คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 06 Days ♡
06 Days ♡
#เพื่อนรักเตียงสั่น
เสียงคุยจอแจของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์กว่าสามร้อยชีวิตทั้งชายและหญิงที่ดังข้ามหัวไปมาอยู่ในตอนนี้ บวกกับอากาศที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าวทำให้สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่นั่งอยู่บนโต๊ะหินอ่อนหน้าตึกคณะในตอนนี้ทำหน้าหงิกงอ อมลมแก้มป่อง พลางยกมือขึ้นมากอดอกเป็นระยะๆแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆราวกับเด็กน้อยถูกขัดใจ
ใช่! ตอนนี้ลูกชายคนเล็กของเจ๊พยูนกำลังหงุดหงิดเป็นที่สุด! และเหตุผลมันก็ไม่ได้มาจากอากาศร้อน คนเยอะหรือว่าอะไรทั้งนั้น แต่เป็นเพราะชายหนุ่มผู้ที่เขากำลังเรียกร้องความสนใจในตอนนี้ไม่สนใจเขาเลยสักนิดต่างหาก..
“โย่งกูหิ.. / พี่ชานยอลคะ ตรงนี้จำเป็นต้องกรอกรายละเอียดทั้งหมดรึเปล่า?”
ได้แต่นั่งเอามือเท้าคางพลางพรูลมหายใจออกมาหนักๆไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งระบายยิ้มหล่ออยู่ตรงข้ามก็ไม่เคยคิดจะปรายตามองเขาเลยแม้เพียงสักนิด..
มัวแต่นั่งโปรยยิ้มให้สาวอยู่ได้! คิดว่าหล่อนักรึไงไอ้โย่งหูกาง!
คอยดูนะพยอนแบคฮยอนจะงอนไม่คุยด้วยสามนาที!
“อะไรเตี้ย เห็นไหมกูทำงานอยู่..”
ในเมื่อเรียกกี่ครั้งก็แล้ว นั่งทำหน้าน่ารักกระพริบตาปริบๆให้กี่ครั้งก็แล้ว แต่ก็ไม่สามารถดึงความสนใจของท่านประธานมาดขรึมที่กำลังง่วนอยู่กับการแจกแผนเข้าค่ายตรงหน้าได้ เท้าเล็กๆก็เลยยื่นไปเขี่ยๆหว่างขาของอีกคนเบาๆ ซึ่งมันก็อาจทำให้ได้รับความสนใจกลับมานิดหน่อย โดยการเลิกคิ้วถามด้วยความรำคาญ..
“อืม..งั้นก็ทำงานของมึงต่อเถอะ กูไม่ยุ่งก็ได้..”
เอ่ยเสียงเบาพลางหลุบตาต่ำก้มมองมือตัวเองที่วางอยู่บนตักอย่างน่าสงสาร ในขณะที่ปลายเท้าเรียวเล็กก็ทำหน้าที่เขี่ยๆจิ้มๆหว่างขาของอีกคนไม่หยุด จนทำให้ปาร์คชานยอลแทบจะไม่มีสมาธิทำงาน เนื่องจากประสาทสั่งการของชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดในตอนนี้มันไหลรวมไปอยู่จุดที่คนตัวเล็กกำลังเขี่ยๆหมดแล้ว
ชานยอลน้อยลูกพ่อ..ใจเย็นลูก..
ทำงานนะครับ..ทำงาน..
“อากาศวันนี้มันร้อนแปลกๆนะว่าไหมอี้ อ่าห์~ ร้อนจริงๆเลย”
“สงสัยคงต้องไปหาล้างตัวซะหน่อยล่ะ เดี๋ยวกูมานะ..”
เอ่ยเสียงหวิวพลางยกมือขึ้นลูบไล้ลำคอระหงแล้วทำหน้าเซ็กซี่นิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้น ทำให้ประทานมาดขรึมที่จิตใจกำลังจดจ่ออยู่กับกองแผนงานตรงหน้าถึงกับกลืนก้อนเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก
แมร่งโคตรเซ็กซี่บอกเลย!
สงสัยงานนี้ปาร์คชานยอลคงต้องตามไปลูบไล้ล้างเนื้อล้างตัว ถอดเสื้อผ้าให้เสียหน่อยแล้ว..
“กูฝากแจกแผ่นพวกนี้ให้น้องๆต่อด้วยนะ เดี๋ยวกูจะตามไปล้างตัวให้หมาเตี้ย..”
เอ่ยเสียงเบาราวกับกำลังเพ้อฝัน ก่อนจะรีบยันตัวลุกขึ้นจากโต๊ะแล้ววิ่งตามคนตัวเล็กไปทางห้องน้ำหลังตึกคณะทันที ซึ่งการกระทำทั้งหมดทำให้เพื่อนๆทุกคนถึงกับหน้าแดง
“พวกมึงว่าไอ้ประธานจะเอาน้ำอะไรล้างตัวให้ไอ้หมา?”
“ระหว่างน้ำสะอาดธรรมดา กับ น้ำสีขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจากหัวอนาคอนด้ายักษ์ของมัน..”
“!!”
“ป๋ายครับ รอยอลด้วยสิครับเบบี๋”
เอ่ยถ้อยคำหวานหยาดเยิ้มในยามที่อยู่ด้วยกันเพียงต่อสองพลางสาวท้าววิ่งตามคนตัวเล็กที่เดินอยู่ด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว นั่นทำให้ริมฝีปากระเรื่อถึงกับคลี่ยิ้มบางๆออกมา ก่อนจะรีบยกฝ่ามือน้อยๆทั้งสองขึ้นประกบริมฝีปากเอาไว้เบาๆเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะ ก็ใครบอกให้หมอนี่ไม่สนใจเขาก่อน
เพราะฉะนั้นคราวนี้ลูกชายคนเล็กของเจ๊พยูนจะเอาคืนให้หนักเลยคอยดู J
“ทำไมไม่ยอมรอยอลยอลเลยล่ะครับเบบี๋..”
เอ่ยเสียงแง่งอนพลางกอดกระชับเอวคอดเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปสูดดมความหอมจากพวงแก้มนิ่มเบาๆด้วยความคิดถึง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากสนใจหมาน้อยตัวนี้เสียหน่อย แต่ที่ต้องทำเป็นเฉยก็แค่อยากจะทำหน้าที่ของประธานคณะให้ดีที่สุดก็เท่านั้น ใครเล่าจะไม่อยากเงยหน้าขึ้นมามองหมาเตี้ยที่นั่งกระพริบตาปริบๆอยู่ตรงหน้า
ในเมื่อหมาน้อยตัวนี้ออกจะน่าฟัด น่าขย้ำเสียขนาดนี้..
“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย.. จะมากอดทำไม.. ในเมื่อไม่คิดจะสนใจกันอยู่แล้วหนิ”
แกล้งเอ่ยอย่างงอนๆพลางพยายามแกะมือหนาออกจากเอว แล้วยืนหันหลังกอดอกให้คนใจร้ายในขณะที่ริมฝีปากระเรื่อกำลังแอบอมยิ้มน้อยๆ เมื่ออีกคนเอาหน้ามาถูๆกับไหล่ของเขาไม่หยุดอย่างออดอ้อน
“โธ่เบบี๋.. ใครบอกว่ายอลไม่สนใจล่ะครับ ถ้าไม่สนยอลจะรีบทิ้งงานแล้ววิ่งตามป๋ายมาถึงนี่หรอหืม..”
เอ่ยเสียงอ้อนพลางสอดแขนเข้าไปกอดกระชับเอวคอดเอาไว้อย่างเคย ก่อนจะโน้มริมฝีปากลงไปจุ๊บเบาๆที่ซอกคอหอมกรุ่นไม่หยุด ซึ่งมันทำให้คนที่กำลังแกล้งงอนแทบจะหลุดหัวเราะคิกคักออกมา
ปาร์คชานยอลไอ้เด็กโข่งขี้อ้อนน่าหมั่นไส้จริงๆเลย..
“อืมๆรู้แล้ว ไม่แกล้งแล้วก็ได้ กลับไปทำงานให้เสร็จเลยไปคุณประธาน”
เอ่ยเสียงอ่อนพลางหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเอียงหน้าขึ้นสบตากับคนที่กอดจากทางด้านหลังนิดหน่อยเพื่อเป็นการบอกว่ายกโทษให้แล้ว โดยที่ไม่รู้ว่าหรอกว่าการกระทำแบบนี้มันทำให้ราชสีห์หนุ่มผู้ที่กำลังหื่นกระหายอยากจะขย้ำลูกหมาตัวน้อยที่แสนจะน่ารักนี่เพิ่มเป็นทวีคูณ
“ยะ ยอล..อื้อ~”
กำลังจะเอ่ยถามว่าอีกคนจะทำอะไร แต่ก็คงไม่ต้องลำบากเอ่ยถามเสียแล้วเนื่องจากตอนนี้โดนคนเจ่าเล่ห์ดูดกลืนความหอมหวานจากโพลงปากเล็กๆเป็นที่เรียบร้อย
“ร้อนหรอครับหืม? งั้นเดี๋ยวยอลพาเข้าไปล้างตัวนะครับเบบี๋”
ยกมือสองข้างขึ้นลูบพวงแก้มเนียนเบาๆพลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากใบหน้าสวยหวานในตอนนี้มีหยาดเหงื่อไหลลงมาประปรายเล็กน้อย นั่นจึงทำให้คนถูกถามถึงกับเบ้ปากพลางทำตาฆ้อนใส่เบาๆ
ก็จะไม่ให้ลูกชายคนเล็กของเจ๊พยูนเหงื่อแตกแบบนี้ได้อย่างไรกัน ในเมื่อหมอนี่เอาแต่ดูดปากเขาไม่หยุดราวสิบนาทีได้ จนตอนนี้ปากของเขาคงจะช้ำไปหมดแล้วกระมัง ปาร์คชานยอลไอ้หื่น!
“อื้อ~ ยอลไม่เอาสิ ไม่เล่นแล้วป๋ายอยากกลับไปนอน รีบๆไปทำงานให้เสร็จเลย”
เอ่ยเสียงหวาน ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความจริงจังพลางยกมือขึ้นปัดป่ายใบหน้าคมคายที่เอาแต่โน้มลงมาหอมนู่น จุ๊บนี่ไม่หยุดให้ออกห่าง และไม่นานดวงตากลมมนคู่สวยก็ถึงกับเบิกโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ เนื่องจากจู่ๆก็โดนคนเจ้าเล่ห์ยกเขาขึ้นพาดบ่าก่อนจะพาเดินเข้ามาในห้องอาบน้ำที่อยู่หลังสุดด้วยความรวดเร็ว
“ก็ยอลไม่อยากทำงานแล้วนี่ครับ แต่อยากทำอย่างอื่นมากกว่า..”
“เรามาล้างตัว ถูหลังกันดีกว่านะครับเบบี๋..”
“!!”
ดวงตาคู่สวยถึงกับเบิกโพลงขึ้นมาทันที เพราะหมอนี่ไม่ได้แค่พูดแต่กำลังค่อยๆโน้มริมฝีปากเข้าหาซอกคอแล้วดูดเม้มเบาๆพอให้รู้สึกสยิวกิ้ว ในขณะที่ฝ่ามืออุ่นๆก็ค่อยๆถกชายเสื้อนักศึกษาของเขาขึ้นแล้วลูบไล้ตั้งแต่หน้าท้องแบนราบขึ้นมายังจุดกระสันเบาๆ จนคนตัวเล็กได้แต่ยืนตัวสั่นและแทบจะทรงตัวไม่อยู่เนื่องจากแข้งขามันอ่อนระทวยไปหมด
ปาร์คชานยอลมันร้ายกาจ!
หมอนี่บังอาจทำให้ลูกชายคนเล็กของเจ๊พยูนสมยอมอีกแล้ว T_____T
“อะ อื้อ~ ยะ ยอล ~ มะ ไม่เอา พะ พอแล้ว..”
พยายามเอ่ยท้วงด้วยเสียงอันแหบพร่า พลางยกมือสองข้างที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงผลักใบหน้าหล่อที่กำลังซุกไซร้อยู่บนเนินอกสีสวยให้ออกห่าง ไม่รู้ว่าหมอนี่มันแอบปลดกระดุมเสื้อของเขาออกตั้งแต่ตอนไหน แต่ที่รู้คือตอนนี้ต้องพยายามห้ามความรู้สึกของตัวเองที่กำลังลุ่มหลงไปกับการปรนเปรอที่แสนจะเร่าร้อนของหมอนี่ให้ได้
เพราะถ้าปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิดไปมากกว่านี้..
มีหวังลูกชายคนเล็กของเจ๊พยูนได้เสียตัวครั้งแรกในห้องน้ำมหาลัยแน่ๆ!
“ไม่เอาครับ ยอลอยากล้างตัวกับป๋ายก่อน งั้นเดี๋ยวล้างตัวกันเลยนะครับเบบี๋..”
เอ่ยเสียงแหบพร่าพลางยกมือขึ้นเชยคางเรียวเชิดขึ้นเล็กน้อยแล้วบดเบียดริมฝีปากลงบนความหอมหวานอีกคราด้วยความเร่าร้อน ก่อนจะใช้จังหวะที่คนตัวเล็กในอาณัติกำลังเคลิบเคลิ้มยื่นมืออีกข้างไปเปิดฝักบัว จนกระทั่งหยดน้ำค่อยๆไหลลงมากระทบผิวกายขาวเนียนที่เปลือยเปล่า ในขณะที่ตอนนี้เรือนร่างขนาดต่างไซน์ของคนทั้งสองก็กำลังเปียกชุ่มไปทั้งตัว
ซึ่งมันทำให้กิจกรรมในร่มครานี้ เร้าใจกว่าครั้งที่ผ่านๆมาเป็นเท่าทวี..
“อึก..ฮ้า~ ยะ ยอลไม่เอา พะพอก่อนนะ ปะป๋าย อึก ฮ้า~”
เอ่ยเสียงแหบพร่าพลางพยายามยกมือน้อยๆทั้งสองข้างที่แสนจะไร้เรี่ยวแรงดันใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังดูดเม้มเนินอกสีสวยทั้งสองข้างสลับไปมาเนื่องจากทนไม่ไหว
ไม่ไหวแล้ว..
พยอนแบคฮยอนต้านทานการปรนเปรอของปาร์คชานยอลไม่ไหวแล้วจริงๆ..
“อึก! ยะ ยอล พะ พอก่อน ป๋ายไม่ไหวแล้ว มะ ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้..”
ฝ่ามืออุ่นๆที่กำลังรูดซิบกางเกงของคนตัวเล็กลงถึงกับชะงัก เนื่องจากมือเรียวทั้งสองข้างที่เย็นชืดยื่นมาจับมือของเขาเอาไว้ด้วยความสั่นเทา และในขณะที่หน่วยตาคมค่อยๆเงยขึ้นมองคนตัวเล็ก มันก็ทำให้เขาหยุดการกระทำที่แสนจะเอาแต่ใจทั้งหมดลงในทันทีด้วยความรู้สึกปวดหนึบที่ใจราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเค้นหัวใจของเขาอย่างแรง
ลูกหมาตัวน้อยที่กำลังยืนตัวสั่น ปากซีด ตัวซีด ผิวกายนวลเนียนเปลือยเปล่าที่เคยอมชมพูระเรื่อ ทว่าบัดนี้มันกลับดูซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้หัวใจของปาร์คชานยอลรู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่เคยเป็น
“หนาวหรอครับคนดี หนาวมากไหม? ยอลขอโทษนะครับ ขอโทษที่ยอลเอาแต่ใจแบบนี้ ขอโทษนะครับ..”
เอ่ยขอโทษซ้ำๆพลางกอดกระชับร่างบอบบางที่กำลังสั่นเทาเอาไว้แน่น แล้วจูบลงไปบนขมับชื้นด้วยความหวงแหนไม่หยุด จึงทำให้คนตัวเล็กในอ้อมกอดรีบส่ายหัวไปมาเบาๆเพื่อจะบอกว่าไม่เป็นไร
“มะ ไม่เป็นไรนะยอล ป๋ายไม่ได้เป็นอะไรมากก็แค่..ฮัดชิ้ว~”
รีบเอ่ยบอกเพื่อหวังให้อีกคนได้คลายกังวล ทว่าเสียงแหบแห้งที่พยายามเปล่งออกมานั้น มันกลับทำให้หัวใจของปาร์คชานยอลรู้สึกปวดหนึบมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านัก..
น้องหมาของเขากำลังจะป่วย..
“ไหวไหมครับ? เดี๋ยวเอาเสื้อยอลคลุมไว้ก่อนนะ ถึงรถแล้วยอลจะเปลี่ยนเสื้อให้นะครับ”
เอ่ยถามพลางขมวดคิ้วด้วยความกังวลในขณะที่กำลังพยายามกลัดกระดุมเสื้อให้คนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอดเสื้อนักศึกษาของตัวเองออกแล้วยกขึ้นคลุ่มร่างเล็กๆที่กำลังยืนสั่นงกๆด้วยความเป็นห่วง โชคดีที่วันนี้เขาใส่เสื้อกล้ามข้างในมาด้วย ไม่อย่างนั้นมีหวังได้เปลือยท่อนบนเดินออกจากห้องน้ำท่ามกลางสายตาคนนับร้อยเป็นแน่..
“ยะ ยอลคือ ปะ ป๋ายเดินเองดะ.. / ไม่เอาครับ น้องหมาไม่สบายอยู่ต้องห้ามดื้อนะครับรู้ไหม เดี๋ยวโดนพี่ยอลจูบทำโทษไม่รู้ด้วยนะ..”
แกล้งเอ่ยขู่พลางค่อยๆโน้มใบหน้าลงไปใกล้แล้วทาบทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนเบาๆ ก่อนจะกอดกระชับร่างบอบบางในอ้อมอกด้วยความระมัดระวัง แล้วเดินอุ้มลูกหมาตัวน้อยที่กำลังป่วยเดินออกมาจากในห้องน้ำในสภาพที่ค่อนข้างล่อแหลมพอสมควร..
“อะ ไอ้หมา! อะ ไอ้ประธาน! ทำไมถึงออกมาในสภาพนี้วะ?”
“ยะ อย่าบอกนะว่าพวกมึงซัมบาราเห้กันแล้วจริงๆ!”
“!!”
เสียงมินซอกกับอี้ชิงที่เอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ ทำให้ทั้งรุ่นน้อง รุ่นพี่ รวมถึงเพื่อนๆในคณะถึงกับอ้าปากค้างและหันมามองพวกเขากันเป็นตาเดียว..
ก็จะไม่ให้อี้ชิงกับมินซอกตกใจแบบนี้ได้อย่างไร ในเมื่อไอ้ประธานเดินอุ้มเพื่อนรักของพวกเขาออกมาจากในห้องน้ำ ในขณะที่หมอนี่ใส่แค่เสื้อกล้ามสีขาวบางๆแค่ตัวเดียว ส่วนเพื่อนตัวเล็กๆของพวกเขาก็กำลังตัวซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด แถมยังเอาแต่ซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นๆของไอ้ประธานไม่ยอมหันมามองพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมันทำให้มินซอกและอี้ชิงสามารถคอนเฟิร์มได้ว่า..
ลูกชายคนเล็กของเจ๊พยูนถูกไอ้ประธานมาดขรึมพรากพรหมจารีแล้วอย่างแน่นอน!
“ช่วยเอาของๆกูกับไอ้เตี้ยมาส่งที่รถให้หน่อย ส่วนเรื่องงานกูฝากพวกมึงดูต่อด้วยนะ”
“กูต้องรีบพาหมาน้อยกลับไปพัก อาการแย่ว่ะ โดนน้ำแค่นิดเดียวไม่สบายตัวร้อนใหญ่เลย..”
“!!”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกด้วยความร้อนรนพลางก้มมองคนตัวเล็กในอ้อมอกด้วยความเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิดก่อนจะรีบสาวเท้าไปยังปอร์เช่คันหรูทันที โดยที่ไม่ได้คิดจะชี้แจงข้อกล่าวหาเรื่องซัมบาราเห้ที่ทุกคนกำลังเข้าใจผิดเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้คนตัวเล็กในอ้อมอกของเขาย่อมสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
นั่นทำให้ทุกคนต่างก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าสองคนนี้คงจะซัมบาราเห้กันแล้วจริงๆ แถมยังจัดหนักจนคนตัวเล็กถึงกับไม่สบายเสียด้วย แสดงว่าอนาคอนด้าของหมอนี่ท่าจะเด็ดเอาการเชียวล่ะ แล้วยังจะกล้าพูดอีกนะ ว่าโดนน้ำแค่นิดเดียวก็ไม่สบาย..
“กูว่านะไอ้หมามันซีดถึงขนาดนี้..”
“คงไม่ได้โดนน้ำของไอ้ประธานแค่รอบเดียวหรอก.. แต่ดูท่าน่าจะโดนหลายรอบว่ะ”
“!!”
“เป็นยังไงบ้างครับ รู้สึกอุ่นขึ้นบ้างไหม?”
เอ่ยถามพลางกระชับอ้อมกอดแล้วจูบลงบนขมับชื้นซ้ำๆเพื่อวัดอุณหภูมิกายของคนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปาร์คชานยอลไม่แน่ใจว่ามันจะทำให้ลูกหมาตัวน้อยของเขาคลายความเหน็บหนาวได้มากเพียงใด เพราะเสื้อผ้าที่ใช้เปลี่ยนให้ก็เป็นแค่ชุดกีฬาตัวโคร่งเนื้อผ้าบางๆที่เขาเตรียมติดรถเอาไว้เพื่อซ้อมบาสก็เท่านั้น..
“ป๋ายไม่เป็นไรแล้ว ยอลไม่ต้องห่ว.. ฮะ ฮัดชิ้ว~”
พยายามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูปกติที่สุดเพื่อหวังให้อีกคนคลายกังวล ทว่าสุดท้ายแล้วคนตัวเล็กก็ต้องยอมรับความจริงว่าตอนนี้ร่างกายเริ่มจะไม่ไหวเต็มที เพราะรู้สึกหนาวจนแทบขาดใจ..
“ไม่ดีขึ้นเลยหรอครับ? งั้นยอลว่าเราคงต้องทำแบบนี้แล้วล่ะ”
ในเมื่อพยายามทำทุกวิถีทางแล้วแต่ก็ไม่อาจคลายความหนาวให้คนตัวเล็กในอ้อมกอดได้เสียที ปาร์คชานยอลจึงจำเป็นต้องใช้วิธีสุดท้ายที่เขาเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งในตอนที่คนตัวเล็กไม่สบายหนักเมื่อครั้งมัธยมปราย ซึ่งชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดยังจำความรู้สึกในครั้งนั้นได้เป็นอย่างดี
เพราะมันทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะเป็นครั้งแรก..
“แบบนี้ดีขึ้นไหมครับ? รู้สึกดีขึ้นไหม?”
เอ่ยถามพลางยกมือขึ้นเกลี่ยพวงแก้มเนียนที่เริ่มอมชมพูระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยอย่างแผ่วเบา ทำให้คนถูกถามรีบหลุบตาต่ำทันทีก่อนจะซุกหน้าลงกับอกอุ่นๆเปลือยเปล่าด้วยความเขินอาย
เนื่องจากตอนนี้พยอนแบคฮยอนและปาร์คชานยอลกำลังนั่งกอดกันภายใต้ผ้าห่มผืนบางในขณะที่เนื้อตัวของคนทั้งคู่นั้นเปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆปกปิดร่างกายส่วนบน และนับว่าเป็นครั้งแรกที่ร่างกายของคนทั้งสองแนบชิดกันโดยไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดเช่นนี้ตั้งแต่โตขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้คนทั้งสองอดที่จะเขินอายกันไม่ได้เป็นธรรมดา
ทว่ากลับมีอยู่สิ่งหนึ่งที่มันคงจะไม่ปกตินักสำหรับคนที่คอยบอกคนอื่นอยู่เสมอว่าเป็นเพื่อนกัน นั่นก็คือหัวใจทั้งสองดวงกำลังเต้นแข่งกันอย่างรัวแรงกระทั่งอีกฝ่ายสามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน และมันก็คงจะเป็นเครื่องบ่งบอกและยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าความสัมพันธ์ของปาร์คชานยอลและพยอนแบคฮยอน..
คงเกินเลยและมากกว่าคำว่าเพื่อนไปแล้วอย่างแน่นอน..
“ยอล..”
ท่ามกลางความเงียบที่ได้ยินเพียงแค่เสียงหัวใจสองดวงที่กำลังเต้นแข่งกัน จู่ๆเสียงหวานก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับค่อยๆเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักด้วยความจริงจัง
“ครับ..”
ขานรับเบาๆพลางทอดมองดวงตากลมมนคู่สวยที่กำลังจ้องมองมาอย่างไม่อาจละสายตา และการกระทำเช่นนี้มันก็ยิ่งทำให้หัวใจของคนทั้งสองทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมเป็นหลายเท่านัก..
“ยอลเคยหัวใจเต้นแรงแบบนี้กับใครมาก่อนไหม?”
เอ่ยถามด้วยความใสซื่อตามแบบฉบับของคนไม่เคยมีความรัก โดยที่ไม่รู้หรอกว่าการะกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้หัวใจของอีกฝ่ายต้องทำงานหนักขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
“แล้วคิดว่ายอลเคยไหมล่ะครับหืม?”
เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโอนพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นเกลี่ยริมฝีปากระเรื่อเบาๆด้วยความเอ็นดู ในขณะที่สายตาของคนทั้งสองยังคงสบกันอยู่ไม่ห่าง นั่นทำให้ลูกชายคนเล็กของเจ๊พยูนแทบหยุดหายใจ
“มะ ไม่รู้สิ ก็มันหัวใจยอลหนิ มะ ไม่ใช่หัวใจป๋ายซะหน่อย..”
เอ่ยตอบตะกุกตะกักพลางหลุบตาต่ำเพื่อหลบนัยน์ตาคมที่กำลังจดจ้องอย่างไม่วางตา ทำให้ริมฝีปากหยักถึงกับระบายยิ้มอ่อนๆออกมาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือเชยคางเรียวให้เชิดขึ้นเล็กน้อยแล้วทาบทับริมฝีปากลงบนกลีบเนื้อนุ่มเบาๆ ก่อนจะค่อยๆละริมฝีปากออกมาจากความหอมหวานด้วยความอ้อยอิ่ง..
“แล้วถ้ายอลบอกว่ามีแค่หมาน้อยคนนี้แค่คนเดียว.. ที่ทำให้หัวใจของยอลเต้นแรงแบบนี้..”
“ป๋ายจะเชื่อยอลไหมครับ?”
เอ่ยเสียงอ่อนนุ่ม ทว่านัยน์ตาคมที่กำลังสบประสานอยู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความจริงจังที่ฉายชัดอยู่บนแก้วตาฉ่ำหวาน นั่นทำให้ใจดวงน้อยถึงกับสั่นไหวอย่างไม่เคยเป็น ก่อนจะรีบซุกหน้าลงกับอกอุ่นๆพลางกำมือทั้งสองข้างบนตักเข้าหากันแน่น..
คะ ความรู้สึกแบบนี้..
มันเรียกว่ารักใช่รึเปล่านะ..
“หน้าแดงแบบนี้สงสัยคงจะหายหนาวแล้วมั้ง แบบนี้ก็ได้เวลาทำต่อแล้วสินะ..”
เอ่ยแซวคนในอ้อมกอดเล็กน้อยพอให้ชุ่มชื้นหัวใจ พลางกดจมูกลงบนพวงแก้มนิ่มเบาๆเพื่อวัดอุณหภูมิอีกรอบ ทำให้ได้รับสายตาค้อนกลับมาทันที ตามด้วยแรงขืนน้อยๆที่กำลังขืนตัวออกจากอกอุ่นๆของเขา
“นี่กูไม่สบายอยู่นะคนบ้า! มึงยังจะกล้าคิดเรื่องแบบนี้อีกหรอ..”
“ชานยอล! ปาร์คชานยอลไอ้คนลามก! ออกไปไกลๆกูเลยนะ ฮื่อ..”
ผลักอีกคนออกจากผ้าห่มพลางกอดกระชับผ้าห่มผืนบางเอาไว้กับตัวแน่นเพื่อป้องกันอีกฝ่ายแล้วนั่งตัวสั่นงกๆอยู่กับที่ราวกับลูกหมาตกน้ำ ทำให้ริมฝีปากหยักได้แต่ระบายยิ้มอ่อนๆออกมาด้วยความเอ็นดู
คิดว่าแค่นี้จะหนีรอดหรือไงกันหมาน้อย ถ้าปาร์คชานยอลคิดจะทำเรื่องอย่าว่าจริงๆต่อให้คนตัวเล็กนี่ใส่เสื้อผ้าเป็นร้อยๆชิ้น เขาก็สามารถจัดการได้หมดทั้งนั้นแหละ แล้วนับประสาอะไรกับผ้าห่มบางๆแค่ผืนเดียวนี่ ที่เขาแค่จัดการดึงมันออกจากกายสวยงามในตอนนี้เสีย เขาก็แทบไม่ต้องลงแรงอะไรและเขมือบหมาน้อยตัวเปลือยนี่ได้ในทันที
แต่ที่ชายหนุ่มพูดหยอกออกไปเมื่อครู่เพียงเพราะเขาอยากรู้ว่าคนตัวเล็กนี่อาการเป็นอย่างไรบ้างก็เท่านั้น และเมื่อเห็นว่าเสียงหวานๆตวาดเขาได้อย่างเดิมแล้ว ก็เป็นอันว่าอาการของลูกหมาในตอนนี้คงจะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว
แบบนี้ค่อยทำให้หัวใจของเขาคลายกังวลได้หน่อย..
“ด่ากูแว้ดๆได้เหมือนเดิมแล้วนี่ งั้นก็คงกลับคอนโดกันได้แล้วสินะหมาเตี้ย..”
เอ่ยหยอกหมาน้อยที่แสนจะน่ารักอีกทีพลางยื่นมือไปยีเรือนผมนิ่มแรงๆสองสามทีจนกระทั่งเส้นผมสลวยสีน้ำตาลอ่อนฟูฟ่องไปหมดเพื่อเช็คดูอาการอย่างละเอียด นั่นทำให้ลูกหมาตัวน้อยผู้ถูกกระทำได้แต่นั่งกอดผ้าห่มเอาไว้แน่นแล้วอมลมแก้มป่องอย่างน่ารักก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คนเจ่าล์ถึงกับยิ้มกริ่ม..
“เออ! จะพาไปไหน จะทำอะไรก็เชิญเลย!”
เอ่ยพึมพำเบาๆเพียงคนเดียวพลางหันหน้าหนีอีกฝ่ายเพราะไม่อยากจะมองหน้า จากนั้นจึงอมลมแก้มป่องแล้วบ่นงุ้งงิ้งออกมาไม่หยุดตามแบบฉบับลูกหมาจอมขี้บ่น นั่นทำปาร์คชานยอลถึงกับหัวเราะเบาๆในลำด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ลูกหมาตัวน้อยถึงกับขนอ่อนลุกชันไปทั้งตัวเพราะความสยิวกิ้ว
“หืม..จะให้พาไปไหน ทำอะไรก็ได้จริงอ่ะ?”
“งั้นไม่พาไปไหนไกลหรอก ทำในรถเนี่ยแหละมันแคบ น่าจะเร้าอารมณ์ดี ยังไม่เคยลองเลย..”
“!!”
เอ่ยหยอกออกไปอีกทีพลางโน้มใบหน้าเข้าหาริมฝีปากระเรื่อมากขึ้นเรื่อยๆจนจมูกแทบชิดกัน ทว่าคนตัวเล็กกลับรีบยกผ้าห่มผืนบางขึ้นคลุมใบหน้าเอาไว้เสียก่อน ปาร์คชานยอลจึงทำได้แค่หัวเราะเบาๆในลำคอเมื่อริมฝีปากของเขาชนเข้ากับหัวทุยๆภายใต้ผ้าห่มผืนบางแทน..
“มะ ไม่ต้องมาจุ๊บกูเลยนะ!”
“เชิญไปจุ๊บกับเด็กๆทั้งหลายที่มึงเคยลองมาเลย!”
“ปาร์คชานยอลไอ้บ้า! ไอ้คนเจ้าชู้! ไม่ต้องมาแตะตัวกูเลยนะ! ฮื่อ..”
เสียงหวานเอ่ยอู้อี้ออกมาจากผ้าห่มผืนบางพลางกระทืบเท้าปึงปังกับพื้นรถไม่หยุดและพยายามเบี่ยงตัวหลบเขา ทำให้ปาร์คชานยอลถึงกับระบายยิ้มออกมาจนขึ้นรอยบุ๋มที่แก้ม เนื่องจากหัวใจของชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดตอนนี้รู้สึกพองโตอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคิดว่าที่คนตัวเล็กเป็นแบบนี้อาจจะเป็นเพราะกำลังหึงหวงตนอยู่
ซึ่งปาร์คชานยอลเองก็ไม่รู้หรอกว่าการที่เขารู้ว่าอีกคนกำลังหึงหวง ทำไมมันถึงทำให้หัวใจของเขาพองโตและเต้นแรงมากถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มรู้แค่ว่าเขาชอบที่จะให้คนตัวเล็กแสดงออกมาแบบนี้ ชอบที่จะให้คนตัวเล็กหึงหวงเขา เพราะมันทำให้เขามีความสุขทุกครั้ง..
และจะต้องเป็นเขาแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่มีสิทธิ์สัมผัสร่างกาย กอดหรือจูบหมาน้อยตัวนี้ ไม่มีทางที่คนอื่นจะมาแตะต้องหมาน้อยของเขาได้เป็นอันขาด และที่สำคัญเขาก็ไม่อยากให้หมาน้อยตัวนี้ไปหึงหวงหรืออ้อนผู้ชายคนอื่นนอกจากเขาเพียงคนเดียว..
อาการแบบนี้มันเรียกว่าอะไรกันแน่วะ?
หวงเพื่อนสินะ หวงเพื่อน..
ปาร์คชานยอลหวงพยอนแบคฮยอนในฐานะเพื่อน.. ใช่แล้ว เพื่อน..
เมื่อประธานคณะวิศวะผู้ชาญฉลาดและรอบรู้ในทุกๆเรื่องประมวลผลให้กับความรู้สึกของตัวเองเรียบร้อยและฟันธงแล้วว่าความรู้สึกที่ตัวเองคิดกับคนตัวเล็กก็คือเพื่อน ก็เลยยกยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาคนตัวเล็กแล้วเอ่ยกระซิบที่ข้างใบหูเบาๆอย่างหยอกล้อ
“นี่หึงกูอยู่หรือไง? หึ..”
เอ่ยเสียงเบาพลางขบเม้มริมฝีปากลงบนใบหูนิ่มสองสามทีพอให้คนตัวเล็กรู้สึกวาบหวิวเล่นๆ ก่อนจะค่อยๆไล้ปลายจมูกไปตามโครงหน้าสวยแล้วเงยขึ้นสบตากับลูกหมาตัวน้อยที่ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อทำตาเลิ่กลั่ก
“จะ จะบ้าหรือไง! คะ ใครบอกว่ากูหึง..”
“หะ หูกาง ขาโก่ง แถมยังขี้หลงตัวเองแบบนี้ คะ คิดว่า กะ กูจะหึงหรือไง..”
“อะ ไอ้บ้า! ใส่เสื้อแล้วไปขับรถเลยไป! กูอยากกลับคอนโดแล้ว ปะ ปาร์คชานยอลไอ้คนบ้า!”
เอ่ยตะกุกตะกักพลางก้มลงหยิบเสื้อนักศึกษาที่วางอยู่ข้างๆโยนใส่หน้าอีกคนอย่างแรง ทำให้คนที่ถูกด่าแถมยังโดนประทุษร้ายได้แต่คลี่ยิ้มออกมาไม่หุบราวกับคนบ้า..
“เออๆไม่หึงก็ไม่หึงดิจะโวยวายทำไมวะ..”
“แล้วก็อย่าไปทำนิสัยมุ้งมิ้งแบบนี้กับคนอื่นล่ะรู้ไหม..กูหวง”
ปล่อยระเบิดไว้ให้คนตัวเล็กได้หัวใจเต้นแรงและหน้าแดงเล่นๆก่อนจะหยิบเสื้อนักศึกษาที่เปียกชุ่มมาใส่อย่างลวกๆแล้วย้ายตัวไปยังเบาะคนขับด้านหน้าอย่างไม่คิดจะสนใจกับคำพูดของตัวเองเท่าไหร่นัก ซึ่งไม่มีใครรู้หรอกว่าแท้จริงแล้วปาร์คชานยอลก็แค่ทำเป็นเก๊กไปงั้นแหละ
เพราะตอนนี้หัวใจของเขาก็เต้นแรงอย่างไม่แพ้กันกับคำๆนี้ คำว่า หวง ที่เขากล้าบอกกับคนตัวเล็กซึ่งๆหน้าแบบนี้เป็นครั้งแรก ก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า ในใจของเขามันเรียกร้องมาแบบนี้ ปากมันก็เลยเผลอพูดออกไป
แต่ยังไงมันก็แค่หวงเพื่อนละวะ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน โด่ว..
…. TBC ….
มาแล้ว ^^
คืออยากจะบอกว่าอย่าไปถืออิพี่ปาร์คมันเลยเนอะ เรื่องนี้มันมาแบบอึนๆซึนๆ -____-
บางทีคนที่เก่งเรื่องเรียนกับเรื่องอื่นมากๆอาจจะเขลานักกับเรื่องความรักเช่นพี่ปาร์ค 55
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ แล้วเจอกันในตอนนี้ต่อไปเร็วๆนี้น๊า โปรยจูบ.. ^^
ใครที่เล่นทวิตแล้วเอ็นดูฟิคเรื่องนี้ฝาก #เพื่อนรักเตียงสั่น กันด้วยนะค๊า ^^
ความคิดเห็น