คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : love is 16 เราสามสี่คน 100%
love is lodged 16
การเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญและผมก็กำลังพยายามทำมันแม้ว่า…..
"แบมครับ มีแฟนยัง??"
ลายมือแสนเรียบร้อยพร้อมมีพร้อมอีโมติกคอนรูปหัวใจปารัวๆมาให้ ผมเงยหน้ามองเจ้าของแผ่นกระดาษจดหมายรัก สมัยนี้ก็ยังมีนะความรักผ่านตัวอักษร แต่แล้วทันทีที่เพื่อนตัวสูงเดินเข้ามาหากระดาษแผ่นนั้นก็ฉีกขาดเหมือนมันทำร้ายตัวเอง
“….”
" อะไร? ฉีกไม่ได้รึไง? " ยูคยอมถามผม หมอนี่ทำอะไรของเขายังเหมือนเดิมไม่มีผิด ใจร้อนและวูบวาม
" ก็เปล่าแค่สงสารคนส่ง " ว่าแล้วก็ส่งสายตาไปยังคนอีกคนที่ยืนหน้าซีดอยู่ไม่ไกล ผมเข้าใจผมเคยเป็นแบบเขารักคนที่เขารักเราไม่ได้
" มึงสนมันทำไม?"
" ก็กูเคยเป็นแบบนั้น "
กระซิบบอกเบาๆก่อนยิ้มบางๆให้เพื่อนใจร้อน ยูคยอมอึ้งๆไปก่อนจะก็หันไปสนใจลูกบาสในมือแทน ผมถอนหายใจอย่างปลงๆก่อนจะเดินไปหาเจ้าของจดหมายแล้วรีบโค้งตัวให้เขาเล็กน้อยสำหรับความไร้มารยาทที่เพื่อนทำไว้
" เราขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะ มันเพิ่งทะเลาะกับแฟนมาเลยอารมณ์ร้อน ขอบคุณมากที่ชอบเราแต่เรามีแฟนแล้วละ ขอโทษจริงๆ " เอ่ยย้ำอีกครั้งเพื่อให้คนตรงหน้าเข้าใจว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธ
" ม ไม่เป็นไร ก็พอรู้อยู่แต่อยากได้ยินจากปาก " คนตรงหน้าเอ่ย
" อย่าเกลียดเรานะ ขอโทษจริงๆ " ย้ำอีกครั้งจนคนตรงหน้ามีสีหน้าดีขึ้น ดีใจขึ้นมาหน่อยที่เขายังยิ้มให้ผมได้แสดงว่าผมสามารถมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมากกว่าศัรตู
" งั้นเป็นเพื่อนกันได้มั้ย?" มือหนายื่นมาหาผมพร้อมกับคำขอที่ผมคิดว่ามันไม่เลวร้ายเกินไป
" อืม ได้สิ" ผมตอบรับแล้วยื่นมือของตัวเองออกไปสัมผัสเขาเบาๆ ไม่นานคนตรงหน้าก็ละมือแล้วเดินจากไป ผมว่าสู้ปฏิเสธตอนนี้แล้วปล่อยให้เขาได้ทำใจจะดีกว่าเขาคงเข้าใจผมน่ะ คนเราบังคับกันไม่ได้เหมือนที่ผมไม่อยากบังคับใครไงละ
" เสน่ห์แรง " เป็นเสียงของแอลริทที่ดังขึ้นจากด้านหลัง
" ตลกเหรอ? นี่นายหายไปไหนมาโดดอีกแล้วอะดิ แอบเที่ยวเหรอไม่เห็นบอกกันมั่ง?" เพราะถุงที่ติดมือร่างสูงมาทำให้ผมรู้ว่าเขาต้องแวะเข้าซุปเปอร์ข้างนอกมาแหง๋ๆ
" ใครบอกว่าโดด"
" หึ มึงไม่โดดเลย…แค่มึงไม่เข้าเรียน " ยูคยอมแทรกขึ้นบ้าง เขาส่งสีหน้ากวนโอ๊ยจนผมอยากโดดขึ้นต่อยหน้า(ถ้าถึง)
" ไอ้โย่ง ปากมึงนิ " ผมแหวดใส่ร่างสูง
" เข้าข้างมันตลอด "
"หึ" แต่แทนที่แอลริทจะตอกกลับยูคยอมคืนเขากลับอมยิ้มมาให้ผม ปกติแล้วไม่ค่อยเห็นเขายิ้มหรอก อืม ไม่สิ เขาไม่เคยจะยิ้มกว้างๆแบบนี้เลยตะหาก
" เย็นนี้ว่างมากงั้นหลังเลิกเรียนไปกินเนื้อย่างกัน ไปมั้ย?"
" ไปดิ//ไปสิ "
" งั้นพวกนายต้องเลี้ยงนะ " เอาสิผมแค่เสนอแต่ไม่ได้บอกว่าจะจ่ายนะ ถ้าไม่มีคนจ่ายก็ไม่ไป
" ได้//ด้าย ย"
" มึงอ่ะกินๆเข้าไปเยอะๆจะได้โตไวๆ " ยูคยอมใช้จังหวะที่ร่างเล็กฉีกยิ้มกับนัดของพวกเขาในค่ำนี้ โยกหัวเล็กไปมาเหมือนตุ๊กตา ณตอนนี้คงไม่ใช่แค่ยูคยอมหรอกที่อยากทำแบบนี้แอลริทก็ไม่ได้ต่างกัน
-แอลริทชอบรอยยิ้มของคนตัวเล็ก
-แต่ยูคยอมรักทุกอย่างที่คนตัวเล็กเป็น
บ่ายของวันเดียวกัน
บางทีพระเจ้าก็เล่นตลกจริงๆ เขากลับมาที่นี้อีกครั้งในวันที่ฟ้าเปลี่ยนสี เหมือนว่าพระเจ้าต้องการให้กลับมาเพื่อรู้ความหลังหลายๆอย่างที่มันขาดหาย ไม่ได้กลับมาเพื่อผิดหวังแต่กลับมาเพื่อต่อความหวังให้ใครบางคนๆที่ยังรอเขา โดยที่เขาไม่เคยรู้เลยว่าตลอดว่าไม่ใช่แค่ตนที่เสียใจร่างสูงคนนั้นก็ไม่ได้ต่างเลย วันนี้รู้แล้ว เข้าใจแล้ว
" มึงดูสนิทกับมาสจินยองนะ รู้สึกเหมือนจบคลาสนี้มาสจะเรียกหามึงด้วย " ไม่ใช่ประโยคถามไถ่ธรรมดาแต่น้ำเสียงที่บ่งบอกเขานั้นรู้อะไรมากกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน ทำให้อีกคนที่ยืนล้างมือต้องเงยหน้าขึ้นแล้วมองอีกคนภาพหระจกด้านหน้า
" หึ เป็นโคนันเหรอว่ะ? มาสก็เรียกด่าตามปกติ เวลากูโดดคลาสมิสเซอร์น่ารี่ย์ มิสแกก็เรียกด่าพอกูโดดคลาสมาสจินยองแกก็ต้องเรียกปะว่?" ยักไหล่ไหวๆตอบกลับ
" งั้นเหรอ? อืมคงจะจริงเห็นน้องเรียนๆโดดๆพี่คนไหนบ้างจะทนดูจริงมั้ย? งั้นมึงก็ตั้งใจเรียนแล้วกันว่ะ " ตบบ่ากว้างสองทีก่อนจะก้าวเดิน
" มึงหมายความว่ายังไง?"
" ก็ตามนั้น ไม่เห็นต้องถาม" แอลริทไม่ได้หันกลับไปแต่เลือกที่เอียงใบหน้าหล่อให้คนถามเห็นรอยยิ้มร้ายที่ตั้งใจแจกให้
" อย่ามายุ่งกับเรื่องของกู"
" โอเครๆ กูจะไม่ยุ่ง...แต่,มึงอย่าล่ามปามเรื่องไหนก็ตามถึงแบมกูหวังว่ามึงจะเข้าใจ เว้นช่องว่างระหว่างครอบครัวของมึงกับเพื่อนอย่างแบมให้ถูก ถ้าเลือกไม่ได้แล้วมึงเดินทางผิดจนแบมจะเสียใจละก็ กูไม่ปล่อยมึงแน่รวมทั้ง คิมจินยอง คนๆนั้นด้วย "
ทิ้งท้ายด้วยชื่อพี่ชายของคนข้างหลังได้อย่างร้ายกาจ นี่ไม่ได้คำสั่งแต่เป็นการเตือนไม่ว่าอีกคนจะทำอะไร แอลริทแค่ต้องการให้ร่างเล็กที่นั่งเรียนข้างกายตนปลอดภัยและมีความสุข ไม่ว่าเรื่องนั้นจะคืออะไรก็ตาม
เขาขอแค่นั้น
รู้ว่าร่างเล็กคิดกับเขายังไง จริงใจกับเขาในฐานะอะไรแล้วเขาสามารถเข้าไปข้างในใจของอีกคนได้แค่ไหน แต่ความรักก็คือความรักต่อให้ไม่ได้ครอบครองขอแค่ได้ปกป้องและดูแลก็น่าจะพอแล้ว ใช่แอลริททำถูก แต่โลกทั้งใบยากเหลือเกินที่คนทุกคนจะคิดเหมือนกันได้ ยูคยอมละคนหนึ่งที่คิดต่าง
" มึงก็คิดกับแบมไม่ต่างจากกูสินะ แอลริท"
จินยอง พาส
" ฮยองขอคุยด้วยหน่อยสิ" น้ำเสียงคุ้นหูทำให้สองขายาวหยุดชะงัก
" ผมมีเรียน "
" นะ แป็บเดียว " เหมือนจะเป็นคำขอแต่สถานการณ์บอกว่ามันคือคำสั่ง ร่างบางของพี่ชายกำลังเดินตรงไปยังมุมๆหนึ่งของตึกเรียน ถอนหายใจเบาๆก่อนจะก้าวเท้าตาม
" ฮยอง มีอะไรเอาไว้คุยที่บ้านก็ได้นิครับ" สีหน้าในตอนนี้บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างมากของเขา แน่นอนเขาไม่อยากให้ใครมาเจอโดยเฉพาะร่างสูงที่เพิ่งเดินจากไป
" นายหลบหน้าฮยอง จะที่บ้านหรือที่นี้ก็ไม่ต่าง"
" งั้นก็ว่ามาครับ ผมมีเรียน" หันหลังให้คนเป็นพี่เขาไม่อยากสบตาคนตรงหน้าเลยสักนิด
" เรื่องที่ฮยองขอให้ช่วยไปถึงไหนแล้ว รู้อะไรมั้ยวันก่อนเด็กนั่นไปที่บ้านมาร์คคงไม่ต้องอยากรู้หรอกนะว่าอย่างมาร์คน่ะจะปล่อยเด็กน่ารักๆแบบนั้นไปรึป่าว?"
พูดไปก็เหมือนแทงใจดำ ใช่มาร์คไม่มีวันปล่อยไปเพราะรู้ว่าเด็กนั่นเป็นใคร ก็เหลือแต่ว่าแบมจะคิดยังไงกับร่างสูงแต่ไม่ว่าทั้งสองจะคิดอะไรต่อกันเขาจะขัดขวางมันไปสะทุกอย่าง
" เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงแบมแค่พาเขาไปซื้อของ" คนเป็นน้องเอ่ย ก็แน่นอนละเขาตามสองคนนั้นไปจนเกือบถึงร้านเค้ก
" แก เชื่อใจเด็กนั่นขนาดนั้นเลยเหรอ? น้องพี่"
" ครับ ผมเชื่อใจเพราะผมรู้จักแบมมากกว่านั่นรู้ว่าเขาเป็นคนนิสัยยังไง ฮยองไม่ต้องเป็นห่วงทุกอย่างผมกำลังจะจัดการ " น้ำสียงหนักแน่นจากน้องชายทำเอาจินยองพอใจยังไงสะ ยูคยอมก็ไม่มีวันลืมความช่วยเหลือจากพี่อย่าเขาและไม่มีทางปฏิเสธความต้องการของเขา
" ก็ดีจ๊ะ ฮยองรอดูอยู่นะ" เอ่ยอีดครั้งแล้วจิกยิ้มอย่างชอบใจ
" ครับ "
" งั้นไปเรียนเถอะจ๊ะ สายละ " บอกแค่นั้นก็จะเดินแยกจากน้องไป ยูคยอมเองก็เดินเลี่ยงไปเช่นกันไปทิ้งไว้แค่ความสงสัยของใครบางคนที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขาชะงักเท้าตั้งแต่เดินผ่านเข้ามา แค่จะมาตามเพื่อนกลัวจะโดดเรียน
'มึงจะทำอะไรกันแน่ ยูคยอม'
ชีวิตของนักเรียนในคลาสสุดท้ายของวันช่างมีความสุขนัก แต่วันเวลาของความสุขมันก็ผ่านไปไวเสมอเหมือนเมฆบนฟ้านั่นละ มันเคลื่อนผ่านมามันก็เคลื่อนผ่านไป
" แบมแบม มาสจินยองให้นายไปพบตอนนี้เลย " เสียงเพื่อนร่วมห้องบอกขณะที่คนตัวเล็กนั่งหัวเราะเพื่อนๆที่ควงกันเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่หน้าห้อง
ตอนนี้เพื่อนสนิททั้งสองของเขาไม่อยู่ด้วยยูคยอมพาน้องชมรมบาสไปส่งที่ห้องอบรม ส่วนแอลริทก็ถูกรุ่นพี่อย่างยงกุกปีนรั้วมหาลัยมาหาผมรู้ว่าแอลริทไม่ต้องการให้ตามไป สีหน้าของเขาบอกให้ผมรอที่นี้ รอเขาเท่านั้น
" ตอนนี้?เลยเหรอ " ผมขมวดคิ้วเหมือนจะถามหาคำตอบ
"ใช่ รีบไปเถอะ " จะให้ผมไปหางั้นเหรอไปก็ไปสิ ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวในเมื่อเราไม่ได้รู้จักกันผมก็ควรทำแบบนั้นต่อไป ในฐานนะนักเรียน
ก๊อก ก๊อก!!
" มาสครับ ผมแบมแบมครับ"
" เข้ามาจ๊ะ " หลังได้ยินเสียงตอบกลับ ผมก็ค่อยๆผลักประตูเข้าห้องสีเหลี่ยม มันทั้งเย็นและเงียบรึเพราะผมเกร็งทุกอย่างเลยเป็นแบบนี้
" ไม่มีใครอยู่ใกล้เราแล้ว เรียกฮยองดีกว่าเนอะ ไม่ได้คุยกับแบมนานเลยใส่ชุดนักเรียนแล้วน่ารักกว่าเดิมอีกนะ" เจ้าของน้ำเสียงหวานเอ่ยชม ใช่เราไม่ได้คุยกันแบบนี้นานตั้งแต่วันแรกที่เขามาสมัครเรียนที่นี้ วันนั้นวันที่ผมชอบรอยยิ้มนี้
" ขอบคุณครับ "
" วันนั้นฮยองขอโทษนะที่ไม่ได้ลงไปหา ฮยองป่วยนะ" คนตรงหน้าแสร้งหลบตาทำเอานักเรียนตัวเล็กทำตัวลำบาก
" ผมต่างหากละครับที่ต้องขอโทษมาสเตอร์ ไปถึงบ้านมาสเตอร์แต่ไมได้เข้าไปเยี่ยม " ปรับน้ำเสียงให้เหมือนปกติ
" มาสเตอร์อีกแล้ว"
" ขอโทษครับ คือ...."
" ไม่ชินงั้นสิ " มือเรียวกดด้ามปากาในมือไปมา แต่ใบหน้าและริมฝีปากยังเยียดยิ้มส่งมาให้ เป็นรอยยิ้มคนละแบบกับที่คนตัวเล็กเคยได้รับเมื่อครั้งพบกันครั้งแรก รึครั้งนี้มันจะเปลี่ยนไป
" ครับ เอ่อ ฮยองหายป่วยแล้วใช่มั้ยครับ?"
" จ๊ะดีขึ้นมากแล้ว มีมาร์คมาดูแลทุกวันฮยองต้องหายดีสิเนอะ" เป็นคำตอบที่ดีที่ตรงประเด็นสุดแล้ว ร่างบางเยียดยิ้มอย่างสดใสช่างแตกต่างจากจิตใจที่ร้อนรุมยิ่งกว่ากองเพลิง นักแสดงคนใดเล่าจะเท่ากับน้กแสดงชีวิตอย่างคิมจินยองคนนี้
" ง งั้นเหรอครับ"
" เข้าเรื่องเลยเนอะ รู้ใช่มั้ยว่าฮยองกับยูคยอมเป็นพี่น้องกัน ' ถามก่อนจะสังเกตสีหน้าของนักเรียนตัวเล็ก
" ไม่ทราบครับ ยูคไม่เคยบอก " ตอบตามจริงแต่ไม่ใช่สะทั้งหมด
" ว๊าจริงเหรอเนี่ย? แล้วรู้รึป่าวว่ายูคยอมเค้าชอบเรา รึต้องรอให้เจ้าตัวบอก" จะบอกตอบว่ารู้ก็ได้แต่เพราะไม่เข้าใจว่าทำไม คนๆนี้ถึงบอกเขาจุดประสงค์ที่บอกคืออะไรและเขาเงก็ต้องการเป็นแค่นักแสดงแสนโง่ไปก่อนเท่านั้น
" ม ไม่รู้ครับ "
" แย่จริงๆเลยน้องคนนี้ ชอบก็ไม่พูดไปเอาแต่เงียบๆเดี๋ยวก็มีคนคาบไปกินก่อน " คนเป็นครูส่ายหัวไปมาดูน่าผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับจริงๆ
" ฮยองคนเข้าใจผิดแล้วมั้งครับผมกับยูคเราเป็นเพื่อนกัน"
" เข้าใจผิดเหรอ? ไม่คิดจะรักน้องชายฮยองหน่อยเหรอ แย่จังเลยนะถ้ายูคมาได้ยิน"
เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงผิดหวังแต่ก็แอบจุดยิ้มเหมือนเห็นอาการของเด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่มีอะไรมากก็อยากเป็นคนดีเสนอตัวบอกว่าน้องชอบลูกศิษย์คนนี้ก็แค่นั้น แต่อะไรที่แอบแฝงนะเหรอ ค่อยมาว่ากัน
" ผมคิดว่ายูคคงเข้าใจ "
" จ๊ะ แต่แบมห้ามเข้าใจฮยองผิดนะ ฮยองก็แค่บอกเราเห็นว่าช่วงนี้ยูคเหงาๆ คนเป็นพี่ก็ต้องห่วงน้องใช่มั้ยอะไรที่ฮยองช่วยน้องได้ก็จะช่วย แต่ห้ามบอกยูคนะว่าฮยองพูด ไม่งั้นหมอนั่นเล่นงานฮยองแน่ " สีหน้าตื่นตระหนกปนหวาดระแวงเล็กๆทำให้แบมแบมพยักหน้ารับ เขาควรเป็นคนโง่สิละครเรื่องนี้เขาควรโง่
" ครับ ผมจะไม่บอกยูค ขอโทษอีกครั้งนะครับที่ผมตอบอะไรไม่ตรงตามใจฮยองอยากให้เป็น" ผมก้มหน้าก่อนจะเอ่ยขอโทษ ขอโทษในเรื่องที่ผมเองก็ไม่อยากรู้สาเหตุ
" ไม่เป็นไรๆ ฮยองไม่ได้บังคับจิตใจใคร " ใช่ คุณไม่บังคับจิตใจใคร แต่คุณกำลังขอร้องคนอีกหลายด้วยแววตาและสีหน้าของคุณ มาสเตอร์จินยอง
ตอนนี้ผมเดินกลับมาจากตึกแลนด์ ในสมองคิดถึงแต่คำพูดของมาสจินยองวกไปวนมา เขาบอกผมทำไม อะไรที่ทำให้เขาบอกถึงความสัมพันธ์ของเขากับยูคยอม ทั้งๆที่ยูคยอมไม่เคยคิดจะบอกเรื่องนี้เลยสักครั้ง รึมาสจินยองจะรักน้องมากจริงๆถึงได้บอกเรื่องนี้กับผม เพื่อให้ผมเห็นใจและรักยูคยอมงั้นเหรอ
แต่ผมไม่ได้เกลียดไอ้โย่งนะยังรักมันแต่รักในแบบที่เพื่อนจะรักได้ เพราะผมรักแบบนั้นมาตลอดและคงจะเป็นแบบนั้นเรื่อยไป
" หายไปไหนมา? "
" แอล " ดึงสติกลับมาทันหลังเพื่อนตัวสูงโผล่หน้าเข้ามา
" เป็นอะไร หน้าซีดๆนายป่วยเหรอ?" แอลริทมองอย่างเป็นห่วง เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วรีบถามไถ่ ก่อนจะสัมผัสหน้าผากมนด้วยฝ่ามือไออุ่นจากคนตัวบางยังปกติ ไม่ได้มีอาการของคนป่วยแต่ทำไมสีหน้าถึงได้กังวลและเม่อลอย
" เราสบายดี ยูยอมละ นายเห็นไอ้โย่งนั่นมั้ย?"
" มันยังไม่กลับมั้ง เมื่อกี้ในห้องไม่มี แบมยังไม่ตอบเลยหายไปไหนมา" ย้ำถามอีกครั้งเขาสังเกตได้ว่ามันมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น
" ไปหามาสจินยองมาน่ะ "
" มีเรื่องอะไร? "
แอลริทถามเพราะหลายวันก่อนเขาเคยบอกแบมเกี่ยวกับเรื่องของยูคยอมกับมาสจินยอง เขาไม่ใช่พวกขี้อิจฉา แต่เพราะยูคยอมกับมาสเตอร์หน้าสวยคนนั้นกำลังมีอะไรปิดบังเขาทั้งสองตะหาก
" มาสบอกกับเราว่าเป็นพี่ชายของยูค พวกเขาเป็นพี่น้องกันอย่างที่นายบอก แต่เราไม่เข้าใจมาสเตอร์ไม่เข้าใจว่าเขาจะบอกเราทำไม " คนตัวเล็กม่ยหน้าเขากำลังคิดไม่ตก
" ก็คงอยากให้นายรู้ไง อยากให้รู้ว่ายูคยอมมันรู้สึกยังไงเรารู้ว่านายไม่ได้โง่ และแน่ใจว่านายดูออกว่าเรากับมันรู้สึกไม่ต่างกัน "
แอลริทเอ่ยดังที่พูดขึ้นเพราะตั้งใจจะบอกเขาเป็นพวกชัดเจนและแน่วแน่ แต่กลับกันเขาก็ไม่ได้คิดจะบังคับใครเพราะความต้องการส่วนตัว
" เราขอโทษ "
" ขอโทษเรื่องอะไร?"
" ที่รู้ว่าพวกนายคิดยังไงแต่ก็ยังทำเหมือนไม่รู้" ก้มหน้าตอบ ใช่เขารู้ ใครไม่รู้บ้างชัดเจนกันขนาดนี้แต่เพราะกลัวว่าความจริงจะทำร้ายพวกเขาทั้งสาม และคนที่จะทำร้ายความรู้สึกพวกนั้นเป็นเขาเอง
" นายไม่ได้ผิด มันเป็นเรื่องของจิตใจเราไม่เคยบังคับใครนะแบม เอาเถอะ ยังไงสะต่อให้นายพูดว่าไม่รู้สึกอะไรเลยกับเราแต่อย่างน้อยนายก็เพื่อนเรา ซึ่งนั่นจะทำให้เราอยู่ใกล้กันได้ตลอดไป " น้ำเสียงนุ่มนวลทำให้คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาฟัง ใบหน้าหล่อของเพื่อนตัวสูงที่ห่างเพียงนิดทำให้เขาจ้องมองอย่างพินิจ แอลเป็นคนน่าตาดีเลยทีเดียวแต่ทำไมไม่เหลือใจให้คนอื่นไป
คนอื่นที่ไม่ใช่เขาแล้วทำไมต้องเอาหัวใจตัวเองมาจบที่เขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้รักษาหัวใจดวงนั้นไว้ได้เลยเพราะหัวใจของเขาก็มีคนอื่นอยู่แล้วเหมือนกัน
“…….”
" เฮ้ อย่าเงียบสิ เราไม่ใช่ตำรวจสอบสวนผู้ร้ายนะ หน้าซีดจัง"
" นายทำให้เรารู้สึกผิด"
" อย่าคิดแบบนั้นสิ บอกแล้วไงนายไม่ผิด " กุมไหล่เล็กเบาๆ แบมไม่ได้ผิดเขาต่างหากที่ผิด ผิดที่คิดเกินกว่าเพื่อน
" อืม "
" แล้วนี่ไอ้ยูคมันไปไหน? ถ้ามาช้าเราไปรอที่ร้านกันก่อนดีมั้ย?" เป็นข้อเสนอที่เข้ากับสภานการณ์อึดอัดนี้ได้เป็นอย่างดี
" ก็ได้ งั้นเดียวเราไปเอากระเป๋าก่อน"
" ไปด้วยดิ"
หลังตกลงได้ว่าจะไปรอเพื่อนอีกคนที่ร้านเนื้อย่างคนตัวเล็กจึงขอกลับไปที่ห้องเรียนเพื่อเก็บของ เวลานี้แม้นักเรียนอยู่ในไฮอยู่บ้างแต่เพราะเป็นเวลาเลิกเรียนแล้วจึงดูบางตาไปพอสมควร ระหว่างทางไปร้านเนื้อย่างสองเพื่อนเตี้ยสูงก็เจอเข้ากับมาสเตอร์หน้าสวยนามจินยองที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจพวกเขา แต่กำลังยืนหน้าเครียดมองใครบางคนที่นั่งอยู่ในร้านคาเฟ่เมื่อมองตามแววตานั้นแอลริทก็เอ่ยเรียกชายหนุ่มร่างสูงภายในร้านนั้นออกมาเบาๆ
" รุ่นพี่!!"
" รุ่นพี่? ใครเหรอแอล?" คนตัวเล็กหันถามแม้จะคุ้นหน้าคนๆนั้นแต่เขาก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี
" แจบอมฮยอง "
" หึม? ไม่คุ้นเลยแฮะ เป็นรุ่นพี่ที่ไฮฯของเราเหรอ? " ร่างสูงพยักหน้าแบมแบมได้แต่มองอย่างงงๆ ก็เขาไม่เคยรู้เลยว่าคนๆนี้เป็นรุ่นพี่ในไฮฯ แม้จะคุ้นๆหน้าก็เถอะ
" ใช่ แต่นายคงจำไม่ได้มั้งแจบอมฮยองย้ายมาจากญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อน แล้วถ้าชื่อเจบีละนายคุ้นชื่อนี้มั้ย?"
" เจบี แจบอม เอ่อ ชื่อเต็มละแอล ชื่อเต็มของรุ่นพี่น่ะ" คุ้นชื่องั้นเหรอ เขาคงได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนสักแห่งแน่ๆ ใช่เขาต้องเคยได้ยิน
" อิมแจบอม " แอลริทหันบอกชื่อเต็มของรุ่นพี่คนนั้น ทันทีร่างเล็กได้ยินเขาก็เอ่ยปาก
" อ อิมแจบอม ผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในรายชื่อหุ้นส่วน " พึมพำจนร่างสูงต้องโน้มหน้าลงมาใกล้
" บ่นอะไรของนายแล้วรายชื่ออะไร/ "
" ป ป่าว คือเราเคยเห็นในรายชื่อในหนังสือรุ่นนะ "
แค่จะเอ่ยตอบยังติดขัดก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี เขาจำได้แล้วอิมแจบอมคนที่อยู่ในรายชื่อหุ้นส่วนของจุนฮยองต้องใช่แน่ๆ
" แล้วมาสจินยองมายืนมองรุ่นพี่ทำไม?" แอลริทเอ่ยเบาๆ จนคนตัวเล็กต้องส่ายหน้าในความขี้สงสัยของเพื่อนคนนี้
" ช่างเถอะน่า เราไปกันเถอะ พวกเขาคงรู้จักกัน"
นายรู้มั้ยแอล พวกเขาน่ะรู้จักกันมากสะด้วย จำได้วันนั้นวันที่เขาไปบ้านมาสเตอร์กับมาร์ค มาร์คพูดถึงรุ่นพี่คนนี้ด้วยต้องใช่คนเดียวแน่นอน แบมแบมรีบดึงแขนเพื่อนตัวสูงออกเดินเขาไม่อยากให้มาสเตอร์หันมาเจอพวกเขาเพราะหากรอเวลานั้นมาสจินยองคงตกใจแน่ที่เขาเห็นแววตาและท่าทางแบบนั้นของมาส ก็วันนี้มาสบอกเองว่าไม่สนใจไม่รักรุ่นพี่คนนี้แต่วันนี้มายืนมองคนๆนั้นอยู่กับสาวสวยอีกคน
-มันน่าตลกนะความรู้สึกของคนเรา
-ขออย่าให้มาสเตอร์คิดได้ในวันที่สายเกินไป
เจบี&จินยอง
หากภาพตรงหน้าเป็นเพียงฉากหนังเรื่องหนึ่งจินยองคงไม่สนใจมากนัก และถ้านักแสดงในภาพไม่ใช่ผู้ชายตัวสูงที่เคยตามจีบเขา บอกรักเขา และนอนอยู่ข้างกายเขาในเกือบทุกค่ำคืน ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นเหมือนความฝันในชั่วเวลาหนึ่ง ตอนนี้ขาเล็กก้าวไม่ออกสาแก่ใจกับคำที่ไล่คนๆนี้ออกไปจากชีวิตกับคำพูดแสนร้ายกาจที่ออกจากปากตนเอง
วันนี้เขาคงทำใจได้แล้วถึงได้ยังยิ้มระรื่นกับสาวสวยคนนั้น ก็ดีในเมื่อไม่ต้องมารักษาน้ำใจแล้วเมื่ออีกคนตัดใจได้ เขาก็สบายใจแม้ลึกๆข้างในจะหวั่นไหวไม่น้อย แจบอมไม่เคยนั่งข้างใครนอกจากเขา ไม่เคยยิ้มแบบนั้นให้ใครนอกจากเขา แต่วันนี้ตั้งแต่วันนี้ต่อไปทุกอย่างที่เขาเคยได้รับคนอื่นก็ได้เหมือนกัน
'ดีใจด้วยที่คุณตัดใจได้' น้ำเสียงเรียบๆถูกเอ่ยขึ้นเบาๆ หลังร่างเล็กของจินยองจ้องมองชายหนุ่มและหญิงสาวภายในร้านอยู่สักพัก ฉีกยิ้มบางๆให้กับภาพที่เห็นในเมื่อเลือกที่จะจากไปเองก็เท่ากับคุณผิดสัญญาแล้วแจบอม
คุณไม่มีความสามารถมากพอที่จะทนรอผมได้ ลาก่อนและลาจาก หันหลังให้กับใครบางคนที่เดินไปจากหัวใจไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอะไรกับร่างสูงแต่เพราะคนๆนี้ไม่สามารถทำตามคำพูดที่ให้ไว้ได้ เขาก็พร้อมจะหันหลังเช่นกัน
" จูเนียร์!! "
“………”
เสียงเรียกข้างหลังทำให้เขาต้องหันกลับ เมื่อมองภาพตรงหน้าก็เจอกับหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวรัดรูปโชว์สัดส่วนที่อวดสายตาคนรอบข้างดึงดูดสายตาคนมากมายรวมถึงเขาด้วย เธอคล้องมือเรียวในแขนแกร่งของร่างสูงจินยองมองหน้าเงียบๆ เขาเก็บสีหน้าและอาการได้เก่งกว่าใครๆ นั่นเป็นนิสัยที่หาคนเปรียบได้ยาก
" เรียกผมเหรอครับ? "
" ไม่นึกว่าจะได้เจอ มาทำอะไรที่นี้ " น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยถาม สีหน้าของร่างสูงยังปกติแต่แววตาที่เคยมองแต่เขา วันนี้เขาสังเกตุได้ว่ามันไม่มีอีกแล้ว
" มาสอนพิเศษครับ" หากเลือกที่จะถาม เขาก็เลือกที่จะตอบ
" นี่แฟนพี่เอง ยุนอา // ยุนอาครับ นี่จินยองรุ่นน้องผม "
" เหรอค่ะ สวัสดีค่ะคุณจินยองแหม๋ น่าตาน่ารักจังเลยนะคะเจบี " เสียงหวานเอ่ยทักแกมแซวร่างบางเล็กๆน้อย ในสายของเธอจินยองถือว่าน่ารักมากแล้วแต่เสียตรงที่เป็นผู้ชาย
" สวัสดีครับ ผมไม่น่ารักหรอกครับผมเป็นผู้ชาย"
" น่ารักสิ เห็นเจเล่าให้ฟังตั้งนานแล้วไม่นึกว่าจะได้เจอตัวจริง นึกออกแล้วคุณบอกยุนอ่าตั้งแต่ปีโน้นแล้วนิน่าว่าจะพาเพื่อนคนนี้มาเจอ ลืมเลยใช่มั้ยละ"
คำพูดของหญิงสาวทำให้เจบีหน้าซีด แต่ร่างบางตรงหน้านั้นแตกต่างสีหน้าของเขายังนิ่งเรียบเช่นเดิม
" อ่า ผมคงลืมน่ะ" เจบีตอบด้วยน้ำเสียงเปล่งๆ
" ได้เจอแล้วไงครับคุณยุนอา ดีใจจริงๆที่เจอคุณเพราะรุ่นพี่ก็เคยเล่าเรื่องคุณให้ผมฟังเหมือนกัน " คนตัวเล็กฉีกยิ้ม ยิ้มอย่างที่หลายคนไม่เคยได้จากเขา
" จริงเหรอค่ะ เล่าเรื่องน่าอายของยุนอารึป่าว?" หญิงสาวทำหน้าน้อยใจหันไปตัดพ้อชายหนุ่มข้างกายด้วยสีหน้าสุดอ้อน
" ไม่เลยครับ รุ่นพี่บอกผมว่าคุณยุนอาน่ารักมาก ผมดีใจจริงๆที่ได้เจอคุณเพราะคุณทำให้ผมรู้ว่ารุ่นพี่พูดจริง "
จินยองเน้นคำพูดเกือบทุกคำ รอยยิ้มบางๆยังถูกส่งให้หญิงสาวเสมอแม้ตอนนี้จิตใจของเขาจะอ่อนหยวบแทบไม่มีแรงเดิน ตั้งแต่ปีโน้นงั้นเหรอ แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาถูกหลอกเช่นกัน ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้มีแค่เขาไม่แปลกใจเลยที่ทุกค่ำคืนที่นอนข้างกายเขา เจบีไม่เคยแตะต้องเขาคงเพราะมีคนอื่นคอยให้ความสุขอยู่แล้วกับเขาก็แค่อยากเอาชนะ เอาชนะในความหยิ่งยโสสินะ เข้าใจแล้วละ
'ขอบคุณที่ทำให้ผมไม่ตกหลุมรักคุณ'
"จูเนียร์"
" อ่า ผมขอตัวก่อนนะครับพอดีนักเรียนคงมากันแล้ว " ก้มหัวให้ทั้งเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป โดยไม่ได้หันกลับมองมาแววตาของร่างสูงที่มันเกือบจะม้อดไหม้ที่เขายืนใกล้แค่นี้ยังไม่สามารถดึงอีกคนให้มายืนข้างๆได้
ผมยอมรับว่าเขาคบซ้อน แต่เพราะตลอดเวลาผมไม่อยากข่มเหงน้ำใจคนตัวเล็กจึงต้องหาคนอื่นมารองรับอารมณ์ดิบๆของตัวเองเมื่อยามมีความต้องการแต่ก็ไม่คิดว่าวันนี้ทุกอย่างคนตัวเล็กจะได้ล่วงรู้
" คุณหลอกผมตลอดมาสินะ " ร่างเล็กพึมพำขึ้นจนนักเรียนที่มารับการสอนจากเขาจ้องมองอย่างเป็นห่วง
" มาสเตอร์ค่ะ ไม่สบายเหรอค่ะ?"
" ป่าวจ๊ะ อย่าลืมนัดคลาสสุดท้ายของพวกเรานะ มาสไปก่อนละพอดีมีนัด " ว่าแล้วก็รีบลุกขึ้นจัดแจงทุกอย่างลงกระเป๋าใบเก่งก่อนจะออกก้าวเดิน
อีกด้านหนึ่งในเวลาเดียวกัน
หลังคนตัวเล็กเดินจากไปแจบอมก็พยายามจะโทรหาแต่เพราะอีกคนรู้ทัน สมานโฟนเครื่องสวยจึงถูกปิดตายความหงุดหงิดของร่างสูงแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนหญิงสาวหุ่นสวยต้องเอ่ยถาม
" เป็นอะไรค่ะ คุณมีนัดเหรอ?"
" ไม่หรอกครับ "
" อย่ามาโกหกน่ะ มีนัดละสิ จะไปก็ได้นะเดี๋ยวยุนอากลับเอง " เพราะเธอรู้สถานะตัวเองแต่เพียงแค่หวัง หวังว่าชายหนุ่มจะรักเธอจริงๆยุนอาจึงให้อิสระแก่ชายหนุ่มทุกอย่าง
" งั้นไว้เจอกันครับ " บอกก่อนจะก้มลงไปจุมพิตหวานๆให้
อากาศในประเทศว่าร้อนแล้ว ตอนนี้อิมแจบอมคงร้อนกว่าขายยาวที่เหยียบคันเร่งนั้นแทบจะเรียกได้ว่าหายตัวเลยก็ว่าได้ เขาขับรถมาตามทางที่คุ้นชินเมื่อเลี้ยวเข้าไปซอยที่เขามาประจำจนแทบจะเรียกได้ว่าหลับตาเดินนั้นเขาก็พบร่างเล็กที่ทำให้จิตใจเขาปั่นป่วนตลอดชั่วโมงที่ผ่าน
'นยอง'
ร่างเล็กนั่งนิ่งอยู่บนชิงช้าภายในสนามเด็กเล่น เขาอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีใครบางคนเดินลู่เข้าไปหาแต่เมื่อใกล้ตัวร่างเล็กเขาแทบจะไม่เอ่ยเรียกเลยสักนิดเพียงแค่มองอยู่อย่างเงียบๆ ไม่นานสุนัขตัวใหญ่ตัวโปรดของร่างบางก็เดินเข้ามาหาเจ้าของๆมัน
" หายไปไหนมา ยอร์ช ฉันนึกว่าแกจะทิ้งให้ฉันกลับบ้านคนเดียวสะอีก " พูดไปก็ลูบขนนิ่มไปมือบางของจินยองค่อยๆโอบกอดหมาตัวใหญ่
อิจฉา แค่กอดหมาไอ้เจบีคนนี้ยังอิจฉาเลย?
" อย่าทิ้งฉันไปแบบคนอื่นนะ เหงาแย่เลยยอร์ช " เหมือนเจ้าตูบจะรู้สึกได้มันยืนนิ่งปล่อยให้เจ้านายระบายความในอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่แค่เจ้าตูบที่เข้าใจเวลานี้ยังมีอีกคนเข้าใจ
" จูเนียร์"
" คุณมาทำไม!!" ถามทันทีที่เสียงเรียกเรียกเงียบลง ไม่ต้องหันก็พอจะรู้ว่านั่นใครแล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องหันไปหาผู้ชายที่หันหลังให้เขา
" ฮยอง..... "
" ยอร์ช เรากลับบ้านกันดีกว่าฉันหนาวแล้ว " ลุกขึ้นแล้วกระตุกเชือกสายยาวเบาๆ ก่อนจะก้าวเท้า
" เดี๋ยว จูเนียร์"
" มีอะไรอีกครับ มีอะไรบ้างที่คุณยังไม่ได้บอกผม " น้ำเสียงแน่วแน่และสายตาที่ผิดหวังทำให้ร่างสูงชะงักมือ ใช่เขาผิด แต่เขาไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้
" ไม่มีแล้ว "
" จริงเหรอครับ? น่าตลกนะคุณบอกผมทุกวันว่ารักผม บอกผมทุกวันว่ามีแค่ผมคนเดียวและผมก็โง่ที่เชื่ออย่างนั้นแต่แล้ววันนี้ทุกอย่างก็เหมือนวันท้ายฤดูหนาววันที่หิมะละลายไปหมดเหลือแค่แสงแดดจ้า ผมมองเห็นทุกอย่างชัดเจนด้วยตาตัวเอง ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆที่คุณมอบให้ " ว่าขึ้นในขณะที่ยังหันหลังให้ร่างสูง
" จูเนียร์ คือ...."
" ผมจะไม่ลืมมันและจะจดจำไว้ว่าคุณ มันน่ารังเกียจแค่ไหน อิมแจบอม "
แม้น้ำเสียงจะเรียบนิ่งแต่ต่างจากภายในจิตใจที่อ่อนยวบเพราะพูดเองก็เจ็บเองยิ่งคิดว่าตัวเองโดนหลอกสวมเขาอยู่นานแค่ไหน เขายิ่งเจ็บเท่านั้น
" ขอโทษ แต่จูเนียร์..."
" ผมขอตัวนะครับ เราคงไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันอีกแล้วและขอร้องละถ้าเห็นแก่ความรู้สึกดีๆที่ผมจะเก็บไว้ "
“……”
" อย่ามาให้ผมเจอหน้าอีก "
สิ้นเสียงก็หันหน้ามาประชันกับร่างสูง จินยองกระตุกสายจูงเบาๆ ก่อนเขาจะพาเจ้ายอร์ชเดินผ่านอีกคนไปช้าๆ มันเหมือนภาพสโลในฉากหนัง แต่เพราะชีวิตจริงแจบอมไม่มีทางที่จะย้อนภาพนั้นกลับมาได้ เขาผิดเต็มประตูผิดจนไม่รู้ว่าข้อแก้ตัวไหนจะมาแทนที่ความผิดนั้นได้
'ยอร์ช แกคงไม่มีพ่อแล้วละ ไม่มีใครรักแม่ของแกสักคน'
ค่ำคืนแสนยาวนานมันคงไม่ได้มีแค่ในนิยาย เพราะอิมแจบอมคนนี้กำลังรู้สึกว่าช่วงเวลาที่พระอาทิตย์หลับใหลนั้นช่างยาวนาน เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ส่องสว่างในฤดูร้อนมาพักใหญ่แล้ว นาฬิกาเรือนสวยก็ยังคงทำหน้าของมันไปเรื่อยแต่ผิดที่ใจคนมันร้อนรุ่มยิ่งกว่าอะไร
ตีสองกว่าแล้วเขายังไม่กลับบ้าน และไม่ได้ไปไหน ใช่ คุณอ่านไม่ผิดหรอก เขายังอยู่หน้าบ้านคนตัวเล็กทั้งที่เมื่อตอนเย็นร่างบางได้พูดทุกอย่างชัดเจนแล้ว ทีแรกเขาก็คิดว่าตัวเองอยู่ได้หากไม่มีคุณครูฝัดหัดแต่พอเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเขากลับจะตายสะให้ได้ ยิ่งต้องการหาใครมาแทนที่มากเท่าไหร่ภาพใบหน้าหวานที่ถูกซ่อนไว้ในใจกลับยิ่งชัดเจนมากเท่านั้น นี่มันบ้าชัดๆเลย
ปีนรั้วไปหาเลยดีกว่า ปีนบ่อยอยู่แล้วนิจะกลัวทำไม?
ยังไงสะวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ถึงแม้อีกคนจะพูดหมดแล้วก็ตามแต่นั่นไม่ใช่ความต้องการของเขานิ ความต้องการของเขาคือเป็นเจ้าของร่างเล็กนั่น ทุกสิ่งทุกอย่างของคิมจินยองเขาต้องการหมด
ใครว่าโจรปีนรั้วเข้าบ้านมันง่าย ป่าวเลยยากยิ่งกว่าไปลงแข่งรถอีก!!
อิมแจบอมละคนหนึ่งที่จะปีนเข้าบ้านใครนอกจากบ้านคุณครู ทุกอย่างด้านในมืดสนิท แน่นอนละดึกป่านนี้ใครจะมาเปิดไฟเดินเล่น ยอร์ชเจ้าตูบตัวโตที่หลับอยู่หน้าบันไดตื่นขึ้นแต่เพราะมันคุ้นเคยกับคนตัวสูงทุกอย่างเลยง่าย
" ว่าไงลูกพ่อ?"
ลูบหัวเจ้าตูบเบาๆ ยอร์ชเป็นแค่หมาต่อให้พูดจนปากฉีกมันก็ไม่เข้าใจหรอก แค่มันลุกและขยับตัวให้พ่อของมันขึ้นไปหาแม่ได้ง่ายๆเท่านั้น
" ดีมากลูกรัก เฝ้าไว้นะใครเข้ามากัดมันเลย" เข้าขั้นบ้าเลยก็ว่าได้อิมแจบอมในตอนนี้ สตงสติทิ้งไว้นอกรั้วบ้านหมดแล้ว คิดว่าคงทิ้งตั้งแต่เริ่มปีนรั้วแล้วมั้ง
แกร็ก
ประตูห้องถูกเปิดอย่างเบามือแม้จินยองจะไม่ใช่พวกขิเซาอย่างยองแจน้องชายของเขา แต่เพราะเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการหลับใหลทุกอย่างเลยราบรื่น ขายาวค่อยย่างก้าวอย่างช้ำนานแม้จะไม่มีแสงไฟส่องสว่างก็ห้องนอนของร่างเล็กเขานอนบ่อยกว่าเตียงที่บ้านตัวเองสะอีก หลับตาเดินยังได้
เมื่อถึงปลายเตียงก็ค่อยๆแทรกตัวไปข้างๆคนหลับ มือหนาลูบกลุ่มผมนิ่มของร่างบาง หากจะตื่นขึ้นมาโวยวายในตอนนี้แจบอมก็มั่นใจว่าตัวเองจะจัดการปล้ำคิมจินยองคืนนี้แน่นอน ไม่ปล่อยไปอีกเด็ดขาดแม้รู้ว่าจะโดดเกลียดก็ตาม
ตูมมมมมมมม ระเบิดลงเป็นโกโก้ครั้ซซซซซ อยากรู้ว่าพี่แจของเราจะขืนข่มคุณครูได้มั้ย
ไรท์ขออุ๊บบบ!!! ไปต่อกันพาสหน้าเนอะ ^________________________^
#ฟิคปร #ปี้มาร์คคนมึน #แบมเด็กแว่น
ความคิดเห็น