คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : อ๊ะ! เอ๋? เอ๊ะ!? กรี๊ด~ เอ่อ..........
ตอนนี้เราจะมาพูดถึงเกร็ดเล็กๆ ก่อนจะเขียนนิยาย...
เราเคยพูดเรื่องอีโมชั่นไปแล้ว คราวนี้มาดูสัญลักษณ์ปกติบ้างว่ามีอะไรน่าสนใจ...อันประกอบด้วยเครื่องหมายที่ใช้บ่อยๆดังนี้
! อัศเจรีย์
? ปรัศนีย์
... จุด จุด จุด (จุดไข่ปลา) (ใครรู้ชื่อเฉพาะมั่ง = =" )
"..." อัญประกาศ (เขียนผิดมั้ยเนี่ย = =" เฮ้ย ก็คนเขียนตกภาษาไทยม.ต้นง่ะ)
'...' อะไรสักอย่าง = ="
- ยัติภังค์
( ) วงเล็บ (นขลิขิต)
123 ตัวเลข
ตัวหนา เอียง ขีดเส้นใต้
*ขอบคุณข้อมูลเรื่องชื่อของสัญลักษณ์จากAsid
สิ่งที่มือใหม่มักจะพลาดเกี่ยวกับสัญลักษณ์เหล่านี้ ก็ความไม่พอดี เราเองก็เคยเป็น ดังนั้นเราลองมานั่งสังเกต ความพอดี ความไม่พอดีจของสัญลักษณ์เหล่านี้กันดีกว่า
1. !!! อัศเจรีย์ เพื่อนซี้ เมื่อมีอาการตกใจ
พอดี
"ไม่! ไม่! ช่วยด้วย!!" ลินซ์กรีดร้องเสียงสั่นลั่นป่า เธอก้าวเท้าวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตามุ่งหน้าเข้าไปในป่าทึบ แต่แล้ว...ในวินาทีที่เธอคิดจะเลี้ยวเข้าไปหลบหลังต้นไม้นั้นเอง ร่างที่เน่าเฟะของวิลก็หล่นตุบจากยอดไม้ลงมากองอยู่ที่พื้นราวกับผลไม้ที่สุกงอม
"กรี๊ดดดดด! วิลเลี่ยมมมมม!!"
มากไป
"ไม่!!!!!! ไม่!!!!!! ช่วยด้วย!!!!!!!!!!!" ลินซ์กรีดร้องเสียงสั่นลั่นป่า เธอก้าวเท้าวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตามุ่งหน้าเข้าไปในป่าทึบ แต่แล้ว...ในวินาทีที่เธอคิดจะเลี้ยวเข้าไปหลบหลังต้นไม้นั้นเอง ร่างที่เน่าเฟะของวิลก็หล่นตุบจากยอดไม้ลงมากองอยู่ที่พื้นราวกับผลไม้ที่สุกงอม
"กรี๊ดดดดด!!!!!!!! วิลเลี่ยมมมมม!!!!!!!!!"
โว้ยยยยย แกจะสร้างกำแพงเมืองจีนรึไง อัศเจรีย์ขึ้นเป็นแถบบาร์โค้ดเชียว... นี่แหละ ด้วยความเป็นมือใหม่ มันก็จะกลัวว่าไม่ได้อารมณ์ เลยต้องใส่อัศเจรีย์เยอะๆ ให้คนอ่านรู้ว่า "มันโคตรตกใจเลยนะว้อยแก"
ซึ่งเราก็เคยเป็น ไม่เชื่อไปอ่านโรงเรียนพิศวงภาคแรกได้ (ฮา โฆษณาเห็นๆ) ตอนนั้นยังเขียนไม่ค่อยเป็นไง = =" และนั่นเป็นความเชื่อของพวกมือใหม่
ข้อเท็จจริงก็คือ เครื่องหมายตกใจนั้นใช้ไม่เกินสามตัวก็ถือว่าokแล้ว ระดับความตกใจมันก็ดูออกได้อย่างง่ายๆ
"อย่านะ!" เหมือนพูดห้วนๆนิดๆ
"อย่านะ!!" ยาวอีกหน่อย
"อย่านะ!!!" ตะโกนเสียงดังมากๆ
"อย่าน้า!!!!!!!!!!!!!!!" นี่มันบาร์โค้ดกำแพงเมืองจีนแล้ว...
แต่ท่านที่เคารพ...มันยังมีอีกพวก คือพวกที่ใช้น้อยไป คือแทบไม่ใช้เลย เพราะไม่ทันนึกถึงบ้าง เพราะขี้เกียจใช้บ้าง ทั้งนี้บทความครั้งนี้จะเน้นความพอดี แต่ถ้าคุณเกรียนพอ ตั้งใจเขียนนิยายจี๊ดสมองคนอ่าน เผื่อจะบูมแบบ ปราบดา หยุ่น จะลองเขียนแบบนี้ก็ได้
"ไม่อัศเจรีย์ ไม่อัศเจรีย์ ช่วยด้วยอัศเจรีย์" ลินซ์กรีดร้องเสียงสั่นลั่นป่าอัศเจรีย์ เธอก้าวเท้าวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตามุ่งหน้าเข้าไปในป่าทึบอัศเจรีย์ แต่แล้ว...ในวินาทีที่เธอคิดจะเลี้ยวเข้าไปหลบหลังต้นไม้นั้นเองอัศเจรีย์ ร่างที่เน่าเฟะของวิลก็หล่นตุบอัศเจรีย์จากยอดไม้ลงมากองอยู่ที่พื้นราวกับผลไม้ที่สุกงอมอัศเจรีย์ปรัศนีย์
"กรี๊ดดดดดอัศเจรีย์ วิลเลี่ยมมมมมอัศเจรีย์"
เรานำเสนอแนวทางที่ถูกต้องให้คุณ แต่อย่าลืมว่า การคิดนอกกรอบทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆเสมอ.... (แต่จะถูกคนอ่านตามมากระทืบด้วยความรำคาญอัศเจรีย์หรือเปล่าก็อีกเรื่องนะ...)
2. ? ปรัศนีย์ นี่นี้มีคำถาม
**แก้ไขเนื้อหา
ปรัศนีย์ไม่จำเป็นต้องใช้ในนิยายนะจ๊ะ ใช้ก็ได้แต่ไม่ใช้ดีกว่า เพราะภาษาไทยเรามี หรือไม่ อะไร ทำไม พวกนี้อยู่แล้วน่ะ - -" ดังนั้นอ่านตรงนี้เล่นๆก็พอนะ
พอดี
"อะไรกันคะเนี่ยจอร์จ?" ซาร่าเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเครื่องนวดเอวอันใหม่ที่สามีของเธอยกเข้ามาในบ้าน ทั้งที่เครื่องนวดสวิ้งกิ้งเอ็กซ์เซเทล่าอันเก่าก็ยังใช้ได้ดีแท้ ๆ
"โอ้ว ไม่นะซาร่า ผมนึกว่าของคุณเสียอีก ไม่ใช่หรอกหรือ?" จอร์จหันมาด้วยความประหลาดใจ
"โอ้ว ฉันจะซื้อมาทำไมล่ะคะ?" เธอย้อนกลับไป
มากไป
"อะไรกันคะเนี่ยจอร์จ???" ซาร่าเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเครื่องนวดเอวอันใหม่ที่สามีของเธอยกเข้ามาในบ้าน ทั้งที่เครื่องนวดสวิ้งกิ้งเอ็กซ์เซเทล่าอันเก่าก็ยังใช้ได้ดีแท้ ๆ ?
"???? โอ้ว??? ไม่นะซาร่า ผมนึกว่าของคุณเสียอีก ไม่ใช่หรอกหรือ???" จอร์จหันมาด้วยความประหลาดใจ
"โอ้ว??? ฉันจะซื้อมาทำไมล่ะคะ????" เธอย้อนกลับไป
แกจะสงสัยอะไรนักหนาอีซาร่า....
เครื่องหมายนี้คดงอยืนหยัดเคียงคู่กับอัศเจรีย์เป็นระยะ ๆ การใช้แบบผิดๆก็คล้ายกัน คือบางครั้งมักจะใส่มากไป คนบางพวกก็เล่นไม่ใส่เลย บางประโยคมีหลายคำถาม ก็ใส่เสียหมด เช่น
เครื่องหมายนี้ก็ควรใช้ไม่เกินสามตัว แสดงความสงสัยงุนงงมากน้อยตามสมควร
3. ... จุดจุดจุด เหรียญตราของความเงียบ
จุดจุดจุด เป็นอีกสิ่งที่นักเขียนใช้บ่อย และมีประโยชน์ในหลายด้าน ปราบดา หยุ่นเองก็เคยยกเรื่อง จุดจุดจุดนี้มาเขียนเอาไว้อย่างน่าสนใจ
เขียนว่าอะไร...นึกไม่ออก
แต่ จุดจุดจุด เป็นตัวแทนของ "สิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้" หรือเป็นการคั่นอารมณ์ การทอดเสียง โอ๊ย! สารพัดทีเดียว ใครไม่ค่อยได้ใช้ ลองสำรวจนิยายตัวเองดูนะ ว่าตรงไหนที่ถ้าใช้แล้วอาจจะดีขึ้น
ลองดูประโยคต่อไปนี้
เมื่อนั้น พระเจ้าเหลือบตาสีฟ้าลงต่ำมองดูพวกเขาทั้งหลาย
เมื่อนั้น... พระเจ้าเหลือบตาสีฟ้าลงต่ำมองดูพวกเขาทั้งหลาย...
"ผมไม่คิดว่าเขาจะ"
"ผมไม่คิดว่าเขาจะ..."
"เซเลธ ปู่ ปู่ ขอฝาก อะ อาเซนเทียด้วย"
"เซเลธ...ปู่...ปู่...ขอฝาก...อะ...อาเซนเทียด้วย......"
ความเงียบครอบงำในบรรยากาศ โคคิไม่พูดว่ากระไร...
"..." ความเงียบครอบงำในบรรยากาศ โคคิไม่พูดว่ากระไร...
อารมณ์ที่แสดงออกมาในประโยค จะต่างกันอย่างที่เห็นนะคะ
แต่ความเกินพอดี มันก็ไม่เข้าใครออกใคร แน่นอนว่าใช้แค่ "..." ก็พอแล้ว แต่บางคนนี่มาเป็นแพ ซึ่งอ่านในเน็ตยังดูไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าพิมพ์เป็นหนังสือนี่จะสร้างความน่ารำคาญได้มากทีเดียว ต้องระวัง
ตัวอย่างความไม่พอดี
แก้วใบนั้นสะเทือนลั่นเปรี๊ยะ....... ก่อนจะใครจะทันคาดคิด......มันก็แตกกระจายออกเอง...... มินาโกะและเพื่อนคนอื่นกรีดร้องด้วยความตระหนกตกใจ ทั้งที่ไม่มีใครเข้าใกล้แก้วน้ำใบนั้นเลย......แล้วทำไมมันถึงได้....................
น้องจะเพาะพันธุ์ปลาเหรอคะ จุดไข่ปลาเยอะขนาดนี้...............
4. ''...'' '...' พูดบ้าง คิดบ้าง แยกให้ถูก
เครื่องหมายสองตัวนี้ บางทียังมีบางคนใช้สับสน "..." ใช้กับคำพูด แต่บางคนเวลาเขียนสิ่งที่ตัวละครคิดออกมา ก็ยังใส่ "..." อีก ทำให้คนอ่านงง ว่าตกลงประโยคนี้ตัวละครมันพูดหรือคิดในใจกันแน่
ปกติเราจะใช้ "..." ครอบคำพูด ส่วน '...' จะใช้กับการคิดในใจ หรือไม่ก็คำที่ต้องการเน้นในบทบรรยาย คิดว่าไม่จำเป็นต้องตามนี้เป๊ะ ๆ ก็ได้ แต่ควรแยกให้ถูก ว่าเวลาพูดจะใช้อันไหน คิดใช้อันไหน เน้นคำใช้อันไหน คนอ่านจะได้ไม่งง
5. - ยัติภังค์ กลั้นลมหายใจ ในตัวอักษร
เครื่องหมายนี้ไม่ได้ใช้กันบ่อยนัก แต่ก็เป็นลูกเล่นตัวหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเห็นในหนังสือแนวทดลอง(เช่นงานของปราบดา หยุ่น หรือของวินทร์) มากกว่านิยายทั่วไป
อารมณ์ที่ได้ คล้ายการใช้จุดจุดจุด แต่จุดจุดจุดเหมือนการเว้นระยะแบบเนิบๆ ผ่อนลมหายใจ ส่วนยัติภังค์นั้นให้ความรู้สึกเหมือน พูด แล้วหยุดไปหนึ่งห้วงหายใจ แล้วค่อยพูดต่อ อะไรทำนองนั้น
เช่น
ผมก้าวผ่านแถบขาวบนพื้น โดยมีการจราจรเมียงมองรออยู่พร้อมสาปแช่งความเชื่องช้าของตัวผม เมื่อเงยหน้ามองรอบข้าง ก็หนีไม่พ้นภาพของตึกสูง กรงขังของเมืองหลวง ฝุ่นหนาตาราวเมฆหมอกสีเทา
หายใจไม่สะดวก - แต่ยังสะดวกใจ
คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก โบราณเขาสอนไว้ ผมก็ตั้งใจจะเชื่อฟังเป็นระยะ ๆ...
6.วงเล็บ ขยายความเข้าใจ หรือทำลายความต่อเนื่อง
วงเล็บ...เป็นเครื่องหมายที่มีนักเขียนส่วนหนึ่งชอบใช้จนเกินเลย และเห็นบ่อยพอควร จนบางทีก็รำคาญ จี๊ดสมองมากมาย
หน้าที่ของวงเล็บ ก็คือขยายความ เช่นเมื่อมีคำศัพท์ยากๆ ในนิยาย ที่คนทั่วไปอาจไม่รู้ความหมาย ก็สมควรจะวงเล็บไว้ เพื่อความต่อเนื่องของคนอ่าน
และบางครั้งก็ใช้ในมุกตลก เช่น แน่นอน ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกใคร (แต่ถ้ามีคนถาม... ก็อย่าว่ากันนะยะเพื่อนรัก คนมันคันปากนี่นา)
หรือบางทีมุขตลก อาจเป็นตัวคนเขียนเองที่แทรกเข้ามา (ส่วนตัวแล้วไม่ชอบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลยหรอกนะ) แต่อย่างว่าแหละ ความไม่พอดีมันก็ไม่เข้าใครออกใคร คนที่อ่านนิยายในเน็ตบ่อยๆ ต้องเจอแบบนี้ผ่านหูผ่านตามั่งแหละ
แบบที่ 1
ฮานาโกะกระโดดดึ๋งๆ ราวกับกระต่าย (แต่เธอไม่ใช่กระต่ายหรอก) ก่อนจะโผเข้าไปกอดพ่อผู้น่ารักของเธอเป็นการขอบคุณ (แน่นอน พร้อมหอมแก้มด้วยหนึ่งฟอด) ตุ๊กตาลิงไส้ไหลตัวนี้เธออยากได้มานานแล้ว (ก็มันขายดีจนขาดตลาดเลยนี่นา)
แกจะวงเล็บหาอะไรมากมาย ก็เอาวงเล็บออกแล้วบรรยายต่อกันไปเลยสิว้อยยยยยยย!!! (ของจริง จะยิ่งกว่าที่ลองเขียนให้ดูเสียอีก...)
แบบที่ 2
"เอ๋ ฮิเดโยชิจอมขี้ขลาดน่ะเหรอไปที่โรงเรียน?" มินาโกะอุทานพลางเหลือบมองนาฬิกาในห้อง (ใช่สิ ทีเวลาอื่นดูนาฬิกาตลอด ยกเว้นตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนเท่านั้นแหละ จาก ผู้เขียน) นี่ก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว
"ใช่น่ะสิ มินาโกะจะตามไปดูหมอนั่นมั้ย?" อัทคุงผู้เป็นพี่ชายฝาแฝดพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อเพราะเพิ่งอาบน้ำอุ่น หนุ่มน้อยหยิบแว่นอันโตขึ้นมาสวมอีกครั้ง (กรี๊ดดดด อัทคุงน่าร้ากกก >//< สเป็กคนเขียนเอง หุหุ)
มินาโกะครุ่นคิด ถ้าเธอไปดูฮิเดโยชิทดสอบความกล้าที่โรงเรียนตอนนี้ อัทคุงก็คงไปด้วย แต่เราจะออกไปยังไงล่ะ พ่อแม่ถึงจะไม่รู้? (แหม ที่ตอนตอนที่2 ยังแอบออกไปเจอคันดะคุงได้เลยไม่ใช่เรอะ จาก คนเขียน)
ทำไมคนเขียนไม่เล่าเองเลยล่ะคะ แทรกอยู่ได้ รำคาญว้อยยยย
รู้ไว้ซะ แย่ที่สุดก็ไอ้คำว่า "จากคนเขียน" เนี่ยแหละ เบื่อว้อยยยย อยากอิน อยากอินกะเนื้อเรื่อง ไม่ได้มาฟังเพื่อนนั่งเล่า แกจะแทรกความเห็นไปทำน้ำปลากิมจิอารายยยยยย (แฮ่กๆๆๆ = =****)
คือ... อันนี้เจอบ่อยเวลาไปสับนิยาย - -* เลยระบายซะเยอะเลยทีเดียว
จำไว้นะ เอาแค่พอดีๆ.... = =* เดี๋ยวคนอ่านจะคลุ้มคลั่งด้วยความรำคาญ...
7. ตัวเลข 123 go! go!
ตัวเลข จริง ๆ แล้วไม่มีเกร็ดอะไรมากมาย เพียงแต่เท่าที่ได้รับฟังมา คิดว่าหากเป็นตัวเลขหลักเดียวหรือจำนวนตัวเลขไม่มาก น่าจะเขียนเป็นภาษาไทยมากกว่าตัวเลข
ส่วนตัวเลขเยอะๆ เช่น เจ็ดหมื่นสามพันสามร้อยสามสิบสามล้าน แบบนี้อาจเขียนโดยใช้ตัวเลขจะดูดีกว่า
พยายามใช้ตัวเลขให้น้อย เน้นไปที่การเขียนตัวหนังสือดีกว่า เพราะจะทำให้อ่านได้ลื่นกว่า
8. ตัวหนา ตัวเอียง ขีดเส้นใต้ ของดีมีให้ใช้ ก็หัดใช้ซะสิว้อย!!
นักเขียนใหม่อาจไม่รู้ แต่ก่อนที่เวบเด็กดีจะปรับเวบมาเป็นแบบทันสมัยอย่างตอนนี้นั้น ตัวหนาตัวเอียง หากจะใช้ ต้องใส่โค้ดhtmlถึงจะใช้ได้ ลำบากนิดหน่อย
เดี๋ยวนี้สบายขึ้น คลิกซ้ายแล้วลากแถบดำคลุม กดปุ่มด้านบนได้เลย สะดวกจริงๆ แต่บางคนก็ไม่เห็นประโยชน์...
ตัวหนา ช่วยเน้นอารมณ์ตื่นเต้นตกใจ หรือเน้นข้อความสำคัญๆได้
ตัวเอียง ช่วยเน้นเสียงสั่น เสียงแปร่งๆ แหบๆ หรือเน้นพวกกลอน หรืออื่นๆ
บางครั้งใช้ทั้งตัวหนาและตัวเอียงร่วมกัน อารมณ์ที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปอีก
ขีดเส้นใต้ไม่ได้ใช้บ่อยนัก แต่ก็ใช้ได้บ้าง บางกรณี...
ตัวอย่าง
บาทหลวงชราเบิกตามองภาพเบื้องหน้า มือทั้งสองข้างที่ปิดปากเอาไว้ ก็ยิ่งปิดแน่นขึ้น เสียงในใจของเขากรีดร้องไม่เป็นภาษา สมองที่สับสนยังคงถามย้ำ แม้ว่าแท้จริงจะรู้คำตอบ...
นี่คืออะไร!? นี่คืออะไร!??
คุณพ่อมองศพที่ถูกทำลายใบหน้า และศพไร้หัวที่อยู่ห่างออกไป ในตอนนี้ภาพทุกอย่างกลับกระจ่างชัด ทั้งที่เขาเองไม่อยากจะเห็นแม้แต่เพียงนิดเดียว.... ร่างที่ศีรษะแหลกเละนี่คือใคร? แม้จะนึกถามเช่นนั้น แต่ในความเป็นจริงตัวเขาย่อมรู้คำตอบดี....
....เป็นเด็กคนหนึ่ง....ที่สำคัญต่อเขามาก....
เช่นย่อหน้าด้านบนนี่ หากไม่ใช้ตัวหนา ก็คงได้อารมณ์เหมือนตอนใช้ แต่อาจเบากว่า... ดังนั้นเหมือนมีอุปกรณ์ให้ใช้ได้โดยง่าย ก็ขอให้ลองใช้กัน มีประโยชน์มากที่เดียวเลยล่ะ
สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ใด หรือแม้แต่ตัวหนาตัวเอียง ก็ควรใช้อย่างพอดี ไม่มากไปให้น่ารำคาญ ไม่น้อยไปจนอารมณ์ในเหตุการณ์นั้นๆ สื่อออกมาได้ไม่เต็มที่
อุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ ถ้ารู้จักนำมาใช้อย่างพอเหมาะแล้ว ก็จะส่งผลดีต่องานของคุณมากขึ้น แต่อย่าลืมว่า บางครั้งการคิดนอกกรอบบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
ความคิดเห็น