ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic exo] ♡ 30 Days ♡ { ChanBaek }

    ลำดับตอนที่ #27 : 23 Days ♡

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.53K
      25
      11 ส.ค. 57



    23  Days 




    #เพื่อนรักเตียงสั่น



     

     

     

     

     

     

                      “เหอะ.. นี่หรอเพื่อนสนิท.. เพื่อนสนิทหน้าท้องติดกันทุกวันน่ะสิไม่ว่า..

     

                      “มาจู๋จี๋กันกลางวันแสกๆหลังมหาลัยแบบนี้ ไม่อายฟ้าอายดินบ้างหรือไง หน้าด้าน..”

     

                      เพราะเสียงอันแสนคุ้นเคยที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้คนตัวเล็กกับคนตัวโตที่กำลังหยอกไปมาถึงกับหยุดชะงัก ก่อนที่สองสายตาจะหันไปมองผู้หญิงด้านหลังซึ่งเป็นต้นเสียง..

     

                     หล่อนคือคิมซูยอน..

     

                     คิมซูยอนที่กำลังยืนเกาะแขนชายหนุ่มร่างสูงอย่างสนิทสนม นั่นเป็นเหตุให้คนตัวเล็กถึงกับหน้าชา.. เพราะชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าคือบุคคลที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี.. ปาร์คชานยอล..

     

                     “ย..ยอล..

     

                     เสียงหวานที่ติดสั่นเครือนิดๆเอ่ยเรียกชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแผ่วเบาราวกับกำลังเพ้อ ทว่าท่ามกลางความเงียบและอึดอัดเช่นนี้ แน่นอนว่าคนถูกเรียกได้ยินมันอย่างชัดเจน.. 

     

                     ปาร์คชานยอลได้ยินเสียงหวานที่แสนคุ้นหูกำลังสั่นเครืออย่างชัดเจน..

     

                     “ร.. เรากลับกันเถอะอู๋ฟาน..

     

                     เอ่ยออกมาแค่นั้น.. ก่อนจะบีบฝ่ามืออุ่นๆของเพื่อนรักที่เปรียบเสมือนพี่ชายแล้วเดินถอยหลังออกมาจากตรงนั้นทันที ซึ่งถ้าปกติแล้วพยอนแบคฮยอนจะไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้ เขาคงจะเอาชนะความเจ้าชู้ของปาร์คชานยอลโดยการทำให้หมอนี่หึงและเดือดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่สำหรับครั้งนี้..

     

                    พยอนแบคฮยอนกำลังอ่อนแอมากจริงๆ ไหนจะเรื่องที่อี้ชิงพูด ไหนจะเรื่องที่คนตัวโตหายไปอย่างไม่บอกกล่าว และการหายไปก็คงไม่ใช่อะไร เพราะถึงยังไงปาร์คชานยอลก็ยังเป็นปาร์คชานยอลจอมเจ้าชู้ไม่เลือกอยู่วันยังค่ำ..

     

                    เพราะรอยลิปสติกที่เด่นหราอยู่บนคอของคนตัวโต แถมยังเสื้อผ้าของคนทั้งสองที่หลุดลุ่ยในสภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ คงเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า.. ปาร์คชานยอลกับคิมซูยอนพึ่งผ่านเรื่องอะไรกันมา..

     

                    “หยุดเดี๋ยวนี้พยอนแบคฮยอน..”

     

                    กดเสียงต่ำเพื่อให้คนตัวเล็กที่กำลังจะก้าวออกมารับรู้ว่ากำลังทำให้เขาไม่พอใจมากเพียงไร หากพูดกันตามตรงตอนนี้อารมณ์ของปาร์คชานยอลกำลังเดือดมากโขถึงขั้นฆ่าคนได้ เขาทั้งร้อนทั้งเหนื่อยที่ต้องรีบวิ่งมาช่วยน้องรหัสที่โทรเข้ามาหาบอกว่าตัวเองกำลังจะโดนข่มขืนที่หลังมหาลัย

     

                    ซึ่งกว่าจะช่วยซูยอนออกมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องกล้วยๆเสียเท่าไหร่ เพราะผู้ชายที่หลอกล่อซูยอนมามีไม่ต่ำกว่าสิบคน และเขามาแค่คนเดียวกว่าจะจัดการกับคนพวกนั้นได้ก็เล่นเอาเกือบน่วมไปเหมือนกัน..

     

                    มิหนำซ้ำตอนที่เดินออกมา ยังมาเจอสองคนนี้กำลังอี๋อ๋อกันอยู่ตรงหน้า นั่นทำให้ชายหนุ่มถึงกับตัวชาไปหมด เพราะที่ผ่านมาปาร์คชานยอลไม่เคยยอมรับเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว..

     

                    เขาไม่สามารถยอมรับเรื่องที่พยอนแบคฮยอนจะใกล้ชิดกับคนอื่นได้ ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นเพื่อนในกลุ่มหรือเพื่อนสนิทก็ตาม.. เพราะพยอนแบคฮยอนเป็นของเขาคนเดียว..

     

                     และเขาสามารถทำแบบนั้นกับคนตัวเล็กของเขาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น!

     

                     คนอื่นไม่มีสิทธิ์แตะต้องหมาน้อยของเขา ไม่ได้หวง แต่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง!

     

                     “อ.. โอ้ย! พี่ชานยอลคะซูยอนเจ็บ..

     

                     “พี่ชานยอลอย่าทิ้งซูยอนนะคะซูยอนกลัว กลัวคนพวกนั้นมันจะ.. ฮึก..

     

                     แรงยื้อที่ข้อมือจากหญิงสาว ทำให้ปาร์คชานยอลที่กำลังอารมณ์เดือดปุดๆเหมือนลาวาที่กำลังใกล้จะระเบิดเต็มที ต้องหันกลับมามองหน้าน้องรหัสคนสวยอย่างใจเย็นและพยายามใช้สายตาอบอุ่นเพื่อปลอบโยนเธอ..

     

                     ทั้งๆที่ใจจริงตอนนี้เขาอยากจะเดินไปกระชากมือนุ่มๆที่เป็นของเขาออกจากมือหยาบหนาของไอ้เพื่อนรักตัวสูงซะเหลือเกิน แต่ถึงยังไงซูยอนก็เป็นผู้หญิง ถึงเขาจะรู้ว่าบางทีหล่อนอาจทำเป็นเสแสร้งแกล้งใช้มารยาเพราะเขาผ่านผู้หญิงมานักต่อนักทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไร..

     

                      แต่ถึงกระนั้น.. หล่อนก็เป็นน้องรหัสคนเดียวของเขาและเขาเองก็เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก เขาไม่มีทางทิ้งให้หล่อนอยู่คนเดียวในที่เปลี่ยวแบบนี้แน่ๆ และแน่นอนว่าเขาสามารถจัดการกับเรื่องยุ่งๆนี้ได้ทันทีโดยคำพูดเพียงแค่สองประโยคเท่านั้น..

     

                     หยุดเดิน.. ปล่อยมือ.. และออกห่างพยอนแบคฮยอนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้..”

     

                  “ก่อนที่มึงจะถูกหามส่งโรงพยาบาลในสภาพไม่เหลือแม้แต่ซาก.. อู๋อี้ฟาน..

     

                     ถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัวหลังเสียงทุ้มของเพื่อนรักที่ยืนอยู่ด้านหลังเอ่ยจบ.. ซึ่งเสียงทุ้มกดต่ำและแสนเรียบนิ่งราวกับคลื่นยักษ์ใต้น้ำแบบนั้น.. ไม่บอกก็รู้ครับว่าตอนนี้ปาร์คชานยอลมันกำลังเดือดมากแค่ไหน แล้วแบบนี้คิดหรือว่าพระรองอย่างอู๋อี้ฟานจะกลัว..

     

                     บอกเลยว่าไม่!!

     

     

                     ไม่กล้าก้าวต่อเลยสักก้าว  T____T

     

     

                     “พี่ชานยอลคะ.. /  ให้ไอ้อู๋ไปส่งเธอที่ห้องก่อนแล้วกันนะซูยอน พี่มีธุระต้องเคลียร์กับเมีย..”

     

                     จงใจเน้นคำว่าเมียชัดๆจนทุกคนถึงกับสตั้นไปสามวิได้.. เพราะต่อให้เขาจะเป็นห่วงน้องรหัสมากแค่ไหนแต่ความห่วงนั้นมันก็เทียบไม่ได้กับความห่วงใยที่เขามีให้กับลูกหมาตัวเล็กๆที่กำลังยืนหันหลังก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงหน้าเลยสักนิด..

     

                     และถึงแม้ว่าในใจจะโกรธและไม่พอใจมากเพียงใดเรื่องที่เห็นคนตัวเล็กยืนอี๋อ๋อกับอู๋ฟานเมื่อครู่.. เขาก็ไม่ชอบให้ใครหน้าไหนมาด่าคนตัวเล็กของเขาทั้งนั้น แต่เมื่อกี้ตอนเจอสองคนนี้เขาได้ยินซูยอนด่าคนตัวเล็กว่าหน้าด้านเต็มๆ..

     

                     ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคิมซูยอนที่ยืนอยู่ข้างๆในตอนนี้เป็นผู้ชาย..

     

                     ปาร์คชานยอลคงจะต่อยหน้าหงายและป่านนี้คิมซูยอนคงถูกหามส่งเข้าไอซียูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..

     

                    และก็คงไม่ต้องบอกแล้วกระมัง.. ว่าตอนนี้อู๋อี้ฟานจะอยู่ตรงไหนอย่างไร เพราะตอนนี้อู๋อี้ฟานกำลังไม่มีที่จะให้ยืนและแทบไม่มีอากาศจะให้หายใจแล้ว เพราะฉะนั้นตั้งแต่เสียงทุ้มนั่นกล่าวจบ..

     

                    อู๋อี้ฟานก็จัดการกลืนก้อนเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก ก่อนที่จะกลั้นหายใจและเดินฉับๆอย่างเร็วไวไปคว้าข้อแขนของคิมซูยอนวิ่งออกมาจากรังสีอำมหิตของเพื่อนรักตัวสูงทันที..

     

                    เพราะถ้าขืนยังยืนอยู่ตรงนั้นต่อเกินห้าวิ อู๋อี้ฟานสามารถรับรู้ได้ทันทีว่า.. ชีวิตน้อยๆของเขาคงไม่เหลือรอดปลอดภัยให้กลับไปกราบเท้าหม่อมแม่ที่กาแล็คซี่ได้อีกเป็นแน่แท้..

     

                    หม่อมแม่ครับ.. ช่วยอู๋ด้วย..

     

                    ไอ้ยอลร้อยแผลมันกำลังจะจับอู๋แล่เป็นชิ้นๆโยนให้ตัวเห้ในสระกินแทนอาหารแล้วครับหม่อมแม่  T____T

     
     

                    “ไงครับคุณนาย..

     

                    “เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันยาวหน่อยนะ.. อย่าหมดแรงไปซะก่อนล่ะ..

     

                    “เพราะคุณใช้เวลาจับมือกับไอ้อู๋นานเท่าไหร่.. ผมต้องได้จับอย่างอื่นของคุณมากกว่านั้นสิบเท่า.. หึ..

     

                    !!!!









     

     

     

     

     

                     “อื้อ~ เอามานะห้ามแย่ง~”

     

                     “อี้ชิงอย่าแย่งของคุณพยอนสิ คุณพยอนจะกินให้เมาตายไปเลย อึก~”

     

                     คนตัวเล็กนั่งกอดขวดวิสกี้ชั้นดีเอาไว้แน่นราวกับเด็กน้อยหวงของพึมพำออกมาแทบไม่เป็นศัพท์ อีกทั้งยังพวงแก้มป่องๆทั้งสองข้างที่กำลังขึ้นสีอมชมพูระเรื่ออยู่ในตอนนี้เป็นเครื่องบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้ลูกชายคนเล็กของเจ๊พยูนกำลังเสียศูนย์ให้กับฤทธิ์ของเจ้าน้ำสีฟ้าตรงหน้ามากขนาดไหน..

     

                     นี่ขนาดแค่โซดาปั่นรวมกับวิสกี้ยี่ห้อแพงสัดส่วนเพียงหนึ่งต่อสี่ แถมเพื่อนตัวเล็กยังกระดกเจ้าน้ำนี่ลงไปในคออึกๆยังไม่ถึงสามแก้วเลยด้วยซ้ำมันยังอาการหนักได้ถึงขนาดนี้ นี่ถ้าไอ้ประธานมาถึงแล้วเห็นสภาพเมียมันเมาแอ๋ พูดเพราะ แถมยังอ้อนคนอื่นไปทั่วแบบนี้นะ.. กูว่าไม่น่ารอด..

     

                      ไม่น่ารอดทั้งพวกกูทั้งอิหมา..

     

                      จากที่ตอนแรกจางอี้ชิงกับคิมมินซอกวางแผนเอาไว้อย่างดิบดีว่าจะให้ลูกชายคนเล็กของเจ๊พยูนจิบเหล้าเข้าปากซักนิดซักหน่อยพอให้หัวใจได้กรุ่มกริ่มกระชุ่มกระชวยแล้วให้มันอ่อยผู้ชายแถวนี้ให้ไอ้ประธานหึงเล่นๆ..

     

                     แต่แล้วกลับกลายเป็นว่ายังไม่ทันจะได้เริ่มแผนอะไรซักอย่าง เพราะถึงผับปุ๊บหมาน้อยประจำกลุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งกอดขวดวิสกี้ทำตาเยิ้มอยู่ก็หยิบแก้วเครื่องดื่มที่พวกเขาสั่งมากระดกลงคออึกๆจนมีสภาพอย่างที่เห็น..

     

                     และความผิดครั้งนี้มันจะอยู่ที่ใครได้ถ้าไม่ใช่จางอี้ชิงกับคิมมินซอก..

     

                     เพราะเรื่องทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นมันก็มาจากแผนของคนตัวเล็กทั้งสองล้วนๆ นั่นเพราะจางอี้ชิงเป็นคนอาสาที่จะขับรถมาเองโดยมีคิมมินซอกและพยอนแบคฮยอนเป็นลูกโดยสาร ส่วนรถอีกคันก็มีปาร์คชานยอลเป็นคนขับและมีโอเซฮุนกับอู๋อี้ฟานเป็นลูกโดยสาร..

     

                     โดยที่ตอนแรกปาร์คชานยอลมันก็ไม่ยอมหรอก เพราะมันคงห่วงหมาน้อยของมันถึงมันจะปากแข็งก็เหอะนะ แต่ยังไงสองคนนี้มันก็ไม่เคยตัวห่างกันซักที อีกอย่างได้ข่าวว่ามันก็พึ่งเคลียร์เรื่องเมื่อตอนกลางวันเสร็จไปหลายยก..

     

                     ดังนั้น..

     

                     จางอี้ชิงก็เลยจำเป็นต้องใช้ข้ออ้างให้เพื่อนรักทั้งสามหน่อสุดหล่อเป็นคนไปเอาเค้กที่สั่งทำไว้ในย่านที่ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองเพื่อมาเซอร์ไพรส์วันเกิดคิมมินซอก และสัญญาว่าจะดูแลพยอนแบคฮยอนหมาน้อยของมันเป็นอย่างดีไม่ให้ขาดตกบกพร่องยุงไม่ให้ไต่ชายไม่ให้ตอม สุดท้ายปาร์คชานยอลมันก็เลยตกลงแยกทางกับหมาน้อยของมันอย่างช่วยไม่ได้..

     

                     และเมื่อตกลงกันได้จางอี้ชิงจึงรีบขับรถตรงดิ่งมาถึงผับให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ทำตามแผนที่วางไว้..

     

                     ทว่า.. เมื่อเดินเข้ามาในร้านและก้นพึ่งถึงเบาะยังไม่ถึงสิบนาทีทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เห็น..

     

                     ลูกชายคนเล็กของเจ๊พยูนกำลังเมาและอ้อนคนอื่นไปทั่ว..

     

                     และงานนี้จางอี้ชิงกับคิมมินซอกจึงขอฟันธงเลยว่า พวกนางไม่น่ารอด..

     

                     ไม่น่ารอดจากรังสีอำมหิตและมือโหดๆของไอ้ประธานแน่  T_____T

     

                     “หมาๆ.. มึงพอเลย เดี๋ยวไอ้ประธานมาถึงแมร่งได้กินหัวพวกกูกันพอดี..

     

                     อี้ชิงยื่นมือไปคว้าขวดวิสกี้ที่เพื่อนรักตัวเล็กกอดเอาไว้แน่น ก่อนที่จะตัดสินใจปล่อยมือลงอย่างเดิมด้วยความจำใจและถอนหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด เมื่อริมฝีปากบางๆที่ขึ้นสีแดงฉ่ำเพราะพิษแอลกอฮอล์ตอบกลับมาว่า..

     

                     “มึงไม่รักกูแล้วหรออี้ ฮึก..

     

                     “ไม่มีใครรู้เลยว่ากูรู้สึกยังไง.. ไม่มีใครรู้ว่ากูน้อยใจปาร์คชานยอลแค่ไหน..

     

                     “ไม่มีใครรู้.. ไม่มีใครรู้เลยแม้แต่มันที่อยู่กับกูมาเป็นยี่สิบปี.. ก็ไม่เคย.. รู้.. ฮึก..

     

                     อี้ชิงกับมินซอกถึงกับพูดไม่ออกที่เห็นเพื่อนรักอาการหนักถึงขนาดนี้.. เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นเพื่อนตัวเล็กร้องไห้ เป็นครั้งแรกที่พยอนแบคฮยอนร้องไห้ออกมาต่อหน้าเพื่อนๆโดยที่ไม่ได้ใช้มารยาเหมือนตอนอยู่เชจู ซึ่งมันทำให้คนตัวเล็กๆนี่ดูน่าสงสารจับใจ..

     

                     “นี่ไอ้ประธานพามันกลับไปง้ออิท่าไหนวะถึงได้เป็นแบบนี้..

     

                     “ไหนบอกว่าง้อเรียบร้อยแล้วไง.. ถ้าเรียบร้อยจริงเพื่อนกูคงไม่เป็นแบบนี้หรอก..

     

                     “คอยดูนะกลับมากูจะฟาดมันให้หงายเลยคอยดู..

     


     

                     “อ.. อะไรอี้มึงจะฟาดอะไรใคร.. ฟะ.. ฟาดอู๋หรอ..”

     

                     “อู๋ไม่ให้ฟาดแล้วนะ อู๋ไม่อยากกลับกาแล็คซี่แล้ว อู๋เบื่อกาแล็คซี่แล้ว T___T ”

     

                      อู๋อี้ฟานที่จู่ๆก็โผล่เข้ามาไม่ได้ดูสถานการณ์ความเรียบร้อยของบ้านเมือง เกือบจะโดนอี้ชิงจรเข้ฟาดหางเข้าให้แล้วจริงๆ ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าเขากำลังปลอบหมาน้อยอยู่ละก็นะ..

     

                      มึงได้กลับไปเฝ้าหม่อมแม่ของมึงที่กาแล็คซี่อย่างไม่มีวันกลับแน่อิฟิตปั๋ง!!

     

                      “ไหนมึงบอกให้พวกกูไปเอาเค้กไงวะ ไหนวะเค้กไม่เห็นมี..

     

                     โอเซฮุนที่เดินตามหลังอู๋อี้ฟานมาติดๆ หย่อนตัวลงข้างๆมินซอกก่อนจะคว้าเฟรนด์ฟรายกับแกล้มรสเลิศที่วางอยู่บนโต๊ะเข้าปาก  เอนหลังพิงพนักโซฟาแล้วเคี้ยวเจ้ามันฝรั่งทอดกรอบสีเหลืองในปากอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก..

     

                      ก็แหงล่ะ.. พวกเขาทั้งสามคนรู้ตั้งแต่ก้าวเข้าไปในร้านเค้กแล้วว่ามันต้องไม่มีเค้กที่สั่งทำไว้แน่ๆ เพราะนึกได้ว่าวันนี้มันไม่ใช่วันเกิดคิมมินซอก วันเกิดคิมมินซอกกว่าจะถึงก็เหลืออีกตั้ง 2 วัน..

     

                      เพราะฉะนั้นก็หมายความว่า.. พวกเขาโดน 3 สาวนี่หลอกแน่ๆ แค่ยังไม่รู้เหตุผลในการหลอกเท่านั้น แต่ก็ช่างเถอะ เพราะถึงยังไงการหลอกครั้งนี้ก็หลอกให้มาถึงผับมีหรือที่พวกเขาจะไม่เต็มใจให้โดนหลอก..

     

                      “ไม่เอาเค้ก~ ”

     

                      “คุณพยอนไม่อยากกินเค้ก~ ”

     

                      “คุณพยอนอยากกินปากฮุนฮุน~ ”

     

                      !!!!

     

                      งานเข้าแล้วไหมล่ะมึง.. เพราะจางอี้ชิงกับคิมมินซอกมัวแต่สนใจเพื่อนตัวสูงทั้งสองที่มาใหม่เลยไม่ทันได้สังเกตว่าในระหว่างนั้นมีมือน้อยๆของใครบางคนกำลังอุ้มขวดวิสกี้บนตักขึ้นกระดกเอาๆจนแทบจะหมดขวดอยู่แล้ว..

     

                      เพราะฉะนั้นตอนนี้ลืมไปได้เลยครับอาการดราม่าทั้งหลายทั้งปวงก่อนหน้านี้..

     

                      เพราะตอนนี้อิหมามันปีนขึ้นไปนั่งบนตัก.. คล้องคอไอ้ฮุน.. ต่อหน้าต่อตาปาร์คชานยอลแล้ว!!

     

                      “อะ..เอ่อ.. คือ.. เอ่อ.. โอเซฮุน.. ปล่อย..

     

                      !!!!

     

                      เพราะเสียงทุ้มกดต่ำที่ดังขึ้น ทำให้โอเซฮุนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงภัยในชีวิตระดับสิบสิบเต็มถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกๆ หูอื้อ ตาลายด้วยความประหม่า.. เพราะเขาไม่รู้ว่าหมาน้อยตัวนี้มันขึ้นมานั่งบนตักได้ยังไง และที่สำคัญมันเมาตั้งแต่ตอนไหน แต่ถึงยังไงตอนนี้อะไรๆก็ไม่สำคัญเท่าคนตัวสูงที่ยืนดีดนิ้วทำหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า!!

     

                      ปาร์คชานยอล!! แม้แต่เพื่อนมึงก็ไม่เว้นสินะไอ้ทำเสียงต่ำจนขนตูดลุกแบบนี้.. ซึ่งมันก็ไม่บ่อยนักหรอกที่จะได้เห็นสายตาคมขลับมองแบบนิ่งๆ เสียงนุ่มทุ้มที่ดูน่าฟังแต่กลับทำให้คนฟังขนลุกไปทั้งตัว แถมยังเสียงดีดนิ้วที่ดังขึ้นและใบหน้าหล่อๆที่กำลังก้มมองพื้นอย่างเย็นเฉียบแบบนี้มัน..

     

                      มันคือตอนที่ปาร์คชานยอลโมโหถึงขีดสุด..

     

                      และมันกำลังจะกลายร่างเป็นไอ้ยอลร้อยแผล..

     

                      ที่ซ้อมคนอื่นให้ช้ำในตายและเดินจากไปอย่างเลือดเย็น..

     

                      เพราะฉะนั้นเมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตนั้นแล้ว กูโอเซฮุนก็ต้องรีบปล่อยคนของมันอย่างเร็วที่สุดไม่ให้เกินสามวิ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า..

     

                      กูจะปล่อยได้ยังไงกันละครับ.. มึงจะให้กูปล่อยได้ไงในเมื่อคนของมึงมันปีนขึ้นมานั่งบนตักกูเอง แถมยังกอดคอกูซะแน่นจนแทบจะขาดอากาศหายใจแบบนี้ มึงจะให้กูปล่อยมันดะ..

     

                      “ไม่ปล่อยเนอะฮุนฮุน~”

     

                      “คุณพยอนจะกินปากฮุนฮุนแล้ว  อ้าม~”

     

                      และแล้ว.. ความซวยก็มาเยือนชีวิตกูจริงๆแล้วครับพี่น้อง.. เพราะเมื่อกี้ปากอวบอิ่มสีแดงสดแสนน่าจูบของพยอนแบคฮยอนเฉียดปากกูไปแค่นิดเดียวครับ ย้ำว่านิดเดียวจริงๆ ดีนะครับที่คอกูมีสกิลซิกแซ็กหลบมุมและกล้ามเนื้อรอบคอของกูก็ยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดีราวกับหมากฝรั่งกูเลยหลบทัน.. ไม่อย่างนั้นชีวิตกูอาจจะดับสูญลงทันที..

     

                      ด้วยฝีมือของท่านปรมาจารย์ด้านการซัมบาราเห้ ปาร์คชานยอล.. T____T

     

                      “พยอนแบคฮยอน!! ลุกออกมาจากตักไอ้ฮุนเดี๋ยวนี้!!”

     

                   “ก่อนที่มันจะตายคาตีนกู!!”

     

                       !!!!

     

                      เออ.. เอาแล้วครับเอาแล้ว.. ในที่สุดก็เกิดศึกวันแดงเดือดระหว่างเพื่อนขึ้นจนได้สินะมึง.. ดีนะครับที่คราวนี้ไม่ใช่กู เพราะที่ผ่านมามีกูคนเดียวที่เล่นบทหนักตลอด งานนี้อิฮุนโดนแทน อู๋รอดตายแล้วครับหม่อมแม่  T___T

     

                      “อื้อ~ ปล่อยน๊า~ ปล่อยคุณพยอนซิ๊~”

     

                      “ม่ายอาว~ คุณพยอนม่ายปาย~ ปล่อยเดี๋ยวนี้น๊.. อื้อ~”

     

                      เพราะคนตัวเล็กตรงหน้าส่งเสียงอู้อี้ด้วยถ้อยคำที่แสนจะน่ารักออกมาไม่หยุดหย่อน  ปาร์คชานยอลจึงจำเป็นต้องกดจูบลงบนกลีบเนื้อนุ่มที่กำลังขยับเพื่อหยุดถ้อยคำเหล่านั้นทันทีกลางใจผับ ท่ามกลางสายตาเพื่อนๆนับสิบและสายตาคนที่ไม่รู้จักอีกนับร้อย

     

                     จะกำราบหมาน้อยจอมดื้อต้องใช้วิธีนี้ เพราะเขาไม่อยากให้ใครได้ยินถ้อยคำน่ารักๆนั่นอีกแม้แต่คำเดียว ไม่ได้หวงแต่ไม่อยากให้ใครได้ยิน และแค่ไม่อยากตัดหูพวกที่มันได้ยินก็แค่นั้น..

     

                     และแน่นอนว่าวิธีจูบปิดปากของเขามันได้ผล..

     

                     ปาร์คชานยอลจึงกดจูบไปอีกสองที.. ก่อนจะค่อยๆผละออกมาจากความความหอมหวานอย่างอ้อยอิ่ง ยกมือขึ้นประคองแก้มนิ่มทั้งสองข้างเอาไว้เบาๆแล้วเอ่ยถามคนตัวเล็กที่กำลังยืนกระพริบตาปริบๆทำหน้ามึนๆเหมือนลูกหมางงอยู่ตรงหน้า..

     

                     ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ท่าทางแบบนั้นมันหมายถึงหมาน้อยตัวนี้กำลังเมาวิสกี้หรือเมาจูบของเขากันแน่ถึงได้หน้าแดงเป็นลูกตำลึงและยืนโงนเงนคล้ายตุ๊กตาหมาล้มลุกแบบนั้น จะอะไรก็ตามปาร์คชานยอลไม่รู้  รู้แค่ว่ามันน่ารัก..

     

                      “จะไปกับยอลดีๆไหม?”

     

                      จ้องตาแป๋วและพยักหน้ารับหงึกหงักเหมือนเด็กน้อย..

     

                      “แล้วต่อไปนี้จะนั่งตักไอ้ฮุนแบบนั้นอีกไหม?”

     

                      ทำตาแป๋ว เงยหน้าจ้อง ส่ายหัวดุกดิกไปมา..

     

                      “มึนหัวไหม จะให้ยอลอุ้ม หรือจะขี่หลัง?”

     

                      “อุ้มนะอุ้ม~ ยอลยอลอุ้มป๋ายหน่อยนะ ป๋ายอยากให้ยอลยอลอุ้ม~”

     

                      ไม่บอกก็รู้ว่าคำตอบของคนขี้อ้อนจะตอบว่าไง  แค่ทำเป็นหยั่งเชิงถามไปงั้น เพราะหมาน้อยเมาทีไรก็จะเป็นแบบนี้ทุกที ทำเขาให้โมโหได้ในเวลาไม่ถึงวิ แต่ก็ทำให้หายโมโหได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งวิ เพราะความขี้อ้อน..

     

                      “ยอล~ ชยอล~ ยอล~  /  รู้แล้วๆเลิกทำหน้าเหมือนหมาหิวนมแบบนั้นซักที.. ”  มันน่ารัก.. กูหวง..

     

                      คนที่โมโหอยู่ในตอนแรกแทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่ เมื่อลูกหมาตัวน้อยเดินเตาะแตะจะล้มไม่ล้มแหล่เข้ามาซบที่อก ก่อนที่เรียวแขนเล็กทั้งสองข้างจะพยายามยกขึ้นเกี่ยวคอเพื่ออ้อนให้เขาอุ้มเหมือนตอนเด็กๆไม่มีผิด ทว่าแขนเล็กกลับไม่มีแรงพอที่จะยกขึ้น เขาเลยตัดสินใจช้อนร่างนุ่มนิ่มขึ้นมาแนบอก..

     

                      ก่อนที่ปาร์คชานยอลจะฉุกคิดได้ว่าการทำแบบนี้มันเป็นการฆ่าตัวตายต่อหน้าคนอื่นชัดๆเพราะ..   

     

                              

                   จุ๊บ~

     

     

                      !!!!

     

     

                      “งืม.. แก้มยอลยอลหอมจัง~”

     

                      “หอมเหมือนตอนเด็กๆที่โดนป๋ายจุ๊บครั้งแรกเลยยย ~”

     

                      !!!!

     

                      จากที่ไม่เคยเขินกับคำพูดหรือเขินต่อหน้าใครทั้งนั้นในชีวิต.. ตอนนี้ชายหนุ่มผู้แสนเย็นชาวางมาดและขี้เก๊กเป็นอันดับหนึ่งของคณะกำลังยืนสตั๊นราวกับหุ่นปั้น แถมใบหน้าและหูของเขาก็คงจะกำลังขึ้นสีจนทุกคนคงสังเกตได้เพราะตอนนี้ปาร์คชานยอลรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด..

     

                      แล้วไอ้ขาเจ้ากำของเขาทำไมมันก้าวไม่ออกแบบนี้วะ..

     

                      ทั้งๆที่อยากพาคนตัวเล็กขี้อ้อนเดินออกไปจากตรงนี้ก่อนที่จะทำให้เขาเสียความเป็นตัวเองต่อหน้าคนอื่นไปมากกว่านี้ แต่ขาของปาร์คชานยอลมันกลับก้าวไม่ออก แถมหัวใจก็ยังเต้นแรงจนกลบเสียงรอบข้างได้แทบหมด..

     

                      ตอนนี้ปาร์คชานยอลไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย..

     

                      นอกจากเสียงหัวใจตัวเองที่กำลังสูบฉีดเลือดมาเลี้ยงใบหน้ามากเกินไปและคำพูดของหมาน้อยเมื่อครู่..

     

                   แก้มยอลยอลหอมจัง..

     

                   หอมเหมือนตอนเด็กๆที่โดนป๋ายจุ๊บครั้งแรกเลย..

     

                   แก้มยอลยอลหอมจัง..

     

                   หอมเหมือนตอนเด็กๆที่โดนป๋ายจุ๊บครั้งแรกเลย..


                   ประโยคสองประโยคที่คนตัวเล็กพูดวนไปเวียนมาฉายซ้ำในหัวซ้ำๆราวกับกลอเทป.. นี่เขาถ้าจะอาการหนักใหญ่แล้ว ทำไมจู่ๆถึงได้เป็นแบบนี้ คงต้องหาเวลาไปทำซีทีแสกนซักหน่อยว่าคลื่นสมองยังปกติดีหรือมีส่วนไหนของสมองที่ขาดเลือดมาเลี้ยงรึเปล่า..





                      “น.. นี่พูดอะไรของมึงเนี่ยเตี้ย.. เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว..

     

                     “หงหอมบ้าอะไรนี่กูคงต้องพามึงไปเช็คคลื่นสมองหน่อยแล้ว..

     

                     “แล้วพวกมึง.. เดี๋ยวมีเคลียร์ทีหลังเป็นรายตัว.. กูไปนะต้องรีบพาหมาเพี้ยนไปเช็คสมอง..

     

                     คนขี้เก๊กพูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะกระชับหมาน้อยขี้อ้อนในอ้อมอกแล้วก้าวฉับๆออกมาจากผับชื่อดังทันที ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหมาน้อยตัวนี้ทำให้เขาเสียความเป็นตัวเองไปชั่วขณะจริงๆขืนอยู่ต่อล่ะก็มีหวังเขาได้โดนไอ้พวกนั้นล้อไปยันลูกบวชแน่ๆเพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน..

     

                      ไม่รู้ว่าไอ้พวกนั้นจะสังเกตเห็นว่าเขาเขินรึเปล่า..

     

                      แต่ก็ช่างเถอะ.. เรื่องนั้นเดี๋ยวคนฉลาดๆอย่างเขาก็หาวิธีแถหรืออธิบายอย่างหน้าด้านๆว่าเขาไม่ได้เขินแค่เมาเหล้าทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มเหล้าซักแอ่ะแค่นั้นเอง.. เมาเหล้าจากปากหมาน้อยไง.. ดูดเข้าไปตั้งเยอะทำไมจะไม่เมาจริงไหม..

     

                      "เห้ยมึงเมื่อกี้ไอ้ประธานแมร่งเสียศูนย์เพราะเมียว่ะ มึงเห็นไหม.."

     

                      "แมร่งเขินจนหูกางๆแดงหมด ดีไม่ดีแดงยันตูดเลยมั้งกูว่า ฮ่าๆ"

     

                      "บักไอ้ขี้เก๊กเขินเป็นกับเค้าด้วยเว้ย เกิดมากูพึ่งเคยเห็น.."

     

                      "โดนเมียจูบแก้มทีเดียวแมร่งตุ๊ดแตกเสียสมดุลการทรงตัวเลยไอ่ห่า ฮ่าๆ โอ้ยขรรม"

     

                      "อิอู๋เทเหล้าให้กูหน่อยดิ  กูหัวเราะเยอะน้ำลายหมดตัว ต้องการเติมน้ำ ฮ่าๆ.."

     

                      ถึงกับหัวเราะกันลั่นผับทันทีหลังเพื่อนรักมาดขรึมจอมขี้เก๊กอุ้มเมียของมันก้าวฉับๆออกมาจากตรงนั้นอย่างไวเพราะกลัวพวกเขาจับได้ เป็นครั้งแรกที่เห็นไอ้ประธานเป็นแบบนี้ และเป็นครั้งแรกที่คำขู่ของมันไม่ได้ทำให้พวกเขากลัวเลยซักนิด แต่กลับตลกเสียมากกว่า..

     

                      ไอ้ประธานขี้เก๊กเอ้ย!! สุดท้ายแล้วคู่น็อคที่เหมาะสมกับมึงที่สุดก็คงเป็นใครไปไม่ได้หรอก..

     

                      นอกจากน้องหมวยเล็กแห่งตระกูลพยอน เพราะแม้กระทั่งตอนเมานางยังเอาชนะมึงได้เลย ฮ่าๆ..

     

     

     

     

     

     

     

                      “ยอลทำไมต้องหน้าแดงด้วย~”

     

                      “ทำไมหน้ายอลต้องร้อน ทำไมหน้ายอลต้องแดง ทำไมหูยอลต้องแดง~”

     

                      เอ่ยถามตรงๆตามแบบฉบับลูกหมาที่กำลังเมาได้ที่และขี้สงสัย โดยที่ไม่รู้หรอกว่าคำถามของตัวเองกับตาแป๋วๆที่จ้องเขาในระยะประชิดไม่ถึงห้าเซ็นแบบนี้มันกำลังทำให้ใบหน้าหล่อๆของคนถูกถามเพิ่มความแดงมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า..

     

                      “หน้ายอลแดงหรือไง แดงตรงไหนหืม.. มั่วแล้ว.. เมาแล้วชอบพูดมั่วนะเรา..

     

                      จรดหน้ากับหน้าผากมนเบาๆแล้วเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะค่อยๆวางร่างเล็กในอ้อมอกลงบนเบาะข้างๆคนขับซึ่งเป็นที่ประจำด้วยความระมัดระวัง จัดท่าให้คนตัวเล็กได้นอนพิงเบาะสบายๆ ปิดประตูแล้วก้าวไปยังฝั่งขนขับทันทีเพราะอยากให้หมาน้อยได้พักผ่อนเร็วๆ

     

                      “หนาวไหมครับ.. เอาผ้าห่มไหม เดี๋ยวยอลห่มผ้าให้ดีกว่าเนอะ หมาน้อยของยอลจะได้หลับสบายๆ

     

                      เอื้อมไปหยิบผ้าห่มลายลูกหมาผืนประจำมาห่มให้คนตัวเล็ก ก่อนจะทำการปรับเบาะให้พอดี ยื่นมือไปลูบเรือนผมนิ่มเล็กน้อยเป็นการกล่อมหมา และดูท่าว่าการกล่อมของเขามันจะได้ผลไม่น้อย เพราะตอนนี้เปลือกตาสีมุกค่อยๆปรือลงทีละนิดๆอย่างน่ารัก..

     

                      “ฝันดีนะหมาน้อย.. ต่อไปห้ามดื้อแบบนี้อีกนะรู้ไหม.. ยอลหวง..”

     

                      เอ่ยประโยคสุดท้ายออกมาเบาๆ ก่อนจะโน้มริมฝีปากเข้าไปใกล้ๆเพื่อจูบริมฝีปากบางอีกรอบเป็นการส่งท้ายเพราะคิดว่าคนตัวเล็กได้เข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนหวานไปแล้ว ทว่า..

     

                      “ย.. ยอลจูบหน่อย.. ป๋ายอยากให้ยอลจูบ.. ป๋ายอยากจูบยอล ป๋ายอยาก.. อื้อ~”

     

                      หมาน้อยขี้อ้อนเอ่ยยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงครางในลำคอเบาๆแทน เมื่อถูกคนตัวโตกว่าอุ้มขึ้นมานั่งบนตักแล้วประกบจูบอย่างดูดดื่ม..

     

                      “แค่นี้พอไหมครับ.. ให้ยอลจูบอีกไหมหืม..”

     

                      คนตัวโตเอ่ยถาม ในขณะที่ริมฝีปากอิ่มยังคงคลอเคลียอยู่ตรงมุมปากสีสวย ก่อนจะยกมือขึ้นลูบพวงแก้มนิ่มเบาๆและไม่คิดจะผละออกมาง่ายๆ กดจูบลงบนมุมปากของคนขี้อ้อนซ้ำๆ  จูบครั้งแล้วครั้งเล่า.. จูบเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอกระทั่ง..

     

                      “ขอโทษนะครับ.. ยอลขอโทษนะครับคนดีที่ทำให้คิดมาก..

     

                      “แต่ถึงยังไงก็อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ  รู้ไหมใจยอลมันเหมือนจะขาดเวลาเห็นป๋ายอยู่ใกล้คนอื่น..

     

                      ประคองแก้มเนียนจูบซ้ำๆที่มุมปากอยู่อย่างนั้นพร้อมกับเอ่ยบอกเบาๆ ทำให้คนตัวเล็กบนตักถึงกับนิ่ง ก่อนที่ทั้งสองจะสบตากันอย่างเนิ่นนาน และเมื่อตาสบตาก็เป็นอันรู้ว่าต่างฝ่ายต่างก็กำลังต้องการกันและกันมากเพียงใด ฉะนั้นแล้วคนทั้งสองที่เคยมีความผูกพันทางกายกันมานับครั้งไม่ถ้วน จึงไม่รอช้าที่จะโถมเข้าหากันด้วยความโหยหา..

     

                      ความโกรธ.. ความน้อยใจ.. หรืออะไรในตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว..

     

                      ขอแค่ได้อยู่ใกล้กัน ขอแค่ได้อยู่ใกล้กันแบบนี้..

     

                      ปาร์คชานยอลและพยอนแบคฮยอนก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว..

     

                      “อื้อ~ ย.. ยอล..ป๋ายจะ.. ป๋ายจะ..

     

                      “แอว๊ะ~ ”

     

                      เหลืออีกแค่ไม่กี่อึดใจก็จะเข้าได้เข้าเข็มจะได้ขย่มหมาน้อยขี้อ้อนบนรถซักยกอยู่แล้วล่ะครับ แล้วดูซิ.. หมาน้อยเล่นมาอ้วกใส่ผมตอนกำลังจะปลดซิบกางเกงแบบนี้ แถมสองมือน้อยๆนั่นยังกอดผม ซุกหน้าลงกับคออุ่นๆแล้วครางหงิงๆเหมือนลูกหมาเมายานอนหลับทันทีหลังอ้วกเสร็จ..

     

                      แล้วแบบนี้ใครมันจะไปโกรธลงล่ะครับ..

     

                      ต่อให้อารมณ์จะค้างแค่ไหนก็โกรธไม่ลงหรอก..

     

                      “หมาน้อยเอ้ย.. ทำให้อนาคอนด้าของยอลเดือดร้อนอีกแล้วนะครับ..

     

                      ผมหัวเราะเบาๆให้กับคำพูดของตัวเอง ก่อนจะเกยคางกับหัวทุยๆที่ซุกอยู่กับคอแล้วกดจูบลงบนเรือนผมนิ่มเบาๆเพราะกลัวว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของหมาน้อยที่กำลังนอนหลับปุ๋ยซุกคอผมอยู่  และจู่ๆหัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล มันเต้นแรงแบบนี้ทุกครั้งที่ผมได้อยู่ใกล้หมาน้อยตัวนี้ จนบางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่า..

     

                     หัวใจของผมมันจะเต้นแรงจนทำให้เขาได้ยินไหม..

     

                     แล้วเขาจะรู้บ้างรึเปล่า.. ว่าตั้งแต่เด็กจนโต..

     

                     ตั้งแต่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่ชื่อพยอนแบคฮยอนจุ๊บแก้มผมครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว..

     

                     หัวใจของเด็กชายปาร์คชานยอลคนนี้ก็ไม่เคยเต้นแรงกับใคร.. นอกจากเขาเพียงคนเดียว..

     

     

     

     

     

     

     

    ไรท์เตียงสั่นทอร์ค

    อะเฮื้อมันมาแล้ว
    ตอนนี้ละมุนละไมไทยแลนด์เวิร์ลงดความกามของคุณประธานหนึ่งวัน 555 


    ** ปล.1 มีตัวอย่างตอนพิเศษในเล่มมาให้ดู ^^
    ตอนที่ 1 : เหตุเกิดเพราะการซัมบาราเห้ ( ชานแบค + เชลซีกะเจสเปอร์ ) ภาคพิศดารชานแบคกับลูกแฝด
    ตอนที่ 2 : เมื่อเลโออปป้าอยากโชว์แมน ( เลโอ + มูกึน ) มี NC เด็กน้อยนะจ๊ะ เลโออปป้าของเราอยากโชว์ความอึด -..-

     

    ** ปล.2 มีน้องๆถามมาว่าไรท์จะไปงานตลาดฟิคเดือนตุลาไหม? ตอบว่าไม่จ้า ไรท์อยู่ต่างจังหวัดไม่ได้ไปงานตลาดฟิคเน้อ
    ฟิคไม่มีขายที่อื่นนอกจากสั่งจองรอบนี้ เพราะงั้นใครอยากได้ก็สั่งในนี้ได้เลยเนอะ  คลิกๆไปจองฟิคเพื่อนรักเตียงสั่น

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×