NC

คำเตือนเนื้อหานิยาย

นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหานิยาย

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    || MurderArtist || PsychoDetective ||

    ลำดับตอนที่ #81 : Untitle Love

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.02K
      2
      18 พ.ค. 50

     

              ตอนที่ 76 : Untitle Love


              เวลาเช้าตรู่ เสียงโครมครามก๊องแก๊งกึงกังยังดังมาจากบ้านข้าง ๆ อย่างต่อเนื่อง นักรบเอาหัวซุกหมอนด้วยความรำคาญ ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงก่อนจะเหลือบไปมองชายผมสีทองที่นอนอยู่ข้างตัว

              ตั้งแต่โอนิมงย้ายมาอยู่บ้านข้าง ๆ เขาก็แทบจะข่มตาหลับได้ไม่สนิทเอาเสียเลย และเวลาที่โอนิมงย้ายมานอนข้าง ๆ เขาก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เขาข่มตาหลับไม่ลง

              "หืม..." ชายผิวขาวที่ยังนอนแผ่อยู่ส่งเสียงงึมงำ

              "เฮ้ย ขึ้นมานอนข้างบนทำไม ลงไปเลยนะ" นักรบพูดพร้อมกับเอามือดันร่างของโอนิมงไปทางขอบเตียงเพื่อให้กลับลงไปนอนที่ของตัวเองซึ่งเขาอุตส่าห์ปูฟูกไว้ให้บนพื้น ทว่าตื่นขึ้นมาทีไรก็เจอโอนิมงขึ้นมานอนแหมะอยู่บนเตียงเดียวกับเขาทุกที

              โอนิมงลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวเข้ากอดเอวอีกฝ่ายเอาไว้ นักรบสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อใบหน้าคมคายนั้นแนบลงกับหว่างขาของเขาพอดี

              "ล...เลิกทำบ้า ๆ เสียที!!" เขาร้องลั่นใบหน้าแดงระเรื่อก่อนจะเอาผ้าห่มห่อตัวโอนิมงเอาไว้แล้วผลักให้ตกเตียงจนร่างสูงถูกม้วนเป็นแท่งทรงกระบอก ชายหน้าเข้มรีบใช้โอกาสนี้ลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันทันที

              เมื่อไรบ้านของโอนิมงจะตกแต่งเสร็จเสียทีนะ นักรบแปรงฟันพร้อมกับมองตาตัวเองในกระจก เพราะเจ้าหมอนั่นนั่นล่ะคอยป่วนอยู่ได้ทุกคืน เดี๋ยวล้วงนั่นจับนี่ ปีศาจลามกเกิดมาเพื่อลวนลามคนอื่นแท้ ๆ

              "นี่ ผมได้งานแล้วนะ" เสียงงัวเงียดังมาจากหน้าห้องน้ำ นักรบรีบหันไปสนใจฟังทันที

              "งานอะไร"

              "ครูสอนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียนมัธยม" โอนิมงตอบกลับมา นักรบรีบบ้วนฟองยาสีฟันขาวฟ่อดลงอ่างล้างหน้า ล้อเล่นสินะเนี่ย! คนอย่างเจ้านี่น่ะหรือ! เขาคิดในใจด้วยความสับสน แถมยังสอนเด็กมัธยมวัยขบเผาะอีก พรหมจารีของเด็กไทยทั้งชายหญิงจะรอดไปถึงคืนวันแต่งงานบ้างหรือเปล่าหนอ

              "ยินดีด้วยนะ" เขาตอบรับไปสั้น ๆ แล้วหยุดยืนคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อย

              "โอนิมง ไม่คิดจะกลับไปเป็นตำรวจแล้วหรือ"

              "หึ คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ตำรวจที่ออกจากราชการเพราะก่อคดีไม่มีทางจะกลับไปรับราชการได้อีกนี่นา"

              นักรบพยักหน้า "เริ่มงานนี้เมื่อไรหรือ"

              "อาทิตย์หน้าครับ"

              "หือ!" เสียงจากในห้องน้ำฟังดูแปลกใจ "ช่วงนี้เด็กนักเรียนยังปิดเทอมใหญ่กันอยู่ไม่ใช่หรือ"

              "เป็นการสอนพิเศษช่วงซัมเมอร์น่ะครับ ยังไม่ได้สอนประจำในภาคเรียนปกติ" โอนิมงตอบกลับมา "ว่าแต่คุณรีบเข้าเถอะครับ ผมอยากเข้าห้องน้ำ"

              "อื้อ ๆ โทษที ๆ" ชายหน้าเข้มรีบเร่งทำธุระส่วนตัว ก่อนจะออกมาจากห้องอย่างรวดเร็วแล้วขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โอนิมงทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องน้ำแต่ก็อดทอดสายตามองไปยังผู้ที่เดินขึ้นบันไดไปไม่ได้


              ..........


              นักรบหยิบเสื้อยืดแขนสั้นออกมาจากตู้ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความรู้สึกว่าท้องว่าง เมื่อวานรู้สึกว่าจะทานข้าวต้มไปนิดเดียวก็เลยหิวไวกระมัง ตอนนี้เขาอยากทานก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟบางทีโอนิมงอาจจะทานด้วย ส่วนยัยเนกับหนูนาน่าจะทานข้าวกันไปแล้ว

              เสียงเปิดประตูดังขึ้น แม้จะไม่ได้หันไปดูแต่ก็พอจะเดาออกว่าเป็นใคร นักรบหวีผมโดยไม่ได้พูดอะไร แต่แล้วก็รู้สึกถึงร่างกายที่เข้ามาแนบชิดตัวของเขาจากทางด้านหลัง แขนทั้งสองเข้าโอบกอดเขาเอาไว้อย่างนุ่มนวล นักรบหันไปมองเล็กน้อย โอนิมงเอาอีกแล้วหรือ...

              "ทำอะไรของนาย เลิกล้อเล่นแบบนี้ได้แล้วน่า"

              "ไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย" ชายผิวขาวกระซิบที่ข้างหูก่อนจะหอมแก้มคนในอ้อมกอดเบา ๆ นักรบสะดุ้งแล้วย่นคอเล็กน้อย

              "เพิ่งจะเช้าเนี่ยนะ ทะลึ่งให้มันรู้เวลาซะมั่งสิ!" ชายหน้าเข้มพูดพร้อมกับพยายามดันตัวโอนิมงออกเบา ๆ

              "กลางคืนคุณก็ไม่เห็นยอมให้ผมทำอะไรอยู่ดีนี่" มือของโอนิมงเปลี่ยนมาสอดเข้าไปใต้เสื้อของนักรบแทน ปลายนิ้วของเขาคลึงไปตามเนื้อผิวของอีกฝ่ายเหมือนนวดเบา ๆ ให้ผ่อนคลาย "เราก็เคยทำแบบนี้กันครั้งหนึ่งแล้วอย่าทำเป็นจำไม่ได้สิครับ"

              "ฉันไม่ใช่คู่นอนของนายนะ ที่ทำไปตอนนั้นมันก็แค่..." นักรบผลักอีกฝ่ายแรงขึ้น คราวนี้ดวงตาสีอำพันเหลือบขึ้นมามองเขาอย่างเค้นคำตอบ

              "แค่อะไรหรือครับ"

              ทั้งคู่สบตากันนิ่งจนนักรบกลับต้องเป็นฝ่ายหลบตาไป โอนิมงที่กอดเขาเอาไว้จากข้างหลังซบหน้าลงมาบนบ่าของเขาเหมือนจะออดอ้อน

              "บ้านของผมตกแต่งใกล้เสร็จแล้วนะครับ ตอนนี้ชิโซช่วยคุมคนงานให้อยู่"

              "ดี รีบไสหัวกลับบ้านนายไปได้แล้ว" นักรบพูดพร้อมกับพยายามปัดป้องมือของโอนิมงที่กำลังรุกเร้าเขาอยู่ พอถูกสัมผัสเข้ามาก ๆ เขาก็เริ่มจะ...

              "คุณนักรบ ไปอยู่กับผมที่บ้านนั้นเถอะนะครับ" โอนิมงพูดกระซิบ นักรบรู้สึกแปลกใจจึงหันกลับไปมองหน้าโอนิมงอีกครั้ง ท่าทางจะไม่ใช่การพูดล้อเล่นเสียด้วย ใบหน้าคมได้รูปนั้นแลดูจริงจังแต่แอบแฝงไปด้วยความเศร้าลึก ๆ

              "คุณไม่รักผมหรอกหรือครับ" โอนิมงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

              นักรบยืนเงียบไปครู่ใหญ่ มือของชายผิวขาวหยุดรุกเร้าเขาแล้ว เขาจ้องหน้าโอนิมงนิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีไป

              "อย่าหลบหน้าสิครับ ผมถามจริง ๆ นะ" ชายผมสีทองคาดคั้น นักรบจับแขนเขาเอาไว้ข้างหนึ่งและจู่ ๆ ก็บีบแรงขึ้น คราวนี้นักรบหันกลับมาพร้อมกันน้ำตาที่เอ่อคลอเต็มเบ้า โอนิมงตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคำพูดของเขาจะทำให้นักรบต้องร้องไห้

              "ถ้าอย่างนั้นนายก็มองตาฉัน แล้วก็ตอบฉันมาสิ นายน่ะรักฉันหรือเปล่า..." นักรบพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "นายจูบฉัน กอดฉัน เพื่ออะไร... ตอนที่เรามีอะไรกันตอนนั้นนายคิดอะไรอยู่ นายมาอยู่กับฉันเพื่ออะไร"

              โอนิมงยืนนิ่ง แววตาสีอำพันเริ่มสั่นไหวเมื่อเห็นหยดน้ำตาของอีกฝ่ายไหลลงอาบแก้ม

              "ไม่ใช่แค่เพราะนายเหงาแล้วก็ไม่มีใครหรือไง" นักรบตอกย้ำเสียงแข็ง "จะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านนายในฐานะอะไร คู่นอนของนายงั้นหรือ"

              ชายหน้าเข้มผละจากคนที่กอดเข้าเอาไว้ แขนที่ปกติจะรั้งเขาเอาไว้เสมอนั้นคลายออกเหมือนไร้เรี่ยวแรง ทว่านักรบไม่คิดจะสนใจ ในอกของเขามันทรมานเสียจนหายใจไม่ออก เขารีบเดินออกไปนอกห้องด้วยความรวดเร็ว

              โอนิมงซึ่งเหลือตัวคนเดียวในห้องที่ไม่ใช่ห้องของตัวเองนั้นหันมานั่งลงบนเตียงนุ่ม เขาประสานมือของตัวเองเข้าไว้ด้วยกัน พลางเหลือบมองไปรอบตัว ทั้งที่เขาน่าจะตามไปแท้ ๆ แต่ขากลับไม่มีแรงเอาเสียเลย

              เสียงของนักรบยังติดอยู่ในใจของเขา เขาอยากสัมผัส อยากกอด อยากจูบ อยากอยู่ด้วยกัน แต่ว่า...ชายหนุ่มขมวดคิ้ว วินาทีนั้นเขาปวดใจขึ้นมาอย่างยั้งไม่อยู่

              นี่มัน...บางทีอาจจะไม่ใช่ความรักจริงอย่างที่นักรบพูดมาก็เป็นได้


              ..........


              เสียงดังจากข้างบ้านเงียบหายไปแล้ว...

              โอนิมงขนเสื้อผ้ากลับไปอยู่บ้านตัวเองตั้งแต่วันนั้น นักรบตั้งหน้าตั้งตาทำผัดผักบุ้งให้น้อง ๆ ทาน เกือบครึ่งเดือนแล้วที่โอนิมงไม่ได้โผล่มาให้เขาเจอหน้า ทว่าเขาไม่นึกจะใส่ใจอะไรนักหรอก หายไปเป็นปียังเคยมาแล้วเลยนี่นาผู้ชายคนนั้น

              "หิวแล้วคร้าบ ๆ" เนวิ่งเข้ามากอดพี่ชายเอาไว้แน่นทำเอานักรบสะดุ้งแทบจะทำผักบุ้งลอยฟ้า

              "แกนี่! ไปตักข้าวแล้วนั่งรอเฉย ๆ เลยไป" ผู้เป็นพี่ดุอย่างหัวเสีย ถูกกอดจากข้างหลังแบบนี้มันทำให้เขานึกถึง... ฮึ่ย! นักรบสะบัดหัวไปมาก่อนจะตักผักใส่จานอย่างกระฉับกระเฉง

              เขายกจานมาที่โต๊ะ หนูนาหันมายิ้มหน้าตาแป้นแล้นเพราะว่าเธอชอบทานผักบุ้งมากรองจากช็อกโกแลตเลยทีเดียว นักรบจึงพอยิ้มออกบ้าง ระหว่างนั้นเองก็มีเสียงกดกริ่งมาจากหน้าบ้าน พอดีน้อง ๆ กำลังทานข้าวกันอยู่นักรบจึงเดินไปดูด้วยตัวเอง

              "อ้าว!" เขาอุทานขึ้นเมื่อพบคนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน ว่าแต่จะเรียกเป็นคนได้แน่หรือเปล่านะ

              "เหมือนไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ คุณนักรบ" เด็กหนุ่มร่างเล็กโค้งให้เล็กน้อยจนแว่นบนหน้าเลื่อนมาอยู่ที่จมูก เขาต้องใช้ปลายนิ้วดันมันกลับขึ้นไปอีกครั้ง

              "เข้ามาก่อนสิ" นักรบพาชิโซเข้ามาในบ้าน แม้จะมานั่งร่วมโต๊ะอาหารกันแต่ชิโซก็ทานอาหารไม่ได้ นักรบรู้สึกสงสารอยู่ลึกแต่มองในแง่ของชิโซมันคงไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรนักหรอก

              นักรบเอ่ยถามทุกข์สุขเล็กน้อย ชิโซก็เล่าถึงเรื่องการเช็กสภาพและการเปลี่ยนอุปกรณ์ท่อนล่างให้เดินเหินได้เหมือนคนปกติ

              "แล้ววันนี้มีอะไรล่ะ ทำไมจู่ ๆ ก็มาหาฉัน" เขาถามด้วยความสงสัย ทั้งที่ปกติชิโซจะไม่ค่อยไปไหนมาไหนด้วยความต้องการของตัวเองแท้ ๆ เจ้าหุ่นยนต์หยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อย

              "...ผมได้รับคำสั่ง 'ให้ออกไปข้างนอกก่อน' "

              "เอ๋" นักรบเอียงคอเหมือนไม่เข้าใจ

              "เพราะว่า เขามีแขกมาที่บ้าน" เจ้าหุ่นยนต์พูดต่อ "ผมจึงออกมาข้างนอกแต่ไม่รู้ว่าจะไปไหนดี ก็เลยมาที่นี่"

              "...หมายถึงโอนิมงงั้นหรือ มีใครมาหาโอนิมงหรือ" ชายหน้าเข้มซักไซ้

              "คุณก็น่าจะเข้าใจคำว่าแขกของโยชิโนริ โอนิมง" เด็กหนุ่มพูดเบาเหมือนพึมพำ นักรบหันไปมองน้องสาวทั้งสองที่คอยเหลือบมามองเป็นระยะ ดูท่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดตรงนี้เท่าไรนัก

              "เน พาน้องขึ้นไปดูทีวีข้างบนไป" เขาพูดเป็นเชิงสั่ง หญิงสาวแอบทำหน้ามุ่ยด้วยความเสียดาย แต่ก็พาน้องสาวคนเล็กขึ้นไปชั้นบนโดยดี

              "...เป็นเด็กผู้ชาย ใส่ชุดนักเรียนของไทย คงจะเป็นเด็กที่เขาไปสอนพิเศษที่โรงเรียน" ชิโซอธิบายเพิ่มเติมหลังจากคนอื่นขึ้นไปชั้นสองแล้ว นักรบทำหน้าบึ้งพลางครุ่นคิด

              "หึ...ก็นึกอยู่แล้ว นิสัยแบบนี้ท่าทางจะแก้ไม่หาย" ชายหน้าเข้มยิ้มอย่างดูถูกระหว่างที่เก็บจานชามไปด้วย "เอาเถอะ ถ้าเด็กมันยอมก็ช่วยไม่ได้ เรื่องของเขานี่นะ นายก็อยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน"

              "...แต่ว่าผมชอบคุณนักรบมากกว่านี่นา" เจ้าหุ่นยนต์โพล่งขึ้นหน้าตาเฉย นักรบที่เดินไปทางห้องครัวแทบจะทำจานตกแต่ดีที่ตั้งสติเอาไว้ได้ เขารีบเอาจานไปวางไว้ที่อ่างก่อนจะกลับออกมาทำหน้าตกตะลึง

              "พ...พูดเรื่องอะไรน่ะ"

              "ผมเองก็ไม่คิดว่าโอนิมงจะอยู่ตัวคนเดียวได้นานหรอกครับ เพียงแต่ว่า...ผมรู้สึกดีมากกว่าถ้าคุณจะข้าง ๆ เขา แทนที่จะเป็นใครคนอื่น" เจ้าหุ่นยนต์บอกความต้องการของตัวเอง นักรบสบตาเข้ากับดวงตาเทียมนั้นครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ

              "นั่นมันก็เป็นสิ่งที่นายหวัง แต่ว่าโอนิมงไม่ได้รักฉันเสียหน่อย คนที่พร้อมจะอยู่ข้างหมอนั่นยังมีอีกเยอะแยะ เชื่อเถอะน่า"

              "แต่ว่าผมไม่ชอบคนอื่นนี่ครับ" ชิโซไม่ยอมแพ้ นักรบถอนหายใจให้ความดื้อของอีกฝ่าย

              "ความรักมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อย่างที่นายคิดนะ"

              "ผมเข้าใจความรักเพราะว่าผมเป็นหุ่นยนต์ มนุษย์ต่างหากที่ไม่เข้าใจความรักเพราะว่าคิดมากกันเกินไปเอง" เจ้าหุ่นยนต์พูดโพล่งแล้วยืนขึ้น เขาเดินเข้าไปคว้าแขนนักรบเอาไว้ ชายหน้าเข้มรู้สึกได้ทันทีว่าแรงบีบนั้นไม่เหมือนแรงจากการเคลื่อนไหวของมนุษย์ปกติ

              นักรบมองสีหน้าเชิงขอร้องของอีกฝ่าย เขารู้สึกอย่างกับชิโซเป็นลูกของโอนิมงที่อยากได้แม่แบบที่ตัวเองชอบอะไรทำนองนั้น จะว่ายังไงดีล่ะ...เขาน่ะไม่ใช่ผู้หญิงนะ...


              ..........


              เมื่อพ้นช่วงบ่ายไปอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นเล็กน้อย นักรบยืนถอนหายใจอยู่หน้าบ้านของโอนิมงซึ่งปิดประตูเงียบ

              เขากำลังลังเลว่าจะกดกริ่งดีไหม ถ้าโอนิมงออกมาจะพูดเรื่องอะไรดีล่ะ เรื่องที่ชิโซพูดงั้นหรือ นี่เขายังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่ามายืนอยู่ที่นี่ทำไม แล้วถ้ากดกริ่งไปแล้วโอนิมงกำลัง...อยู่กับเด็กคนนั้นล่ะ นักรบกุมขมับ จะทำยังไงดีนะ

              ระหว่างที่กำลังลังเลอยู่นั้นเองจู่ ๆ ประตูบ้านก็เปิดออกทันควันจนเขาไม่ทันได้หลบ ผู้ที่เดินออกมาเป็นเด็กหนุ่มสวมชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นสีกรมท่า ดูเหมือนทางนั้นก็ตกใจไม่แพ้กันที่มีคนมายืนหน้าบ้าน

              นักรบสังเกตที่ซอกคอของหนุ่มน้อยก็เห็นรอยจูบแดงจาง ๆ ติดอยู่หลายจุด ในใจของเขาจู่ ๆ ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา นักรบก้มหน้าก้มตากดกริ่งย้ำ ๆ ทันทีที่เด็กคนนั้นเดินไป สักพักหนึ่งเจ้าของบ้านก็เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด

              พอหันมาเห็นว่าเป็นนักรบโอนิมงก็ยืนนิ่งด้วยความตกใจ ทว่ายังไม่ทันทักถามอะไรออกไปนักรบก็ถือวิสาสะผลักเขาเข้าไปในตัวบ้านก่อนจะปิดประตูลงทันที ชายผมสีทองงุนงงไปแต่ยอมทำตามอย่างพูดอะไรไม่ออก

              เมื่อปิดประตูให้มิดชิดดีแล้วนักรบก็หันกลับมาหาโอนิมงอีกครั้ง ชายผิวขาวอยู่ในสภาพมีเสื้อเชิ้ตใส่หลวม ๆ อยู่ตัวเดียวกับกางเกงขาสั้น คงเพราะเมืองไทยอากาศร้อนทำให้ทนใส่กางเกงขายาวไม่ไหวนั่นเอง

              "เด็กคนนั้น..." นักรบพยายามหาเหตุผลให้ตัวเอง "ถ้าเขายังอายุไม่ถึงสิบห้า ฉันจะแจ้งความจับนายข้อหาพรากผู้เยาว์"

              โอนิมงชี้นิ้วขึ้นในอากาศพร้อมยิ้มยียวน "ถ้าอย่างนั้นผมก็โชคดี เพราะเขาอายุสิบหกเตรียมขึ้นมัธยมสี่แล้ว"

              "อ๋อ...งั้นหรือ" นักรบตอบแล้วนิ่งไป โอนิมงจึงเข้ามากอดเขาเอาไว้โดยไม่ได้พูดอะไรให้มากความ

              นักรบหันหน้ามากอดโอนิมงเอาไว้ด้วยเช่นกัน มือหนาของเขาลูบไล้ไปที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายราวกับโหยหา คราวนี้ชายผิวขาวมีสีหน้าเศร้ากว่าปกติ

              "ผม...ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน" โอนิมงพูดขึ้นด้วยเสียงเบาราวกับกระซิบ "ตอนนั้นที่ผมมีอะไรกับคุณ ผมก็คิดถึงแต่พี่สาว บางครั้งก็คิดถึงชิโซ คราวนี้พอมีอะไรกับคนอื่นผมก็คิดถึงแต่คุณอีก ผมมันหลายใจ...หรือความรักของผมมีแต่เซ็กส์กันแน่"

              ชายผิวขาวสะอื้นน้ำตาคลอเบ้า ที่จริงเขาไม่นึกเลยว่าจะได้ใกล้ชิดกับนักรบอีกครั้ง ทว่าตอนนี้มือคู่นั้นกำลังลูบไล้ใบหน้าของเขาอยู่เหมือนพยายามปลอบใจ

              "...ความรักของผมมันไร้ค่าหรือเปล่า สิ่งที่ผมทำได้เวลารักใครสักคน มันมีแค่นี้เองหรือ พอคิดแบบนี้แล้วผมก็...ไม่กล้าจะพูดว่ารักใครได้อีก..."

              "โอนิมง" นักรบเรียกเสียงเข้มขึ้นเพื่อเตือนสติ

              "โดยเฉพาะกับคุณ ถ้าผมพูดออกไปแล้วคุณมองว่ามันไม่มีค่า ผมคง..." โอนิมงพูดต่อพร้อมกับจับมือของนักรบเหมือนจะดึงออกจากหน้าตัวเองทว่านักรบเองที่เป็นฝ่ายทนไม่ได้

              "โอนิมง พูดสิ...พูดเถอะนะ" ชายหน้าเข้มคะยั้นคะยอ ในใจก็รู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ ที่ทำให้อีกฝ่ายต้องคิดมากถึงขนาดนี้ ดวงตาสีอำพันเหลือบขึ้นมาจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง คิ้วยังขมวดเข้าหากันเล็กน้อยราวกับนึกกังวล

              "ผมรักคุณ" โอนิมงตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด

              "ฉันเองก็เหมือนกัน" นักรบตอบรับทันทีพร้อมกับยิ้มให้อีกโอนิมง ริมฝีปากและปลายลิ้นของทั้งคู่สัมผัสกันอย่างนุ่มนวลและเนิ่นนาน โอนิมงแตะมือไปที่แก้มของนักรบเบา ๆ ก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปลึกขึ้น นักรบถอนปากออกก่อนแล้วกอดโอนิมงเอาไว้แน่นแล้วกระซิบที่ข้างหูของชายร่างสูงเบา ๆ

              "รักนะ แล้วก็...อย่าหายไปไหนอีกล่ะ"

              "ยังงอนอีกหรือเรื่องที่ผมหนีไปเที่ยวเป็นปีน่ะ" โอนิมงพูดราวกับขบขัน ทว่าพอนักรบเงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย โอนิมงก็เบือนหน้าหนีไปพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดตา จู่ ๆ ร่างสูงก็ตัวสั่นระริกพร้อมกับสะอื้นไห้ไม่หยุด

              คำว่ารักที่ตอบรับกลับมานั้นทำให้เขาหัวใจพองโตจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ โอนิมงรีบผละมานั่งที่โซฟาเดี่ยวตรงโต๊ะรับแขก เขาก้มหน้าและพยายามเอามือบังเอาไว้เหมือนไม่อยากให้นักรบเห็นน้ำตา ทว่านักรบกลับเดินตามไปเพื่อดึงมือออกให้ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัด ๆ

              ชายผมทองทำหน้ามุ่ยเหมือนกำลังงอน นักรบจึงอดยิ้มไม่ได้ เขาจุมพิตที่รอยทางน้ำตาบนใบหน้าเนียนนั้น โอนิมงหลับตาแล้วเอียงคอเล็กน้อยเหมือนกับจั๊กจี้ดูแล้วไร้เดียงสาเหมือนเด็ก ๆ ทว่ามือทั้งสองกลับไม่ได้ทำเหมือนไร้เดียงสาไปด้วย

              โอนิมงสอดมือเข้าไปในใต้เสื้อของนักรบแล้วโอบเอวเอาไว้ เขาใช้ปากรูดซิปกางเกงของชายหน้าเข้มลง บางทีก็แกล้งแนบริมฝีปากร้อนผ่าวลงไปให้นักรบได้สะดุ้งเล่น ๆ เขาดึงร่างตรงหน้าให้มานั่งคร่อมตักของตัวเอง

              "ย...อย่า ฉันตัวหนักนะ" นักรบรีบค้านแล้วฝืนตัวเอาไว้

              "ไม่หนักหรอกครับ นั่งลงมาเถอะ" โอนิมงพูดพร้อมกับดึงเอวอีกฝ่ายลง

              นักรบหน้าแดงระเรื่อเพราะไม่เคยอยู่ข้างบนในลักษณะนี้มาก่อน พอนั่งคร่อมแล้วขาของเขาก็ต้องกางออกโดยอัตโนมัติ โอนิมงเริ่มถลกเสื้อของเขาขึ้นเพื่อสัมผัสร่างตรงหน้าด้วยริมฝีปากอย่างที่ถนัด

              ปลายลิ้นร้อนรุ่มนั้นทำให้นักรบทำอะไรไม่ถูก เขาแอ่นอกขึ้น มือทั้งสองเกาะไหล่ของโอนิมงเอาไว้ ในขณะที่มือของโอนิมงเริ่มรุกล้ำเข้าไปในกางเกงของเขา

              "เมื่อกี้...นายก็มีอะไรกับเด็กคนนั้นที่นี่ด้วยสินะ" จู่ ๆ นักรบก็พูดขึ้นเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ แต่โอนิมงกลับส่ายหน้า

              "เกือบไปเหมือนกัน แต่ว่าเขายั่วผมเองนะ" ชายผมสีทองเหยียดยิ้มอย่างร้ายกาจ "ก็เลยช่วยเหลือเขานิดหน่อยแต่ไม่ได้ไปถึงขั้นใส่เข้าไปหรอกครับ"

              นักรบก้มหน้าลงเพราะเขินอาย ช่วยงั้นหรือ...พอได้ยินโอนิมงพูดจาแบบนี้แล้วมันทำให้เขา...

              "เหมือนที่คุณกำลังยั่วผมอยู่ตอนนี้ไง" ชายผมสีทองพูดกระซิบก่อนจะรุกลิ้นไปทั่วร่างของอีกฝ่ายอีกครั้ง นักรบสะดุ้งเป็นระยะพร้อมกับเริ่มที่จะหายใจหอบ โอนิมงช่วยเตรียมพร้อมด้านหลังของเขาเอาไว้ นิ้วทั้งสองที่แทรกเข้าไปภายในทำให้เขาอึดอัดไม่น้อย

              "อ๊ะ..." ชายหน้าเข้มร้องแล้วกัดฟันแน่นระหว่างที่โอนิมงขยับตัวเพื่อจะสอดใส่ของตัวเองเข้าไปในร่างของเขา นักรบพยายามรั้งตัวเองเอาไว้ขณะที่สิ่งนั้นดันเข้ามาลึกขึ้นเรื่อย ๆ มือของโอนิมงดันเอวของเขาลงเหมือนอยากให้นั่งทับลงไปเลยในทีเดียว

              ชายผมสีทองซุกไซ้ไปตามแผงอกของอีกฝ่าย เขาขยับตัวจากช้า ๆ เป็นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ตามจังหวะเพราะเห็นว่านักรบยังไม่ค่อยพร้อม เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งนักรบก็เริ่มเป็นฝ่ายขยับขึ้นลงเสียเอง พอเห็นแบบนั้นโอนิมงก็ลอบยิ้มด้วยความพอใจ เขาชอบเวลานักรบร้องครางออกมาด้วยการกระทำของตัวเองจริง ๆ

              "คุณนักรบ" โอนิมงเรียกด้วยน้ำเสียงกระเส่า แต่ว่าคำว่ารักกลับถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อริมฝีปากของเขาถูกบดบังด้วยปลายลิ้นของอีกฝ่ายที่แทรกเข้ามา โอนิมงได้แต่รุกกลับไป นักรบที่ขย่มอยู่บนร่างของเขาร้องครางจนฟังไม่ได้ศัพท์

              โอนิมงกอดร่างตรงหน้าเอาไว้อย่างโหยหา น้ำตาที่หยุดไปครู่ใหญ่กำลังไหลรินอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้ม ร่างอุ่นทั้งสองกอดกันจนแนบชิด คำว่ารักนั้นยังตราตรึงอยู่ในใจของเขาทั้งคู่อย่างไม่อาจจะลบเลือนไปได้เลย...


              ..........


              "ฮึบ!" ชายหนุ่มร่างสูงดึงกล่องใส่คอมพิวเตอร์ขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน แล้วเดินกลับลงไปช่วยขนกล่องเสื้อผ้าขึ้นมาอีกหลายกล่อง

              "คุณนักรบ คุณเน พักก่อนเถอะครับ เดี๋ยวบ่าย ๆ ค่อยทำต่อก็ได้" เขารีบเดินลงไปบอกสองพี่น้องเพราะตัวเขาเองก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้วเหมือนกัน สงสัยต้องหาเวลาออกกำลังกายบ้างไม่อย่างนั้นกล้ามเนื้อลีบหมด แบกอะไรนิดหน่อยก็ป้อแป้เสียแล้ว

              "เย้!" หญิงสาวร้องออกมาก่อนจะนั่งแผ่ที่ม้านั่งยาวหน้าบ้านโอนิมงนั่นเอง โอนิมงยิ้มเล็กน้อยด้วยความเอ็นดูก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเอาน้ำมาดื่มด้วยกัน

              นักรบนั่งลงที่ม้านั่งบ้างเพื่อพักเหนื่อย เอาเข้าจริง ๆ ข้าวของของเขาก็มีเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ชายหนุ่มเหลือบมองไปที่น้องสาวซึ่งกำลังนั่งดูสีเล็บที่เธอเพิ่งไปแต่งมาใหม่ เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะกระแอมไอแล้วพูดขึ้น

              "เน จะไม่ถามอะไรหน่อยหรือ"

              "แล้วพี่มีอะไรจะเล่าหรือเปล่าล่ะ" เนยอกย้อนพลางถอนหายใจ "อยู่ดี ๆ พี่ชายก็หายไปคืนหนึ่ง ทิ้งน้องสาวตัวเล็ก ๆ สองคนไว้กับหนุ่มแว่นหน้ามน พอตอนเช้าปรากฏว่าพี่มาอยู่บ้านข้าง ๆ อีกอาทิตย์ก็บอกว่าจะย้ายมาอยู่บ้านข้าง ๆ นั้นกับเพื่อนหนุ่มหล่อ แบบนี้หนูควรจะถามอะไรอีกดีล่ะ หือ"

              นักรบหน้าแดงระเรื่อ แหม...ไม่เห็นต้องทำท่ารู้ทันขนาดนี้ก็ได้นี่นา

              "ล...แล้วไม่ว่าอะไรหรือ พี่ยังไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ให้หนูนาฟังเลย"

              "หนูอธิบายแทนไปแล้วล่ะค่ะ ก็งอแงนิดหน่อยก็เลยบอกไปว่าบ้านติดกันขนาดนี้จะไปหาเมื่อไรก็ได้ แล้วพี่หนึ่งไปอยู่ทางนั้นก็น่าจะมีความสุขกว่า ยัยหนูนาก็เลยยอม" เนอธิบาย ระหว่างนั้นโอนิมงก็ถือขวดน้ำกับแก้วออกมาพอดี

              "ใช่แล้วล่ะครับ แทนที่จะถือว่าย้ายบ้าน น่าจะบอกว่ารวมเป็นบ้านหลังใหญ่หลังเดียวดีกว่า ทั้งคุณเนทั้งหนูนาจะมาบ้านนี้เมื่อไรก็ได้เลยนะครับ" ชายหนุ่มพูดอย่างมีไมตรีแล้ววางของลงบนโต๊ะพร้อมกับหันมายิ้มให้คนที่ตัวเองรัก "แบบนี้ภาษาไทยก็เรียกว่าปิดทองหลังพระเป็นแผ่นเดียวกันสินะครับ"

              นักรบนิ่งอึ้งก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมาอย่างไม่เกรงใจ โอนิมงหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ตัวว่าคงพูดอะไรผิดไปแน่ ๆ

              "ฮ่า ๆ โอ๊ย! คิดได้ไงเนี่ย มุกนี้ขอเลยนะ" นักรบหัวเราะจนแล้วจะกลิ้งตกเก้าอี้ โอนิมงนึกฉุนขึ้นมาจึงโผเข้าไปหอมแก้มเสียฟอดใหญ่เหมือนหมั่นเขี้ยว คราวนี้ได้ผล...นักรบถึงกับหัวเราะค้าง เนก็ชะงักนิ่ง ชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์นิ่งอย่างตะลึงงันเพราะคนในซอยนี้แม้ไม่ได้รู้จักโอนิมงแต่ก็รู้จักกับนักรบเป็นอย่างดี ชายหนุ่มผมสีทองยังยิ้มให้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเสียเลย

              "ห...หัดอายคนอื่นเขาบ้างสิวะ!!!" นักรบร้องลั่นแล้วลุกขึ้นเอาขวดน้ำดื่มพลาสติกขวดใหญ่ฟาดเข้าข้างกกหูของอีกฝ่ายเต็มแรงราวกับเหวี่ยงไม้เบสบอล ชายผมทองเซไปเล็กน้อยแต่คว้าขอบโต๊ะเอาไว้ได้ทัน

              "ใจร้ายจริง ก็คุณชอบให้ผมบอกรักไม่ใช่หรือ" โอนิมงยังหลบขวดไปพร้อมกับหัวเราะไปด้วย ในที่สุดเขาก็วิ่งหนีไปเข้าบ้านเดิมของนักรบจนชายหน้าเข้มอดไม่ได้ต้องตามเข้าไปเอาเรื่องสักที

              ทว่าพอเขาก้าวเข้ามาในบ้าน โอนิมงที่แอบอยู่ข้างประตูบ้านก็โผเข้าตะครุบตัวเขาเอาไว้แล้วกอดแน่นอย่างรักใคร่ นักรบตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้กอดโดยดี พวกเขาแอบยิ้มให้กัน คราวนี้แม้ไม่ต้องกระซิบข้างหูพวกเขาต่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดว่าอะไร...






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×