้ว่ามันยากถ้าเคยโดนหักหลังแล้วจะให้กลับมาเชื่อดั่งเดิมมันคงใช้เวลา แต่ผมเชื่ออยู่อย่างว่าความพยายามที่ทำมันจะไม่สูญเปล่าช่วงเวลาที่แบมทุกข์ใจผมอยากรู้จริงๆ

          ว่ามันลำบากซักแค่ไหนและเขาจะรู้บ้างรึไม่ว่าผมเองก็ไม่ได้ต่างกัน  วันนี้ผมพยายามจะเริ่มต้นใหม่เพราะผมลืมเด็กนั่นไม่ได้ความอบอุ่นที่หาได้ยากจริงๆกับชีวิตมาร์คต้วน ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยไป





    " อ้าว มาร์ค มาหาแบมเหรอจ๊ะ น้องยังไม่ตื่นเลยไปปลุกหน่อยสิ "
               เช้าวันนี้ผมแวะมาหาคนตัวเล็กแต่เช้าก็เมื่อวานเรายังไม่ได้คุยกันเลยสักคำ  แบมดูลำบากใจไม่น้อยที่เมื่อวานทั้งผมและเพื่อนของเขามาเจอกัน ยูคยอมมันไม่ชอบหน้าผมและผมก็รู้ว่าทำไม เด็กนั่นหวงก้างมาแบบนี้ตลอดตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้


    " งั้นรบกวนด้วยครับ "   ผมโค้งให้เจ้าของบ้านเธอยิ้มตอนรับผมเป็นอย่างคุณป้าของแบมแบม เสียงในห้องยังเงียบกริบแน่ละวันนี้วันเสาร์ไม่ได้ไปเรียนไม่จำเป็นเลยที่ต้องตื่นเช้า





    ก๊อก ก๊อก!!

     

         ผมออกแรงเล็กน้อยกับประตูบานกว้างและถือวิสาสะเข้าไปในห้องคนตัวเล็ก รู้สึกประหม่าแฮะทุกอย่างเลยที่ผมทำให้อีกคน เป็นเพราะแบมคือคนที่ทำให้ผมเข้าใจความรักจริงๆหรือเพราะผมรักเด็กคนนี้มากจริงๆกันแน่จนดูเหมือนทุกอย่างที่กำลังทำ มันดูเก้อๆจนน่าตลกสำหรับคนที่ได้ฉายาว่าเพลย์บอยอย่างผม

    มันก็แค่ฉายาที่ไม่ได้เป็นความจริง


    " แบม  เช้าแล้วครับ "  เด็กน้อยยังนอนนิ่งมือบางกระชับผ้าห่มเมื่อผมเปิดหน้าต่างออกกว้าง ลมเย็นที่พัดเข้ามาอาจจะช่วยทำให้เด็กน้อยของผมตื่นไวขึ้น



    "........"



    " แบมครับ "



    " อื้ออ "


    " เช้าแล้วน่ะ ตื่นเถอะครับ" ผมพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดังขึ้น แต่ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กจะยังไม่ยอมตื่นจากความฝันง่ายๆ ไม่ทำอะไรมาน่ะ นอนขิเซาขนาดนี้
     




    " โหย ย เพิ่งนอน โอ๊ะ!! มาร์คต้วน "  นี่คงเป็คำทักทายที่ตลกจริงๆเรียกชื่อซะเต็มยศ



    "  หึ นี่ตกใจหรือตั้งใจเรียกชื่อกันแน่ "   ผมพูดหยอก ร่างเล็กที่ยังมีท่าทางเหมือนคนมึนงงแบบพวกเมาค้างอะไรแบบนี้



    " เข้ามาได้ไง? " คิ้วบางขมวดขึ้น

     

    " เดินมาสิครับ ไม่น่าถามน่ะ "


    " ขำมั้ย? คุณเข้ามาได้ไง?"  ท่าทางไม่ชอบใจบวกกับน้ำเสียงเปล่งๆนั้นช่างไม่ได้มีอารมณ์ขันเอาสะเลย



    " เรื่องนั้นช่างเถอะแต่ตอนนี้เราต้องลุก ฮยองจะลงไปรอข้างล่างอย่านานนะครับ อาหารจะเย็นหมด "  มาร์คเลือกที่จะลงไปรอร่างเล็กข้างล่างดีกว่าจะมาคุยกันอยู่ในห้องนี้ เพราะนี้คือห้องนอนเกิดเขาหน้ามืดมาจะทำยังไง?








         หลังมาร์คกลับลงมานั่งคุยกับผู้เป็นป้า แบมแบมก็ใช้เวลาไม่นานกับการจัดการตัวเองให้เรียบร้อย " มาแล้วเหรอแบมลูก มาทานข้าวสิมาร์คฮยองรอเรานานแล้วน่ะ"  เซมีพูดขึ้นหลังเห็นหลานชายตัวเล็กเพิ่งจะเสด็จ

     

    " ขอโทษครับ พอดีแบมนอนดึกเลยตื่นสาย "


    " ไม่เป็นไรจ๊ะวันนี้วันเสาร์นิเนอะ นั่งลงสิลูกมาๆทานข้าวกัน "   เธอบอกเด็กหนุ่มทั้งสอง พักหลังเซมีสังเกตว่าหลานชายคนเก่งของเธอไมได้ซึมเศร้าเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เหม่อลอยและไมได้นิ่งเงียบ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้เปลี่ยนไปแต่นั่นคือการเปลี่ยนแปลงที่ดี



    " ว่าแต่วันนี้จะไปเที่ยวไหนกันจ๊ะ "


    " เอ่อ ไปเที่ยว? แบม.. "


    " พวกเราจะไปบ้านพักเด็กน่ะครับ ผมชวนน้องไปช่วยอ่านนิทาน  " มาร์ครีบแทรกหากปล่อยให้เด็กแว่นของเขาพูดวันนี้เขาคงได้กินแห้ว



    " บ้านพักเด็ก!! // บ้านพัก? "
            ทั้งคนตัวเล็กทั้งหญิงสูงวัยอุทานพร้อมกันคนหนึ่งมีน้ำเสียงแปลกใจแต่อีกคนลงน้ำเสียงไม่พอใจ เรื่องอะไรเขาจะไปเขาไม่ได้รับปากไว้นิน่าเท่าที่จำได้มั้งน่ะ??




    " ครับ  ผมดูแลเรื่องบ้านพักเด็กเล็กอยู่ครับ " คนตัวสูงอธิบาย

     


    " ว้าว จริงเหรอจ๊ะ ใจดีจังน่ะ"   เซมีตาโตเธอไม่คิดว่าเด็กหนุ่มอายุแค่นี้จะมีความคิดอะไรแบบนั้นได้



    " ผมบอกเหรอจะไป "  ร่างเล็กกระซิบ เป็นแบบนี้ตลอดทำอะไรไม่เคยปรึกษาเขาไม่ใช่ตุ๊กตาน่ะจะยกไปนั่นมานี่ได้ตามชอบใจ มาร์คต้วนิยังไง? แปลกคน



    " ไปสิ ฮยองชวนอยู่นี่ไง ?"   ร่างสูงว่าขึ้นและนับว่ามาร์คต้วนคนเก่าได้ตายไปแล้วจริงๆ ไม่ตื้อ ไม่ด้าน ไม่ได้แบมน่ะครับ นี่คติใหม่ของต้วนเลย



    " คุณ!!! "


    " ครับ " น้ำเสียงของหลานชายทำให้เซมีถอนหายใจ ทำไมใจร้ายกับร่างสูงตรงหน้าขนาดนี้กัน  " น้องแบม ไปสิลูกไปชวนน้องๆหน่อยน่ะ "





     

            และเซมีเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างจากแววตาของรุ่นพี่ของลูกชาย ใจจริงเธออยากจะเอ่ยว่าตนจะไปด้วยแต่เพราะท่าทางของร่างสูงที่แสดงต่อหลานชายนั้น ทำให้เธอไม่ปริปากเพราะเซมีรู้ดีว่ามันคืออะไรเธอไม่ได้มาเกิดนานเพียงอย่างเดียวแต่เธอยังเปิดใจกับเรื่องพวกนี้มากพอสมควรด้วย ความรักไม่ว่าจะเกิดที่ใดมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด



    " คุณป้าแต่ว่าแบม...."

     

    " เมื่อวานป้าจำได้ว่าฮยองเค้ามารอเราน่ะ นานมากด้วย " เสียงขู่ของป้าทำให้แบมแบมจิ๊กปาก "เอ่อ ครับ"

     

    " ไม่เป็นไรครับถ้าน้องไม่อยากไป พอดีผมก็แค่มาชวน " เสียงทุ้มแทรกหากตั้งใจฟังดีๆละก็ นั้นไม่ใช่อาการของคนน้อยใจแต่มันคือมารยาเล่มแรกของมาร์คต้วน



    " ได้ไงเมื่อวานเราก็มารอน้องน่ะ แบมอ่าลูกอย่าทำนิสัยเหมือนเด็กไม่ดีสิจ๊ะ "


    " โธ่ ป้าครับ แต่ว่า... "


    " ไม่เป็นหรอกครับ ผมชินแล้ว รีบทานข้าวดีกว่าครับ "
             ร่างสูงเงยหน้าบอกและนั่นคือมารยาเล่มที่สองของเขา ใครจะรู้ว่ามาร์คต้วนคือนักแสดงหน้ากากทองคำ ร่างสูงยังนิ่งเงียบแววตาและท่าทางยังคงนิ่งเฉยทำเอาร่างเล็กถึงกับกัดฟันกรอด



    " อย่าทำหน้าแบบนั้นน่ะป้าจะว่าผมเป็นเด็กไม่ดี!! "    คำพูดที่เอ่ยเบาแสนเบาดังเข้าหูของร่างสูง มาร์คหันไปมองเด็กน้อยข้างๆ 



    " ฮยองไม่บังคับหรอก อิ่มแล้วก็จะไป " ตอบกลับทั้งๆที่ยังก้มหน้าก้มตาทานอาหารของตนต่อ


    " หึ่ย ก็ได้ๆผมจะไป กินเร็วๆสิ รีบไม่ใช่เหรอเดี๋ยวเด็กๆรอนาน  " ว่าแล้วก็รีบตักข้าวคำใหญ่ ปากเล็กเคี้ยวตุ้ยๆร่างสูงถึงกับอมยิ้มกริ่มแม้จะเป็นการชวนแกมบังคับแต่อย่างน้อยแบมก็ยอมไป   ถ้าผมสามารถบังคับได้ทุกเรื่องแบบนี้ขอบังคับให้เขามองแค่ผมคนเดียวได้คงจะดี









    " คิดอะไรของคุณ? เหม่อแบบนี้ตายทั้งคันทำไงเล๊า  " ปากเล็กว่าเขาสังเกตเห็นคนขับนิ่งเงียบตั้งแต่ออกจากบ้านมาแล้ว เขาก็มาด้วยแล้วไงทำไมยังครึมอยู่ละ จะขี้เก๊กไปถึงไหน



    " ไม่ตายหรอกน่า นรกน่ะคงรอพี่แค่คนเดียว "


    " จะบ้าเหรอ!! ใครให้พูดเรื่องตายตอนที่ล้อหมุนกัน "
          แบมแบมว่าเขาไม่ชอบเท่าไหร่ที่ใครจะมาพูดถึงเรื่องตายๆถึงแม้เขาเองจะเคยคิดว่าการตายเป็นการจบทุกสิ่งอย่างและต่อมาเขาก็รู้แล้วว่ามันเป็นความคิดที่โง่สิ้นดี
      " กลัวเหรอ?"

     

    " กลัวดิ ตายไปทำไง "


    " พี่ขอโทษแล้วกัน พอดีคิดอะไรเพลินๆ "  ชะงักไปเล็กน้อยกับคำขอโทษที่ไม่น่าจะหลุดจากปากคนขับ เมื่อก่อนน้อยครั้งน่ะที่เขาจะเอ่ยปากรึมาร์คต้วนจะป่วย  " คุณป่วยรึป่าวเนี่ย?"

     

    " ไม่นิ ทำไม?"


    " ก็ป่าว แค่แปลกๆมาร์คต้วนคนเก่าหายไปไหนแล้วละ เจอแบบนี้ไม่ค่อยชอบเลย  "  มันอาจจะเป็นแค่คำพูดธรรมดาแต่นั่นกลับทำให้มาร์คถึงกับกระอักจนถึงข้างใน เมื่อก่อนเขาไม่น่าคบขนาดนั้นเลยเหรอ รึเมื่อก่อนเค้าเลวมากเลยรึไงกัน   " ชอบคนเลวๆหรอกเหรอ ก็น่าจะบอกน่ะ "

     

    " ใครบอกว่าชอบ  " คนตัวเล็กก้มหน้า ใช่เขาชอบมาร์คไม่รู้สิจะเลวรึไม่ก็เลิกชอบไม่ได้ อยากด่าตัวเองเหมือนกัน  " เราไง เลิกชอบพี่แล้วเหรอ? "

     

    " ผมไม่เคยชอบคุณ "  กลั้นใจบอก ถือว่าเก่งน่ะที่น้ำเสียงนั้นยังปกติได้  " งั้นเหรอ? งั้นพี่คงรักเราข้างเดียว " คนขับยกยิ้มแล้วพูดขึ้นก่อนที่คนข้างๆจะค้อนใส่เขาวงใหญ่ 

     

    " อย่าพูดดีกว่าถ้าคุณไม่ได้เป็นแบบนั้น " รักข้างเดียวเหรอผมต่างหากละ คุณหลอกผมลืมแล้วรึไง


    " เอาเถอะ ถือว่าเรารักกันแค่พี่โง่ไม่รู้ใจตัวเอง " ว่าจบมือหนาเอิ้อมมาสัมผัสอีกคนเบาๆ ความอบอุ่นที่เขาทำหายไปค่อยๆกลับมาแล้วถ้าจะพูดเรื่องอดีตเขาผิดเต็มๆ


    " ขับรถไปสิ ขับมือเดียวอันตราย " ร่างเล็กบอก นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกว่าหน้าร้านผ่าวขนาดนี้ คุณทำอะไรกับใจผมอีกแล้วมาร์คต้วน


    " เรื่องโอกาส "




     

    " ผมไม่ผิดสัญญาหรอก ผมไม่ลืมด้วย "  ปากบางบอกยุกยิก ใบหน้าเล็กเริ่มเห่อแดง


    " รู้เหรอ? ฮยองหมายถึงอะไร? "


    " ก็…  "  ถึงกับติดอ่างเมื่อโดนถามกลับ มาร์คต้วนได้แต่หันมองเสี้ยวหน้าหวานที่ซ่อนริ้วแดงไม่ให้เห็น ถ้ารู้ว่ามีแบมแล้วหัวใจเต้นแรงและผ่อนคลายแบบนี้   เขาคงไม่ยอมปล่อยอีกคนไปง่ายๆและไม่โง่ไปกับเกมส์บ้าๆนั้น



    " เห๊อะ ผมเกลียดคุณ" คนตัวเล็กว่าขึ้นหลังเห็นรอยยิ้มร้ายของร่างสูง และถ้าได้ยินแค่คำนี้ใครๆคงคิดว่าตนกำลังถูกด่าแต่ถ้าได้มองหน้าคนด่าชัดๆละก็นี่มันเขิลยกกำลังสองเลยละ  " อะไรกัน โดนเกลียดสะแล้ว"

     

    " หยุดได้แล้ว จะแกล้งผมไปถึงไหน " 

    " ก็จนกว่าแบมจะเรียกแทนตัวเองว่าแบม เหมือนที่พูดกะคนอื่น " เขาอยากให้อีกคนแทนตัวเองแบบนั้นบ้าง ผมคุณมันดูแตกต่างและห่างเหินเกินไป


    " ทำไมผมต้องทำแบบนั้น "

    " เพราะฮยองรักเราไง ถ้าเราไม่ลืมว่าจะให้โอกาสฮยองได้แก้ตัว เราก็ควรจะเรียกแทนตัวเองแบบนั้น "
          คนขับพูดตรง เขากล้าบอกว่าเขารักแบมแบมแค่ไหน หากย้อนกลับไปในอดีตเขาก็เลือกจะตอบแบบนี้เช่นเดิมถึงแม้จะโดนล้อก็คงต้องยอมกันแล้วละ
      " หึ คงจะดีน่ะถ้าเมื่อก่อนคุณเป็นแบบนี้ "
     

    " ใช่  คงจะดี "  แม้ร่างเล็กจะไม่แทนตัวเองกับเขาในแบบที่ร้องขอแต่ก็ยังดี วันเวลาจะช่วยให้เขาแทรกเข้าไปในใจดวงน้อยดวงนี้ได้ เขาจะยังเชื่ออย่างนั้น










            บรรยากาศในสถานรับเลี้ยงเด็กวันนี้ช่างเติมเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แบมไม่ได้เอ่ยปากบ่นว่าเหนื่อยสักคำเขาทั้งวิ่งไล่กับเด็กๆ ทั้งแจกขนมทั้งอุ้มทั้งหอม  ครั้นหันไปมองนาฬิกาเรือนใหญ่เวลาความสุขแบบนี้ก็ช่างเดินไวสะจริง  บ่ายสองกว่าๆแล้วไม่น่าเชื่อว่าเขาจะ-ลุกอยู่กับเด็กๆและมาร์คต้วนได้หลายชั่วโมงขนาดนี้ คนตัวสูงมีหลายมุมมองที่เขาเพิ่งจะเคยได้สัมผัส อย่างแรกที่น่าตกใจคือมาร์คต้วนเป็นช่าง


             มาร์คพยายามจะซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายต่อหลายเครื่อง ทั้งพัดลมเพดาน ระบบประปา หรือแม้กระทั่งเสาอากาศที่ส่งสัญญานเสียงในแต่ละมุมของบ้านหลังใหญ่  แบมแบมเองก็ได้รับหน้าที่เป็นลูกมือในการหยิบจับเครื่องมือช่างให้เขา แม้เขาจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ท่าทางไม่ได้เน้นไปทางเข้มแข็งและแข็งแรงเลยสักนิด



    " ปาป๊าครับ "  เด็กน้อยเรียกเบาๆ



    " ครับ ว่าไง?"   ย่อตัวลงนั่งข้างเด็กน้อยตัวเล็ก คงจะมีเรื่องอะไรอยากจะบอกเขาแค่คนเดียวแน่ๆ



    " ปาป๊ามีความสุขมากมั้ยฮะ? "   
             เด็กน้อยกระซิบอีกครั้งเมื่อพ่อของเขาก้มลงมาใกล้ มาร์คงงกับคำถามเขาได้แต่มองตามสายตาใสซื่อของเด็กน้อยที่มองคนตัวเล็กที่อยุ่กับกล่องเครื่องมือ



    " มากสิครับที่ไหนมีพวกเราป๊ามีความสุขทั้งนั้นละ "  คำตอบของมาร์คเรียกรอยยิ้มเล็กๆจากเด็กน้อยตรงหน้า  เขาถามเพราะกลัวป๊าเหนื่อย เขาถามเพราะกลัวป๊าลำบาก



    " ฮยองคนสวยฮะ " เด็กน้อยยืนยิ้มกริ่มอยู่นานจึงวิ่งไปกระตุกชายเสื้อของแขกตัวเล็กบ้าง แบมแบมหันมาจนใจมือบางวางประแจตัวหนากับเข้ากล่องก่อนจะหันมาหาเจ้าของเสียงเรียก



    " คร้าบ "


    " วันนี้ปาป๊ามีความสุข  ฮยองคนสวยล่ะมีความสุขมั้ยฮะ?"



    " มีสิครับ "
      


    " งั้นต้องมาที่นี้บ่อยๆนะฮะ จะได้มีความสุขมากๆอย่าทิ้งป๊าไปอีกนะครับ ป๊าไม่มีเพื่อนเลย "  เด็กน้อยว่าช่างคำพูดหว่านล้อมคนฟังให้ตกปากรับคำได้ไม่ยาก ใครที่ไหนละจะปฏิเสธได้



    " ได้เลย ฮยองจะมาบ่อยๆ "
             คำตอบของร่างเล็ก สร้างรอยยิ้มกว้างๆให้มาร์คต้วนได้ทันที เขานึกว่าจะไม่มีโอกาศอีกแล้วจากวันนี้ เหมือนนี่เป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับและแบมแบมมาร์คต้องการทำให้อีกคน เชื่อในตัวเขาว่าเมื่อก่อนกับตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ



    " ยิ้มอะไรของคุณ? " มองคนตัวสูงกอนเอ่ยถาม ยิ้มอะไรของเค้าน่ะ เหนื่อยจนเบลอรึไง
     

    " อยากยิ้ม " ช่างเป็นคำตอบที่ไม่น่าฟังเอาสะเลย จนอดเอ่ยปากด่าไม่ได้


    " บ้า!! "


    " ยอมรับฮยองคงบ้า บ้าตั้งแต่เจอหน้านายอีกครั้งแล้วล่ะ "
               มือหนาฉวยไปยกกล่องเครื่องมือในมือบางขึ้นมาถือเอง ก่อนจะเดินตามหลังเด็กน้อยกลับเข้าไปด้านในบ้าน พวกเขาออกมาซ่อมโคมไฟเล็กที่ประตูทางเข้าจนมันส่องสว่างได้เช่นเดิม รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกำลังทำให้ใครบางคนที่แอบมองอยู่อิจฉา ทำไมไม่เป็นเขาบ้างก็เท่านั้น








    ร้าน XXX


    " กินสิ นี่อร่อยน่ะ "


    " ขอบคุณ "   หลังกลับจากไปหาเด็กๆมาร์คก็พาคนตัวเล็กแวะมาทานข้าวเย็นต่อ  แม้ตอนแรกแบมจะปฏิเสธแต่ด้วยตื้อเท่านั้นที่ครองโลกคนตัวเล็กจึงยอมมา เพราะปากแท้ๆ


    " คุณไม่กินรึไง ตักให้ผมจนล้นถ้วยแล้ว "  ถามพรางมองอาหารในชามของตัวเอง จะเอาใจเขาถึงไหนกันกะจะขุนให้อ้วนเหมือนเดิมรึไง



    " กินสิ ทำไมไม่กินละกลัวอ้วนเหรอ?"



    " แน่นอน กว่าผมจะลดได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ " ผมบุยปากพูดนั่นคือเรื่องจริง ใครอ้วนแล้วอยากผอมจะรู้

     

    " ลำบากมากสิน่ะ  "  น้ำเสียงทุ้มแผ่วลงทันที  แต่หลังจากนั้นคนตัวสูงก็เลือกที่จะทานอาหารไปอย่างเงียบๆ จนเป็นแบมแบมเองที่ไม่ชอบในบรรยากาศเมื่อกี้เขาคงพูดอะไรผิดไป






    " ไอ้มาร์ค!! "


    " อ้าว  ไอ้เนียร์ "   ทั้งผมและมาร์คเงยหน้ามองอีกคนที่มาใหม่ มาสเตอร์จูเนียร์ ผมรีบลุกขึ้นและก้มหัวให้เขาเป็นมาสเตอร์ไม่ว่าที่ไหนผมก็ยังเป็นนักเรียน มาสมองผมแล้วยิ้มให้เล็กน้อย มือบางเตะไหล่ผมแล้วขอให้ผมนั่งลงทานอาหารอย่างเดิม แต่ใครมันจะไปกินลงละจริงมั้ย


    " มาเดทกันเหรอ? " จูเนียร์มองดูสถานการณ์ก่อนเอ่ยถามออกไป ทำเอาคนทั้งสองที่กำลังทานข้าวแสดงอาการกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย


    " ........ "



    " พอเลยไอเ้นียร์ มึงมาทำอะไรเเถวนี้ มากินข้าวเหรอ มาๆนั่งสิ 
    " มาร์คลุกไปดึงเอาเพื่อนตัวบางให้นั่งลง




    " เห้ยย ไม่เป็นไร กูกินมาแล้วยังไม่ตอบเลยมาเดทกันอะดิ? "  เป็นอีกครั้งที่ผมได้ยินสรรพนามอย่างนี้จากปากมาสเตอร์ และเป็นอีกครั้งที่ผมต้องก้มหน้า ใครจะกล้าตอบละ ถึงจะตอบก็จะให้ตอบว่าอะไร


     

    " ม ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับมาสคือ.. "




    " อืม ไปเดทมา " ทั้งที่ผมบอกปัด แต่ร่างสูงกลับตอบรับหน้าตาเฉย  " มาร์คต้วน!! "  
         ผมก้มหน้าทันทีหมอนี่พูดบ้าอะไรของเขา ดูจากสีหน้าของมาสแล้วถ้าไม่มีมาร์คต้วนอยู่ ผมคงได้หน้าแหกเพราะน้ำซุปร้อนๆในถ้วยแน่ๆ ทำอะไรทำไมไม่คิดน่ะ




    " เอาน่า มาร์คมันจริงใจนะแบม "  มาสหันมาคุยกับผม ซึ่งมันก็แปลกแววตาของเขาเปลี่ยนไปมองผมเหมือนวันแรกที่เราเจอกัน วันแรกที่ผมไม่เคยลืมความช่วยเหลือนั้น เกิดอะไรขึ้นกับมาสเตอร์น่ะ




    " เอ่อ ผม " 


     

    " มันตามหาแบมตลอดตั้งแต่ที่ฮยองรู้จักมันมา หลายปีมากเลยละตอนแรกฮยองก็คิดว่ามันคงแค่สำนึกผิด แต่พักหลังคงคิดว่าไม่ใช่ เมื่อก่อนมันอาจจะเป็นคนเจ้าชู้ น่าม่อ สันดารแย่แล้ว... "



    " พอเหอะ มึงกำลังด่ากูชัดๆ "



    " เสือ กจริงไอ้เพื่อนเวน "
            ผมมองทั้งสองสลับกัน ทั้งที่วันนั้นมาสเตอร์แสดงออกทุกอย่างว่าชอบผู้ชายตรงหน้า แต่วันนี้เขามาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง เหตุผลละมันคืออะไรเหมือนวันนั้นรึป่าว วันที่เขาบอกผมเรื่องความเป็นพี่น้อง





    มาสเตอร์คุณต้องการอะไร?




    " เฮ้ แบมทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น นี่นอกไฮฯใช้คำพูดพื้นๆแล้วกัน คุยดีๆกับไอ้บ้านี่ไม่ได้หรอก "               ผมแทบจะหลุดขำกับท่าทางของมาสเตอร์ เขาเป็นคนที่ประหลาดดีจริงๆรึอันที่จริงผมกำลังจะโดนหลอกอีกกันแน่  ต้องขอบคุณวันเวลาที่พ้นผ่านนะมันทำให้ผมไม่ไว้ใจใครง่ายๆสักที ข้อเสียของมันคือทำให้ผมเป็นพวกคิดเล็กคิดน้อย



    " ไม่เป็นไรครับ " หมายถึงผมไม่เป็นไรจริงๆชอบมากกว่าที่ได้คุยแบบสบายๆ


    " มึงมาทำไรที่นี้จูเนียร์?"


    "มึงมองกูแบบนี้ จะว่ากูตามมึงมาละสิ ชิ หลงตัวเอง !! "
            จินยองแบะปาก  เพราะเขากำลังโกหกถ้าจะบอกว่าเขาตามมาได้รึไงละจะให้บอกเขาบอกว่าเขาตามมาดูคนที่ตัวเองรักมีความสุขจะโดนเกลียดมากกว่านี้มั้ยน่ะ



    " งั้นก็บอกมามึงมาทำอะไรที่นี้ ?"   ร่างสูงย้ำถาม เขารู้จักเพื่อนตัวบางดี ที่นี้ไม่ใช่ที่ๆเขาจะมาเจอกันโดยบังเอิญ



    " มาเดินเล่น...คนเดียวพอใจยัง?"


    " จูเนียร์!!! " มาร์คย้ำเรียกเหมือนไม่เชื่อ




     

    " เอ่อ ฮยองทานข้าวเถอะครับซุปจะเย็นหมดแล้ว "  ผมทำลายบรรยากาศตรงนั้นลงทันที แม้จะไม่แน่ใจว่ามาสเตอร์มาที่นี้เพราะอะไร จะบังเอิญรึจงใจผมก็ไม่อยากเป็นศรัตูกับใครอีกเพียงเพราะคนๆเดียว



    " แหม๋ๆ บอกคำเดียวได้ดั่งใจเลย เก่งนะเนี่ยแบม "



    " เอ่อ ขอโทษนะค่ะ รถของคุณเหมือนจะมีปัญหาด้านสัญญาเสียงนะค่ะ ลูกค้ากรุณาไปดูได้มั้ยค่ะ?"   




    " หึม รถผมเหรอครับ " มาร์คหันไปมองพนักงานสาว




    " ค่ะ"

     




           ตอนนี้ตรงนี้มีแค่ผมกับมาสเตอร์ เพราะมาร์คเดินตามพนักงานออกไปแล้วผมรู้สึกเกร็งจนเจ็บท้องน้อยไปหมด ไม่ชอบเลยจริงๆสายตาแบบนั้น  ผมจะรับมือยังไง




    " เป็นอะไรกลัวเหรอ?"



    " ป เปล่าครับ "



    " ฮยองน่ากลัวมากเลยรึไง?"     น้ำเสียงหวานยังถามต่อ ผมเหงื่อตกเลยทีเดียวจะไม่น่ากลัวได้ไงน้ำเสียงเยือกเย็นขนาดนี้




    " ม ไม่ครับ "  
         ผมก้มหน้า โอยไม่ชอบเลยทำไมต้องมองผมแบบนี้  จู่ๆมาสเตอร์ก็ลุกขึ้นขายาวสาวเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะนั่งลงข้างๆผม มือไม้ผมสั่นไปหมด



    " มาร์คน่ะ ชอบมากรึป่าว?"


    " อะไรน่ะครับ ทำไมถึงถามแบบนี้ " ผมเงยหน้ามองอีกคน  ความกลัวเมื่อกี้วิ่งหายไปหมดหลังเห็นแววตาเศร้า






    " บอกมาเถอะ ชอบมาใช่มั้ย?"   
            ผมไมได้ตอบกลับเพียงแต่ก้มหน้า เพราะถ้าผมตอบว่าไม่นั่นคือการโกหกผมไม่ชอบเขาหรอกนะมาร์คต้วนน่ะ ผมรักเขามานานแล้วตั้งหากเพราะสิ่งที่ผ่านมามันก็บอกผมได้ว่าเขาเองสำนึกผิดแค่นั้น ไม่ผิดหรอกใช่มั้ยครับถ้าผมจะให้อภัย



    "........."


    " ดีจังเลยน่ะคนที่เราชอบก็ชอบเรา นายโชคดีจริงๆ"



    " มาสครับ "



    " ฉันสิชอบเขามาทั้งชีวิตแต่เขาก็ไม่มองเลยด้วยซ้ำ เอาแต่ย้ำว่าเราเป็นเพื่อนกัน น่าอายเนอะ? "  น้ำเสียงหวานอ่อนลงคล้ายกับว่าเขากำลังระบายเรื่องทุกข์ร้อนให้ผมได้รับรู้




    " ผมขอโทษครับ  ที่กลับมาที่นี้ " ร่างเล็กหมายถึงเขาขอโทษที่กลับมาเกาหลี แต่จูเนียร์ก็ยิ้มตอบเขาไม่ติดใจและเขาเองต่างหากที่ควรขอโทษร่างเล็กตรงหน้า



    " ไม่เป็นไร ต่อให้นายไม่กลับมาเค้าก็คงไม่มองมาที่ฉันหรอก"



    " ทำไมละครับ?"

     

    " เขามีแค่นายไง  เมื่อก่อนตอนที่ฉันเริ่มสนิทกับมาร์ค เขาเอาแต่ถามคนนั้นคนนี้ว่ารู้จักบ้านของนายมั้ย เขาเล่าเรื่องนายให้ฉันฟังบ่อยมาก บ่อยสะจนฉันอิจฉาและอยากจะแทรกตัวเข้าไปแทนที่แต่แล้วมันก็เปล่าประโยชน์  "  แววตาเศร้าหันมามองที่ผมก่อนจะถอนหายใจยาว  มือขาวกุมมือผมแน่นไอร้อนที่ผมได้รับจากอีกคนทำให้ผมผ่อนคลายลงเยอะ




    " ให้อภัยมันเถอะน่ะเรื่องในอดีตน่ะ ทุกอย่างเป็นแค่เกมของคนอื่นที่ยืมมือมันเขามาช่วย "



    " เกม? "



    " ฉันรู้แค่นี้ แค่ว่ามันเป็นเกม เกมของใครสักคนที่รู้จักพี่ชายของนาย  ระวังตัวให้มากน่ะแบมเกมมันยังไม่จบหรอก " มาสเตอร์ว่ายาว 




    " ผมไม่เข้าใจทำไมต้องเกี่ยวกับพี่ชายผม จุนฮยองเป็นแค่นักธุระกิจ "   ผมตอบกลับแต่ผมกำลังโกหกเพราะผมรู้ดีมันคืออะไร  พี่ชายของผมเป็นหนึ่งในมาเฟียที่มีชื่อเสียงเมื่อไม่นานมานี่ก็เพิ่งจะทราบว่ามันคือความจริง  ความจริงที่ยอมต้องยอมรับ


    " ฉันก็แค่เตือนนายเผื่อมันจะเกิดอะไร "




    " ขอบคุณครับมาสเตอร์ "



    " ส่วนฉันกับมาร์คสุดท้ายก็แค่นี้ " อีกคนถอนหายใจยาว ท่าทาของเขาทำผมรู้สึกเจ็บ 







    " จูเนียร์ มึงพูดอะไร !!!!!! "

























    *******************************************

                                        #ฟิคปร   #ปี้มาร์คคนมึน   #แบมเด็กแว่น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×