คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : THE SEASON: SWEET SUMMER I
Title: SWEET SUMMER
Couple: BANGZELO ( Bang Youngguk x Choi Junhong )
Status : 1 / 4
Author: wahneun
Type: SHORT FICTION ( PROJECT )
Rate: PG
Note: เรื่องนี้มีความสัมพันธ์เรื่องเวลามาเกี่ยวข้องด้วยนะคะ อ่านก่อนจะได้เข้าใจตรงกันค่ะ บางช่วงเวลามีเหลื่อมล้ำไปบ้าง ขออภัยนะคะ ^^
ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
อุณภูมิเฉลี่ยประมาณ 21 – 33 องศาเซลเซียส อากาศร้อน ฤดูนี้ฝนตกอยู่บ้าง แต่มิถุนา – ปลายกรกฎาจะมีมรสุมค่ะ
การเปิดเทอม – ปิดเทอม
เปิดเทอม 1 มีนาคม – มิถุนายน
ปิดเทอมกลาง กรกฎาคม
เปิดเทอม 2 สิงหาคม – พฤศจิกายน
ปิดเทอมฤดูหนาว ธันวาคม – กุมภาพันธ์
ปล. ช่วยมโนจูนงผมสีเข้มๆด้วยนะคะ นางเพิ่งอยู่มอปลาย น่ารักเรียบร้อย ง้าาาา TwT
ปลล. ช่วยลบภาพผู้ชายติสแตกของบังยงกุกไปสักพัก เรื่องนี้พี่ยงกุกของน้องจูวิชาการมาก ;w;
--------------------------------------------------------
ตอนนี้เป็นฤดูร้อน และแน่นอนว่ามันก็จะต้องมีฝนตกเป็นธรรมดา ผมไม่เคยมองว่าสายฝนดูเจ็บปวดเลยสักนิด ผมว่ามันสดชื่นชุ่มฉ่ำดีออก การที่ฝนตกแต่ละครั้ง มันทำให้อากาศสะอาดขึ้นด้วยนะ พี่ชายห้องข้างๆผมเขาบอกมาน่ะ ..
จุนฮงอยู่มอปลายปีหนึ่ง ทันทีที่เริ่มปีการศึกษาใหม่ ที่บ้านก็ส่งให้ออกมาอยู่คนเดียวที่คอนโดมิเนียมหรูในกรุงโซล ใกล้ๆกับโรงเรียน ด้วยเหตุผลที่ยกมาอ้างมากมายหลายประการ
บ้านไกลจากโรงเรียนมากชนิดข้ามจังหวัดบ้างล่ะ เปลืองค่ารถบ้างล่ะ ประหยัดเวลาบ้างล่ะ แต่เด็กหนุ่มก็รู้อยู่แก่ใจว่าครอบครัวต้องการให้มีประสบการณ์ และต้องการให้ลูกชายคนเล็กเข้มแข็งพอที่จะอยู่ด้วยตนเองให้ได้ และจุนฮงเองก็ไม่ได้ทำให้ครอบครัวต้องผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาสามารถอยู่ที่คอนโดฯนี้เพียงลำพังมาได้โดยไม่มีปัญหาใดๆเป็นเวลาเกือบจะครึ่งปีแล้ว
ร่างกายผอมสูงของเด็กมอปลายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาสีครีมริมหน้าต่าง เหยียดขายาวๆไปตามเบาะนั่ง พิงหัวกลมๆที่มีเส้นผมสีเข้มปกคลุมไว้กับผนังห้อง มองสายฝนที่โปรยปรายลงมาผ่านหน้าต่างห้องของตนเองด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ปล่อยความคิดไปเรื่อยๆตามหยาดฝนที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
... พาลคิดไปถึงคนที่บอกเขาถึงประโยชน์ของฝน ... พี่ชายข้างห้องของเจ้าตัวนั่นล่ะ ...
“พี่ยงกุกกลับห้องรึยังนะ? ป่านนี้ติดฝนอยู่ที่ไหนรึเปล่า?“
เด็กตัวสูงพึมพำออกมาเบาๆแล้วลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปหยิบคีย์การ์ดของห้องข้างๆ และโทรศัพท์ของตนที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือมาถือไว้ในมือ ขาเรียวก้าวเดินไปเปิดตู้เย็นและหยิบของกินออกมาสองสามอย่างก่อนจะเดินออกจากห้องของตน จัดแจงล็อคประตูห้องให้เรียบร้อยแล้วจึงย้ายตัวไปที่อื่น
ซึ่งจุดมุ่งหมายก็ไม่ได้ไกลที่ไหน...
แค่ห้องข้างๆนี่เอง...
จุนฮงเองอยู่ที่นี่มาตั้งเกือบหกเดือนแล้ว จะไม่ให้ทำความรู้จักคนอื่นๆเลยก็คงไม่ได้ แล้วคนที่ควรรู้จักด้วยมากที่สุดก็ไม่พ้นเจ้าของห้องที่อยู่ข้างกัน จริงไหม?
บังยงกุกกับชเวจุนฮงอายุห่างกันสามปี ซึ่งคนอายุมากกว่าอย่างยงกุกกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่หนึ่ง คณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังที่ไม่ไกลจากที่พักอาศัยเท่าไหร่นัก
ยงกุกเป็นคนบังคับให้จุนฮงเก็บคีย์การ์ดไว้ แถมยังขู่ว่าถ้าทำหายจะไม่มาติวหนังสือให้อีกเลย เพราะต่างคนก็ต่างเข้าออกห้องของอีกฝ่ายเป็นประจำ คงไม่แปลกเท่าไหร่นักที่ทั้งคู่จะมีกุญแจห้องของอีกคนไว้กับตัว หลายครั้งที่เด็กอายุสิบหกไปนอนเล่นที่ห้องพี่ชายอายุสิบเก้า อีกทั้งยงกุกก็มาติวหนังสือให้อีกคนที่ห้องจนเผลอหลับไปอยู่บ่อยๆ...
ในเมื่อเป็นผู้ชายเหมือนกันอีกทั้งยังเจอหน้ากันแทบทุกวันทุกเวลา จะสนิทกันได้ง่ายๆก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ว่าในตอนนี้...สิ่งที่ร่างบางกำลังคิดคือ พี่ชายคนนี้อยู่ที่ไหน?
มือขาวจับลูกบิดประตูห้องของคนที่กำลังนึกถึง ก่อนจะพบว่ามันล็อคอย่างที่คิดไว้ ใบหน้าขาวๆยื่นเข้าไปใกล้ๆประตูก่อนจะลองเอาหูแนบมันเพื่อฟังเสียงการเคลื่อนไหวหรือเสียงเพลงที่พี่ชายคนนี้ชอบเปิดเวลาอยู่ในห้อง แต่จุนฮงก็ได้ยินเพียงความเงียบและเสียงสายฝนดังแผ่วเบามาตามอากาศ ซึ่งมันชัดเจนว่าเจ้าของห้องไม่ได้อยู่ด้านในอย่างแน่นอน
จุนฮงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เลื่อนปลดล็อคและกดเข้าโปรแกรมแชทยอดฮิต ปลายนิ้วเรียวพิมพ์ข้อความสั้นๆไปหาพี่ชายคนสนิท
JH Choi: พี่ยงกุกอยู่ไหน?
คนตัวขาวจัดไม่ได้ตั้งใจจะให้อีกฝ่ายตอบอยู่แล้ว เพียงแค่ถามไปก่อนเท่านั้น แล้วจัดการใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไปอย่างถือวิสาสะ จัดแจงถอดรองเท้าให้เข้าที่ และสายตาก็เหลือบไปเห็นร่มสีดำซึ่งถูกวางแน่นิ่งอยู่ในที่เก็บข้างๆกับชั้นวางรองเท้านับสิบคู่ของเจ้าของห้อง
ว่าแล้วเชียวว่าต้องไม่ได้เอาร่มไปด้วย ...
เด็กยักษ์เดินเข้ามาถึงกลางห้องและนำขนมปังกับนมกล่องที่หยิบมาจากห้องตัวเองไปวางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาสีเข้ม
มือบางกดรีโมตเปิดทีวีแล้วลุกไปหาแผ่นภาพยนตร์ดีๆสักเรื่องมาเปิดดูแก้เบื่อระหว่างรอเจ้าของห้องกลับมา
ที่เขามานี่ก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกนะ ตั้งแต่ตื่นมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
จุนฮงหิวข้าวน่ะ ...
ห้องของเด็กมัธยมอย่างมากก็มีแค่นมกับขนมปังแล้วก็รามยอนอีกไม่กี่ห่อ ห้องข้างๆต่างหากที่มีครบทุกอย่าง แถมเจ้าของห้องก็ทำกับข้าวอร่อยอีกด้วย ถึงแม้ยงกุกจะปฏิเสธว่ามันก็แค่พอกินได้ให้มีชีวิตอยู่ไปวันๆเท่านั้น เป็นผู้ชายโสดอยู่คอนโดคนเดียวมันก็ต้องทำเป็นบ้าง เดี๋ยวจะอดตายเอา แต่ถึงยังไงจุนฮงก็คิดว่ามันรสชาติดีทีเดียว
เสียงการแจ้งเตือนดังมาจากโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆตัวทำให้ต้องหยุดความคิดเรื่องอาหารการกินไปก่อนแล้วหยิบไอโฟนขึ้นมาเช็คการแจ้งเตือน ก็คงจะเป็นเจ้าของห้องที่ตอบกลับมา ...
-P’Yongguk: พี่อยู่ร้านกาแฟหน้าคอนโด ฝนตก กลับไม่ได้น่ะ
JH Choi: ก็ไม่เอาร่มลงไปเอง รู้อยู่ว่าฝนตกบ่อย
-P’Yongguk: อยู่ห้องพี่ใช่ไหมถึงรู้ว่าพี่ไม่ได้เอาร่มมาด้วย หิวข้าวล่ะสิ
JH Choi: ก็ใช่ดิ! หิวมากเลยด้วย พอมาก็ไม่เจอใครอีก โว้ โมโหหิวแล้วนะ รีบๆขึ้นมาเลย จะปล่อยให้น้องหิวตายคาห้องหรือไง!
“ไอ้เด็กบ๊องเอ๊ย”
เสียงทุ้มเข้มเอ่ยพึมพำแข่งกับเสียงฝนที่ตกลงมาด้านนอกนั่น ร่างแกร่งนั่งดื่มกาแฟที่เพิ่งสั่งมาเมื่อครู่อยู่ภายในร้านเครื่องดื่มตรงมุมโปรด ใครจะไปคาดคิดว่าการออกมาหาคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายเพียงไม่กี่นาทีจะทำให้เขากลับเข้าตึกไม่ได้เสียอย่างนั้น
คาเฟ่ต์เล็กๆซึ่งอยู่ใต้คอนโดฯหรูเป็นร้านที่บังยงกุกมักจะเข้ามาเลือกซื้อเครื่องดื่มรสขมเป็นประจำ หรือเมื่อเบื่อที่จะอยู่ภายในห้องที่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย
ทางเลือกมีให้ชายหนุ่มไม่มากนัก ระหว่างรอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยกลับเข้าไป หรือว่าจะวิ่งฝ่ามันไปเสียตอนนี้เลย
ทำไงดีวะเนี่ย ฝนก็ตก ไอ้เด็กเผือกก็หิวข้าว จะปล่อยมันทิ้งไว้เดี๋ยวก็คงจะโทรมาอาละวาดอีกว่าทำไมไม่ขึ้นมาทำอะไรให้กินสักที วุ่นวายจริงๆจุนฮงเอ้ย!
คิดได้ไม่ทันไรร่างแกร่งก็ผุดลุกขึ้นเต็มความสูง ทิ้งไอซ์อเมริกาโน่แก้วใหญ่ที่เพิ่งดื่มไปได้ไม่ถึงครึ่งไว้บนโต๊ะ ขายาวๆก้าวออกเดินไปยังประตูกระจกหน้าร้าน ร่างกายสมส่วนค่อนไปทางผอมนิดหน่อยช่างดูดีรับกับใบหน้าหล่อจนใครก็ต้องมอง ยงกุกเงยหน้ามองหยดน้ำที่กำลังเทกระหน่ำอยู่เบื้องหน้าก่อนจะรีบวิ่งฝ่าสายฝนกลับไปยังอาคารคอนโดของตน เส้นผมสั้นสีดำเข้มเปียกลู่ลงกับใบหน้าคม แต่บังยงกุกก็ทำเพียงแค่เสยมันขึ้นอย่างลวกๆ พลางก็คิดไปว่าทำไมจะต้องมาวิ่งตากฝนให้เปียกทั้งตัวอย่างนี้ด้วย...?
และเมื่อรู้ตัวอีกทียงกุกก็มายืนอยู่หน้าห้องตัวเองแล้ว ทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับเด็กหนุ่มตัวขาวที่นั่งอยู่บนโซฟาสีเข้มกลางห้อง ปากเล็กกำลังเคี้ยวขนมปังที่ถืออยู่ในมือหงับๆ
เหมือนผู้บุกรุกจะเพิ่งรู้ตัวว่ามีคนเปิดประตูห้อง ถึงได้เงยหน้าจากจอทีวีมาทางเขา...
“อ้าวมาแล้วหรอ .. เห้ย ทำไมเปียกงี้อ่ะ?”
พูดหน้าตาตื่นพร้อมกับแก้มอูมๆที่เก็บขนมปังเอาไว้ภายใน พอสมองสั่งการได้ว่ามีคนยืนตัวเปียกอยู่ตรงประตูห้อง ร่างบางเลยรีบวิ่งไปหยิบผ้าขนหนูมาจากที่ไหนสักแห่งในห้องนี้แล้วโยนมันใส่หน้าผู้ซึ่งเป็นเจ้าของห้อง...
“เฮ้ย! นี่พี่นะเว้ย โยนใส่หน้าอย่างนี้ได้ยังไง!”
มือหนายกขึ้นรับผ้าไว้ได้ทันก่อนที่มันจะกระทบโดนใบหน้า ง้างหมัดทำท่าจะต่อยตามนิสัยของตน แต่ก็เพียงแค่ทำขู่ไปอย่างนั้น
แค่ดูหน้าและสายตาที่มองมา สำหรับคนที่มองอยู่มันให้ความรู้สึกหวาดหวั่นและน่ารักไปในเวลาเดียวกัน จุนฮงยังเป็นแค่เด็กมอปลายใครจะกล้าทำร้ายร่างกายได้ล่ะ
“ไปอาบน้ำก่อนเหอะพี่ยงกุก ห้องเปียกหมดแล้ว เร็วๆด้วยนะ หิวข้าวมากกกกกกกกก !”
ลากเสียงคำพูดสุดท้ายพร้อมกับกุมท้องทำท่าประหนึ่งว่าเจ็บปวดปางตายให้ดูโอเวอร์แอ็คติ้งขึ้นไปอีก จนคนเป็นพี่อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหิวขนาดนั้นทำไมไม่ลงไปหาอะไรกินที่มินิมาร์ท เพราะมันก็ไม่ได้ไกลอะไรอีกทั้งร่มก็มี เขาไม่เข้าใจจุนฮงจริงๆ
หลังจากอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงสามส่วนสีเข้มเรียบร้อยแล้ว บังยงกุกก็รีบเข้าครัวไปทำอะไรง่ายๆให้คนที่มาเบียดเบียนเขาถึงห้องกินประทังชีวิตไปอีกหนึ่งมื้อ
“พี่ไม่เห็นต้องตากฝนมาแบบนี้เลยนะ” พูดก่อนจะนั่งลงบนพื้นข้างๆโต๊ะญี่ปุ่นที่ถูกจุนฮงใช้วางขนมตอนเดินเข้ามาในห้อง เลื่อนจานข้าวผัดให้มาอยู่ตรงหน้าแล้วตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
ถ้าได้ยินแค่คำพูดนี่เหมือนจุนฮงจะรู้สึกผิดอยู่บ้าง ... แต่พอเห็นอีกคนกินข้าวหน้าระรื่นแบบนั้นแล้วก็คงไม่ใช่ ...
“ก็เราบอกว่าหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว เกิดมาตายในห้องพี่ทำไง เอาจริงๆก็เบื่อจะนั่งมองฝนอยู่ข้างล่างด้วยแหล่ะก็เลยขึ้นมาห้องเลย”
จุนฮงยิ้มตาหยีให้ก่อนจะพูดประโยคหนึ่งกับพี่ชาย
“ผมรักพี่จังเลยอ่ะ พี่ยงกุก...”
ไม่พูดอะไรต่อได้แต่ยิ้มแบบเดิมให้ เขาชอบ ชอบที่เป็นแบบนี้ แบบที่พี่ยงกุกใส่ใจและให้ความสำคัญกับเขาแบบนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ใช่คนรัก แต่จุนฮงเองก็คิดว่ามันคงไม่ใช่แค่พี่น้อง แล้วเขาก็คิดว่าพี่ยงกุกก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน
ทั้งเขา ทั้งพี่ยงกุก ต่างใส่ใจกันและกัน เป็นห่วงเป็นใยกันอยู่เสมอ ถ้าเขามีปัญหาเรื่องอะไร พี่ชายก็มักจะคอยช่วยเหลือและอยู่ข้างๆเป็นกำลังใจให้เขา คอยติวบทเรียนต่างๆให้เขาไปสอบ เพื่อที่ให้เขาได้คะแนนดีๆ พ่อแม่จะได้ไม่ผิดหวังที่ส่งมาอยู่ในเมืองแบบนี้ และถ้าพี่ยงกุกมีปัญหา ถึงแม้ว่าจุนฮงจะช่วยอะไรไม่ค่อยได้ แต่อย่างน้อยเขาก็จะอยู่ข้างๆเสมอ . . .
ยงกุกเอื้อมมือไปขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มของเด็กตัวขาวเล่นด้วยความเอ็นดู ร่างสูงใช้ชีวิตร่วมกับเด็กคนนี้มาตั้งครึ่งค่อนปีแล้ว ตอนนี้ก็เพิ่งเปิดเทอมมาได้แค่ไม่กี่วัน วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เขาและน้องก็อยู่คอนโดด้วยกันทั้งคู่
“มีการบ้านอะไรให้พี่ช่วยสอนหรือเปล่า?”
“ก็มีแหล่ะ เดี๋ยวผมกินเสร็จแล้วไปห้องผมนะ พี่ยงกุก”
“อืม รีบๆกินข้าวแล้วล้างจานให้พี่ด้วยล่ะ เข้าใจไหมเด็กแสบ”
“ครับผม!”
Rrrrrrrrrrrr
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของยงกุกดังขึ้น เจ้าตัวหยิบมาดูหน้าจอว่าใครกันที่โทรมาหาเขาในวันหยุดแบบนี้
Kim Himchan Law.
คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยด้วยความสงสัยว่า คิมฮิมชาน เดือนคณะนิติศาสตร์ มนุษย์ซึ่งเข้ากับคนง่ายและรู้จักกันตอนเรียนเซครวมวิชาเลือก มีเหตุอะไรถึงได้โทรมาหาเขา เพราะยงกุกกับฮิมชานก็ยังไม่ได้สนิทกันมากนัก
ที่มีเบอร์โทรศัพท์กันก็เพราะบ่อยครั้งที่เขาโดดและกลับมาเรียนไม่ทัน จึงต้องให้เบอร์โทรกับฮิมชานไว้โทรตามในบางครั้ง ด้วยวิชาเลือกที่ขาดบ่อยจนอาจารย์จำได้ว่าบังยงกุกเป็นนิสิตที่มาเรียนบ้างไม่มาเรียนบ้าง และจะหมดสิทธิ์สอบโดยเหตุผลที่ว่า ‘ถึงจะสอบได้เอแต่ไม่เคยเข้าเรียน แล้วจะนับว่าเรียนได้อย่างไร?’ ถึงแม้ว่ายงกุกรัฐศาสตร์จะฉลาดเป็นทุน มีความรู้มากพอที่จะสอบผ่านได้สบายๆ แต่ถ้าอาจารย์ประกาศยื่นคำขาดแบบนั้นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะไม่จบปีหนึ่งได้เช่นกัน
คิมฮิมชานช่วยชีวิตเขาไว้หลายครั้งเลยล่ะ… และยงกุกเชื่อว่าในอนาคตฮิมชานอาจจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งสำหรับเขา
“มีอะไรหรอ?”
“คือ.. พอดีว่าผมติดฝนอยู่ที่สวนสาธารณะแถวคอนโดฯคุณน่ะ แล้วมีธุระต้องไปต่อด้วย ไม่ได้เอาร่มติดมา เลยลองโทรขอความช่วยเหลือจากคุณดู...”
“อ๋อเหรอ...สวนที่มีป้ายรถเมล์อยู่ใช่ไหม?”
“เออใช่ๆ ที่นี่แหล่ะ”
“รอแปบแล้วกัน เดี๋ยวไป”
ยงกุกจบการสนทนาด้วยประโยคนั้น กดวางสายแล้วมองหน้าจุนฮง ซึ่งอีกคนมองหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ใครหรอพี่ยงกุก?”
“เพื่อนที่มหาฯลัยน่ะ เดี๋ยวพี่มานะ เขาติดฝนอยู่ที่สวน หรือจะออกไปด้วยกัน?”
“ไปๆๆๆๆ อยากกินไอติมๆ พาผมออกไปด้วยยยยย เลี้ยงด้วยยยยยยยยย!”
ยงกุกรู้สึกว่าคิดผิดจริงๆที่เอ่ยปากชวน ได้คืบจะเอาศอกตลอดไอ้เด็กคนนี้ รถของเขามีสองที่นั่ง ถ้าจุนฮงไปด้วย แล้วฮิมชานล่ะ?
แต่คนเป็นพี่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินไปหยิบกุญแจรถก่อนจะหยิบร่มที่เขาไม่ได้เอาออกไปใช้ประโยชน์เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาติดมือไปด้วย
Audi R8 สีขาวคันงามถูกจอดเทียบกับป้ายรถประจำทางที่มีผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วสักพัก ฝนที่ตกมานานก็หยุดตกไปตั้งแต่เขาออกจากคอนโดมายังไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำไป ยงกุกลดกระจกลงก่อนจะเรียกคนที่ตนเองตั้งใจมาหา
“ฮิมชาน!”
คนถูกเรียกสะดุ้งก่อนจะกล่าวตำหนิไปเล็กน้อยเมื่อถึงคราวที่ต้องการความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายบ้างกลับไม่ได้อย่างใจหวัง
“จะมาทำไมตอนที่ฝนหยุดตกแล้วครับคุณ?”
“ก็คุณเรียกผมมาไม่ใช่หรอ เอาร่มมาให้นี่ไง” ยงกุกกล่าวก่อนจะส่งร่มให้ฮิมชานที่เดินเข้ามาหาข้างๆตัวรถ
“ที่มานี่แค่จะเอาร่มมาให้น่ะนะ?”
“ก็ตอนแรกว่าจะมารับให้ขึ้นรถไปด้วยกันอยู่หรอก แต่จุนฮงมันงอแงจะออกมาด้วยน่ะ ก็เลยไม่มีทางเลือก ขอโทษด้วยแล้วกัน นี่ก็ช่วยสุดๆแล้วนะเว้ย”
“อ๋อ จุนฮงเด็กข้างห้องที่ชอบพูดถึงน่ะหรอ สวัสดีครับ พี่ฮิมชานนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มรูปหล่อกล่าวทักทายคนที่นั่งข้างคนขับด้วยรอยยิ้ม จุนฮงเองก็ยิ้มบางๆตอบกลับไป
พี่ฮิมชานดูเป็นคนหน้าตาดีทีเดียวเชียวล่ะ ใบหน้าที่เข้ารูป จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคม รูปร่างสมส่วน ผิวขาวๆที่ดูน่าจะขาวน้อยกว่าเขาสักหน่อย บวกกับเสื้อยืดสีแดงที่เจ้าตัวใส่อยู่มันยิ่งช่วยขับให้ผิวดูกระจ่างขึ้นไปอีก ยิ่งดูสะดุดตามากยิ่งขึ้น น่ามองจนจุนฮงเองก็รู้สึกใจสั่น...
“ครับ ผมจุนฮง อายุสิบหกครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
ทั้งสองยิ้มให้กันตามมารยาทที่ดีที่ควรทำ ก่อนยงกุกจะเอ่ยลาแล้วออกรถมา จุดหมายคราวนี้คือร้านไอศกรีมที่ไม่ไกลจากคอนโดเท่าไหร่นัก
คอนโดฯของพวกเขาอยู่ในย่านชุมชน ชีวิตจึงแลดูจะสะดวกสบายไปเสียหมด ไหนจะสวนสาธารณะ ร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม ไหนจะห้างสรรพสินค้าใกล้ๆนี่อีก มหาวิทยาลัยของยงกุกและโรงเรียนมัธยมของจุนฮงก็ถือว่าไม่ได้ไกลออกไปมากนัก ซึ่งเขาก็มักจะให้คนตัวเล็กติดรถมาโรงเรียนด้วยบ่อยๆ
ทั้งคู่นั่งอยู่ภายในร้านไอศกรีม ซึ่งจุนฮงก็สั่งเมนูที่ตนต้องการเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากสั่งอเมริกาโน่มาดื่มรอน้องชายกินไอติมสักแก้ว คนอายุน้อยกว่าก็เอ่ยปากสั่งช็อคโกแลตร้อนตัดหน้าเสียก่อน แล้วก็พูดออกมาว่า
‘วันนี้พี่ยงกุกกินกาแฟไปแล้วไง ไม่ต้องกินแล้ว พี่ห้ามผมไม่ให้กินกาแฟงั้นตอนนี้ผมห้ามพี่บ้างโอเคป่ะ’
“โหยยยยยยยยย ไอติมเย็นๆกับอากาศร้อนๆ นี่มันคือของคู่กันเลยแหล่ะพี่ยงกุก”
ร่างเล็กพูดไปพร้อมกับตักไอศกรีมเข้าปาก ท่าทางที่ดูมีความสุขที่สุดในโลกจนคนที่มาด้วยยังนึกหมั่นไส้เล็กๆ
“แล้วทำไมพี่ต้องมองหน้าผมแบบนั้นเล่า!?”
“เบื่อเด็กโอเวอร์แอ็คติ้ง เมื่อไหร่จะกินให้หมดซักทีล่ะ ลีลาอยู่นั่นแหล่ะ”
“โหพี่นี่ไม่เข้าใจไรเลยอ่ะ มันก็ต้องค่อยๆกินไปสิ ค่อยๆรับรสชาติหวานๆเย็นๆของไอติม แล้วผมมีความสุข ผมก็เป็นงี้แหละ ก็แก่แล้วไง ผมเพิ่งจะสิบหกยังเป็นวัยรุ่นอยู่เข้าใจป่ะ”
ส่ายหน้าให้กับความบ้าๆบอๆขาดๆเกินๆของคนตรงหน้าทีนึงก่อนจะยกแก้วช็อคโกแลตที่เจ้าตัววุ่นเป็นคนสั่งให้ขึ้นดื่ม
จู่ๆช้อนที่ตักไอศกรีมมาแล้วเกือบพูนก็ยื่นมาจ่อตรงปากพร้อมกับเด็กตัวแสบที่อ้าปากทำเสียงพึมพำในลำคอเป็นเชิงบอกให้พี่ชายเปิดปากรับของหวานนี่ไปซะ
เห็นมันคะยั้นคะยอขนาดนั้นน่ะนะ กินก็ได้ . . .
ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปาก รสหวานจนเขาคิดว่ามันออกจะไปทางเลี่ยนเสียมากกว่า ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะมากินขนมหวานอย่างเช่นไอศกรีม เค้ก หรือแม้แต่ไอ้ช็อคโกแลตร้อนแก้วตรงหน้านี่ด้วยซ้ำ . . .
ยังไงซะ มันก็ถือว่ารสชาติดีล่ะมั้งนะ
“อร่อยใช่ม้า? พี่ยงกุกต้องหัดกินของแบบนี้บ้างนะ เติมความหวานให้ชีวิต ไม่ใช่วันๆก็กินแต่กาแฟดำที่ไม่ใส่อะไรเลยอย่างอเมริกาโน่อะไรนั่นน่ะ” เสียงใสที่ยังคงจ้อไม่หยุด ยงกุกไม่ตอบอะไรแต่ก็พยักหน้าส่งๆแบบขอไปที
“กินเลอะเทอะอย่างกับเด็กสามขวบ”
“อะไร พี่ว่าผมเป็นเด็กสามขวบเรอะ! ผมโตแล้วนะ อายุสิบหกแหน่ะ!”
“แล้วเมื่อกี๊พูดกับพี่ว่า ผมยังเด็กอยู่ อายุสิบหก จะเอาไงกันแน่จุนฮง”
คนอายุมากกว่าพูดจบก็หยิบทิชชู่แล้วเอื้อมมือไปเช็ดคราบไอศกรีมที่เลอะอยู่ตรงริมฝีปากของคนตัวขาวตรงหน้า
จุนฮงอึ้งค้างไปเล็กน้อย ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ ใบหน้าขาวเจือสีจางๆ ความคิดเหมือนถูกหยุดยั้งไว้ชั่วขณะ แต่ก็สามารถเรียกสติกลับคืนมาได้ภายในเวลาไม่นานนัก
‘ เต้นแรงแบบนี้ไม่ดีนะ หัวใจ . . . ’
คนที่เมื่อกี๊พูดไม่มีหยุด ตอนนี้กลับก้มหน้าก้มตากินไอศกรีมถ้วยตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่มีการเงยหน้าขึ้นมาพูดคุย หรือตักไอศกรีมมาให้อีก...
ยงกุกมองภาพนั้นแล้วยิ้มขำเบาๆ เด็กหนอเด็ก ...
พอจุนฮงกินไอศกรีมเสร็จ ก่อนจะกลับคอนโดฯพี่ชายก็พาแวะไปห้างสรรพสินค้า เข้าซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้อวัตถุดิบไว้ทำกับข้าวประทังชีวิต ซื้ออาหารสำเร็จรูปแช่แข็งไว้ให้เผื่อว่าจะเกิดหิวตอนที่พี่ชายอย่างเขาไม่อยู่ขึ้นมาอีก ถึงแม้ว่าเด็กสิบหกจะบอกว่าไม่ชอบของพวกนี้เพราะมันดูไร้ประโยชน์ รสชาติก็ไม่ดีเท่าที่ทำสดใหม่ แต่จะให้ทำอะไรได้ ถ้าเขาต้องอยู่ทำงานหรือว่าทำกิจกรรมที่มหาลัยจนถึงค่ำมืดแล้วใครจะหาอะไรให้กิน จุนฮงยิ่งเป็นเด็กขี้เกียจอยู่ด้วย ถึงจะหิวแต่แค่เดินลงมาหาอะไรกินใต้คอนโดยังไม่ยอมทำเลยด้วยซ้ำไป
หลังจากที่ถึงคอนโดฯ ยงกุกก็จัดการเอาของทั้งหมดที่เพิ่งซื้อมาไปไว้ที่ห้องจุนฮงเพราะไหนๆก็ต้องมาสอนการบ้านน้องอยู่แล้ว ถ้าเขาหิวก็เอาคีย์การ์ดเปิดห้องเข้ามาทำอาหารได้อยู่ดี จะเก็บไว้ที่ไหนก็คงไม่ต่างกัน
“ไหนล่ะการบ้าน” ยงกุกที่เพิ่งเดินออกมาจากครัวเห็นว่าจุนฮงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเรียบร้อยแล้วก็เอ่ยถาม
“นี่ไง บทสนทนาที่เขาให้มาแปลว่าอะไรบ้างหรอพี่ยงกุก ผมก็อ่านออกนะ แต่ศัพท์บางคำผมไม่เคยเจอเลยไม่ค่อยเข้าใจ รูปประโยคก็เข้าใจยาก” พูดก่อนจะยื่นหนังสือให้พี่ชายดู ยงกุกรับมาก่อนจะหาจุดที่อีกคนไม่เข้าใจเพื่ออธิบายขยายความให้ฟัง มีศัพท์หลายคำที่เขียนคำแปลไว้แล้ว บางคำก็มีดินสอขีดไว้ ในหน้าหนังสือบางจุดก็ถูกแต่งเต้มด้วยรูปวาดเด็กมอปลายชอบวาดเล่นเวลาเบื่อๆ
“พี่ยงกุก... ขออะไรอย่างได้ป่ะ” จุนฮงนั่งมองหน้าพี่ชายด้านข้างด้วยความรู้สึกคาดหวังที่ยงกุกคงไม่ทันเห็นมัน
“ว่ามาสิ” คนเป็นพี่ที่สายตาและสมาธิจับจ้องอยู่ที่หนังสือก็เอ่ยถามน้องอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนัก
“อยู่ข้างๆผมแบบนี้ไปเรื่อยๆได้หรือเปล่า? คอยช่วยเหลือผมไปแบบนี้อีกนานๆเลยได้ไหม? อย่าทิ้งผมไปไหนนะ สัญญา?”
“ทำไมอยู่ดีๆถึงพูดแบบนี้ล่ะ เป็นอะไรไปเนี่ย” ยงกุกละสายตาจากหนังสือมามองหน้าจุนฮงแทน
“เหอะน่า สัญญาก่อนดิ” เด็กน้อยพูดก่อนจะยื่นนิ้วก้อยขึ้นมาเพื่อให้ยงกุกเกี่ยวไว้เป็นสัญลักษณ์ว่าจะสัญญาในสิ่งที่เขาพูด
“เออ สัญญาดิ จะทิ้งไปได้ไง เราเป็นถึงไอ้เด็กบ๊องห้องข้างๆเชียวนะ” ยงกุกกล่าวแล้วยื่นมือไปเกี่ยวนิ้วก้อยไว้กับอีกคน ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมา
ยงกุกสอนและอธิบายไปได้สักพัก จุนฮงก็เริ่มหาวหวอดๆ สมองของเด็กอายุสิบหกคงจะเริ่มล้าแล้ว เพราะเงยหน้ามาดูเวลาอีกทีก็พบว่าเขานั่งสอนการบ้านจุนฮงมาถึงสองชั่วโมง
“ผมง่วงอะ นอนก่อนได้ป่ะ”
“ให้มันได้อย่างนี้สิจุนฮง พ่อแม่รู้ดีใจตายเลย”
“พี่ก็เกินไป ของีบแปบนะ ปลุกผมด้วยแล้วกัน”
เด็กมัธยมปลายพูดเสร็จก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟามันซะอย่างนั้น และหากไม่ได้อย่างใจคนตัวเล็กก็คงโวยวายใส่อีกคนแน่นอน ยงกุกจึงตัดสินใจให้จุนฮงได้นอนพักสักตื่น ตั้งใจว่าค่ำๆค่อยปลุกให้ลุกมาเรียนต่อ
คนเป็นพี่มองหาหมอนอิงที่อยู่ใกล้ๆตัว แล้วค่อยๆยกศรีษะของน้องขึ้นมา ก่อนจะจัดการนำหมอนไปไว้แทนที่แขนจุนฮงที่ใช้หนุนอยู่
กลัวเหน็บจะกินแล้วตื่นมาโวยวายหรอกนะเลยทำน่ะ . . .
จุนฮงอมยิ้มเบาๆก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไป... วันนี้ก็เป็นวันหนึ่งในฤดูร้อน วันหนึ่งในหนึ่งปี ที่เขามีความสุข วันหนึ่ง ที่เขามีพี่ยงกุกอยู่ข้างๆแบบนี้ . . .
-To be continue-
…
.
BLUE AUTUMN
wahneun:
สวัสดีค่าาา ^^
มาช้าไปหน่อย แต่ก็มาแล้วนะคะ ฤดูแรกของเรา สวีทซัมฯ
ตอนหน้าก็น่าจะเดากันได้เนอะว่าคือพาร์ทของฤดูอะไร ระยะเวลาของแต่ละตอนจะห่างกัน1ปีนะคะ ยกเว้นพาร์ท3-4ที่จะต่อเนื่องกันเลย
ขอบคุณที่อ่านค่ะ มีเพื่อนบอกเพื่อนบอกพี่บอกน้องบอกต่อกันไปด้วยน้า
เม้นติชมได้เลยค่ะ จะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น :) ♥
ความคิดเห็น