ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] love is lodged เปลี่ยนรัก #markbam ft.GOT7

    ลำดับตอนที่ #16 : love is 16 เราสามสี่คน 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.12K
      7
      18 มี.ค. 58

                                                                 









                                                      










                                     love  is  lodged  16





       การเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญและผมก็กำลังพยายามทำมันแม้ว่า…..

    "แบมครับ มีแฟนยัง??"  
             ลายมือแสนเรียบร้อยพร้อมมีพร้อมอีโมติกคอนรูปหัวใจปารัวๆมาให้   ผมเงยหน้ามองเจ้าของแผ่นกระดาษจดหมายรัก สมัยนี้ก็ยังมีนะความรักผ่านตัวอักษร แต่แล้วทันทีที่เพื่อนตัวสูงเดินเข้ามาหากระดาษแผ่นนั้นก็ฉีกขาดเหมือนมันทำร้ายตัวเอง

    “….”






    " อะไร? ฉีกไม่ได้รึไง? "    ยูคยอมถามผม หมอนี่ทำอะไรของเขายังเหมือนเดิมไม่มีผิด ใจร้อนและวูบวาม

    " ก็เปล่าแค่สงสารคนส่ง "   ว่าแล้วก็ส่งสายตาไปยังคนอีกคนที่ยืนหน้าซีดอยู่ไม่ไกล ผมเข้าใจผมเคยเป็นแบบเขารักคนที่เขารักเราไม่ได้

    " มึงสนมันทำไม?"








    " ก็กูเคยเป็นแบบนั้น  "  
              กระซิบบอกเบาๆก่อนยิ้มบางๆให้เพื่อนใจร้อน ยูคยอมอึ้งๆไปก่อนจะก็หันไปสนใจลูกบาสในมือแทน  ผมถอนหายใจอย่างปลงๆก่อนจะเดินไปหาเจ้าของจดหมายแล้วรีบโค้งตัวให้เขาเล็กน้อยสำหรับความไร้มารยาทที่เพื่อนทำไว้

    " เราขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะ มันเพิ่งทะเลาะกับแฟนมาเลยอารมณ์ร้อน ขอบคุณมากที่ชอบเราแต่เรามีแฟนแล้วละ ขอโทษจริงๆ "  เอ่ยย้ำอีกครั้งเพื่อให้คนตรงหน้าเข้าใจว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธ






     

    " ม ไม่เป็นไร ก็พอรู้อยู่แต่อยากได้ยินจากปาก "  คนตรงหน้าเอ่ย

    " อย่าเกลียดเรานะ ขอโทษจริงๆ "   ย้ำอีกครั้งจนคนตรงหน้ามีสีหน้าดีขึ้น ดีใจขึ้นมาหน่อยที่เขายังยิ้มให้ผมได้แสดงว่าผมสามารถมีเพื่อนเพิ่มขึ้นมากกว่าศัรตู

    " งั้นเป็นเพื่อนกันได้มั้ย?"   มือหนายื่นมาหาผมพร้อมกับคำขอที่ผมคิดว่ามันไม่เลวร้ายเกินไป








    " อืม ได้สิ"  ผมตอบรับแล้วยื่นมือของตัวเองออกไปสัมผัสเขาเบาๆ ไม่นานคนตรงหน้าก็ละมือแล้วเดินจากไป ผมว่าสู้ปฏิเสธตอนนี้แล้วปล่อยให้เขาได้ทำใจจะดีกว่าเขาคงเข้าใจผมน่ะ คนเราบังคับกันไม่ได้เหมือนที่ผมไม่อยากบังคับใครไงละ

    " เสน่ห์แรง "    เป็นเสียงของแอลริทที่ดังขึ้นจากด้านหลัง







    " ตลกเหรอ? นี่นายหายไปไหนมาโดดอีกแล้วอะดิ แอบเที่ยวเหรอไม่เห็นบอกกันมั่ง?"     เพราะถุงที่ติดมือร่างสูงมาทำให้ผมรู้ว่าเขาต้องแวะเข้าซุปเปอร์ข้างนอกมาแหง๋ๆ

    " ใครบอกว่าโดด"

    " หึ  มึงไม่โดดเลยแค่มึงไม่เข้าเรียน "   ยูคยอมแทรกขึ้นบ้าง เขาส่งสีหน้ากวนโอ๊ยจนผมอยากโดดขึ้นต่อยหน้า(ถ้าถึง)







    " ไอ้โย่ง ปากมึงนิ " ผมแหวดใส่ร่างสูง

    " เข้าข้างมันตลอด "  

    "หึ"  แต่แทนที่แอลริทจะตอกกลับยูคยอมคืนเขากลับอมยิ้มมาให้ผม ปกติแล้วไม่ค่อยเห็นเขายิ้มหรอก อืม ไม่สิ เขาไม่เคยจะยิ้มกว้างๆแบบนี้เลยตะหาก








    " เย็นนี้ว่างมากงั้นหลังเลิกเรียนไปกินเนื้อย่างกัน ไปมั้ย?"   

    " ไปดิ//ไปสิ "

    " งั้นพวกนายต้องเลี้ยงนะ "  เอาสิผมแค่เสนอแต่ไม่ได้บอกว่าจะจ่ายนะ ถ้าไม่มีคนจ่ายก็ไม่ไป

    " ได้//ด้าย ย"







    " มึงอ่ะกินๆเข้าไปเยอะๆจะได้โตไวๆ " ยูคยอมใช้จังหวะที่ร่างเล็กฉีกยิ้มกับนัดของพวกเขาในค่ำนี้  โยกหัวเล็กไปมาเหมือนตุ๊กตา ณตอนนี้คงไม่ใช่แค่ยูคยอมหรอกที่อยากทำแบบนี้แอลริทก็ไม่ได้ต่างกัน

    -แอลริทชอบรอยยิ้มของคนตัวเล็ก

    -แต่ยูคยอมรักทุกอย่างที่คนตัวเล็กเป็น











    บ่ายของวันเดียวกัน

              บางทีพระเจ้าก็เล่นตลกจริงๆ เขากลับมาที่นี้อีกครั้งในวันที่ฟ้าเปลี่ยนสี เหมือนว่าพระเจ้าต้องการให้กลับมาเพื่อรู้ความหลังหลายๆอย่างที่มันขาดหาย  ไม่ได้กลับมาเพื่อผิดหวังแต่กลับมาเพื่อต่อความหวังให้ใครบางคนๆที่ยังรอเขา โดยที่เขาไม่เคยรู้เลยว่าตลอดว่าไม่ใช่แค่ตนที่เสียใจร่างสูงคนนั้นก็ไม่ได้ต่างเลย วันนี้รู้แล้ว เข้าใจแล้ว

    " มึงดูสนิทกับมาสจินยองนะ  รู้สึกเหมือนจบคลาสนี้มาสจะเรียกหามึงด้วย " ไม่ใช่ประโยคถามไถ่ธรรมดาแต่น้ำเสียงที่บ่งบอกเขานั้นรู้อะไรมากกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน ทำให้อีกคนที่ยืนล้างมือต้องเงยหน้าขึ้นแล้วมองอีกคนภาพหระจกด้านหน้า







     

    " หึ เป็นโคนันเหรอว่ะ? มาสก็เรียกด่าตามปกติ เวลากูโดดคลาสมิสเซอร์น่ารี่ย์ มิสแกก็เรียกด่าพอกูโดดคลาสมาสจินยองแกก็ต้องเรียกปะว่?" ยักไหล่ไหวๆตอบกลับ

    " งั้นเหรอ? อืมคงจะจริงเห็นน้องเรียนๆโดดๆพี่คนไหนบ้างจะทนดูจริงมั้ย? งั้นมึงก็ตั้งใจเรียนแล้วกันว่ะ " ตบบ่ากว้างสองทีก่อนจะก้าวเดิน

    " มึงหมายความว่ายังไง?"








    " ก็ตามนั้น ไม่เห็นต้องถาม"   แอลริทไม่ได้หันกลับไปแต่เลือกที่เอียงใบหน้าหล่อให้คนถามเห็นรอยยิ้มร้ายที่ตั้งใจแจกให้

    " อย่ามายุ่งกับเรื่องของกู"

    " โอเครๆ กูจะไม่ยุ่ง...แต่,มึงอย่าล่ามปามเรื่องไหนก็ตามถึงแบมกูหวังว่ามึงจะเข้าใจ เว้นช่องว่างระหว่างครอบครัวของมึงกับเพื่อนอย่างแบมให้ถูก ถ้าเลือกไม่ได้แล้วมึงเดินทางผิดจนแบมจะเสียใจละก็ กูไม่ปล่อยมึงแน่รวมทั้ง คิมจินยอง คนๆนั้นด้วย "    








           ทิ้งท้ายด้วยชื่อพี่ชายของคนข้างหลังได้อย่างร้ายกาจ นี่ไม่ได้คำสั่งแต่เป็นการเตือนไม่ว่าอีกคนจะทำอะไร แอลริทแค่ต้องการให้ร่างเล็กที่นั่งเรียนข้างกายตนปลอดภัยและมีความสุข ไม่ว่าเรื่องนั้นจะคืออะไรก็ตาม

    เขาขอแค่นั้น

           รู้ว่าร่างเล็กคิดกับเขายังไง จริงใจกับเขาในฐานะอะไรแล้วเขาสามารถเข้าไปข้างในใจของอีกคนได้แค่ไหน แต่ความรักก็คือความรักต่อให้ไม่ได้ครอบครองขอแค่ได้ปกป้องและดูแลก็น่าจะพอแล้ว ใช่แอลริททำถูก แต่โลกทั้งใบยากเหลือเกินที่คนทุกคนจะคิดเหมือนกันได้ ยูคยอมละคนหนึ่งที่คิดต่าง

    " มึงก็คิดกับแบมไม่ต่างจากกูสินะ แอลริท"















     

    จินยอง พาส



    " ฮยองขอคุยด้วยหน่อยสิ" น้ำเสียงคุ้นหูทำให้สองขายาวหยุดชะงัก

    " ผมมีเรียน "  

    " นะ แป็บเดียว " เหมือนจะเป็นคำขอแต่สถานการณ์บอกว่ามันคือคำสั่ง ร่างบางของพี่ชายกำลังเดินตรงไปยังมุมๆหนึ่งของตึกเรียน ถอนหายใจเบาๆก่อนจะก้าวเท้าตาม








    " ฮยอง มีอะไรเอาไว้คุยที่บ้านก็ได้นิครับ"  สีหน้าในตอนนี้บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างมากของเขา แน่นอนเขาไม่อยากให้ใครมาเจอโดยเฉพาะร่างสูงที่เพิ่งเดินจากไป

    " นายหลบหน้าฮยอง จะที่บ้านหรือที่นี้ก็ไม่ต่าง"

    " งั้นก็ว่ามาครับ ผมมีเรียน"  หันหลังให้คนเป็นพี่เขาไม่อยากสบตาคนตรงหน้าเลยสักนิด









    " เรื่องที่ฮยองขอให้ช่วยไปถึงไหนแล้ว รู้อะไรมั้ยวันก่อนเด็กนั่นไปที่บ้านมาร์คคงไม่ต้องอยากรู้หรอกนะว่าอย่างมาร์คน่ะจะปล่อยเด็กน่ารักๆแบบนั้นไปรึป่าว?"  
             พูดไปก็เหมือนแทงใจดำ ใช่มาร์คไม่มีวันปล่อยไปเพราะรู้ว่าเด็กนั่นเป็นใคร ก็เหลือแต่ว่าแบมจะคิดยังไงกับร่างสูงแต่ไม่ว่าทั้งสองจะคิดอะไรต่อกันเขาจะขัดขวางมันไปสะทุกอย่าง

    " เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงแบมแค่พาเขาไปซื้อของ" คนเป็นน้องเอ่ย ก็แน่นอนละเขาตามสองคนนั้นไปจนเกือบถึงร้านเค้ก

    " แก เชื่อใจเด็กนั่นขนาดนั้นเลยเหรอ? น้องพี่"








    " ครับ ผมเชื่อใจเพราะผมรู้จักแบมมากกว่านั่นรู้ว่าเขาเป็นคนนิสัยยังไง ฮยองไม่ต้องเป็นห่วงทุกอย่างผมกำลังจะจัดการ "  น้ำสียงหนักแน่นจากน้องชายทำเอาจินยองพอใจยังไงสะ ยูคยอมก็ไม่มีวันลืมความช่วยเหลือจากพี่อย่าเขาและไม่มีทางปฏิเสธความต้องการของเขา

    " ก็ดีจ๊ะ ฮยองรอดูอยู่นะ" เอ่ยอีดครั้งแล้วจิกยิ้มอย่างชอบใจ

    " ครับ "






    " งั้นไปเรียนเถอะจ๊ะ  สายละ "  บอกแค่นั้นก็จะเดินแยกจากน้องไป ยูคยอมเองก็เดินเลี่ยงไปเช่นกันไปทิ้งไว้แค่ความสงสัยของใครบางคนที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขาชะงักเท้าตั้งแต่เดินผ่านเข้ามา  แค่จะมาตามเพื่อนกลัวจะโดดเรียน

    'มึงจะทำอะไรกันแน่ ยูคยอม'








            ชีวิตของนักเรียนในคลาสสุดท้ายของวันช่างมีความสุขนัก แต่วันเวลาของความสุขมันก็ผ่านไปไวเสมอเหมือนเมฆบนฟ้านั่นละ มันเคลื่อนผ่านมามันก็เคลื่อนผ่านไป

    " แบมแบม  มาสจินยองให้นายไปพบตอนนี้เลย " เสียงเพื่อนร่วมห้องบอกขณะที่คนตัวเล็กนั่งหัวเราะเพื่อนๆที่ควงกันเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่หน้าห้อง  

           ตอนนี้เพื่อนสนิททั้งสองของเขาไม่อยู่ด้วยยูคยอมพาน้องชมรมบาสไปส่งที่ห้องอบรม ส่วนแอลริทก็ถูกรุ่นพี่อย่างยงกุกปีนรั้วมหาลัยมาหาผมรู้ว่าแอลริทไม่ต้องการให้ตามไป สีหน้าของเขาบอกให้ผมรอที่นี้ รอเขาเท่านั้น









    " ตอนนี้?เลยเหรอ "  ผมขมวดคิ้วเหมือนจะถามหาคำตอบ

    "ใช่ รีบไปเถอะ "  จะให้ผมไปหางั้นเหรอไปก็ไปสิ ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวในเมื่อเราไม่ได้รู้จักกันผมก็ควรทำแบบนั้นต่อไป ในฐานนะนักเรียน

    ก๊อก ก๊อก!!

    " มาสครับ ผมแบมแบมครับ"








    " เข้ามาจ๊ะ "  หลังได้ยินเสียงตอบกลับ ผมก็ค่อยๆผลักประตูเข้าห้องสีเหลี่ยม มันทั้งเย็นและเงียบรึเพราะผมเกร็งทุกอย่างเลยเป็นแบบนี้

    " ไม่มีใครอยู่ใกล้เราแล้ว เรียกฮยองดีกว่าเนอะ ไม่ได้คุยกับแบมนานเลยใส่ชุดนักเรียนแล้วน่ารักกว่าเดิมอีกนะ" เจ้าของน้ำเสียงหวานเอ่ยชม ใช่เราไม่ได้คุยกันแบบนี้นานตั้งแต่วันแรกที่เขามาสมัครเรียนที่นี้ วันนั้นวันที่ผมชอบรอยยิ้มนี้

    " ขอบคุณครับ "







     

    " วันนั้นฮยองขอโทษนะที่ไม่ได้ลงไปหา ฮยองป่วยนะ"    คนตรงหน้าแสร้งหลบตาทำเอานักเรียนตัวเล็กทำตัวลำบาก

    " ผมต่างหากละครับที่ต้องขอโทษมาสเตอร์ ไปถึงบ้านมาสเตอร์แต่ไมได้เข้าไปเยี่ยม "   ปรับน้ำเสียงให้เหมือนปกติ

    " มาสเตอร์อีกแล้ว"








    " ขอโทษครับ คือ...."

    " ไม่ชินงั้นสิ "    มือเรียวกดด้ามปากาในมือไปมา แต่ใบหน้าและริมฝีปากยังเยียดยิ้มส่งมาให้ เป็นรอยยิ้มคนละแบบกับที่คนตัวเล็กเคยได้รับเมื่อครั้งพบกันครั้งแรก รึครั้งนี้มันจะเปลี่ยนไป

    " ครับ  เอ่อ ฮยองหายป่วยแล้วใช่มั้ยครับ?"








    " จ๊ะดีขึ้นมากแล้ว มีมาร์คมาดูแลทุกวันฮยองต้องหายดีสิเนอะ"  เป็นคำตอบที่ดีที่ตรงประเด็นสุดแล้ว ร่างบางเยียดยิ้มอย่างสดใสช่างแตกต่างจากจิตใจที่ร้อนรุมยิ่งกว่ากองเพลิง นักแสดงคนใดเล่าจะเท่ากับน้กแสดงชีวิตอย่างคิมจินยองคนนี้

    " ง งั้นเหรอครับ"

    " เข้าเรื่องเลยเนอะ รู้ใช่มั้ยว่าฮยองกับยูคยอมเป็นพี่น้องกัน '  ถามก่อนจะสังเกตสีหน้าของนักเรียนตัวเล็ก








    " ไม่ทราบครับ ยูคไม่เคยบอก "  ตอบตามจริงแต่ไม่ใช่สะทั้งหมด

    " ว๊าจริงเหรอเนี่ย? แล้วรู้รึป่าวว่ายูคยอมเค้าชอบเรา รึต้องรอให้เจ้าตัวบอก"  จะบอกตอบว่ารู้ก็ได้แต่เพราะไม่เข้าใจว่าทำไม คนๆนี้ถึงบอกเขาจุดประสงค์ที่บอกคืออะไรและเขาเงก็ต้องการเป็นแค่นักแสดงแสนโง่ไปก่อนเท่านั้น

    " ม ไม่รู้ครับ "








    " แย่จริงๆเลยน้องคนนี้ ชอบก็ไม่พูดไปเอาแต่เงียบๆเดี๋ยวก็มีคนคาบไปกินก่อน "   คนเป็นครูส่ายหัวไปมาดูน่าผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับจริงๆ

    " ฮยองคนเข้าใจผิดแล้วมั้งครับผมกับยูคเราเป็นเพื่อนกัน"

    " เข้าใจผิดเหรอ? ไม่คิดจะรักน้องชายฮยองหน่อยเหรอ แย่จังเลยนะถ้ายูคมาได้ยิน"  
               เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงผิดหวังแต่ก็แอบจุดยิ้มเหมือนเห็นอาการของเด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่มีอะไรมากก็อยากเป็นคนดีเสนอตัวบอกว่าน้องชอบลูกศิษย์คนนี้ก็แค่นั้น แต่อะไรที่แอบแฝงนะเหรอ ค่อยมาว่ากัน










     

    " ผมคิดว่ายูคคงเข้าใจ "

    " จ๊ะ แต่แบมห้ามเข้าใจฮยองผิดนะ ฮยองก็แค่บอกเราเห็นว่าช่วงนี้ยูคเหงาๆ คนเป็นพี่ก็ต้องห่วงน้องใช่มั้ยอะไรที่ฮยองช่วยน้องได้ก็จะช่วย แต่ห้ามบอกยูคนะว่าฮยองพูด ไม่งั้นหมอนั่นเล่นงานฮยองแน่ "   สีหน้าตื่นตระหนกปนหวาดระแวงเล็กๆทำให้แบมแบมพยักหน้ารับ เขาควรเป็นคนโง่สิละครเรื่องนี้เขาควรโง่

    " ครับ ผมจะไม่บอกยูค ขอโทษอีกครั้งนะครับที่ผมตอบอะไรไม่ตรงตามใจฮยองอยากให้เป็น" ผมก้มหน้าก่อนจะเอ่ยขอโทษ ขอโทษในเรื่องที่ผมเองก็ไม่อยากรู้สาเหตุ







     

    " ไม่เป็นไรๆ ฮยองไม่ได้บังคับจิตใจใคร " ใช่ คุณไม่บังคับจิตใจใคร แต่คุณกำลังขอร้องคนอีกหลายด้วยแววตาและสีหน้าของคุณ มาสเตอร์จินยอง

            ตอนนี้ผมเดินกลับมาจากตึกแลนด์ ในสมองคิดถึงแต่คำพูดของมาสจินยองวกไปวนมา เขาบอกผมทำไม อะไรที่ทำให้เขาบอกถึงความสัมพันธ์ของเขากับยูคยอม ทั้งๆที่ยูคยอมไม่เคยคิดจะบอกเรื่องนี้เลยสักครั้ง รึมาสจินยองจะรักน้องมากจริงๆถึงได้บอกเรื่องนี้กับผม เพื่อให้ผมเห็นใจและรักยูคยอมงั้นเหรอ 
            แต่ผมไม่ได้เกลียดไอ้โย่งนะยังรักมันแต่รักในแบบที่เพื่อนจะรักได้ เพราะผมรักแบบนั้นมาตลอดและคงจะเป็นแบบนั้นเรื่อยไป









    " หายไปไหนมา? "

    " แอล " ดึงสติกลับมาทันหลังเพื่อนตัวสูงโผล่หน้าเข้ามา

    " เป็นอะไร หน้าซีดๆนายป่วยเหรอ?"  แอลริทมองอย่างเป็นห่วง เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วรีบถามไถ่ ก่อนจะสัมผัสหน้าผากมนด้วยฝ่ามือไออุ่นจากคนตัวบางยังปกติ ไม่ได้มีอาการของคนป่วยแต่ทำไมสีหน้าถึงได้กังวลและเม่อลอย









    " เราสบายดี  ยูยอมละ นายเห็นไอ้โย่งนั่นมั้ย?"

    " มันยังไม่กลับมั้ง เมื่อกี้ในห้องไม่มี แบมยังไม่ตอบเลยหายไปไหนมา"  ย้ำถามอีกครั้งเขาสังเกตได้ว่ามันมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้น

    " ไปหามาสจินยองมาน่ะ "








    " มีเรื่องอะไร? "  
           แอลริทถามเพราะหลายวันก่อนเขาเคยบอกแบมเกี่ยวกับเรื่องของยูคยอมกับมาสจินยอง เขาไม่ใช่พวกขี้อิจฉา แต่เพราะยูคยอมกับมาสเตอร์หน้าสวยคนนั้นกำลังมีอะไรปิดบังเขาทั้งสองตะหาก

    " มาสบอกกับเราว่าเป็นพี่ชายของยูค พวกเขาเป็นพี่น้องกันอย่างที่นายบอก แต่เราไม่เข้าใจมาสเตอร์ไม่เข้าใจว่าเขาจะบอกเราทำไม " คนตัวเล็กม่ยหน้าเขากำลังคิดไม่ตก  

    " ก็คงอยากให้นายรู้ไง อยากให้รู้ว่ายูคยอมมันรู้สึกยังไงเรารู้ว่านายไม่ได้โง่ และแน่ใจว่านายดูออกว่าเรากับมันรู้สึกไม่ต่างกัน "







      

             แอลริทเอ่ยดังที่พูดขึ้นเพราะตั้งใจจะบอกเขาเป็นพวกชัดเจนและแน่วแน่ แต่กลับกันเขาก็ไม่ได้คิดจะบังคับใครเพราะความต้องการส่วนตัว

    " เราขอโทษ "

    " ขอโทษเรื่องอะไร?" 

    " ที่รู้ว่าพวกนายคิดยังไงแต่ก็ยังทำเหมือนไม่รู้"  ก้มหน้าตอบ ใช่เขารู้ ใครไม่รู้บ้างชัดเจนกันขนาดนี้แต่เพราะกลัวว่าความจริงจะทำร้ายพวกเขาทั้งสาม และคนที่จะทำร้ายความรู้สึกพวกนั้นเป็นเขาเอง









    " นายไม่ได้ผิด มันเป็นเรื่องของจิตใจเราไม่เคยบังคับใครนะแบม เอาเถอะ ยังไงสะต่อให้นายพูดว่าไม่รู้สึกอะไรเลยกับเราแต่อย่างน้อยนายก็เพื่อนเรา ซึ่งนั่นจะทำให้เราอยู่ใกล้กันได้ตลอดไป "   น้ำเสียงนุ่มนวลทำให้คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาฟัง ใบหน้าหล่อของเพื่อนตัวสูงที่ห่างเพียงนิดทำให้เขาจ้องมองอย่างพินิจ  แอลเป็นคนน่าตาดีเลยทีเดียวแต่ทำไมไม่เหลือใจให้คนอื่นไป
             คนอื่นที่ไม่ใช่เขาแล้วทำไมต้องเอาหัวใจตัวเองมาจบที่เขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้รักษาหัวใจดวงนั้นไว้ได้เลยเพราะหัวใจของเขาก็มีคนอื่นอยู่แล้วเหมือนกัน

    “…….”

    " เฮ้ อย่าเงียบสิ เราไม่ใช่ตำรวจสอบสวนผู้ร้ายนะ หน้าซีดจัง"









    " นายทำให้เรารู้สึกผิด"

    " อย่าคิดแบบนั้นสิ บอกแล้วไงนายไม่ผิด " กุมไหล่เล็กเบาๆ  แบมไม่ได้ผิดเขาต่างหากที่ผิด ผิดที่คิดเกินกว่าเพื่อน

    " อืม "








    " แล้วนี่ไอ้ยูคมันไปไหนถ้ามาช้าเราไปรอที่ร้านกันก่อนดีมั้ย?" เป็นข้อเสนอที่เข้ากับสภานการณ์อึดอัดนี้ได้เป็นอย่างดี

    " ก็ได้ งั้นเดียวเราไปเอากระเป๋าก่อน"  

    " ไปด้วยดิ" 









               หลังตกลงได้ว่าจะไปรอเพื่อนอีกคนที่ร้านเนื้อย่างคนตัวเล็กจึงขอกลับไปที่ห้องเรียนเพื่อเก็บของ เวลานี้แม้นักเรียนอยู่ในไฮอยู่บ้างแต่เพราะเป็นเวลาเลิกเรียนแล้วจึงดูบางตาไปพอสมควร  ระหว่างทางไปร้านเนื้อย่างสองเพื่อนเตี้ยสูงก็เจอเข้ากับมาสเตอร์หน้าสวยนามจินยองที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจพวกเขา แต่กำลังยืนหน้าเครียดมองใครบางคนที่นั่งอยู่ในร้านคาเฟ่เมื่อมองตามแววตานั้นแอลริทก็เอ่ยเรียกชายหนุ่มร่างสูงภายในร้านนั้นออกมาเบาๆ

    " รุ่นพี่!!"

    " รุ่นพี่? ใครเหรอแอล?"    คนตัวเล็กหันถามแม้จะคุ้นหน้าคนๆนั้นแต่เขาก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี









    " แจบอมฮยอง "

    " หึม? ไม่คุ้นเลยแฮะ เป็นรุ่นพี่ที่ไฮฯของเราเหรอ? "   ร่างสูงพยักหน้าแบมแบมได้แต่มองอย่างงงๆ ก็เขาไม่เคยรู้เลยว่าคนๆนี้เป็นรุ่นพี่ในไฮฯ แม้จะคุ้นๆหน้าก็เถอะ

    " ใช่ แต่นายคงจำไม่ได้มั้งแจบอมฮยองย้ายมาจากญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อน แล้วถ้าชื่อเจบีละนายคุ้นชื่อนี้มั้ย?"

    " เจบี แจบอม เอ่อ ชื่อเต็มละแอล ชื่อเต็มของรุ่นพี่น่ะ"  คุ้นชื่องั้นเหรอ เขาคงได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนสักแห่งแน่ๆ ใช่เขาต้องเคยได้ยิน


















    " อิมแจบอม " แอลริทหันบอกชื่อเต็มของรุ่นพี่คนนั้น ทันทีร่างเล็กได้ยินเขาก็เอ่ยปาก

    " อ  อิมแจบอม ผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในรายชื่อหุ้นส่วน "  พึมพำจนร่างสูงต้องโน้มหน้าลงมาใกล้

    " บ่นอะไรของนายแล้วรายชื่ออะไร/ "













     

    " ป ป่าว คือเราเคยเห็นในรายชื่อในหนังสือรุ่นนะ "
             แค่จะเอ่ยตอบยังติดขัดก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี เขาจำได้แล้วอิมแจบอมคนที่อยู่ในรายชื่อหุ้นส่วนของจุนฮยองต้องใช่แน่ๆ

    " แล้วมาสจินยองมายืนมองรุ่นพี่ทำไม?" แอลริทเอ่ยเบาๆ จนคนตัวเล็กต้องส่ายหน้าในความขี้สงสัยของเพื่อนคนนี้

    " ช่างเถอะน่า เราไปกันเถอะ พวกเขาคงรู้จักกัน"  








             นายรู้มั้ยแอล พวกเขาน่ะรู้จักกันมากสะด้วย  จำได้วันนั้นวันที่เขาไปบ้านมาสเตอร์กับมาร์ค  มาร์คพูดถึงรุ่นพี่คนนี้ด้วยต้องใช่คนเดียวแน่นอน  แบมแบมรีบดึงแขนเพื่อนตัวสูงออกเดินเขาไม่อยากให้มาสเตอร์หันมาเจอพวกเขาเพราะหากรอเวลานั้นมาสจินยองคงตกใจแน่ที่เขาเห็นแววตาและท่าทางแบบนั้นของมาส  ก็วันนี้มาสบอกเองว่าไม่สนใจไม่รักรุ่นพี่คนนี้แต่วันนี้มายืนมองคนๆนั้นอยู่กับสาวสวยอีกคน

    -มันน่าตลกนะความรู้สึกของคนเรา

    -ขออย่าให้มาสเตอร์คิดได้ในวันที่สายเกินไป



















     

    เจบี&จินยอง


                 หากภาพตรงหน้าเป็นเพียงฉากหนังเรื่องหนึ่งจินยองคงไม่สนใจมากนัก และถ้านักแสดงในภาพไม่ใช่ผู้ชายตัวสูงที่เคยตามจีบเขา บอกรักเขา และนอนอยู่ข้างกายเขาในเกือบทุกค่ำคืน ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นเหมือนความฝันในชั่วเวลาหนึ่ง  ตอนนี้ขาเล็กก้าวไม่ออกสาแก่ใจกับคำที่ไล่คนๆนี้ออกไปจากชีวิตกับคำพูดแสนร้ายกาจที่ออกจากปากตนเอง 

                วันนี้เขาคงทำใจได้แล้วถึงได้ยังยิ้มระรื่นกับสาวสวยคนนั้น  ก็ดีในเมื่อไม่ต้องมารักษาน้ำใจแล้วเมื่ออีกคนตัดใจได้  เขาก็สบายใจแม้ลึกๆข้างในจะหวั่นไหวไม่น้อย แจบอมไม่เคยนั่งข้างใครนอกจากเขา ไม่เคยยิ้มแบบนั้นให้ใครนอกจากเขา แต่วันนี้ตั้งแต่วันนี้ต่อไปทุกอย่างที่เขาเคยได้รับคนอื่นก็ได้เหมือนกัน








    'ดีใจด้วยที่คุณตัดใจได้'   น้ำเสียงเรียบๆถูกเอ่ยขึ้นเบาๆ หลังร่างเล็กของจินยองจ้องมองชายหนุ่มและหญิงสาวภายในร้านอยู่สักพัก ฉีกยิ้มบางๆให้กับภาพที่เห็นในเมื่อเลือกที่จะจากไปเองก็เท่ากับคุณผิดสัญญาแล้วแจบอม
            คุณไม่มีความสามารถมากพอที่จะทนรอผมได้ ลาก่อนและลาจาก หันหลังให้กับใครบางคนที่เดินไปจากหัวใจไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอะไรกับร่างสูงแต่เพราะคนๆนี้ไม่สามารถทำตามคำพูดที่ให้ไว้ได้ เขาก็พร้อมจะหันหลังเช่นกัน

    " จูเนียร์!! "   

    “………” 








             เสียงเรียกข้างหลังทำให้เขาต้องหันกลับ เมื่อมองภาพตรงหน้าก็เจอกับหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวรัดรูปโชว์สัดส่วนที่อวดสายตาคนรอบข้างดึงดูดสายตาคนมากมายรวมถึงเขาด้วย เธอคล้องมือเรียวในแขนแกร่งของร่างสูงจินยองมองหน้าเงียบๆ เขาเก็บสีหน้าและอาการได้เก่งกว่าใครๆ นั่นเป็นนิสัยที่หาคนเปรียบได้ยาก

    " เรียกผมเหรอครับ? "  

    " ไม่นึกว่าจะได้เจอ มาทำอะไรที่นี้ "  น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยถาม สีหน้าของร่างสูงยังปกติแต่แววตาที่เคยมองแต่เขา วันนี้เขาสังเกตุได้ว่ามันไม่มีอีกแล้ว









    " มาสอนพิเศษครับ" หากเลือกที่จะถาม เขาก็เลือกที่จะตอบ

     " นี่แฟนพี่เอง  ยุนอา //  ยุนอาครับ นี่จินยองรุ่นน้องผม "

    " เหรอค่ะ สวัสดีค่ะคุณจินยองแหม๋ น่าตาน่ารักจังเลยนะคะเจบี "   เสียงหวานเอ่ยทักแกมแซวร่างบางเล็กๆน้อย ในสายของเธอจินยองถือว่าน่ารักมากแล้วแต่เสียตรงที่เป็นผู้ชาย








    " สวัสดีครับ  ผมไม่น่ารักหรอกครับผมเป็นผู้ชาย"

    " น่ารักสิ เห็นเจเล่าให้ฟังตั้งนานแล้วไม่นึกว่าจะได้เจอตัวจริง นึกออกแล้วคุณบอกยุนอ่าตั้งแต่ปีโน้นแล้วนิน่าว่าจะพาเพื่อนคนนี้มาเจอ ลืมเลยใช่มั้ยละ"   

                    คำพูดของหญิงสาวทำให้เจบีหน้าซีด แต่ร่างบางตรงหน้านั้นแตกต่างสีหน้าของเขายังนิ่งเรียบเช่นเดิม

     " อ่า ผมคงลืมน่ะ"   เจบีตอบด้วยน้ำเสียงเปล่งๆ









    " ได้เจอแล้วไงครับคุณยุนอา ดีใจจริงๆที่เจอคุณเพราะรุ่นพี่ก็เคยเล่าเรื่องคุณให้ผมฟังเหมือนกัน " คนตัวเล็กฉีกยิ้ม ยิ้มอย่างที่หลายคนไม่เคยได้จากเขา

    " จริงเหรอค่ะ เล่าเรื่องน่าอายของยุนอารึป่าว?"  หญิงสาวทำหน้าน้อยใจหันไปตัดพ้อชายหนุ่มข้างกายด้วยสีหน้าสุดอ้อน

    " ไม่เลยครับ รุ่นพี่บอกผมว่าคุณยุนอาน่ารักมาก ผมดีใจจริงๆที่ได้เจอคุณเพราะคุณทำให้ผมรู้ว่ารุ่นพี่พูดจริง  "








              จินยองเน้นคำพูดเกือบทุกคำ รอยยิ้มบางๆยังถูกส่งให้หญิงสาวเสมอแม้ตอนนี้จิตใจของเขาจะอ่อนหยวบแทบไม่มีแรงเดิน ตั้งแต่ปีโน้นงั้นเหรอ แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาถูกหลอกเช่นกัน ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้มีแค่เขาไม่แปลกใจเลยที่ทุกค่ำคืนที่นอนข้างกายเขา เจบีไม่เคยแตะต้องเขาคงเพราะมีคนอื่นคอยให้ความสุขอยู่แล้วกับเขาก็แค่อยากเอาชนะ เอาชนะในความหยิ่งยโสสินะ เข้าใจแล้วละ

     

    'ขอบคุณที่ทำให้ผมไม่ตกหลุมรักคุณ'









     

    "จูเนียร์"

    " อ่า ผมขอตัวก่อนนะครับพอดีนักเรียนคงมากันแล้ว "  ก้มหัวให้ทั้งเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป โดยไม่ได้หันกลับมองมาแววตาของร่างสูงที่มันเกือบจะม้อดไหม้ที่เขายืนใกล้แค่นี้ยังไม่สามารถดึงอีกคนให้มายืนข้างๆได้

         ผมยอมรับว่าเขาคบซ้อน  แต่เพราะตลอดเวลาผมไม่อยากข่มเหงน้ำใจคนตัวเล็กจึงต้องหาคนอื่นมารองรับอารมณ์ดิบๆของตัวเองเมื่อยามมีความต้องการแต่ก็ไม่คิดว่าวันนี้ทุกอย่างคนตัวเล็กจะได้ล่วงรู้

    " คุณหลอกผมตลอดมาสินะ " ร่างเล็กพึมพำขึ้นจนนักเรียนที่มารับการสอนจากเขาจ้องมองอย่างเป็นห่วง









    " มาสเตอร์ค่ะ ไม่สบายเหรอค่ะ?"

    " ป่าวจ๊ะ  อย่าลืมนัดคลาสสุดท้ายของพวกเรานะ มาสไปก่อนละพอดีมีนัด  "  ว่าแล้วก็รีบลุกขึ้นจัดแจงทุกอย่างลงกระเป๋าใบเก่งก่อนจะออกก้าวเดิน





    อีกด้านหนึ่งในเวลาเดียวกัน

              หลังคนตัวเล็กเดินจากไปแจบอมก็พยายามจะโทรหาแต่เพราะอีกคนรู้ทัน สมานโฟนเครื่องสวยจึงถูกปิดตายความหงุดหงิดของร่างสูงแสดงออกมาอย่างชัดเจนจนหญิงสาวหุ่นสวยต้องเอ่ยถาม

    " เป็นอะไรค่ะ คุณมีนัดเหรอ?"

    " ไม่หรอกครับ "








    " อย่ามาโกหกน่ะ มีนัดละสิ จะไปก็ได้นะเดี๋ยวยุนอากลับเอง "   เพราะเธอรู้สถานะตัวเองแต่เพียงแค่หวัง หวังว่าชายหนุ่มจะรักเธอจริงๆยุนอาจึงให้อิสระแก่ชายหนุ่มทุกอย่าง

    " งั้นไว้เจอกันครับ "   บอกก่อนจะก้มลงไปจุมพิตหวานๆให้

               อากาศในประเทศว่าร้อนแล้ว ตอนนี้อิมแจบอมคงร้อนกว่าขายยาวที่เหยียบคันเร่งนั้นแทบจะเรียกได้ว่าหายตัวเลยก็ว่าได้ เขาขับรถมาตามทางที่คุ้นชินเมื่อเลี้ยวเข้าไปซอยที่เขามาประจำจนแทบจะเรียกได้ว่าหลับตาเดินนั้นเขาก็พบร่างเล็กที่ทำให้จิตใจเขาปั่นป่วนตลอดชั่วโมงที่ผ่าน

    'นยอง'









             ร่างเล็กนั่งนิ่งอยู่บนชิงช้าภายในสนามเด็กเล่น  เขาอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีใครบางคนเดินลู่เข้าไปหาแต่เมื่อใกล้ตัวร่างเล็กเขาแทบจะไม่เอ่ยเรียกเลยสักนิดเพียงแค่มองอยู่อย่างเงียบๆ  ไม่นานสุนัขตัวใหญ่ตัวโปรดของร่างบางก็เดินเข้ามาหาเจ้าของๆมัน

    " หายไปไหนมา ยอร์ช ฉันนึกว่าแกจะทิ้งให้ฉันกลับบ้านคนเดียวสะอีก "   พูดไปก็ลูบขนนิ่มไปมือบางของจินยองค่อยๆโอบกอดหมาตัวใหญ่

    อิจฉา แค่กอดหมาไอ้เจบีคนนี้ยังอิจฉาเลย?









    " อย่าทิ้งฉันไปแบบคนอื่นนะ เหงาแย่เลยยอร์ช " เหมือนเจ้าตูบจะรู้สึกได้มันยืนนิ่งปล่อยให้เจ้านายระบายความในอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่แค่เจ้าตูบที่เข้าใจเวลานี้ยังมีอีกคนเข้าใจ

    " จูเนียร์"

    " คุณมาทำไม!!"    ถามทันทีที่เสียงเรียกเรียกเงียบลง ไม่ต้องหันก็พอจะรู้ว่านั่นใครแล้วเรื่องอะไรที่เขาจะต้องหันไปหาผู้ชายที่หันหลังให้เขา









    " ฮยอง..... "

    " ยอร์ช เรากลับบ้านกันดีกว่าฉันหนาวแล้ว " ลุกขึ้นแล้วกระตุกเชือกสายยาวเบาๆ ก่อนจะก้าวเท้า

    " เดี๋ยว จูเนียร์"

    " มีอะไรอีกครับ มีอะไรบ้างที่คุณยังไม่ได้บอกผม "   น้ำเสียงแน่วแน่และสายตาที่ผิดหวังทำให้ร่างสูงชะงักมือ ใช่เขาผิด แต่เขาไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้

    " ไม่มีแล้ว "









     

    " จริงเหรอครับ? น่าตลกนะคุณบอกผมทุกวันว่ารักผม บอกผมทุกวันว่ามีแค่ผมคนเดียวและผมก็โง่ที่เชื่ออย่างนั้นแต่แล้ววันนี้ทุกอย่างก็เหมือนวันท้ายฤดูหนาววันที่หิมะละลายไปหมดเหลือแค่แสงแดดจ้า ผมมองเห็นทุกอย่างชัดเจนด้วยตาตัวเอง ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆที่คุณมอบให้ " ว่าขึ้นในขณะที่ยังหันหลังให้ร่างสูง
     

    " จูเนียร์ คือ...."

    " ผมจะไม่ลืมมันและจะจดจำไว้ว่าคุณ มันน่ารังเกียจแค่ไหน อิมแจบอม "    
              แม้น้ำเสียงจะเรียบนิ่งแต่ต่างจากภายในจิตใจที่อ่อนยวบเพราะพูดเองก็เจ็บเองยิ่งคิดว่าตัวเองโดนหลอกสวมเขาอยู่นานแค่ไหน เขายิ่งเจ็บเท่านั้น










    " ขอโทษ แต่จูเนียร์..."

    " ผมขอตัวนะครับ เราคงไม่มีอะไรที่ต้องคุยกันอีกแล้วและขอร้องละถ้าเห็นแก่ความรู้สึกดีๆที่ผมจะเก็บไว้ "  

    “……”

    " อย่ามาให้ผมเจอหน้าอีก "  









            สิ้นเสียงก็หันหน้ามาประชันกับร่างสูง จินยองกระตุกสายจูงเบาๆ ก่อนเขาจะพาเจ้ายอร์ชเดินผ่านอีกคนไปช้าๆ มันเหมือนภาพสโลในฉากหนัง แต่เพราะชีวิตจริงแจบอมไม่มีทางที่จะย้อนภาพนั้นกลับมาได้ เขาผิดเต็มประตูผิดจนไม่รู้ว่าข้อแก้ตัวไหนจะมาแทนที่ความผิดนั้นได้

    'ยอร์ช แกคงไม่มีพ่อแล้วละ ไม่มีใครรักแม่ของแกสักคน'









     

                  ค่ำคืนแสนยาวนานมันคงไม่ได้มีแค่ในนิยาย เพราะอิมแจบอมคนนี้กำลังรู้สึกว่าช่วงเวลาที่พระอาทิตย์หลับใหลนั้นช่างยาวนาน  เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ส่องสว่างในฤดูร้อนมาพักใหญ่แล้ว นาฬิกาเรือนสวยก็ยังคงทำหน้าของมันไปเรื่อยแต่ผิดที่ใจคนมันร้อนรุ่มยิ่งกว่าอะไร

             ตีสองกว่าแล้วเขายังไม่กลับบ้าน และไม่ได้ไปไหน ใช่ คุณอ่านไม่ผิดหรอก เขายังอยู่หน้าบ้านคนตัวเล็กทั้งที่เมื่อตอนเย็นร่างบางได้พูดทุกอย่างชัดเจนแล้ว ทีแรกเขาก็คิดว่าตัวเองอยู่ได้หากไม่มีคุณครูฝัดหัดแต่พอเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเขากลับจะตายสะให้ได้ ยิ่งต้องการหาใครมาแทนที่มากเท่าไหร่ภาพใบหน้าหวานที่ถูกซ่อนไว้ในใจกลับยิ่งชัดเจนมากเท่านั้น  นี่มันบ้าชัดๆเลย

    ปีนรั้วไปหาเลยดีกว่า ปีนบ่อยอยู่แล้วนิจะกลัวทำไม?








               ยังไงสะวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ถึงแม้อีกคนจะพูดหมดแล้วก็ตามแต่นั่นไม่ใช่ความต้องการของเขานิ ความต้องการของเขาคือเป็นเจ้าของร่างเล็กนั่น ทุกสิ่งทุกอย่างของคิมจินยองเขาต้องการหมด

    ใครว่าโจรปีนรั้วเข้าบ้านมันง่าย ป่าวเลยยากยิ่งกว่าไปลงแข่งรถอีก!!

               อิมแจบอมละคนหนึ่งที่จะปีนเข้าบ้านใครนอกจากบ้านคุณครู ทุกอย่างด้านในมืดสนิท แน่นอนละดึกป่านนี้ใครจะมาเปิดไฟเดินเล่น ยอร์ชเจ้าตูบตัวโตที่หลับอยู่หน้าบันไดตื่นขึ้นแต่เพราะมันคุ้นเคยกับคนตัวสูงทุกอย่างเลยง่าย

    " ว่าไงลูกพ่อ?"








              ลูบหัวเจ้าตูบเบาๆ ยอร์ชเป็นแค่หมาต่อให้พูดจนปากฉีกมันก็ไม่เข้าใจหรอก แค่มันลุกและขยับตัวให้พ่อของมันขึ้นไปหาแม่ได้ง่ายๆเท่านั้น

    " ดีมากลูกรัก  เฝ้าไว้นะใครเข้ามากัดมันเลย"  เข้าขั้นบ้าเลยก็ว่าได้อิมแจบอมในตอนนี้ สตงสติทิ้งไว้นอกรั้วบ้านหมดแล้ว คิดว่าคงทิ้งตั้งแต่เริ่มปีนรั้วแล้วมั้ง

    แกร็ก   







                ประตูห้องถูกเปิดอย่างเบามือแม้จินยองจะไม่ใช่พวกขิเซาอย่างยองแจน้องชายของเขา แต่เพราะเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการหลับใหลทุกอย่างเลยราบรื่น ขายาวค่อยย่างก้าวอย่างช้ำนานแม้จะไม่มีแสงไฟส่องสว่างก็ห้องนอนของร่างเล็กเขานอนบ่อยกว่าเตียงที่บ้านตัวเองสะอีก หลับตาเดินยังได้ 

                เมื่อถึงปลายเตียงก็ค่อยๆแทรกตัวไปข้างๆคนหลับ มือหนาลูบกลุ่มผมนิ่มของร่างบาง  หากจะตื่นขึ้นมาโวยวายในตอนนี้แจบอมก็มั่นใจว่าตัวเองจะจัดการปล้ำคิมจินยองคืนนี้แน่นอน ไม่ปล่อยไปอีกเด็ดขาดแม้รู้ว่าจะโดดเกลียดก็ตาม















    ตูมมมมมมมม   ระเบิดลงเป็นโกโก้ครั้ซซซซซ อยากรู้ว่าพี่แจของเราจะขืนข่มคุณครูได้มั้ย 

        ไรท์ขออุ๊บบบ!!! ไปต่อกันพาสหน้าเนอะ ^________________________^




     


                                            #ฟิคปร   #ปี้มาร์คคนมึน   #แบมเด็กแว่น

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×