ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] love is lodged เปลี่ยนรัก #markbam ft.GOT7

    ลำดับตอนที่ #12 : love is 12 จากวันนั้นถึงวันนี้

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.49K
      7
      8 ก.พ. 58

                                                           





                                   love is lodged 12 








                                             




                                                                                







          บางทีมนุษย์เราก็ยากแท้หยั่งถึง  การกระทำกลับจิตใจมักแสดงออกมาในกรณีที่แตกต่างกันและที่เลวร้ายกว่านั้น มนุษย์สามารถทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ คุณเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเชื่อผมสิ



    " /มันกลับมาแล้ว แกรู้ใช่มั้ย?/ "  ทันที่ปลายสายรับน้ำเสียงติดนิ่งเรียบก็เอ่ยขึ้น หลังร่างบางหลบมายืนโทรศัพท์ริมสระน้ำกว้างของบ้านเพื่อนสนิท





    ป่านนี้มาร์คคงหลับไปแล้ว





    " อืม รู้แล้วผมเจอแล้ว"  ปลายสายตอบกลับเสียงเบา หวังว่าคนข้างๆจะไม่ตื่นขึ้นมาตอนนี้ เขาไม่อยากให้ร่างเล็กได้ยินอะไร ไม่อยากให้เข้าใจเขาผิดๆ





    " /แกต้องจัดการมัน ทำยังไงก็ได้ ทำเพื่อพี่เถอะตอนนี้มาร์คไม่สนใจพี่เลย/ "  เสียงสะอื้นที่ดังจากต้นสายสร้างความลำบากใจให้ร่างสูงไม่น้อย ไม่รู้เลยทำไมถึงต้องยอมทำอะไรให้พี่ชายคนนี้มากขนาดนี้ เขาเป็นน้องที่ดีแล้วใช่มั้ย หากสิ่งที่จะทำคือการเขาเป็นน้องที่ดี แล้วความเป็นเพื่อนละเขาเป็นเพื่อนที่ดีด้วยรึป่าว






    " อือ อ "  เสียงครางแผ่วจากร่างเล็ก ดังขึ้นขณะเขาถูกรบกวนเวลาการนอน มือบางปัดป่ายอะไรสักอย่างออกจากเอวเล็ก





    อะไรมายุกยิกๆ ข้างๆนะ รบกวนเวลานอนจริงๆ....






    " แบมแบมอ่า เช้าแล้ว"  
           เสียงทุ้มกระซิบใกล้ใบหวานของเพื่อนสนิท ทั้งๆที่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ต่างออกไปยูคยอมเป็นแค่ผู้ชายขิขลาดและที่สำคัญ เขาเป็นเพื่อนที่เลว





    " แบมแบมอ่า  ไอ้แว่น! ไอ้อ้วน!ตื่นได้แล้วมึง "  น่ำเสียงเรียกเริ่มเปลี่ยนเมื่อคนข้างกายไม่มีทางทีจะลืมตาขึ้น




     

    " อ้วนพ่อง กูผอมแล้ว เอามือมึงออกจากเอวกูเลยไป ไอ้โย่งโรคจิต "
           มือบางบีบคว้าหมับเข้าที่แก้มย้วยๆของเพื่อนร่างสูงทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา  มือหยาบๆแบบนี้เดาว่าไม่มีใครหรอกนอกใจไอ้บ้ายูค  เมื่อคืนก็ทีละพูดอะไรกำกรวมเช้ามาก็เจอมือห่านี่อีก




    " ผอมจริงดิ? ไหนดูดิ "





    " ไอ้เชี่ย ย มือมึงอะ โอย ขนลุกว่ะ "

           แบมแบมดิ้นขลุกขลิกเมื่อถูกร่างสูงขยับเข้ามาใกล้แล้วลูบไล้เบาๆไปตามเนื้อผ้านิ่ม แต่ยูคยอมกลับคิดต่างหลังจากรับโทรศัพท์พี่ชายต่างมารดาบวกกับเขาได้เจอแบมแบมอีกครั้ง เขาสัญญาว่าคราวนี้เขาจะดึงคนตัวเล็กมาเป็นของเขาให้ได้  รู้ใจตัวเองแล้วว่าตลอดเวลาที่รู้จักแบมแบม เขาไม่ได้คิดกับอีกคนแค่เพื่อนและที่เคยรับปากพี่ชายไปเพราะจิตใจพาไปล้วนๆ






    " หึหึ " 





    " หึ เชี่ย ยไร  ลุกๆตะวันจะส่องก้นอยู่ละ "   คนตัวเล็กโวยวาย




    " กูอะลุกนานแล้ว "   ลุกนานที่ว่าอะไรมันลุกว่ะ ไอ้โย่งบ้าดูสายตามันดิ เชี่ย ยเถอะ แบมจะไม่หันมอง โอยไอ้ลามก




                คนตัวเล็กเด้งตัวรีบลุกจากเตียงนุ่ม ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อตามคำพูดกำกวมของเพื่อนข้างกาย เขาไม่เข้าใจจริงๆทำไมต้องหน้าร้อนด้วยเขาก็เหมือนผู้ชายเหมือนกัน  " ก กูจะอาบน้ำมึงค่อยอาบ " บอกแค่นั้นก็วิ่งเข้าห้องน้ำโดยมีเสียงหัวเราะหึหึ ไล่หลังให้ขนลุกเล่น



     

    " คุณหนูจะไปไหนครับ? เอ่อ ลุงไปส่งดีมั้ย? "  
            พลขับสูงวัยไถ่ถามขณะเด็กหนุ่มทั้งสองทานข้าวเสร็จแล้วเตรียมตัวออกไปนอกบ้าน สีหน้าหลานชายของเจ้านายเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าโครงความเศร้าหมอง เด็กตัวสูงคนนี้คงเป็นเพื่อนที่เธอตามหาแน่





    " ไม่เป็นไรครับลุง  แบมแค่ไปบ้านไอ้... เอ่อ บ้านยูคยอมเองนะครับ แล้วก็จะแวะเข้าไปที่ไฮฯด้วย "
             เสียงใสบอกขณะขลุกเข่าใช้มือเล็กขยับเชือกผูกรองเท้าให้แน่น  ไม่นานก็ยืนเต็มความสูงแล้วโค้งน้อยๆให้พลขับของบ้าน คนตัวเล็กฉีกยิ้มกว้างก่อนจะหันไปมองเพื่อนตัวสูงที่ยืนรอเขานานแล้ว






    " โย่ง!! ยืนเก็กเป็นพระเอกมิวสิคเลยมึง ไปๆเดินๆ ยืนเอ๋อเป็นเสาปูนเลย เกะกะว่ะ " 
            คำพูดกวนๆของร่างบางเรียกรอยยิ้มแรกของร่างสูงได้ทันที แน่นอนละแบมแบมมักจะกวนประสาทเขาแบบนี้ตลอด แต่แปลกออกไปคนทั่วไปมักจะมองว่าร่างบางน่ารักน่าทะนุทะถอมซึ่งนั่นก็จริง แต่ต่างกันตรงที่เขากับร่างเล็กพูดคุยกันเหมือนเด็กผู้ชายเลือดร้อนทั่วไป แม้อีกคนจะค่อนไปทางเด็กผู้หญิงก็เถอะ 

             ขาเล็กที่ก้าวเดินไวเกินช่วงตัวทำให้ยูคยอมแปลกใจไม่น้อย นานแล้วที่ไม่ได้มองอีกคนจากด้านหลังมือเล็กที่ไหวตามแรงโน้มถ่วงยังเหมือนเดิม แม้ลักษณะจะผิดแปลกจากเดิมและบางทีเราก็ห่วงว่าขาเล็กนั้นจะหักเมื่อเห็นการวิ่งที่ทิ้งน้ำหนักตัวจนน่ากลัว







    ผมคงรักมันมานานแล้วจริงๆ แปลกนะแบมแบมมันไม่ได้ดูท่าจะกอดอุ่นเลยสะนิด แต่ผมก็อยากกอด





    " โย่ง โย่งอ่า "





    " หึม ไร? "    เรียกสติกลับมาก็พบว่าใบหน้าหวานของร่างเล็กอยู่ใกล้แค่ก้มลงไปหา เขาเหม่อลอยงั้นเหรอ




    " เป็นไร? ไม่สบายเหรอมึง เหม่อจัง คิดถึงออมม่าเอ่อ ห๊าาา ไอ้ลูกชายย "




    " เปล่า "  มือเล็กโยกหัวทุยๆของเขาเบาซึ่งนั่นไมได้ทำใฟ้ยูคยอมรำคานกลับกันเขาชอบมากกว่า เพราะสิ่งที่ร่างเล็กทำอยู่มันเรียกสายตาผู้คนรอบข้างได้ไม่น้อย บ้างก็ฉีกยิ้ม บ้างก็แอบกรี๊ดเบาๆ คงคิดว่าเขาสองคนเป็นคู่รัก




    " มึงๆ รถสายนี้ปะวะ คันสีแดงป่าว? กูลืม " ร่างบางไถ่ถามเขาไม่แน่ใจว่าสายไหนคือสายรถที่จะไปบ้านของเพื่อนสนิท




    " สีแดงที่ไหน สีส้ม " ตอบกลับเบาๆทั้งๆที่สายตายังจ้องมองเสี้ยวหน้าหวานตรงหน้า อีกคนวางมือนิ่มๆลงบนบ่ากว้าง




    " วันนี้มึงจะไปทำเรื่องย้ายมาเรียนกะกูช่อ่ะ? "  ร่างเล็กทั้งถามคนข้างๆ ทั้งมองรถเมล์ที่วิ่งสวนกันไปกันมา



     

    " ไม่รู้ว่ะ "  ตอบกลับอย่างคนขี้แกล้งแต่นั่นกลับทำให้รอยยิ้มหวานนั้นจางหายทันที





           รอไม่นานรถเมล์สายที่รอคอยก็มาถึงมือหนาคว้าอีกคนให้เดินตามหลังในระยะใกล้ ดีนะที่คนไม่เยอะมากไม่อย่างนั้นรับรองเลยว่า ยูคยอมได้อุ้มอีกคนแน่ๆ " 
    อ้าว ตอบงี้ลงรถเลยเหอะ "  ประชดอีกคนก่อนยกมือขึ้นมากอดอกเล็กแน่น ปากเล็กบ่นพึมพำไปเรื่อยจนน่าเอียงคอไปฟังใกล้ๆ



     

    " บ่นไร? "   เอ่ยถามทั้งที่อีกคนคงไม่ตอบเขา

    “………..”





    " แว่น!?"

    “…………..”





    " เป็นใบ้สะแล้วไอ้เตี้ยเพื่อนกรู " เอ่ยแกล้งอีกคน ร่างเล็กถึงกลับหันขวับไม่ใช่เพราะร้อนตัวที่อีกคนว่าเขาเป็นใบ้หรอกนะแต่เพราะ..





    " กูเตี้ยตรงไหนออกจะสูงปรี๊ด  มึงอะมันเกินมาตรฐานตะหาก "  คำหลังทำให้อารมณ์พุ่งปรี๊ด คนตัวเล็กบ่นคำฉอดๆกลับทันที ใครใช้ให้มันมาว่าเขาเตี้ยละ สูงนะ นิบอกเลย




    " หึ ช่างกล้าคิด "




    " แน่นอน แล้วจะเบียดทำไมเล๊าที่ว่างเยอะแยะ "  ตาเล็กเหลือบมองที่ว่างข้างเพื่อนตัวสูง เขาสองคนนั่งเบาะหลังนะที่ว่างมันก็เยอะแยะแทบจะนอนได้เลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมไอ้โย่งต้องมาเบียดเขาด้วย

    " กูหนาวนิหว่า "





    " ข้ออ้าง "  
          แล้วเพื่อนซี้เตี้ยสูงก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเพราะจิตใจของพวกเขามันรู้สึกแปลกๆ อีกคนเอาแต่มองไปด้านนอกรถตื่นตาตื่นใจกับสีสันของต้นไม้ยามฤดูใบไม้ผลิ ต่างจากอีกคนที่เอาแต่มองเสี้ยวหน้าเล็กและแก้มย้วยๆของคนข้างๆ






    " มองหน้ากูนานไปละโย่ง เดี๋ยวกูละลายกันพอดี " 
           คนตัวเล็กว่าขึ้นทั้งๆที่ยังหันกลับมามองคนตัวสูง คงไม่ต้องหันมาหรอกเพราะมองผ่านกระจกข้างๆสะท้อนแววตาของร่างสูงแบมแบมก็รู้แล้วว่าอีกคน แอบมองเขาตั้งแต่ขึ้นรถแล้วละ





    " เป็นไอครีม?? "





    " เหอะ!!  ถ้ากูเป็นจริงละลายไปแล้วสั ส ขยับไปเลยลงๆป้ายหน้าถึงบ้านมึงช่อ่ะ? "       
















            กับครอบครัวแม้จะเหลือกันแค่สองคน ผมก็ยังอยากเรียกมันว่าครอบครัวอยู่ดี เมื่อก่อนผมอาจจะไม่เคยใส่ใจคำๆนี้มากนัก แต่เมื่อวันเวลาเริ่มล่วงเลยคำว่าครอบครัวกลับมีอิทธิพลกับจิตใจของผมอย่างบอกไม่ถูก พ่อกับผมต่างเคร่งเครียดกับโปรเจคงานใหม่ๆในบริษัท เช่นเดียวกับวันนี้ที่ต้องออกไปเจอลูกค้าชาวต่างชาติ ร่างสูงบังคับพวงมาลัยอย่างเชื่องช้า

            สายตาคมจดจ้องไปที่ถนนข้างหน้าคราวกับมีจุดหมายแต่หากได้สัมผัสกับแววตานั้นแล้ว การมองของร่างสูงก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการเหม่อลอยแต่แล้วสติของคนขับก็กลับมาเพียงเพราะเจอคนบางคนในรถ คนบางคนที่เดินหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับเด็กหนุ่มตัวสูง






    " แบม? "  
         พึมพำออกมาเป็นชื่อคนบางคน แล้วรีบเปลี่ยนทิศทางของรถทันทีแม้เวลานี้จะเป็นเวลาที่เขาต้องไปพบลูกค้า แต่นั่นคงไม่สำคัญกว่าการพิสูทธิ์อะไรบางอย่างที่อยากรู้  รถยนต์คันหรูเร่งเครื่องตามเด็กหนุ่มสองคนไปอย่างช้าๆ ร่างเล็กสวมเสื้อโค้ชตัวใหญ่ด้วยสภาพอากาศที่เลวร้ายของวันทำให้มาร์คแอบเป็นห่วงว่าคนกระหม่อมบางที่เดินตรงหน้าอาจจะป่วยไข้ได้






    " ทำไม ไม่ใส่หมวกเดี๋ยวหวัดได้ถามหา "  
          คล้ายกับจะบอกคนที่เดินอยู่ริมฟุตบาท แต่หากประโยคนั้นดังแค่คนพูดเท่านั้นได้ยิน มาร์คจอดรถทันทีที่เห็นร่างบางเดินเข้าไปในร้านอาหารร้านหนึ่งที่เขาคุ้นตา  มันเป็นร้านอาหารของป้าไอ้ยองแจ ปลายปีก่อนเขาได้มาที่นี้กับแจ็คสันด้วยแต่ร่างบางจะมาที่นี้ทำไมในเมื่อร้านนี้เปิดบริการในช่วงบ่าย  มาร์คไม่รอให้ความสงสัยติดอยู่แค่ในสายตามือหนารีบคว้าสมานโฟนแล้วไล่หาเบอร์เพื่อนสนิทนามว่ายองแจทันที หมอนั่นจะบอกเขาเกี่ยวเรื่องทั้งหมดนี้ได้แน่










    " ไงมึงมีไรป่าว? พอดีกูเรียนทำอาหารอยู่ว่ะ? "   ยองแจที่เพิ่งรับโทศัพท์กรอกเสียงถามทันที แม้รอบกายจะมีเสียงดังของเครื่องครัวดังแทรกเข้ามาก็เถอะ





    " กูอยู่ร้านป้ามึง แถวXXX"





    " เฮ้ย!!ไปไม?  ร้านป้าเปิดบ่ายโมงนะมึง หิวจนตาลายเลยเหรอว่ะ"  ใช่เขาตาลาย แต่ไม่ได้หิวอย่างที่เพื่อนว่า เพียงแต่สงสัยในตัวร่างบางที่หายลับเข้าไปในร้านตะหาก










    " ป่าว  แต่เด็กกูเดินเข้าไปในนั้นพร้อมกับผู้ชายตัวสูงๆ อืม มันใช่ญาติมึงรึป่าว? "  ผมถามในสิ่งที่แน่ใจว่านั่นคือ ญาติของยองแจเพราะผมคุ้นหน้าเด็กนั้นมากตั้งแต่วันนั้นแล้ว





    " ญาติกู? ตัวสูงๆช่อ่ะ หัวทองๆ ถ้าใช่นะ มันก็ไอ้ยูคยอมนั่นแหละ " 










    " ยูคยอม? "  ชื่อนี้คุ้นหูพอๆกับชื่อของเด็กแว่นที่หลอกหลอนเขายามนอนเสมอ










    " เออ  คิมยูคยอมท๊อปบาสของDZไง แต่วันก่อนมึงก็กูแล้วถามปะวะ? "   สิ่งยองแจบอกทำให้ร่างสูงยกยิ้ม เขาคิดไม่ผิดจริงๆเด็กตัวสูงคนนั้นคือไอ้เด็กเกเรที่คอยตามหวงก้างเขาเมื่อก่อนแน่นอน งั้นก็แสดงว่าอีกคนก็คงจะเป็น..





    " เด็กยูคยอมของชมรมบาสที่ลาออกเมื่อ7ปีก่อน ทำยัยซูมินกรี๊ดไปสามวันนั่นอะนะ"  ถามย้ำอีกครั้งเพื่อตอกย้ำสติของตัวเอง









    " เออๆ ไอ้นั่นละ //  เห้ย  เชี่ย ย แจ็คสัน มึงมาได้ไง "
          เสียงยองแจคล้ายกับตกใจอย่างหนัก และก่อนสัญญาณขาดหายไปมาร์คได้ยินชื่อของเพื่อนสนิทดังก้องในสายชัดเจน  เขาได้แต่หวังว่าแจ็คสันคงจะไม่ไปก่อเรื่องให้ยองแจเกลียดเข้าใส้หรอกนะ เพราะหากเป็นแบบนั้นคงมีทางเดียวที่แจ็คสันจะง้อใจตัวเองได้ นั่นก็คือมันต้องลากยองแจไปเครียกันบนเตียง











    " แม่ครับ ผมเจอเขาแล้วละ "  
         รอยยิ้มบางๆประดับบนริมฝีปากเรียว  ร่างสูงที่พึมพำถึงผู้เป็นมารดาทันทีที่ได้รู้เรื่องที่เจ้าตัวสงสัยมาหลายวัน เด็กแว่นคนนั้นกลับมาแล้ว จากนี้เขาสัญญาเลยว่าจะทำให้แบมแบมจดจำแต่สิ่งดีๆจากเขา แทนสิ่งที่เขาเคยทำไว้เมื่อครั้งนั้น















    ตี๊ด ตี๊ด!!





    [mark_92] :  ออกมาเดินอะไรหนาวๆ ระวังไม่ป่วยนะครับ 

           ผมพิมพ์คำพูดในหัวลงแอพพิเคชั่นอย่างรวดเร็วแล้วกดข้อความในส่งในทันที ใจเต้นพอสมควรเลยละ เหมือนตอนจีบสาวๆใหม่เลยนะ  รอไม่นานข้อความที่ผมรอคอยก็ตอบกลับมาแอบกลัวเล็กน้อย หากอีกคนไม่พิมอะไรตอบกลับดั่งที่ผมอยากให้เป็น ผมจะควรจะทำไงต่อ









    [เด็กแว่น_BB] : คุณเห็น? คุณตามผมมาเหรอ?   

          เด็กน้อยพิมกลับมา ผมยิ้มคนเดียวอย่างกะพวกบ้า หากนี่ไม่ใช่บนรถบอกเลยต้องมีคนมองผมว่าบ้าแน่นอน










    [mark_92] : ทำไมถึงคิดว่าฮยองตามนายละ หลงตัวเองนะเรา  

           เพียงอยากทำให้การสนทนาครั้งนี้มันยืดยาว แทนที่จะพิมอะเลี่ยนๆให้อีกคนผมกลับพิมอะไรที่กวนประสาทไปแทน และนั่นทำให้ไม่กี่วินาทีต่อมาแชทไลน์ก็สั่นเตือน










    [เด็กแว่น_BB] : ใช่ผมหลงตัวเอง ถ้าคุณไม่ตามผมแล้วคุณจะเห็นผมได้ไง  

            อีกคนรีบพิมพ์ตอบกลับมาในทันทีที่เขาเพิ่งอ่านจบ ผมอมยิ้มอย่างกะคนบ้า อย่างน้อยๆเวลานี้เขาก็มองแต่หน้าจอที่มีชื่อรึเบอร์ของผมโชว์อยู่เท่านั้น










    [mark_92] : ฮยองแค่ขับรถผ่านแล้วเจอนายก็เท่านั้น ผิดเหรอครับ   









     

    [เด็กแว่น_BB] : ไม่ผิดครับ ขอโทษที่ผมเข้าใจผิด   

          ผมอ่านข้อความของร่างบางที่ตอบกลับ มาแล้วเหลือบมองไปยังหน้าร้านที่เวลานี้ไม่มีวี่แววว่าอีกคนจะเดินกลับออกมาก









    [mark_92] : ไม่เป็นไร ฮยองตะหากต้องขอโทษที่บังเอิญหันไปเจอนายกับแฟนเข้า  

           เหมือนจะพิมคำหลังอย่างยากลำบากแต่นั่นก็โล่งขึ้นเยอะ เมื่ออีกคนตอบกลับมาว่านั่นคือเพื่อน ไม่ใช่แฟน เราสองคนคุยกันอยู่พักหนึ่งเป็นผมเองที่คอยกวนร่างบาง เวลาที่อีกคนไม่โต้ตอบกลับมาบางครั้งผมก็พิมอะไรบ้าๆไปเยอะแยะทั้งหมดเพื่อให้แบมตอบกลับ  













            กินเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่พิมแชทโต้ตอบกลับร่างบาง และนี้ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตอีกเหมือนกันที่นั่งพิมอะไรบ้าบอได้มากขนาดนี้ ร่างบางเงียบไปแล้วประโยคสุดท้ายที่ผมได้รับคือ  ผมต้องไปแล้ว คุณควรทำงาน แค่นั้นวันทั้งวันของผมคงมีแต่เรื่องดีๆ แบมจำผมได้แน่นอนผมรู้แต่เด็กน้อยของผมเขาคงคิดว่าผมคนนี้จำเขาไม่ได้ เพราะว่าผมคือมาร์คต้วนผู้ชายเฮงซวยที่ไม่เคยจำแม้กระทั่งแต่ชื่อของเพื่อนร่วมห้อง แต่กลับกันคนทั้งไฮฯรู้จักชื่อผมและนั่นเป็นการสร้างนิสัยเสียๆให้ผมจนมาถึงทุกวันนี้










    " เที่ยงแล้วพวกมึง ไปหาไรกินเหอะว่ะ "  จูเนียร์ว่าขึ้น ขณะที่คลาสสุดท้ายของเช้านี้เพิ่งหมดลง  และผมเริ่มรู้สึกว่ามีเท้าหนักๆของไอ้แจ็คสันสะกิดอยู่เบื้องล่างพระบาทของผม







    ผมรู้มันต้องการอะไร?











    " กูมีนัดที่บริษัทกับพ่อว่ะ  พวกมึงไปได้เลย" บอกปัดก่อนจะลุกขึ้นจากนั้นเสียงของแจ็คสันก็ทำให้ผมยกยิ้มบางๆ










    " ส่วนกู ต้องไปตามไอ้หมูว่ะมันไปเรียนชงโอวันติน ไม่ว่างเลยว่ะเพื่อน "  
          ลูกเสี้ยวไทเปก็บอกปัดเช่นกัน หึ ไปตามไอ้หมูงั้นเหรอเป็นข้อแก้ตัวที่ดี แต่นั่นไม่ได้ถูกไปสะทั้งหมดหรอกครับ แล้วสุดท้ายจูเนียร์ก็ไม่ได้กินข้าวกับเพื่อนรักทั้งสอง






        มาร์คเดินลงมาถึงลานจอดรถในเวลาไม่นานสมานโฟนดังเตือน  ก่อนมือขาวจะกดรีโมทรถมันคือข้อความจากแจ็คสันที่บอกว่าตนรอมาร์คอยู่ที่เดิม ที่เดิมที่ว่าคงหนีไม่พ้นสนามแข่ง

    " มึงไม่ได้บริษัท? " ทันทีที่มาร์คเข้ามาถึงสนามแข่งแจ็คสันก็รีบถามเพื่อนตัวสูง ไม่เข้าใจว่ามันจะโกหกไอ้เนียร์ทำไม ปกติเห็นมันออกจะตามใจจะตายไป






    " กูคงไปมั้ง? "





     

    " ทำไมต้องโกหกไอ้เนียร์  ถ้ารู้ละงอนตาย"
          ร่างหนาหัวเราะในคอ  แม้จะรู้สึกถึงรังศรีแปลกๆที่แผ่อยู่รอบตัวเพื่อนทั้งสองแต่เขาก็เลือกที่จะปิดปาก  ทั้งสามคบกันมานานแจ็คสันยิ่งเข้าใจนิสัยของเพื่อนมาก หากอีกคนคิดที่อยากจะบอกแน่นอนเขาไม่ต้องคอยถามให้เมื่อย










    " มันต้องไปสอนพิเศษเด็ก"










    " แต่แค่ชั่วโมงเดียวไม่ใช่เหรอว่ะ?"  ถามก่อนจะหันไปมองลานสนามแข่งต้องหน้า  ลมเย็นๆยามบ่ายกระทบเข้ากับใบหน้าหล่ออย่างจัง แจ็คสันยกยิ้มเล็กน้อยเหมือนพวกรู้ทัน

    “…………”







    " มาร์ค มึงกำลังหนีมัน  มึงอาจะเป็นเหมือนกูในตอนนั้นที่เอาแต่หนีไอ้หมูตอน แต่มึงรู้มั้ยว่าทุกวันนี้มันกลับเป็นคนที่กำลังหนีกูอยู่  กูไม่อยากให้มึงเป็นแบบเดียวกับกู "   แจ็คสันยกเอาประสบการณ์ของตนมาเล่า และเลือกที่จะส่งรอยยิ้มหวานๆให้เพื่อนหน้าหล่อ












    " กูไม่ได้หนีมัน กูกับจูเนียร์ไม่ได้เป็นแบบมึงกับยองแจ  ยองแจมันยังคงเป็นเหมือนที่มึงเป็นในตอนนี้  แต่กูกับจูเนียร์ต่างกัน มึงก็รู้กูรักใครเป็นสะที่ไหน กับมันคำว่าเพื่อนมีค่ากว่านั้น "
          ประโยคยาวๆใจความหน่วงๆถูกเอ่ยจากริมฝีปากที่สาวๆก็ต่างโหยหา  แจ็คสันนึกเย้ยตัวเองไม่น้อยที่เขาไม่ได้เกิดมามีแรงดึงดูดได้มากเท่ามาร์ค เผื่อเขาจะใช้มันดึงยองแจให้หันกลับมาหาได้บ้าง












    " มึงยังรักเด็กนั่น? "

    “…………”






    " น้องมันลืมมึงไปแล้วมั้ง ไอ้ต้วนเอ้ย มึงหล่อ มึงรวย มึงฉลาด แต่มึงขี้ขลาดที่สุดเท่าที่กูเคยเจอ มึงหยิ่งพยองจนลืมไปว่าความหยิ่งนั้นมันกินไม่ได้ มันไม่อิ่มหนำซ้ำยังทรมานมากอีกด้วย "
            แจ็คสันต่อว่าเพื่อนรักด้วยสีหน้าจำยอม เขากับมาร์คโตมาด้วยกันนิสัยของเจ้านี่เขารู้ดี รักครั้งแรกใครว่ามันจะเกิดกับไอ้หน้าหล่อคนนี้ไม่ได้ละ เหอะ ให้ตายสิน่ามันรักเด็กแว่นนั้นจนไม่มีตาไปมองสาวๆที่ไหนแล้ว เห็นมันควงๆจะหัวกะไดไม่แห้งมันก็แค่อยากลืม










    " ได้ทีด่ากูใหญ่ "










    " แน่นอน นานๆมึงจะยืนนิ่งๆให้กูด่านิหว่า แต่ถามจริงมึงรักมากเหรอ?ว่ะ เหตุผลละมีพอจะบอกเพื่อนสุดหล่ออย่างกูได้ปะ "  ตบเบาๆบนบ่ากว้าง แจ็คสันก็แค่ข้องใจแม้จะรู้จักเด็กแว่นนั้นมาบ้างแต่น้อยยักที่จะเข้าไปคลุกคลี





    " มันเรียกว่ารักเหรอว่ะ? "









     

    " เอ้า ไอ้ต้วน มึงนิไม่ได้รักงั้นมันจะเรียกว่าไรว่ะ? " แจ็คสันสบถ เขาอยากจิร้องออกมาดังๆ สมองมันเป็นอะไรไปแล้วไอ้มาร์ค เอ๋ย ไอ้มาร์ค











    " กูแค่คิดถึง อยากเจอ อยากขอโทษ อยากอยู่ใกล้ๆ กูเคยคิดว่าถ้าไม่ได้เจอกูคงลืมไปได้ แต่มันไม่ใช่"










     

    " ยังไง? " 





    " กูยังคิดถึงอยู่ดี ทรมานอยู่ดี เสียงของเด็กนั่นยังวนเวียนยังต่อว่ากูตลอด มันก็สมควรหรอกนะ กูหลอกเขา "  
            เสียงทุ้มของร่างโปร่งที่เอ่ยบอก มันคล้ายกับเขาปลดปล่อยความรู้สึกออกมาช้าๆ นานเท่าไหร่แล้วแจ็คสันไม่คุยกับมาร์คเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มมีความสุขของเพื่อน











    " นั่นละมึงรักเขา ไอ้ต้วน " ถอนหายใจอย่างปลงๆ แล้วตบไหล่กว้างเบาๆ เพื่อนของเขาช่างโง่อะไรเยี่ยงนี้










     

    " คงได้แค่รักละว่ะ ทุกวันนี้เขาเกลียดกูจนหน้าก็แทบไม่อยากมอง "  
           เดินกลับมาที่รถเมื่อผู้คนในสนามแข่งเริ่มมากขึ้น แสงสี สาวๆรอบกายไม่เคยทำให้มาร์คมีความสุขจริงๆสักที แต่กลับกันเด็กแว่นอ้วนท้วนคนนั้นกลับทำให้เขาพอใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่อีกคนทำให้  บางครั้งก็แค่ข้าวกล่องที่ถูกทำขึ้นโดยมืออวบๆ  มันไม่ใช่อาหารภัทคารสวยหรูแต่มันมาจากความตั้งใจล้วนๆ ยิ่งรอยยิ้มซื่อๆที่มองเขาเวลาที่อยู่ด้วยกันมันทำให้รู้ซึ้งถึงคำว่า จริงใจมากแค่ไหน  








     

              เขาเองก็เพิ่งจะรู้เอาในวันที่คนๆนั้นจากไปไกล คงเหมือนกับตอนที่ยังมีแม่อยู่ใกล้ๆแค่คำว่าฝันดี รึแค่รอยยิ้มก็ยังยากที่เขาจะส่งให้มารดา แต่เวลาที่เธอจากไปแบบไม่มีวันกลับมาไม่ว่าจะน้ำตา เวลา และความรู้สึกเขาต่างก็เอ่ยมันออกมาทุกๆอย่าง แถมเอ่ยอย่างคนบ้านั่งขลุกเข่าอยู่ข้างป้ายหินอ่อนที่สลักเพียงชื่อของผู้เป็นแม่











        มาร์คต้วน เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวที่สุดคนหนึ่ง...











    " น้องมันกลับมาแล้วใช่มั้ย? "










    " อืม แบมกลับมาแล้ว มึงก็เจอแล้ว "  มาร์คนั่งลงตรงที่นั่งในห้องไฮคลาสสุดหรูของสนามแข่ง แจ็คสันปิดประตูแล้วรีบร้อนถามเพื่อนรัก











    " เจอ? กูเจอเมื่อไหร่? อยากบอกนะว่าที่กู "  ร่างหนาทิ้งตัวลงโซฟาอย่างใช้ความคิด ต้องไม่ผิดแน่ๆแววตาซื่อๆแบบนั้น





    " อืม ลูกค้าชานมในร้านมึงนั่นละ แบมแบม"











    " แม่เจ้า !!! เชี่ ย ยมึงหลอกกูใช่อ่ะ? " โวยวายลั่นห้อง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนรักบอก เป็นไปไม่ได้เด็กแว่นคนนั้นกับลุกค้าตัวบาง ให้ตายเถอะแจ็คสันจะไม่ทน











    " กูก็อยากเป็นแค่การเข้าใจผิด แต่สิ่งที่กูเห็นมันคือความจริงญาติยองแจเป็นเพื่อนกับแบมตอนเรียน DZ"





    " เดี๋ยว!! ญาติไอ้หมู ไอ้เด็กนักบาสตัวสูงๆนั้นอะนะ "  นึกภาพตามที่เพื่อนรักบอก พอจะเห็นเค้าลางๆ ต้องใช่เด็กเปรตนั่นแน่
    ซึ่งเขาจำได้ว่ายองแจมีลูกพี่ลูกน้องเป็นนักบาสเก่งมากๆ สมัยเรียนที่อยู่DZ แต่นานมาแล้วที่ไม่เห็น 









     

    " ใช่ มันชื่อคิมยูคยอม ไอ้เด็กตัวสูงที่ชอบเดินไปไหนมาไหนกับแบมบ่อยๆ ไอ้เด็กที่คอยยุให้แบมไม่เชื่อใจกู และเป็นไอ้เด็กคนนั้นที่เข้าไปรับแบมในงานพรอมจนกูหมดโอกาสแก้ตัว "  
             ยิ่งได้ฟังยิ่งตาโตทำไมโลกมันกลมแบบนี้  โอ้แม่เจ้า งั้นก็แสดงว่าเหตุผลน่าเชื่อถือใช้ได้ๆ ร่างบางน่าตาน่าฟัดคนนั้นคือเด็กอ้วนแว่นในหลายปีก่อน พระเจ้าทำไมไม่ทำให้น้องมันน่าฟัดตั้งแต่ตอนนั้นฟะเนี่ย สาบานเลยว่าแจ็คสันจะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด











    " แล้วน้องมันรู้มั้ยว่ามึงจำเขาได้ "










    " คงไม่ว่ะ และที่กูแน่ใจเพราะจุนฮยองเป็นพี่ชายของแบม เรื่องนี้เลยไม่ต้องสืบให้ยากว่าใช่รึไม่ใช่คนเดียวกัน"  ว่าแค่นั้นก็ทั้งห้องจะเงียบลงเพราะบุคคลใหม่กำลังเดินเข้ามา










    " ไงพวกมึง!!  "










    " อ้าว มาช้านะเว้ย ยงกุก เพิ่งตื่นรึไงว่ะ? "  แจ็คสันถามบุคคลมาใหม่ ยงกุกฉีกยิ้มจนเหงือกทะลุออกมาโชว์หลาแล้วหย่อนตัวนั่ง








    " ใครว่า? กูมานานแล้วแต่เห็นพวกมึงคุยกันเพลินเลยไม่อยากมาขัด ว่าแต่กูมาขัดรึป่าวละเนี่ย "  ยงกุกรี่ตารอคำตอบจากสองหนุ่มเจ้าของสนาม 





    " ไม่หรอก มึงส่งใครแข่งละไม่น่าจะใช่ไอ้เจลโล่หรอกใช่มั้ย? "  
            ร่างโปร่งถามก่อนลุกขึ้นยืน  มาร์คต้วนจ้องมองลงไปยังสนามแข่งด้านล้าง พรางคิดไปว่าถนนเส้นยาวของสนามแห่งนี้มันถูกสร้างด้วยเม็ดเงินมหาศาล ทั้งหมดนี้สามารถทำให้เขาอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งธุระกิจของพ่อแต่นั่นแหละที่นี้ไม่ใช่ธุระกิจที่ดี   ที่สำคัญมันไม่ยั่งยืนเขาไม่ได้ชอบที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้






             แต่เมื่อวันหนึ่งหลงเข้ามาและทำลงไปแล้ว การที่จะกลับมาใช้ชีวิตปกติเช่นเดิมมันก็ยาก เพราะที่นี้ไม่ใช่แค่สนามแข่งแต่ยังเต็มไปด้วยการพนันและอบายมุขอื่นๆ รวมถึงการค้ามนุษย์

    " ไอ้โล่ไม่ว่างว่ะ ไปปูซานแต่ถึงมันจะอยู่กูก็ไม่ส่ง "









    " ทำไมว่ะ? " แจ็คสันที่ได้ยินอย่างนั้นรีบถามขึ้น ส่วนใหญ่ยงกุกมักจะส่งนักแข่งตัวเชียวๆลงทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เจลโล่จะเป็นใคร









    " ก็เพราะไอ้แอลมันรับงานนี้แล้ว กูต้องให้งานตามคิวพวกมึงว่าไง โอเครมั้ย? "






    " กูยังไงก็ได้ " แจ็คสันยักไหล่สำหรับเขาแล้วใครจะแข่งรึจะไม่แข่งมันก็ ไม่ใช่ปัญหาในเมื่อเม็ดเงินลงพนัน30%ก็ต้องเป็นของเขาอยู่ดี






    " แล้วมึงอะมาร์ค ? "   หันถามเจ้าของสนามอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่






    " แล้วแต่พวกมึงเลย  กูเบื่อๆ "  
           ตอบอย่างไม่ต้องคิด ร่างสูงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นในการแข่งขันครั้งนี้แม้แต่น้อย  ไม่ได้กระหยิ่มหย่องกับเงินตราตรงหน้าเหมือนเช่นเคย วันนี้เขารู้สึกอิ่มตัวจนไม่อยากจะมาที่นี้ด้วยซ้ำแต่เพราะที่นี้เป็นของเขา การดูแลมันให้ดีให้ถูกต้องจึงเป็นอะไรที่ละเลยไม่ได้ 







           ในสนามที่หนาแน่นไปด้วยชายหนุ่มและหญิงสาว ที่มากหน้าหลายตาก็สามารถดึงความสนใจ ให้มาร์คหันไปมองได้ หญิงสาวหลายคนต่างส่งสายเชิญชวนให้เขาเข้าไปหา แต่แล้วก็ต้องถอยห่างเมื่อเจอสายตาข่มขู่จากร่างหนาของแจ็คสันที่ก้าวตามหลังมา

    " เป็นอะไรว่ะ? "








    " กูเบื่อ "





     

    " มึงเปลี่ยนไปนะมาร์ค มีอะไรจะบอกนอกจากเรื่องเด็กแบมมั้ย? "  คำถามของแจ็คสันทำให้ร่างสูงหยุดฝีเท้า






    " กูเปลี่ยนเหรอ  กูไมได้เปลี่ยนหรอกไม่มีอะไรให้คิดมากกว่าเรื่องนั้นด้วย "

    “…………”






    " มึงเข้าไปในสนามเถอะว่ะ ไอ้แอลมันไม่เคยแข่งกับไอ้อากิเลยมึงไปเตือนมันหน่อยแล้วกัน  "  มาร์คบอกกับเพื่อนรัก อากิคือนักแข่งรถที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้มาจากความสามารถสะทั้งหมด
            คนพวกนี้มักจะเล่นไม่ซื่อ มีอะไรให้ตุกติกและคาดไม่ถึงเสมอ เขาไม่อยากให้เด็กอย่างแอลริทต้องมาเจออะไรแบบเขา ไม่อยากให้แอลริทหมดศรัทธาในอาชีพที่เขารัก แม้ว่าทุกวันนี้แอลริทจะถลำลึกลงไปมากก็ตามที







    " ให้กูอะนะไปบอกไอ้เวนนั่น มันจะฟังกูหรอกนะ เผลอๆกูจะทุบรถมันพังอดแข่งพอดี มึงไปบอกคนอื่นเลย " แจ็คสันปฏิเสธ แน่นอนละแอลริทเป็นนักแข่งคนหนึ่งที่เขาไม่ชอบหน้า






    " มึงรู้มั้ย? มันอยู่ไหน "





     

    " โน่น!! หลังโดมเลยมึง อย่าบอกว่ามึงจะไป " ขมวดคิ้วถามเพื่อน






    " อืม เดี๋ยวกูไปบอกมันเอง "  ร่างสูงเปลี่ยนทิศทางไปยังโดมนักแข่ง แอลริทไม่ใช่ญาติรึครอบครัวของเขาหรอก เด็กคนนั้นแค่รักการแข่งเหมือนกับเขาอีกอย่างเด็กนั้นเคยชอบการแข่งของเขา




     

    " อ้าว ฮยองมาทำไรแถวนี้ครับเนี่ย "






    " แอลริทละ มารึยัง? " มาร์คถามร่างสูง กวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณ ไหนว่าแอลอยู่ที่นี้ละ ไม่เห็นเงาหัวมันเลยสักนิด






    " โอะ นั่งไงครับมาโน่นละ "





     

    " ตามฉันมาหน่อย "    เสียงทุ้มเอ่ยสั่ง แต่ดูเหมือนแอลริทจะทำเป็นหูหวนลม ร่างสูงที่ไล่เลี่ยกับมาร์คกำลังจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง

    “…………”






    " อย่าให้กูต้องบอกซ้ำ "  ขายาวก้าวชะงักค้างเมื่อเสียงทุ้มของอดีตนักแข่งที่ตนชอบเอ่ยย้ำ 






           ผมเคยชอบมาร์คฮยองมากครับ ไม่ใช่แบบที่คุณคิดนะ แต่แบบไอดอลพวกนั้น ฮยองเขามีทักษะ มีอะไรที่นักแข่งคนอื่นไม่มีเมื่อก่อนมาร์คฮยองไปแข่งที่ไหน ผมนี่ละโดดเรียนไปทุกที  แต่สุดท้ายเขาก็แค่คนเลวคนหนึ่งเมื่อน้องสาวของผมชื่นชอบเขาและยอมเป็นของเขาแต่เขากลับปฏิเสธ
           จนเธอต้องเรียกร้องความสนใจด้วยการเป็นแฟนกับนักแข่งในทีมคนอื่นๆ เพื่อให้เขาหึงแต่นั่นกลับเป็นนรกบนดินที่เธอเผลอสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง เธอติดยาจากคนพวกนั้น เมามัวจนร่างกายเลวร้ายไปกับพวกมัน  ทุกอย่างผมโทษว่าเป็นความผิดของมาร์คที่ไม่รักเธอ เป็นความผิดของมันคนเดียว ถ้ามันห้ามเธอ สั่งห้ามพวกนั้นน้องสาวของผมก็คงจะยังเป็นเจ้หญิงตัวน้อยๆของผมต่อไป







    ไม่ใช่ว่าผมแยกแยะอะไรไม่ได้นะ แต่ผมแค่ทำใจรับมันไมได้ก็เท่านั้น!!








    " มีอะไรรีบๆพูดมา ไม่ได้ว่างมานั่งฟัง "     ผมถามร่างสูง มาร์คฮยองมีสีหน้าหม่นๆเล็กน้อย เขาเหมือนคนไมได้หลับไม่ได้นอน เหมือนพวกติดยา และคิดมาก






    " วันนี้มึงแข่งกับไอ้อากิ  รู้ใช่มั้ยว่ามันไม่พวกมือสะอาด" 






    " อืม พอรู้ ทำไม? " หันถามร่างสูงทันที  ผมรู้สิรู้ดีด้วยว่าไอ้อากิมันเป็นพวกนักแข่งแบบไหน แล้วเค้าจะมาบอกผมทำไม ไร้สาระสิ้นดี






    " ระวังตัวไว้บ้าง!! "






    " หึ  ทำไมกลัวเสียเงินค่าทำศพเยอะรึไง คุณเจ้าของสนาม "  แม้จะอึ้งนิดหน่อยที่ร่างสูงพูดออกมาแบบนี้ ขนาดผมพูดแหย่ พูดกวนแต่สีหน้าของร่างสูงยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน มันผิดปกติเกินไปหน่อยแล้วหมอนี่ต้องมีแผนอะไรไม่ดีแน่





     

    " เรื่องเงิน มึงก็รู้นิ กูจ่ายไม่อั๋นถ้ามึงตาย อย่าประชดกูไม่ได้ใจดี"






    " กูรู้มึงไม่ได้ใจดีมาร์ค ถ้าอย่างมึงใจดีกูคงเทวดา "  ผมยังกวนร่างสูงตรงหน้าไม่เลิก แม้เสียงของมาร์คฮยองจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้หันมาจ้องหน้า อย่างที่เขาเคยทำเพราะงี้ไงผมถึงบอกว่าน่าแปลก ผิดปกติเป็นที่สุด





    " แอลริท!! มึงเคยเป็นอย่างกู เคยคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด เคยคิดว่าความเก่งของตัวเองยิ่งใหญ่มากกว่าความประมาท จำไว้ว่าเมื่อไหร่ที่มึงประมาทข้างสนามคือที่วางศพของมึง "     น้ำเสียงที่ไม่ผิดไปจากเดิมเท่าไหร่เอ่ยบอกผม เขาไม่เคยพูดโยคยาวๆกับผมสักครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกนี่เค้าเตือนผมใช่มั้ย อย่างมาร์คต้วนนี่เหรอจะมาถึงที่นี้เพื่อเตือนผม






    “……………”

    " เงียบทำไม ไม่เถียงกูต่อละ "






    “……………”

    " ไม่ต้องหวังจะชนะทุกเกม แค่มีชีวิตรอดจนจบเกมส์แค่นั้นก็พอ!! "






    “……………”

    " โค้งที่เจ็ดของสนามฝั่งตึกยิว อยากให้มึงระวังตัวอย่าวิ่งเลนที่มึงคุ้น  กูยังอยากเห็นมึงไปได้ไกลกว่านี้ "  สิ้นเสียงของร่างสูงผมได้ยินเสียงถอนหายใจเล็กน้อย และนั่นทำให้ผมได้สติกลับมา






    " หึ ตลกดีว่ะ? " เจ้าของสนามใจดี๊ ใจดีเดินมาเตือนนักแข่งด้วยตัวเอง แถมยังร่ายคาถาสะยาวยืด ใครมาได้ยินคงฮาน่าดู  ผมว่าเพื่อจะทำให้อีกคนขึ้นเสียงใส่ ผมชอบนักแข่งที่เข้มแข็งไม่ใช่อ่อนแอ อะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน






    " ใครที่มึงว่ากูก็อยากให้เค้ามาได้ยินเหมือนกัน  กูอยากให้เขารู้ว่ากูไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้ .   เสียงทุ้มจางหายไปพร้อมๆกับเสียงฝีเท้าของร่างโปร่งที่เงียบลง   ประตูทางเข้าโดมปิดลงช้าๆ เขากำลังทำให้ผมอยากจะเดินออกไปถามถึงคนที่เขาพูดถึง   มาร์คหมายถึงใครน้องสาวรึป่าว รึมีอะไรที่ผมยังไม่รู้









    ครบแล้วจ้า   ปาดเหงื่อ  อิอิ 




    เม้นด้วยเน้อ!!



     







     

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×