ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ปีกที่บินไม่ได้
      บินสิ...ขยับสิ...ปีกของชั้น....
  ลูกฟุตบอลอย่างดีถูกคว้าจากบนตู้เสื้อผ้าลงมา  มิฮารุถือมันลงไปชั้นล่างพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่  แต่บังเอิญ
  เหลือบไปมองกระจกบานใหญ่ในห้องตัวเองเสียก่อน  เขาเอี้ยวตัวไปมองภาพของตัวเองในกระจก  เห็นหนุ่ม
  น้อยอายุสิบสามคนหนึ่งอยู่ในนั้น  ดวงตาสีเขียวที่เขาได้จากพ่อ ซึ่งพ่อได้จากคุณปู่ของพ่อ  และคุณปู่ของพ่อก็ได้
  จากพ่อของคุณปู่มาอีกทีหนึ่ง...
  ดวงตานั้นส่องประกายสดใส  วันนี้สีหน้าเขาดูดีทีเดียวสำหรับการเริ่มต้นกับโรงเรียนใหม่  เขายิ้มให้ตัวเองใน
  กระจก  แล้วฉีกยิ้มกวนๆจนเห็นฟันขาว  เขาหันกลับไปมองห้องตัวเองเล็กน้อย  นี่เป็นครั้งแรกเชียวนะ ที่เขา
  จะได้ไปอยู่ ไปกินนอนที่อื่นนอกจากบ้านนี้  เว้นแต่การเข้าค่ายและทัศนศึกษาช่วงประถมเท่านั้นเอง
  \" ฮารุ!!!  ลงมาได้แล้ว  จะเก้าโมงแล้วนะ!!! \"  เสียงของผู้หญิงที่เขาคุ้นเคยเรียกดังมาจากชั้นล่าง 
  เขาสะดุ้งเล็กน้อย  แล้วรีบปิดประตูห้อง  ก่อนจะขนข้าวของลงไปข้างล่างทันที
 
  มาโมริลูบผมที่ตัดสั้นของเธอแบบพยายามจัดมันให้เข้าทรงกว่าเดิม  จนเห็นลูกชายคนเดียวเดินลงมา 
  เธอก็รีบทำหน้ามุ่ยทันที 
  \" เร็วสิ  แม่เองก็จะไปทำงานแล้วนะ \"  เธอบ่นอุบแล้วเข้าไปหอมแก้มลูกชายที่หน้าเหมือนพ่อเปี๊ยบคนนี้
  ฟอดใหญ่  ก่อนจะรีบหันกลับไปใส่รองเท้าส้นสูงอย่างรวดเร็ว  เธอเองก็มีอ่านข่าวตอนสิบโมงเช้า ต้องไป
  แต่งหน้าทำผมที่นั่นให้เรียบร้อยเสียก่อน
  \" ไปก่อนนะจ๊ะ  แล้วลูกไปอยู่ที่โรงเรียนก็ระวังเนื้อระวังตัวด้วยล่ะ \"  มาโมริย้ำคำด้วยความเป็นห่วง แล้วเขามา
  ลูบหัวเด็กหนุ่มอีกครั้ง  มิฮารุยิ้มแป้นแล้วพยักหน้าหงึกๆ
  \" ครับๆ  แม่รีบไปเถอะ เดี๋ยวสายนะ \"  เขาเร่งอีกฝ่าย  มาโมริจึงหอมแก้มเขาอีกครั้ง  ก่อนจะรีบเดินไปทางประตู
  บ้าน  แล้วรีบร้อนออกไปทำงาน  เป็นเรื่องปกติที่มิฮารุเองเห็นอยู่ประจำ  แม่ของเขาไม่ค่อยจะอยู่บ้านเท่าไหร่นัก
    แต่เขาก็ไม่รู้สึกเหงา เพราะพ่ออยู่บ้านแทบจะตลอดเวลา
 
  ไม่นานมิทซึรุก็วิ่งออกมาจากห้องด้านใน  พอเห็นมิฮารุยืนอยู่คนเดียวก็ถอนหายใจเฮือก ดูเหมือนเขาจะนอน
  เพลินไปหน่อย...
  \" อะไรกัน  แม่เค้าออกไปแล้วเหรอ? \"  มิทซึรุถามย้ำแล้วเสยผมดำที่ไว้ยาวเกือบประบ่าของตัวเองอย่างเสียดาย 
  หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้ทักทายภรรยาในตอนเช้า  เพราะต้องแปลนิยายจนดึกดื่นตื่นไม่ไหวนั่นเอง 
  เขาถอนหายใจอีกครั้ง  แล้วเบนความสนใจมายังลูกชายแทน
  \" ฮ่ะ ฮ่ะ  ก็พ่อน่ะแหละตื่นสายเอง \"  มิฮารุหัวเราะเยาะเล็กน้อย  \" ...งั้นผมไปแล้วนะครับพ่อ \"
  \" ไม่ลืมอะไรใช่มั้ย? เงินเอาไปหรือยัง แล้วอย่าลืมมือถือนะ มีอะไรฉุกเฉินจะได้โทรหาพ่อได้ \"  มิทซึรุซักไซ้
  ด้วยความเป็นห่วง
  \" ไม่ลืมหรอกครับ เงินอยู่ในเป้นี่  มือถือก็ด้วย \"  เขาตอบแล้วยิ้มแป้นพลางชูลูกฟุตบอลในถุงตาข่ายขึ้นมา
  \" ลูกบอลก็อยู่นี่แล้ว \"
  มิทซึรุยิ้มบางๆอย่างเอ็นดู  มิฮารุดูอย่างกับคิดจะไปเล่นบอลอย่างเดียวเลยจริงๆ  เขารู้ดีว่าลูกเขาชอบฟุตบอล
  ยิ่งกว่าตัวเขาเองสมัยอายุเท่ากันเสียอีก
  \" ลูกต้องชอบแน่... \"  มิทซึรุเสยผมอีกครั้ง แล้วยิ้มมีเลศนัย  \" สนามที่คุโรสึกิน่ะกว้างสุดๆ เตะบอลสบายมากเลย \"
  มิฮารุยิ้มอย่างร่าเริง เขาก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่เด็กแล้วที่พ่อจะเล่าเรื่องของโรงเรียนคุโรสึกิให้เขาฟังเสมอ
  ทั้งวีรกรรมอันน่าตื่นเต้นตอนที่ผีสาวน้อยที่อุ้มตุ๊กตาไร้แขนขาบุกเข้ามาในโรงเรียน  ตอนที่หนีผีสาวที่มีครึ่งตัวก็
  สุดยอดมาก  แม้แต่เรื่องของอิจิกับคุณฮานาโกะ...มิฮารุก็ประทับใจมาก  ถึงจะฟังเรื่องของโลกสุดท้ายแล้วไม่ค่อย
  เข้าใจก็เถอะ...
  เขาเองก็อยากสัมผัสบ้าง กับประสบการณ์แบบนั้น  ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นวิญญาณของจริงเลย เคยดูแต่
  ในโทรทัศน์  กับที่พ่อเล่าเท่านั้น  โรงเรียนที่พ่อพูดถึงบ่อยๆฟังดูกับเรื่องหลอกเด็ก หรือเทพนิยาย
  แต่หลังจากนี้เขาจะได้ไปที่นั่นแล้ว  โรงเรียนคุโรสึกิ....
  \" งั้นผมไปก่อนนะครับพ่อ \"  หนุ่มน้อยหันไปลาพ่อตัวเองพลางยิ้มอย่างตื่นเต้น อยากจะไปเห็นโรงเรียน
  ใหม่เร็วๆ  มิทซึรุเองก็ยิ้มกลับไป  แต่ครู่หนึ่งก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้  เขารั้งตัวลูกชายไว้  แล้วถอดนาฬิกา
  ข้อมือของตัวเองให้  นาฬิการาคาแพงสีเงินนั้น ถูกสวมเข้ากับข้อมือเล็กๆของมิฮารุ
  มันหลวมไปหน่อย แต่ดูปุ๊บก็รู้ว่าเป็นของที่รักษาอย่างดี  กระทั่งรอยขีดข่วนก็ยังมีไม่มากนัก  มิฮารุมองพ่อตาแป๋ว
  คล้ายจะถามอะไรบางอย่าง  แต่มิทซึรุก็ชิงพูดเสียก่อน
  \" พ่อให้ยืมนะ.... รักษาให้ดีล่ะ \"  เขาพูดแล้วทำหน้าจริงจัง  \" ต้องรักษาให้ดีนะ  นี่เป็นของสำคัญมากของพ่อ 
  เป็นของที่เพื่อนของพ่อให้มา  อย่าให้หายหรือพังเป็นอันขาดล่ะ \"
  มิฮารุอึ้งไปเล็กน้อย  พ่อดูจริงจังเหลือเกิน  แต่เขาก็รับปากโดยดี  ก่อนจะลาพ่อตัวเอง แล้วเปิดประตูบ้านเดิน
  ออกไป...  มิทซึรุโบกมือลาลูกแล้วยิ้มบางๆ 
  เด็กหนุ่มก้าวเท้าออกจากบ้าน เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนใหม่  เขาหันมองซ้ายขวา แต่ก็ไม่มีรถแท็กซี่เข้ามาใน
  ซอยนี้เลย  เขาจึงตัดสินใจเดินดิ่งไปทางปากซอยทันที
  \" ฮารุ!!! \"  เสียงทักเจื้อยแจ้วดังขึ้นใกล้ๆ  \" จะไปแล้วเหรอ!!! \"
  มิฮารุเงยหน้าขึ้นมองบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆบ้านเขา มีสาวน้อยผมสั้นคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาทักทาย  เธอดู
  ทะมัดทะแมงราวกับเด็กผู้ชาย  แต่น้ำเสียงที่ใช้พูดกลับไม่ต่างอะไรกับเด็กหญิงทั่วไปเลย  แสงแดดยามเช้าที่คง
  ความอบอุ่นเอาไว้สาดแสงลงมาจนเธอดูสดใสสว่างจ้า
  \" อือ  ไปก่อนนะ!! คาโอริจัง!!! \"  มิฮารุทักกลับไปแล้วยิ้มแฉ่ง  คาโอริเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของเขาโบกมือลาอย่าง
  กระฉับกระเฉง แล้วมองดูหนุ่มน้อยค่อยๆเดินลับสายตาไป
  เส้นทางสู่คุโรสึกิของมิฮารุเริ่มต้นขึ้นแล้ว!!
                                            ++-+--+---+----+----------+----+---+--+-++
  โรงเรียนคุโรสึกิ  เวลา 09.23 น.
  ห้องพักนักเรียนชั้นสาม
  คามิมูระเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของนักเรียนห้องหนึ่ง  แล้วก็ต้องรี่ตาลง เพราะแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านหน้า
  ต่างที่ยาวตั้งแต่เพดานจรดพื้นเข้านั่นเอง
  \" อ๊ะ! \"  คนที่อยู่ในห้องร้องลั่นด้วยความตกใจ แล้วรีบหันหน้ามาทางบุคคลที่เข้ามาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงนี้ทันที
  \" ....โธ่เอ๊ย...พ่อครับ  ทำไมไม่เคาะประตูก่อน \"  เด็กหนุ่มที่อยู่ในห้องบ่นอุบอย่างไม่พอใจ  คามิมูระหัวเราะร่วน
  แล้วเดินไปนั่งบนเตียงด้านหนึ่ง  ในขณะที่ลูกของเขากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า
  \" ขอโทษๆ ก็ทำไมไม่ล็อกประตูล่ะ  เดี๋ยวคนอื่นก็เข้ามาเห็นหรอก \"  คามิมูระตอบกลับ  นาซาเคะผู้เป็นลูกชายจึง
  ไม่ว่าอะไรต่อ  ตาสีฟ้าน้ำเงินของเขาที่จ้องมองไปยังสิ่งต่างๆรอบตัวดูเข้มแข็งเหมือนคามิมูระไม่มีผิด 
  เขาเริ่มเอาผ้าพันแผลมาเพื่อจะพันปีกของตัวเองเอาไว้ให้มันแนบไปกับหลังของเขา
  คามิมูระลุกขึ้น แล้วเข้าไปสัมผัสปีกนั้น  นาซาเคะสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ  ในขณะที่พ่อของเขาลูบปีกสีดำ
  เหมือนกับค้างคาวนั้นอย่างแผ่วเบา  ลากลงไปจนถึงรอยแผลใหญ่ที่โคนปีก
  เมื่อตอนนาซาเคะอายุประมาณห้าหกขวบ  เขาก็เริ่มบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้เหมือนกับซาจิ  เด็กน้อยจึงบินเล่น
  อยู่เบื้องบนด้วยความสนุกสนานกับความรู้สึกแปลกใหม่ 
  น่าเสียดาย...ที่เพื่อนๆของเขาสมัยอนุบาลและประถมกลับรู้สึกกลัวปีกนี่  เพราะมันเป็นปีกสีดำเหมือนของปีศาจ 
  หากปีกของเขาเป็นแบบขนนกสีขาวล่ะก็ ผลคงจะออกมาเป็นตรงกันข้าม  เพื่อนๆของเขาคงไม่ตีตัวออกห่าง
  แบบนี้...
  เพราะคุโรสึกิเปิดสอนแต่ระดับม.ต้น ทำให้สมัยเด็กเขาต้องไปเรียนที่โรงเรียนอื่นใกล้ๆนี่  และก็ไม่ได้ปิดบัง
  เรื่องปีก  เพราะอาจารย์ที่นั่นต่างถูกคุณพ่อซากากิขอร้องเอาไว้ ไม่ให้เปิดเผยเรื่องปีกนี่ให้คนนอกรู้ เพื่อไม่ให้
  เป็นข่าว  จนถึงปีนี้...ที่เขาจะได้เรียนในคุโรสึกิแล้ว  นาซาเคะจึงตัดสินใจเก็บเรื่องปีกไม่ให้เพื่อนในโรงเรียนนี้รู้
    ด้วยกลัวว่าตัวเองจะถูกรังเกียจเหมือนสมัยก่อนอีก
  \" ....พ่อช่วยนะ \"  คามิมูระอาสา  แล้วกดปีกทั้งสองข้างที่หุบอยู่เอาไว้ให้  จริงๆจะพันเองคนเดียวก็ได้ 
  แต่นาซาเคะก็ไม่ได้ว่าอะไร  เขาเริ่มพันผ้าพันแผลไปรอบตัว เพื่อยึดปีกนั้นไว้ให้แนบไปกับหลัง  พันทีละชั้นๆ 
  พลางนึกถึงตอนที่เขาอายุประมาณเจ็ดขวบไปด้วย
  ตอนนั้นเขากำลังบินอย่างสบายใจอยู่เหนือต้นไม้ในสวน  เหมือนปกติอย่างทุกวัน  แต่วันนั้น....นกตัวหนึ่งกลับ
  บินเฉี่ยวเขาจนเขาต้องรีบหลบ  จนเสียสมดุล แล้วร่วงตกลงมาที่พื้น  โชคยังดีที่เป็นพื้นหญ้า  เลยลดแรง
  กระแทกได้นิดหน่อย
  วันนั้นเองที่ปีกของเขาหัก...และบินไม่ได้อีกเลย....
  คามิมูระเองก็ยังจำวันนั้นได้ดี  เขาใจหายวูบเมื่อได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของลูกชาย  พอออกไปดูก็เห็นซาจิ
  มาถึงก่อนแล้ว...  ปีกของนาซาเคะข้างหนึ่ง....หักตั้งแต่โคนปีกที่ติดกับแผ่นหลัง จนเกือบจะหลุดออกมาจากตัว
  ส่วนปีกอีกข้างหักกลาง จนเห็นถึงกระดูกขาวโพลน 
  นาซาเคะในตอนนั้นร้องลั่นอย่างเจ็บปวด  พวกเขาจึงรีบพาไปโรงพยาบาล  แต่สุดท้ายก็ต้องไปขอให้สัตวแพทย์
  รักษาให้  เพราะโรงพยาบาลธรรมดานั้นไม่มีความรู้ด้านการรักษาปีก....  จนรักษาหายแล้ว  ก็ยังเหลือรอยแผล
  เป็นที่โคนปีกด้านหนึ่งอยู่ดี...
  \" เอ้า  เสร็จแล้ว \"  คามิมูระพูดด้วยน้ำเสียงสดใส  ก่อนจะหมุนตัวลูกชายให้หันหน้ามาทางเขา  แล้วจ้อง
  มองดวงตาที่ดูจริงจังนั้น  มือใหญ่ๆของคามิมูระลูบผมสีอ่อนที่นุ่มราวกับขนสัตว์ของลูกเบาๆ  สีผมและทรงผมที่
  คล้ายซาจินี้ เกือบจะทำให้เขาสับสนหลายครั้ง  แต่โชคดีที่นาซาเคะรูปร่างใหญ่เหมือนเขาสมัยม.ต้น  เลยแยก
  ออกง่ายหน่อย  ตอนนี้นาซาเคะก็สูงเกือบ173ซม.แล้ว
  นาซาเคะหลบตาอย่างอายๆ ก่อนจะคว้าเสื้อยืดมาใส่  เป็นเสื้อยืดที่ดูหลวมนิดหน่อย เพื่อจะใช้อำพรางปีกนั่นเอง
  \" เอาล่ะ!! ไปทานข้าวกันเถอะ  พ่อซาจิรอแย่แล้ว \"  คามิมูระพูดยิ้มๆ แล้วโอบไหล่ลูกชายพาเดินลงไปข้างล่าง 
  นาซาเคะก็ยิ้มให้บางๆ และเดินไปด้วยกันโดยดี  ทว่าในใจของเขาก็ยังครุ่นคิด...  นับตั้งแต่วันที่ปีกหัก 
  เขาก็ไม่อาจจะโผบินขึ้นในอากาศได้อีก  เขาไม่ได้บินอีกเลย.... จะว่าไปแล้วก็ขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ...
  บินสิ...ขยับสิ...ปีกของชั้น....  นาซาเคะรู้สึกว่าในใจของเขากำลังร่ำร้องเช่นนั้น...
                                            ++-+--+---+----+----------+----+---+--+-++
  \" งั้นก็เรียบร้อยนะครับ  สำหรับค่ายันต์ของเดือนนี้ \"  ชายในชุดจีนสีดำพูดแล้วเก็บซองเงินเข้ากระเป๋า 
  คุณพ่อซากากิที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาจารย์ใหญ่ยิ้มรับ  แล้วพยักหน้าหงึกๆ
  \" ครับ ขอบคุณมากนะครับ ลีโฮซัง \"  คุณพ่อวัย68ที่หน้าเหมือน35ตอบรับด้วยไมตรี  ชายหนุ่มในชุดจีนมองเขา
  แล้วยิ้มแปลกๆ  ผมสีดำแบบคนจีนของเขาตัดสั้นเกรียนเพื่อให้สะดวกในการทำงาน ตาก็ค่อนข้างเล็กและเป็นสีดำ
  ตามปกติ  แตกต่างกับชางแทบทุกอย่าง แม้กระทั่งรูปร่าง  ในที่สุดเซียนดำคนนี้ก็ขอตัวลากลับไปอย่างเงียบๆ
  คุณพ่อเองก็ไม่เคยเห็นเซียนดำคนอื่นนอกจากชางเลย  จนกระทั่งหลังจากชางเสียชีวิตไปไม่นาน  ลีโฮก็มาที่นี่ 
  เพราะชางเคยขอร้องเอาไว้ให้มาช่วยดูแลโรงเรียนนี้ต่อ  หลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว
  ลีโฮเองตอนที่มาที่นี่ก็เพิ่งจะอายุ18  จนตอนนี้ก็28แล้ว  แต่ก็ยังถ่อมตัว... ว่าตนถนัดแต่เรื่องการสร้างยันต์คุ้มครอง
  และก็จับวิญญาณเล็กๆน้อยๆเท่านั้น  ส่วนเรื่องสาปแช่งหรือการสู้ตัวต่อตัวกับวิญญาณร้ายอย่างที่ชางทำเขากลับ
  ไม่ถนัดนัก  ยิ่งเรื่องการสลายตนเป็นหมอกควันยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่
  คุณพ่อเพิ่งรู้จากลีโฮนี่เอง  ว่าชางเป็นเซียนที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง  เขารู้จักกับชางมานาน แต่ไม่เคยรู้เลยว่า
  ชางดังขนาดนั้น  นึกว่าเซียนดำจะมีความสามารถเหมือนชางหมดทุกคน
  โจดะเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ  ในระหว่างที่คุณพ่อกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่  เขาเดินเข้ามาหา
  บาทหลวงผู้นี้ด้วยท่าทีกวนๆ  ผมทรงเดิมกับหน้าตาที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น  ไม่ได้ทำให้ความกวนของเขา
  เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
  \" น่าๆ ไปทานข้าวเที่ยงสินะ รู้แล้วล่ะ \"  คุณพ่อพูดแบบรู้ทันแล้วหัวเราะอย่างขบขัน  โจดะยักไหล่หน้าตาเฉย 
  ก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงคุณพ่อเอาไว้  คุณพ่อใช้ไม้เท้าช่วยเดินอย่างทุลักทุเลนิดหน่อย 
  หลังจากชางตายไปไม่นาน ขาของเขาก็เริ่มอ่อนแรงลง  คงเพราะชางเคยช่วยรักษาเอาไว้ พอชางตายไป 
  พลังนั้นก็หายไปด้วย  เขาเลยเดินไม่ค่อยได้อีกครั้ง  แม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าโจดะก็ยังคงยืนกรานให้เขาใช้ไม้เท้า
  แทนที่จะนั่งรถเข็น  เผื่อขาจะกลับมามีแรงเดินได้คล่องอีกครั้ง...
  โจดะพยุงคุณพ่อไปที่ประตู เพื่อจะไปทานข้าวที่ห้องประชุม  ก่อนจะเดินออกไป  คุณพ่อหันกลับไปยังกางเขน
  ไม้เก่าคร่ำคร่าบนหิ้ง  แล้วอธิฐานในใจ...
  ....ข้าแต่พระบิดา...ใกล้จะเปิดเทอมใหม่แล้ว  ขอโปรดช่วยคุ้มครองพวกนักเรียนด้วยเถิด....
  \" ......คุณพ่อ? \"  โจดะร้องเรียกอย่างแปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายนิ่งไป  คุณพ่อจึงรีบหันกลับมาหัวเราะกลบเกลื่อน 
  พวกเขาทั้งคู่ค่อยๆเดินไปยังห้องประชุมที่อยู่ไม่ห่างออกไปมากนัก...  ระหว่างที่ก้าวเท้าไป คุณพ่อก็แอบหลับตา
  พลางอธิฐานในใจด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง...
  .....คุณชาง....ช่วยคุ้มครองพวกนักเรียนด้วยนะครับ....
  โจดะพยุงคุณพ่อให้เดินหน้าไปเรื่อยๆ  จังหวะหนึ่ง...  เขาก็เงยหน้าขึ้นมองด้านบน...
  คนที่เขาคุ้นหน้าลอยตัวอยู่เหนือหัวของคุณพ่อ  แต่คุณพ่อไม่เห็น...  ชายร่างสูงผมทองในชุดดำยิ้มจางๆ 
  ก่อนที่ร่างสูงนั้นจะหายไปจากสายตาโจดะอย่างฉับพลัน
  ชายหนุ่มที่เดินเคียงข้างกับคุณพ่อเขม่นตาอย่างไม่พอใจกับภาพที่เห็น  ชางยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ตัวคุณพ่อ
  ซากากิ  แต่คุณพ่อกลับไม่รู้เลย  และไม่มีใครกล้าบอกด้วย เพราะเกรงว่าคุณพ่อจะยึดติดกับชางที่ตายไปแล้ว
  มากกว่าเดิม
  วันนี้นักเรียนใหม่หลายคนกำลังเดินทางมารวมตัวกันที่โรงเรียนใหม่ของพวกเขา  บางทีพวกเขาอาจจะสร้าง
  วีรกรรมใหม่ๆขึ้นมา  หรืออาจจะเปิดเผยปริศนาอันลึกลับของคุโรสึกิอีกก็ได้  ตราบใดที่คุโรสึกิยังอยู่  ปริศนาใน
  โรงเรียนก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ...
  และนี่คือโรงเรียนใหม่ของพวกเขา....คุโรสึกิ....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น