ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( B.A.P ) SF | BANGZELO SHOP ♡

    ลำดับตอนที่ #12 : ( SF ) Black Pearl

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 136
      0
      2 ก.พ. 57

    Title: BLACK PEARL

    Couple:  BANGZELO

    Author: wahneun

    Type: SHORT FICTION

    Rate: PG

    BGM: Black Pearl – EXO


     

    Note: มันคืองานส่งคุณครูที่ถูกนำมารีเมคนะคะ จินตนาการมาเต็มสุดๆ ;A;

    ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยค่า

     

     

    --------------------------------------------------------------

     

                นานมาแล้ว ในสมัยที่ความเชื่อเรื่องตำนานเก่าแก่ยังไม่ถูกลบเลือนไป อาณาจักรแห่งหนึ่งถูกตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก บนเกาะซึ่งห่างไกลไร้ผู้คนจะมาพานพบ ดินแดนที่เกิดจากแสงอาทิตย์ อาณาจักรควาซอน...

                ควาซอน ถูกปกครองโดยพระราชาจุนกอลและพระราชินีซอนอิน กษัตริย์ซึ่งทรงเป็นบุคคลสำคัญของเมือง ทั้งสองพระองค์เป็นผู้มีความฉลาดรอบรู้ มีอำนาจ เปี่ยมไปด้วยความเมตตา และเป็นที่รักของประชาชนชาวเมือง

    หากแต่ในวันนี้ ควาซอนกำลังจะถูกสิ่งที่ให้กำเนิดทำลายลง... พลังแห่งดวงอาทิตย์ทรงอานุภาพมากขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะถดถอย เหตุด้วยเมืองอันเป็นที่รักกำลังจะถูกทำลายลงในไม่ช้า องค์กษัตริย์และราชินีคู่บัลลังก์จำเป็นจะต้องคิดหาวิธีทางแก้ไข เพราะทรงเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยไหวพริบ การคิดหาทางช่วยเมืองจึงไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถไปเท่าใดนัก

     

                ภายในห้องสมุดใหญ่ของปราสาท หนังสือหลากหลายประเภทมากกว่าพันเล่มถูกจัดเก็บไว้ ณ ที่แห่งนี้ บนโซฟาสีแดงสดปรากฏร่างของราชินีสาวสวยซึ่งหาใครเปรียบไม่ได้...

    เรือนร่างบอบบาง สวมใส่ด้วยชุดเดรสสีขาวสะอาดตายาวกรอมเท้า ทับทิมสีแดงเม็ดโตถูกติดตรึงประดับเครื่องแต่งกายไว้ที่กลางหน้าอก ใบหน้าสวยคม ผิวกายนวลละเอียด ดวงตาเรียวงาม ริมฝีปากได้รูปดูมีเลือดฝาด ประกอบกับเส้นผมสีบลอนที่ถูกรวบเก็บไว้อย่างดี เสริมด้วยมงกุฎองค์งามและมีค่าสมเกียรติ

    ข้างกายคือราชาหนุ่มคู่ครองรูปงามที่ช่างดูเหมาะสมกันยิ่งนัก สายตาที่น่าหลงใหล ใบหน้าได้รูป รูปร่างสมส่วนอย่างชายชาตรี เสื้อเชิ้ตสีดำยิ่งทำให้ผู้ที่สวมใส่มีความน่ายำเกรงมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว ท่อนแขนและฝ่ามือแข็งแรงที่กำลังโอบจับหนังสือเก่าแก่เล่มหนา...

    ...ช่างเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบยิ่งนัก หากมีผู้คนมาพบเห็นคงไม่สามารถเบือนสายตาไปทางอื่นได้เลยทีเดียว

     

    ท่านจุนกอล ข้าสงสัยเหลือเกินว่าสิ่งที่ท่านและข้าได้ค้นคว้ามานั้นจะตรงกันหรือไม่ เสียงหวานลื่นหูของราชินีสาวเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เห็นว่าคนรักของตนเงยหน้าขึ้นมาจากตำราเล่มที่สาม

     

    ซอนอิน...แน่นอนว่าสิ่งเดียวที่จะพาไดทรอนผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้คือ แบล็คเพิร์ล... ราชาหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มทุ้มชวนฟังในข้อมูลที่พอมีความรู้และได้ค้นคว้าเพิ่มเติมมาเมื่อสักครู่

     

                แบล็คเพิร์ล ไข่มุกดำในตำนาน คุณสมบัติพิเศษคือ ถ้าอยู่ภายใต้ท้องทะเลจะมีความงดงามเหนือกว่าอัญมณีใดในโลก หากแต่ถ้าอยู่บนบกจะช่วยปกป้องผืนแผ่นดินนั้นจากภยันตรายทั้งปวง

    ตามตำราว่ากันว่าอัญมณีแห่งสายน้ำนี้ซ่อนตัวอยู่ใต้มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มีความคิดและจิตวิญญาณ แบล็คเพิร์ลจะปรากฏให้มนุษย์เห็นโดยจะส่องประกายเมื่อกระทบแสงดาวในคืนเดือนแรมเท่านั้น... และแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ยลโฉมสมบัติล้ำค่านี้ เฉพาะผู้ที่ได้รับเลือกเท่านั้น...

                แบล็คเพิร์ลอยู่ในเขตน่านน้ำของควาซอน ไกลออกไปจากชายฝั่ง และลึกลงไปในมหาสมุทร หากแต่ตามคำกล่าวขานแล้ว ไม่มีใครเคยได้พบเห็น และไม่เคยมีใครที่ออกตามหาแล้วรอดชีวิตกลับมา...

     

    แต่...ใครจะเป็นคนออกไปตามหากัน? หญิงผู้สูงเกียรติเอ่ยถามด้วยความฉงนและด้วยใบหน้าที่ดูลำบากใจ

     

    จะต้องเป็นชาวประมงฝีมือดีที่สุด มีประสบการณ์มากที่สุดของเมืองของเรา น้ำเสียงหนักแน่นและมีความจริงจังเจือปนอยู่ไม่น้อยกล่าวตอบ ก่อนจะส่งเสียงเรียกทหารเข้ามารับสั่ง

     

    ทหารของข้า! จงเข้ามารับฟังคำสั่งเถิด

    ไม่ต้องรอนาน หลังจากสิ้นเสียงของผู้เป็นราชา เหล่าทหารเอกก็รีบมาปรากฏต่อหน้าเจ้าแผ่นดินทั้งสอง พร้อมรับฟังคำสั่งจากนายเหนือหัว

     

    เจ้าจงไปตามหาบุรุษหนุ่มผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยทะเล มีความชำนาญในการล่องเรือ และมีความศรัทธา จงแสวงหาชาวเมืองผู้นั้น เพราะเขาอาจจะเป็นผู้ช่วยชีวิตเมืองนี้ด้วยแบล็คเพิร์ล เป็นผู้ที่อาจจะเปลี่ยนชะตาของควาซอนไปตลอดกาล... เสียงที่ทรงอำนาจเอ่ยกับพลทหารที่อยู่ตรงหน้า สายตาที่มุ่งมั่นแน่วแน่จนทำให้หญิงสาวที่อยู่ข้างกายรู้สึกหวั่นไหวไม่น้อย

     

    น้อมรับคำสั่งท่านจุนกอล!” กล่าวตอบหนักแน่นสมกับเป็นชายชาติทหาร ก่อนจะรีบเคลื่อนย้ายพลออกตามคำสั่งของผู้เป็นนายเหนือหัว

     

     

                เวลาผ่านไปค่อนวันหลังจากที่คำสั่งจากพระราชาถูกเอ่ยออกไป ผู้ปกครองระดับสูงทั้งสองของเมืองย้ายตัวออกจากห้องสมุดที่แสนอุดอู้มาพักกายอยู่ที่โถงใหญ่ของปราสาท ที่ซึ่งมีหน้าต่างบานใหญ่ให้มองออกไปยังมุมที่สวยและงดงามที่สุดของควาซอน

     

    ท่านจุนกอล ข้าได้ตามหาบุคคลผู้มีลักษณะตรงตามที่ท่านกล่าวแล้ว หากแต่มีบุรุษผู้หนึ่งอยากอาสาจะออกตามหาแบล็คเพิร์ลเช่นกันครับ ทหารเอกก้าวเดินเข้ามาภายใน และเอ่ยกับบุคคลสำคัญของเมือง

     

    จงพาตัวทั้งสองเข้ามา หลังจากสิ้นประโยคจากผู้เป็นเจ้าเมือง ชายหนุ่มชาวเมืองก็เดินเข้ามาสู่โถงปราสาท คนหนึ่งมีใบหน้าหล่อคม หากแต่แฝงความดุร้ายและหยิ่งยโสไว้ภายใน สีผิวคล้ำแดดและสวมเสื้อกล้ามอวดสัดส่วนอย่างชายหนุ่มสุขภาพดี ส่วนอีกคนมีผิวที่ขาวกว่าและดูดีกว่าอยู่ไม่น้อย ใบหน้าหล่อทรงเสน่ห์หากแต่ดูขี้เล่นและเจ้าชู้ในคราวเดียว แต่งกายด้วยเสื้อสูทสีเข้มดูมีภูมิฐาน องค์ราชาไม่รอช้า และรีบเปิดการสนทนากับทั้งสองทันที

     

    แนะนำตัวกับข้าที ชาวเมืองที่รัก เริ่มจากเจ้าก่อน ผู้เป็นใหญ่ที่สุดเอ่ยและผายมือไปทางชายหนุ่มผิวเข้ม

     

    “ข้า...ยงกุก เป็นชาวประมงฝีมือดีที่สุดของควาซอน” คำพูดที่ดูยโสและทะนงตน น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำจนจัดว่าเกินปกติทั่วไปดังขึ้นจากชายหนุ่มร่างกายกำยำ

     

    “ส่วนข้า...ฮิมชาน เป็นช่างทำอาวุธเพื่อการทหารของเมืองนี้” ช่างทำอาวุธผู้นี้มีเสียงที่นุ่มทุ้มหากแต่ฟังแล้วน่าหลงใหล รับกับหน้าตายิ่งนัก

     

    “เจ้าทั้งสองรู้ดีหรือไม่ว่าสิ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าออกไปค้นหาคืออะไร”

     

    “ไม่ครับ”

     

    “ รู้ครับ”

    สองเสียงที่ดังขึ้นหากแต่คำตอบกลับต่างกัน และเป็นช่างทำอาวุธรูปงามที่สร้างความประหลาดใจให้กับองค์ราชาและราชินีด้วยคำตอบนั้น

     

    “ฮิมชาน เจ้าพูดว่าเจ้ารู้จักแบล็คเพิร์ลงั้นหรือ?” ราชินีสาวสวยกล่าวถามด้วยความแปลกใจ เดิมทีตั้งใจว่าอยากจะให้ผู้มีประสบการณ์และมีฝีมือทางทะเลเป็นฝ่ายออกไปหาเพียงผู้เดียว เพราะนี่เป็นภารกิจที่อันตรายยิ่งนัก เธอไม่อยากสูญเสียชาวเมืองไปหากไม่มีเหตุจำเป็น แต่ถ้าหากไร้ซึ่งความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการตามหาแล้วนั้นความสำเร็จก็คงเป็นไปได้ยาก

     

    “พ่อของข้า... เคยออกตามหามัน... แต่ท่านหาได้กลับมาไม่...”

     

    “ข้าเสียใจด้วยเรื่องพ่อของเจ้า... และข้าก็คิดว่าเจ้าไม่ควรออกตามหาอัญมณีนี้เช่นกัน...”

    องค์ราชินีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสลดจากสิ่งที่ได้รับฟัง การสูญเสียบุคคลในครอบครัว ย่อมเป็นสิ่งที่ยากจะทำใจ

     

    “แต่ข้าต้องการที่จะไป ข้าใคร่รู้ยิ่งนักว่าสิ่งที่พ่อข้ายอมเสี่ยงเอาชีวิตไปทิ้งนั้นเป็นเช่นไร ที่สำคัญข้ามีความรู้ แต่ชาวประมงผู้นี้หามีไม่ ให้ข้าไปด้วยย่อมดีกว่าเป็นแน่ องค์ราชินี” ชายหนุ่มช่างทำอาวุธกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

     

    “หากถ้าเจ้ามั่นใจและจะยืนยันเช่นนั้นก็จงออกไปตามหา ข้าเชื่อว่าเจ้าทั้งสองจะได้กลับมา”

    ราชาจุนกอลรู้ดีว่าราชินีคู่บัลลังก์จะต้องไม่เต็มใจยอม จึงรีบกล่าวก่อน เพราะเมื่อคำพูดของกษัตริย์ถูกเอ่ยขึ้น นั่นจะถือเป็นคำขาด ด้วยองค์ราชาเชื่อว่านี่คือสิ่งที่เหมาะสมแล้ว

     

    “แต่ว่า...!” หญิงสาวผู้สูงส่งเอ่ยขัดกษัตริย์คู่บัลลังก์

     

    “กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ข้าขอโทษด้วยซอนอิน...” ผู้มีอำนาจเอ่ย และมองลึกลงไปในดวงตาของหญิงสาวข้างกาย แสดงความรู้สึกขอโทษที่มีภายในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ก่อนจะกล่าวอธิบายกับชาวประมงหนุ่ม

     

    “ยงกุก ข้าขอให้เจ้าจงฟัง แบล็คเพิร์ลนั้นเป็นอัญมณีล้ำค่าที่สุดที่อยู่ในเขตน่านน้ำของเมืองเรา ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ และลึกเกินกว่าจะนึกถึงพื้นดินข้างใต้ หากอยู่ใต้ท้องทะเลจะสวยงามยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ถ้าอยู่บนผืนแผ่นดินจะปกป้องอันตรายทั้งปวง และในขณะนี้ควาซอนอ่อนแอเหลือเกิน ด้วยดวงอาทิตย์มีพลังที่สูงเกินไป...

    พระราชาหยุดชั่วครู่ เพื่อให้คนที่กำลังรับข้อมูลได้มีเวลาประมวลผลและทำความเข้าใจกับมัน ก่อนจะค่อยๆเอ่ยคำพูดอธิบายต่อ

     

    “หากแต่แบล็คเพิร์ลมีจิตวิญญาณ จะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อต้องการจะให้พบเห็นในคืนเดือนแรมเท่านั้น โดยจะส่องประกายเมื่อกระทบกับแสงดาว และการออกตามหามัน ไม่เคยมีใครได้กลับมา หากถ้าเจ้าสามารถนำสมบัติแห่งท้องทะเลชิ้นนี้ขึ้นมาได้ เจ้าจะเป็นผู้ที่ช่วยควาซอนเอาไว้...” กษัตริย์หนุ่มเอ่ยจนจบประโยคด้วยเสียงที่ทุ้มนุ่มลึก น้ำเสียงของผู้เป็นใหญ่

     

    “ข้าขอน้อมรับภารกิจ” นักประมงเมื่อได้รับรู้เรื่องราวแล้วก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจ จะต้องกลัวสิ่งใดกันเล่า ในเมื่อชีวิตผูกอยู่กับท้องทะเล

     

    “กำหนดการเดินทางคืออีกสองจันทรา ขอให้เจ้าทั้งสองจงไปเตรียมกายและใจ เจ้าจะต้องออกเรือไปด้วยกัน ข้าเชื่อว่าฮิมชานที่มีความรู้เป็นอย่างดี เมื่อร่วมมือกับยงกุกที่มีฝีมือและประสบการณ์เปี่ยมล้น สิ่งที่ออกมาจะต้องสมบูรณ์แบบ”

     

    “ข้าน้อมรับภารกิจด้วยความยินดียิ่ง” ชาวเมืองผู้อาสาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ก่อนจะทำความเคารพท่านผู้ปกครองแผ่นดินทั้งสองแล้วจากไป

     

    หลังจากบุรุษหนุ่มทั้งสองก้าวเดินออกจากโถงพระราชวังไป ราชินีคู่บัลลังก์ก็เอ่ยกับผู้มีอำนาจใหญ่ที่สุดว่า

    “ท่านจุนกอล... ข้าคิดว่ามันเป็นภารกิจที่เสียงอันตรายเกินไป เราอาจจะต้องเสียทั้งชาวประมงแสนเก่งกาจผู้นั้นกับช่างตีเหล็กทำอาวุธฝีมือดี และไม่ได้ไข่มุกกลับมาปกป้องควาซอนก็เป็นได้”

    น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความกลัวเกรงว่าชาวเมืองในปกครองจะต้องประสบกับภัยอันตรายในท้องทะเล

     

    “จงมีความศรัทธาซอนอิน ข้าเชื่อว่ายงกุกและฮิมชานจะได้กลับมาพร้อมกับแบล็คเพิร์ลในตำนานเป็นแน่”

    ราชาหนุ่มทำเพียงกระชับฝ่ามือที่เย็นเฉียบของคนรักไว้ สายตาทอดมองออกไปยังเมืองของตน ห่างออกไปคือทะเลสีครามที่ไกลสุดลูกหูลูกตา

    ขอให้อำนาจแห่งท้องทะเลคุ้มครอง. . .

     

     

    ทางด้านบังยงกุก ชาวเมืองที่ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญนั้น ชายหนุ่มกลับมาเตรียมสัมภาระที่บ้านหลังเล็กริมทะเลของตน พาลนึกไปถึงสิ่งประหลาดที่เคยพานพบเมื่อครั้งออกทะเลทุกคืนเดือนแรม...

     

     

                สายลมที่พัดพา บวกกับความมืดมิดของคืนเดือนแรมช่างสร้างความเคลิบเคลิ้มชวนให้หลับไหลกับประมงหนุ่มยิ่งนัก นึกอยากจะพักสายตาชั่วครู่ แต่ท้องทะเลก็เปรียบเสมือนปีศาจที่ไม่สามารถจะไว้วางใจได้

                ดวงตาคมทอดมองออกไปยังผืนทะเลที่กว้างใหญ่ หมอกหนาปกคลุมทั่วบริเวณ ยงกุกจะออกเรือไกลแค่เฉพาะคืนจันทร์เพ็ญและคืนจันทร์แรมเท่านั้น ฉับพลันสายตาก็มองเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างบนพื้นผิวน้ำที่มืดมน

     

                แสงสีฟ้าทรงกลมปริศนาสว่างขึ้น ณ จุดหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากเรือเท่าใดนัก และในคืนจันทร์แรมเช่นนี้แสงสว่างของดวงดาวนั้นยิ่งชัดเจน เมื่อแสงของดวงดาวมาตกกระทบยิ่งทำให้มันเปล่งประกายมากขึ้น บุรุษหนุ่มพยายามเพ่งมองด้วยความสงสัยว่าสิ่งที่กำลังปรากฏขึ้นนั้นคืออะไร

                แต่เมื่อมองด้วยสายตาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ร่างแกร่งกลับเห็นเป็นร่างคล้ายมนุษย์ รูปร่างที่ผอมบางดูน่าทะนุทนอมหากแต่เลือนราง อยู่ท่ามกลางแสงนั้น และเพียงไม่นานร่างที่เห็นก็หายกลืนไปกับท้องทะเล...

     

    “ยงกุก... เสียงหวานหูดังแผ่วเบาจากท้องทะเล เป็นเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกชุ่มชื้นไปทั้งหัวใจ

     

    ท่ามกลางหมอกหนา เหนือคลื่นสูง คุณส่องแสงจางๆ

    ไข่มุกดำแสนงาม ไข่มุกดำอันงดงามของผม

    ในความเงียบงันและทำนองเพลงแสนเศร้านั้น

    ผมได้ยินเสียงแผ่วเบาของไข่มุกดำที่งดงาม

     

                หลังจากกลับเข้าฝั่งในตอนเช้า บังยงกุกพยายามคิดว่าอาจจะเป็นเพราะความง่วงของตน หรือเพราะแสงดาวที่ส่องสว่างจึงจินตนาการภาพเหล่านั้นขึ้นมา พยายามไม่คิดถึงและไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง หากแต่หลังจากนั้น ทุกครั้งที่ออกเรือในคืนเดือนมืด ประมงหนุ่มฝีมือดีผู้นี้ก็มักจะได้เห็นเหตุการณ์เช่นเดิมเสมอ ความรู้สึกมันช่างชัดเจน จนอดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่ปรากฏขึ้นมานั้นคือความจริง...

    ...หรือบางที นั่นอาจจะเป็นอัญมณีในตำนานก็เป็นได้...













    ดวงอาทิตย์ใกล้ตกดิน แสงสว่างสุดท้ายของวันทอดลงมาบนผืนน้ำเบื้องหน้า เป็นเวลาที่สายลมพัดจากฝั่งออกสู่ท้องทะเล ริมหาดทรายขาวปรากฏร่างของประมงหนุ่ม ช่างทำอาวุธ องค์ราชาและองค์ราชินี สองจันทราผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก...

     

    “นี่เป็นเวลาสมควรแก่การออกเรือแล้ว...ท่านจุนกอล” ประมงหนุ่มเอ่ยหลังจากตรวจสอบลมฟ้าอากาศและสภาพเรือสำเภาลำงามที่จะใช้เป็นยานพาหนะในคืนนี้เรียบร้อยแล้ว

     

    “จงมีสติอยู่เสมอ ข้าขอให้เจ้าได้กลับมา ผู้กล้าทั้งสอง...” เสียงหวานกังวานของผู้ทรงอำนาจเอ่ยขึ้น

     

    “เจ้าจงเชื่อมั่นในสิ่งที่กำลังตามหา ขอให้ท้องทะเลคุ้มครอง...” เสียงทุ้มลึกเอ่ยขึ้นเช่นกัน บุรุษทั้งสองคือความหวังเดียวที่ควาซอนมี

     

    ไม่รอช้า ยงกุกเป็นผู้ก้าวขึ้นเรือคนแรก ก่อนที่ฮิมชานจะตามไปเช่นกัน เรือสำเภาขนาดกลางค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากฝั่งท่ามกลางสายตาที่เป็นกังวลของผู้ปกครองอาณาจักร

     

    บนเรือซึ่งชายหนุ่มทั้งสองใช้พาหนะ ขายาวของช่างทำอาวุธเดินสำรวจไปรอบๆตัวเรือ ในขณะที่ผู้เป็นชาวประมงทำเพียงแค่วางสัมภาระที่ส่วนท้ายเรือ แล้วเดินไปยังส่วนที่ติดตั้งพังงาของเรือไว้และทำหน้าที่เป็นต้นหน

     

    “ข้าว่าเราควรจะผลัดกันควบคุมเรือ” จู่ๆเสียงทุ้มของฮิมชานก็เอ่ยขึ้น เรียกความสนใจจากยงกุกได้ทันที

     

    “ปกติข้าออกทะเล ข้าก็มาคนเดียว ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น” ด้วยความทะนงตนที่มี จึงไม่ต้องการให้ใครมาช่วยเหลือ เพราะเชื่อว่าตนคือผู้ที่เก่งกาจที่สุด

     

    “แต่ครั้งนี้หาปกติไม่ เจ้าก็รู้ว่าแบล็คเพิร์ลมีจิตวิญญาณ ย่อมล่วงรู้ถึงการมาของเรา ก็เช่นเดียวกับเมื่อเจ้าเหนี่ยวไกปืนเพื่อล่าอยู่ท่ามกลางฝูงวิหค เมื่อรู้ว่าอันตรายมาถึง สิ่งใดเล่าจะไม่หลบหนีและปกป้องตนเอง” ช่างทำอาวุธเลือกที่จะใช้เหตุผลเข้าสู้กับผู้ที่ใช้ประสบการณ์มาข่ม

     

    “หากแต่ถ้าเจ้ามีกลวิธีที่ดีพอ เจ้าก็จะสามารถล่านกได้ไม่ใช่หรือ คิมฮิมชาน” บังยงกุกที่แสนหยิ่งทะนงเอ่ยตอบกลับอย่างไม่หวั่นเกรง

     

    “ถ้าเช่นนั้นช่วยบอกกลวิธีในการตามหาแบล็คเพิร์ลของเจ้าให้ข้ารู้ที” น้ำเสียงที่ฟังแล้วน่าหงุดหงิดใจสำหรับยงกุกเอ่ยขึ้นอย่างไม่กลัวเกรง

     

    “อะไรแบบนั้นข้าไม่มีหรอก!

     

    “นั่นก็แน่นอนอยู่แล้วว่าเจ้าและข้าต้องร่วมมือกัน” ฮิมชานกล่าวอย่างผู้ที่มีความรู้เหนือกว่า ยงกุกทำได้เพียงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆแสดงถึงความไม่พอใจในการพ่ายแพ้นี้

     

    เป็นเวลานานหลายชั่วโมงแล้วหลังจากออกเรือมาสู่ผืนน้ำ ท้องฟ้ามืดมิดไร้ซึ่งแสงจันทร์ คลื่นลมสงบ ทุกๆอย่างเรียบร้อยเป็นใจในการออกเดินทางครั้งนี้ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาในการตามหาแบล็คเพิร์ล

    ขณะนี้เป็นเวลาควบคุมเรือของฮิมชาน หากแต่ชายหนุ่มผิวขาวแสดงอาการเหนื่อยล้าออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน จนผู้ร่วมเดินทางอดจะกังวลไม่ได้ว่าหากให้อีกฝ่ายบังคับเรือต่อไป เขาทั้งคู่อาจไม่ได้กลับไปเหมือนอย่างเช่นผู้อื่นเป็นแน่

     

    “หากต้องการจะหลับนอน เจ้าก็จงไปพักผ่อนเสีย ยังไงซะข้าก็คุ้นเคยกับการล่องเรือโดยลำพังอยู่แล้ว อย่าได้ลืมไปว่าทะเลก็เปรียบเหมือนกับชีวิตของข้า”

     

    “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอฝากด้วย” ช่างทำอาวุธไม่ขัดแย้งใดๆ และเดินหายเข้าไปในส่วนที่จัดไว้เป็นห้องพักบริเวณท้ายเรือ

     

                หลังจากเพื่อนร่วมทางเพียงหนึ่งเดียวนั้นไปพักผ่อน บุรุษผู้เป็นชาวประมงก็คอยบังคับเรือให้แล่นต่อไปอย่างไม่ติดขัด ภายในใจก็พาลคิดถึงแสงประหลาดสีฟ้าที่จะเกิดขึ้นให้เห็นเป็นประจำในคืนเดือนแรม

    หวังว่าคืนนี้ก็น่าจะได้พบเจอเช่นเดียวกัน... มันคือความผูกพัน แม้ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร...

     

    คุณมีอยู่จริงใช่ไหม? คุณดูเหมือนห่างไกลจากความจริง

    ผมกำลังก้าวเดินไปบนทางแห่งความฝันอันไกลโพ้นใช่ไหม

    เทพธิดาของผม ราวกับคุณอยู่ในตำนาน

     

    แต่ในขณะที่ทอดสายตาออกไปนั้น ร่างแกร่งกลับพบสิ่งประหลาดที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นใกล้เพียงบริเวณหน้าเรือนี่เท่านั้น ครานี้แสงสีฟ้าส่องประกายสว่างไสวกว่าที่เคยเป็น รัศมีของวงกลมแผ่กว้างออกมามากกว่าทุกครั้ง สร้างความสงสัยไม่น้อยกับผู้ที่มองอยู่ ทันใดนั้นที่ใจกลางจุดกำเนิดของแสงที่แผ่ออกมาปกคลุม เห็นเป็นเปลือกหอยและร่างของเด็กหนุ่มรูปงามอยู่ภายใน ช่างงดงาม และดูเลอค่ายิ่งนัก

     

    ร่างบางนั่งอยู่ภายในเปลือกหอยขนาดใหญ่สีดำขลับเงางามแสนเลอค่า ฝ่ามือเล็กโอบอุ้มไข่มุกเม็ดโตสีรัตติกาลเงางาม ใบหน้าสวยหวานถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมสั้นระต้นคอสีไวน์แดง ประดับด้วยรัดเกล้าอความารีนสีฟ้าอ่อนใส กลุ่มผมด้านหน้าถูกจัดให้ปัดไปทางด้านข้างเผยให้เห็นดวงหน้าเรียวที่ดูงดงามยิ่งขึ้นไป ดวงตาใสสีน้ำเงินพราวระยับเหมือนดั่งท้องทะเลยามค่ำคืนเมื่อต้องแสงจันทร์

    สีนิลของอัญมณีแห่งสายน้ำคงเป็นเพียงเปลือกภายนอก ในเมื่อร่างงดงามที่สถิตอยู่ภายในกลับมีผิวขาวสว่างดั่งหิมะ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มองแล้วช่างดูบริสุทธิ์และล้ำค่า รวมกับกางเกงเข้ารูปสีน้ำเงินเข้มยาวเพียงเข่า เรียวขางามอวดประจักษ์แก่สายตา ช่างงดงามเกินสิ่งใด...

    ชายผู้บังคับควบคุมเรืออยู่ตกตะลึงในสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาไม่น้อย ไม่เคยคิดฝันว่าสิ่งที่ตนตามหาจะเป็นชายหนุ่มที่มีรูปโฉมงดงามยิ่งกว่าหญิงอื่นใดถึงเพียงนี้

     

    “ยงกุก...” เสียงหวานดังขึ้น เป็นเสียงที่ยงกุกจำได้ดีว่าเคยได้ยินมาแล้วอย่างแน่นอน เสียงที่หวานนุ่มหากแต่ฟังแล้วกลับรู้สึกเย็นสดชื่นเปรียบเสมือนสายน้ำไหลผ่าน ห้วงความรู้สึกที่ระลึกถึง ช่างเหมือนกันเมื่อคืนเดือนแรมคราก่อนยิ่งนัก

     

    “เจ้า...” สายตาคมมองการกระทำของร่างตรงหน้า เรียวขาบางก้าวลงจากเปลือกหอยนั้นและเดินเหยียบบนผิวน้ำขึ้นมาบนเรือสำเภาลำนี้ได้อย่างง่ายดาย

     

    “ข้าเอง... ข้าคือแบล็คเพิร์ลที่เจ้าตามหา...”

     

    “เจ้ารู้งั้นหรือ?” แม้ชายหนุ่มจะตกตะลึงแต่ก็ยังคงรักษาสติไว้ได้ดี จึงกล่าวถามร่างเล็กตรงหน้า

     

    “เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าแบล็คเพิร์ลมีจิตวิญญาณ และเจ้าของจิตวิญญาณนั้นก็คือข้า...ชเวจุนฮง บุตรแห่งท้องทะเล”

     

    “เจ้าช่างงดงาม...” ปากเอ่ยเช่นนั้นออกไป หากแต่ในใจกำลังสงสัยว่านี่ใช่สิ่งที่ปรากฏให้ตนเห็นทุกครั้งที่ออกเรือในคืนเดือนแรมหรือไม่

     

    “เจ้ากำลังสงสัย...ว่าเป็นข้าหรือไม่ในคืนแรมที่ผ่านมาสินะ... ใช่แล้ว เป็นข้าเอง...”

    ชายหนุ่มอึกอัก คนตัวเล็กผู้นี้ล่วงรู้ถึงทุกอย่างเลยงั้นหรือ... ถ้าเช่นนั้นนี่ก็ไม่ปลอดภัยเอาเสียเลยหากจะคิดอะไรภายในใจ หรือความรู้สึกบางเบาที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของชายหนุ่ม

     

    “รู้เฉพาะบางอย่างเท่านั้น ข้ารู้เฉพาะความคิดที่เกี่ยวกับข้าน่ะ” เด็กหนุ่มยิ้มบางๆ หากแต่ไม่พูดอะไรต่ออีก ยงกุกเมื่อเห็นว่าตนมีโอกาสได้พูดบ้างเสียทีจึงเอ่ยขึ้นว่า

     

    “เจ้าส่องประกายเจิดจรัส ช่วยไม่ได้ที่ข้าดันไปสังเกตเห็น และได้โปรด..อนุญาตให้ข้านำเจ้ากลับไปเถิด...”

     

    “แล้วไม่คิดบ้างหรือว่าที่ข้าออกมาให้เจ้าเห็นถึงเพียงนี้ ก็เพราะจะให้เจ้านำแบล็คเพิร์ลกลับไปช่วยควาซอน”

     

    “หากเป็นเช่นนั้น ก็ขอให้เจ้าบันดาลคลื่นลมพาเรือลำนี้กลับเข้าฝั่งอย่างปลอดภัยด้วย”

     

    “แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้น” บุตรแห่งสายน้ำเอ่ยก่อนจะเดินหายกลับเข้าไปในเปลือกหอย ซึ่งหลังจากร่างบางหายไปสถานการณ์ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติราวกับว่าไม่เคยมีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น เปลือกหอยมุกขนาดเท่าฝ่ามือวางแน่นิ่งอยู่บนพื้นไม้ของเรือสำเภา มือแกร่งเอื้อมไปหยิบมาถือไว้ เพราะรู้แก่ใจว่านี่คือสิ่งล้ำค่า สายลมค่อยๆโบกพัดจากทะเลเข้าสู่ฝั่งพื้นดิน คลื่นลมสงบนิ่งจนรู้สึกถึงความปลอดภัย

     

     

     

     

     

                แสงตะวันสาดส่องเรียกให้ประมงหนุ่มตื่นจากความฝัน ก่อนพบว่าตนนอนอยู่บนพื้นไม้กลางเรือ ส่วนเพื่อนร่วมทางยืนจับพังงาควบคุมทิศทางอยู่ที่หัวเรือ รู้สึกถึงแรงกระแทกที่เป็นสัญญาณของการเทียบท่า

     

    “ตื่นแล้วหรือ...?”

     

     “ทำไมเจ้าจึงกลับเข้าฝั่ง โดยปราศจากคำสั่งของข้า”

     

     “ก็เจ้าพบแบล็คเพิร์ลแล้วไม่ใช่หรือ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะชี้นิ้วมายังเปลือกหอยภายในมือหนาของยงกุก

     

    “ข้าคิดว่าเจ้าจะยังไม่รู้เสียอีก”

     

    “ข้ามีความรู้เรื่องอัญมณีแห่งท้องทะเลชิ้นนี้มากกว่าที่เจ้าคิด อาจจะน้อยกว่าราชาจุนกอลและราชินีซอนอิล แต่มั่นใจว่ามากกว่าเจ้าแน่”

     

    “อย่างนั้นหรือ มีอีกหลายสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้ฮิมชาน อย่าได้ทะนงตนไป” ร่างสูงกล่าวด้วยความรู้สึกเหนือกว่า ไม่ว่าอย่างไร ผู้ที่ศึกษามาเพียงทฤษฎีก็ไม่มีทางรู้ดีไปกว่าผู้ที่ได้พบเจอกับของจริงอย่างแน่นอน

     

    “เจ้าพูดประโยคนั้นกับตัวเองเถอะยงกุก จงลงจากเรือแล้วนำแบล็คเพิร์ลไปทูลกับองค์ราชาเสีย”

     

    “แล้วเจ้าล่ะ?”

     

    “ข้าไม่ใช่คนที่ค้นหาจนเจอ แต่หากเป็นเจ้า เจ้าจงได้รับเกียรตินั้น ส่วนข้าแค่ได้กลับมาก็ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว”

     

    “หากไม่มีเจ้าข้าก็คงไม่ได้กลับมา จงไปกับข้าเถิด สหาย...”

     

    “ดีใจที่ได้เป็นสหายของเจ้า” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มบางๆที่ปรากฎขึ้น

     

    “การเดินทางสร้างสัมพันธ์ที่ดีเสมอ ข้าเชื่อเช่นนั้น...” กล่าวก่อนจะยื่นฝ่ามือหยาบไปตรงหน้า ช่างทำอาวุธหนุ่มเลือกที่จะตบเบาๆเข้าที่ฝ่ามือนั้น ถือเป็นสัญญาณของมิตรภาพ

     

    บุรุษทั้งสองก้าวเท้าลงจากเรือสำเภาลำงาม ออกเดินไปหาสัตว์เลี้ยงในวังหลวงอย่างม้าเลือดร้อนสองตัวที่กษัตริย์เป็นผู้จัดการสั่งทหารให้ผูกไว้ เพื่อเมื่อยามที่ผู้ค้นหาอัญมณีล้ำค่ากลับมาจะใช้มันเป็นพาหนะกลับเข้าไปยังปราสาท และไม่รอช้ารีบควบอาชาที่แสนสง่างามเข้าเมืองไป

     

     

                ภายในห้องโถงใหญ่ปรากฏร่างของผู้ปกครองทั้งสองผู้ซึ่งรอคอยการกลับมาของผู้กล้า คอยสวดภาวนาให้กลับมาอย่างปลอดภัย

     

    “ท่านจุนกอล! ท่านซอนอิน! บุรุษชาวเมืองทั้งสองกลับมาแล้วครับ!!

     

    “เจ้าพูดความจริงหรือ! ท่านจุนกอล! ยงกุกและฮิมชานกลับมาแล้ว! กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว!

    องค์ราชินีสาวกุมมือบางเข้ากับฝ่ามืออุ่นของคนข้างๆอย่างดีใจที่ชาวเมืองของเธอกลับมา

     

    “เห็นไหมซอนอิน ข้าบอกแล้วว่าทั้งสองจะต้องกลับมา” รอยยิ้มอย่างคนโล่งใจปรากฎขึ้นให้เห็นบนใบหน้าขององค์กษัตริย์ทั้งสอง

     

                ที่บานประตูใหญ่ของโถง ชายหนุ่มทั้งสองเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่ปราศจากความกังวลใจ บุรุษผู้เป็นชาวประมงโอบอุ้มเปลือกหอยมุกที่แม้จะเป็นเพียงภายนอกก็ดูสวยงามและล้ำค่าไว้ในมือ ส่วนชายผู้อาสาออกเดินทางร่วมกันนั้นทำเพียงแค่เดินเข้ามานิ่งๆเท่านั้น ยงกุกค่อยๆวางหอยมุกซึ่งมีอัญมณีอยู่ภายในลงอย่างเบามือบนพื้นพรมหนาของพระราชวัง

     

    “ดีใจที่เจ้าทั้งสองกลับมาอย่างปลอดภัย อีกทั้งยังสามารถนำของวิเศษชิ้นนี้กลับมาได้อีกด้วย” องค์ราชากล่าวอย่างยินดีกับชาวเมืองผู้กล้าทั้งสอง

     

    “แบล็คเพิร์ลที่ท่านตามหา อยู่ตรงหน้าท่านแล้ว ท่านจุนกอล”

     

    “เจ้าทำได้ดีมากยงกุก ฮิมชาน”

     

    “ถ้าจะพูดให้ถูก อย่ารวมข้าเข้าไปด้วยเลยองค์ราชา ยงกุกเป็นคนค้นพบมัน”

     

    “จะอย่างไรก็เถอะ เจ้าทั้งสองทำความดีงามและประโยชน์ให้กับไดทรอนยิ่งนัก ข้าขอชื่นชม และขอมอบของกำนัลเป็นทรัพย์สินมากเท่าที่เจ้าจะต้องการ” เสียงหวานใสของราชินีสาวเอ่ยอย่างปิติยินดี

     

    “ข้าไม่ต้องการสิ่งใดหรอกองค์ราชินี ทรัพย์ที่ข้ามีก็เกินพออยู่แล้ว อีกทั้งข้ายังได้เงินจากท่านทั้งสองที่ทำอาวุธการทหารอีกตั้งมากมาย ข้าเพียงแค่ต้องการที่จะออกไปตามหาแบล็คเพิร์ลและได้กลับมาเท่านั้น”

     

    “แต่ข้าต้องการ... ข้าต้องการบ้านริมทะเลสักหลัง และเงินสักก้อน ข้าอยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ขอความกรุณาด้วยเถิดองค์ซอนอิน”

     

                “ย่อมได้แน่นอน บังยงกุก” หญิงผู้ปกครองกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่แฝงความเมตตาอยู่ภายใน

     

    “เราเพียงแค่ต้องนำแบล็คเพิร์ลไปเก็บไว้ ณ ห้องใต้หลังคาของปราสาท ที่ซึ่งเป็นใจกลางของไดทรอน เพียงเท่านี้ เมืองของเราก็จะรอดพ้นจากวิกฤติและภัยทั้งปวง”

    หลังจากสิ้นคำของกษัตริย์หนุ่ม แสงสีฟ้าจางๆก็เปล่งประกายขึ้นจากหอยมุกที่วางอยู่บนพื้นพรม ก่อนจะปรากฏร่างบางของเด็กหนุ่มขึ้นตรงหน้าองค์ราชาและราชินี ท่ามกลางความตกใจของช่างทำอาวุธหนุ่ม คนตัวเล็กที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าสามารถสะกดสายตาของฮิมชานไว้ได้ไม่ยากเลย ด้วยความงดงามตรึงตราตรึงใจและเสน่ห์ล้นเหลือที่มี

     

    “ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่ออกมาเสียแล้ว จุนฮง...” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างคนรู้ทัน ราชาจุนกอลรู้ดีว่าภายในเปลือกแข็งของสัตว์ทะเลนี้มีบุตรแห่งท้องทะเลองค์หนึ่งสถิตอยู่ เปรียบเสมือนครึ่งหนึ่งของกันและกัน

     

    “ที่อยู่ของข้าคือท้องทะเล ข้าอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้หรอกนะท่านจุนกอล!” เสียงหวานแย้งขึ้นอย่างไม่ยอมความ เทพธิดาองค์นี้ขึ้นชื่อเรื่องความอ่อนไหวยิ่งนัก

     

    “ตัวเจ้าไม่ได้ หากแต่แบล็คเพิร์ลย่อมได้ เพียงเจ้าถอดจิตวิญญาณออกจากมันเท่านั้น เจ้าจะสามารถกลับไปมีชีวิตใต้ท้องทะเลได้ดั่งเดิม”

     

    “แต่ข้าไม่ต้องการถอดจิตวิญญาณออกจากครึ่งหนึ่งของชีวิตข้า...”

     

    “ความจริงตัวเจ้าก็สามารถอยู่ได้นะจุนฮง หากเจ้าพบรักกับมนุษย์ และมนุษย์ผู้นั้นมีความรู้สึกตรงกันกับเจ้า เพียงแต่มันเสี่ยงเกินไป...” น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยเพียงเท่านั้น เพราะความเป็นจริงต่อจากนี้มันช่างเป็นสิ่งที่น่าเศร้าเหลือเกิน

     

    “เพราะถ้าหากความรู้สึกนั้นคือความรักข้างเดียวของเจ้าแล้วล่ะก็ เจ้าจะต้องจากไปตลอดกาล...”

    เสียงหวั่นใจขององค์ราชินีเอ่ยขึ้นหลังจากจบประโยคของคนรัก

     

    “เรื่องนั้นข้ารู้ดี...” สายตาเศร้าสร้อยถูกทอดมองออกไปยังผืนน้ำที่อยู่ห่างไกลออกไป ที่ซึ่งตนจากมา หากแต่ในขณะเดียวกัน สายตาแห่งความห่วงใยก็ถูกส่งมาจากชายหนุ่มผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังร่างเล็ก...

     

    “จุนฮง ข้ารู้ถึงจิตใจของเจ้าดี... พูดออกมาสิ... หันกลับไปพูดกับเขาเสีย...” องค์ราชากล่าวด้วยความหวังดี

     

    “หากแต่ท่านจุนกอล... หากเขาไม่ได้มีความรู้สึกเช่นเดียวกับข้า ข้าไม่ต้องจากไปตลอดกาลหรอกหรือ?” น้ำเสียงสั่นไหวดังขึ้นจากความกลัวที่เข้ามากอบกุมภายในจิตใจบุตรชายแห่งท้องทะเล

     

    “หากเจ้าไม่พูด เจ้าก็ต้องยอมเสียครึ่งหนึ่งของเจ้าไปตลอดกาลเช่นกัน จุนฮง”

     

    “แล้วมันต่างกันอย่างไรเล่า! ในเมื่อพูดออกไปก็ต้องตาย ไม่พูดอะไรก็ต้องสูญเสีย!

     

    “ต่างสิ.. ต่างที่เจ้ามีโอกาสได้รู้หัวใจตัวเอง และครองรักกับชายผู้นั้นไปจนสิ้นลมหายใจ... พูดออกมาเถิดโอรสแห่งโลกใต้สมุทร” เสียงที่พูดปลอบประโลมและให้กำลังใจในคราเดียวกันขององค์ราชินีทำให้คนตัวเล็กเลือกที่จะหันมาเผชิญหน้ากับบุรุษหนุ่มทั้งสองที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่ต้น

     

    “ที่ข้ายอมกลับมากับเจ้า ก็เพราะว่าข้ารักเจ้า! ที่เจ้ามองเห็นข้าก็เพราะเมื่อข้ารู้สึกตกหลุมรักใคร ข้าจะควบคุมตัวเองไม่ได้” เทพบุตรตัวเล็กเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของสิ่งรอบข้าง ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาหมายถึงใคร ชาวประมงคมเข้มผู้ยากจน หรือช่างทำอาวุธรูปงามผู้ร่ำรวย

     

    “ปกติเมื่อมีผู้ใดล่วงล้ำเข้ามาในเขตแดนของข้า ข้าจะทำเพียงแค่ซ่อนตัว ข้าจะรู้จุดประสงค์ของพวกเขา ถ้าหากมาเพื่อตามล่าข้า ข้าจะเรียกคลื่นลมจากทุกทิศมาป้องกันตัวเอง มนุษย์พวกนั้นจึงไม่มีใครได้กลับไปยังไงล่ะ!

     

    “เจ้ากำลังหมายถึงข้าอย่างนั้นหรือ? ...บางทีอาจจะเป็นฮิมชาน?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ย หากแต่ภายในใจกำลังเต้นระรัวกับคำพูดของคนร่างเล็กตรงหน้า

     

    “โปรดพูดออกมาเถิด จุนฮง...” บุรุษรูปงามอีกหนึ่งคนกล่าวเช่นกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าภายใจกำลังรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน

     

    “ข้าคิดว่าข้าควรถอดจิตวิญญาณแล้วกลับไปยังใต้ท้องทะเลเช่นเดิม... ข้ากลัวเกินกว่าจะเอ่ย...”

     

    “ข้าไม่อยากเสียเจ้าไป.. ได้โปรดเถิด...อยู่ที่นี่ อยู่กับข้า...” ยงกุกเอ่ยด้วยความเศร้าสร้อยเมื่อต้องคิดถึงการจากไปของร่างเล็กตรงหน้า

     

    “ยงกุก.. ได้โปรด หากเจ้ารู้สึกเช่นเดียวกับข้าได้โปรดจงพูดมันออกมา... พูดออกมาจากหัวใจของเจ้า คำๆนั้น.. ก่อนที่ข้าจะต้องหายไปตลอดกาล...” น้ำเสียงสั่นไหวเอ่ยพร้อมกับมองลึกเข้าไปภายในดวงตาของชายหนุ่มชาวทะเล

    ความรู้สึกที่ข้ามี ข้ามอบให้ท่านไปแล้ว บังยงกุก...

     

    “ข้ารักเจ้าจุนฮง ข้าก็รักเจ้าเข้าใจไหม เจ้าไม่จำเป็นต้องไปไหนทั้งนั้น”

    ร่างแกร่งกล่าวก่อนจะตรงเข้าไปโอบร่างของเทพแห่งท้องทะเลไว้ในอ้อมกอด คนตัวเล็กแทบฝังหายไปกับอกอุ่นของชาวประมง แขนเรียวยกกอดตอบเช่นกัน อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น...

     

    ภาพตรงหน้าช่างดูสวยงามยิ่งนักในสายตาของทุกคน แม้ว่าฮิมชานอาจจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยเมื่อร่างบางที่ตนเพิ่งตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนกลับรักกับคนที่เป็นมิตรสหายเสียได้ หากแต่ก็รู้สึกยินดีเช่นกันที่คนที่ตนรักได้มีความสุข บังยงกุกเองก็เป็นคนดีคนหนึ่งเช่นกัน...

     

    “ควาซอนปลอดภัยแล้ว ส่วนเจ้า คิดจะจัดงานแต่งงานเมื่อไหร่ หนุ่มสาวชาวทะเล” องค์ราชาอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มกับภาพตรงหน้า

     

    “ข้ายินดีเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนะ” หนุ่มรูปงามอย่างฮิมชานเอ่ยเสริมพร้อมรอยยิ้มที่จริงใจส่งให้ทั้งสอง

     

    แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่ เปรียบเสมือนสักขีพยานในการบอกรักของชายหนุ่มเดินดินธรรมดาและโอรสแห่งท้องทะเล ทั้งคู่ยิ้มให้กันท่ามกลางบรรยากาศที่แสนสวยงาม ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะเอ่ยขึ้นมาว่า

    “ภายในสามวันข้างหน้า จัดงานมงคลได้ใช่ไหมครับท่านจุนกอล?”

     

    “แน่นอนว่าย่อมได้ บังยงกุก” ผู้ปกครองเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะล่ำลาให้ทุกคนแยกย้ายกลับไปทำหน้าที่ตามชีวิตปกติของตน สุดท้ายแล้วทุกคนก็มีความสุข บ้านเมืองกลับมาร่มเย็นอีกครั้ง...

     

     

     

     

     

                หาดทรายขาวถูกเนรมิตเป็นงานแต่งงานเล็กๆ ซึ่งคู่บ่าวสาวได้รับเกียรติจากองค์ราชาและราชินีของเมืองในการมาร่วมพิธี เจ้าบ่าวที่หล่อคมเข้มและเจ้าสาวที่แสนสวยบริสุทธิ์...

                เพื่อให้การดำรงชีวิตอยู่บนพื้นโลกเป็นไปอย่างปกติสุข การแต่งงานจึงถูกจัดขึ้นเพื่อให้ท้องทะเลได้รับรู้ว่าเทพบุตรจุนฮงนั้นพบรักที่แท้จริงกับมนุษย์เดินดินเข้าแล้ว...

     

    “ผมบังยงกุก ขอรับ ชเวจุนฮง เพื่อเคียงข้างดูแล...” เสียงทุ่มต่ำของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าบ่าวในการแต่งงานครั้งนี้เอ่ยขึ้นกล่าวคำสาบานตนต่อหน้าท้องทะเลและแขกเหรื่อผู้เป็นสักขีพยาน

     

    “ทั้งยามสุข ยามทุกข์...” ชเวจุนฮงเอ่ยเสียงหวานต่อประโยคของคนรัก กล่าวสลับกันไปอย่างรู้หน้าที่

     

    “ไม่ว่ายากจน หรือร่ำรวย...”

     

    “ในเวลาเจ็บป่วย และเวลาสบาย...”

     

                “ด้วยรัก...”

     

    “และซื่อสัตย์ต่อกัน ตราบชีวิตจะหาไม่...”

     

    “รับครับ...”

     

    “รับฮะ...” สิ้นเสียงใสของเจ้าสาวแสนสวย คนตัวสูงจึงโน้มใบหน้าลงหาร่างบาง ริมฝีปากอุ่นประกบเข้ากับริมฝีปากเล็ก การจุมพิตเบาๆต่อหน้าท้องทะเลที่เป็นสักขีพยาน แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องลงบนผิวน้ำตรงหน้า ผืนน้ำเปล่งแสงระยิบระยับงดงาม ร่างแกร่งของบังยงกุกที่โอบกอดร่างบอบบางของชเวจุนฮงเอาไว้ ช่างเป็นสิ่งที่สวยงามและเหมาะสมเกินกว่าจะหาสิ่งใดเปรียบ...

     

    I love you... My beautiful black pearl…”

     

     

    -THE END-

     

     

    --------------------------------------------------------------

    wahneun:
    ขอพูดไรนิดนึงค่ะ ขอบอกว่านี่เป็นเอสเอฟที่ดูมีอะไร ดูมีเนื้อหา แต่จริงๆหลวมมาก TAT
    การเดินเรื่องเร็วเกิ๊น หวังว่าอย่างน้อยก็คงไม่ทำให้รู้สึกเสียเวลาอ่านนะคะ
    นี่ขุดงานเก่ามารีไรท์เพราะรู้สึกห่อเหี่ยว แห้งแล้ง อิพี่บังลบรูปในไอจี ซึ่งนี่โกรธมากกกก น้ำตาจะไหล TT_______TT /ฟาด!
    พลังชิปเปอร์ที่มีอยู่อะไรช่วยได้ก็ต้องช่วยกันไปค่ะ ;A;

    ฟิคเรื่องนี้ขอให้เครดิตเกรฟคลุงกะพี่กลอยเคียวซาม่านิดนึงค่า
    ชื่อเมืองนี้เกรฟคลุงให้มา 55555 ส่วนคำสาบานบทแต่งงานพี่กลอยช่วยแปลช่วยเกลาภาษาค่ะ
     
    ตรงจุดนี้เราขอไม่พูดถึงฟิคเรื่องอื่นนะคะ 555555555555
    ขอบคุณที่มาทวงในทวิตเตอร์ ขอบคุณที่ยังรอคอยกันอยู่นะคะ 
    ขอบคุณและรักมาก

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×