คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part[2] : เหตุเพราะเช้าเกินไป...
Part 1
แสงสีทองส่องอร่ามออกมาเป็นแนวเส้นตรงมายังพื้นโลก ท้องฟ้าที่เคยมืดมิดเปิดอ้านำแสงสว่างของพระอาทิตย์สู่ยามรุ่งอรุณ ผู้คนมากมายในยามนี้ต่างพากันตื่นจากการหลับใหลทั้งคืนบ้างก็ยังคงหลับในนิทราต่อไปเพราะอากาศยามนี้กำลังสบาย ยกเว้นแต่...สองสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ออกมายืนหน้าบ้านหลังพอดีกะทัดรัดแต่พื้นที่หน้าบ้านมากไปด้วยสวนงามมากมาย สามีกำลังจะออกไปทำงานภรรยาที่ดีเลยต้องออกมาส่งสามีขึ้นรถเสียให้เรียบร้อย
“ทำไมวันนี้ถึงต้องรีบไปเร็วขนาดนี้ ยุนโฮ” เอ่ยถามเพราะความสงสัย ตากลมจ้องเพ่งไปที่หน้าของสามีทั้งบีบเค้นให้พูดความจริงออกมา แต่คงยากนัก...ชองยุนโฮไม่อาจจะพุดความจริงให้ภรรยาสุดที่รักฟังได้
“เมื่อวานน่ะ..คุณรู้มั้ย? ผมคิดถึงคุณมากเลยต้องรีบกลับบ้านมา ทำให้วันนี้มีงานที่ค้างจากเมื่อวาน ถ้าไม่รีบไปทำก่อนที่บริษัทจะเข้า...มีหวังผมโดนเด้งแน่ๆ” โกหกคำโตพร้อมทั้งพยายามทำให้เป็นเรื่องจริงจังมากที่สุด เห็นอย่างนี้แล้วจะมีหรือใครจะไม่เชื่อ...
น้ำเสียงที่ยุนโฮใช้และหน้าตาที่กำลังร้อนรนเหมือนจะรีบนั้นมันอาจจะใช้หลอกกับคนอื่นๆ ได้อย่างแนบเนียน แต่เผอิญใช้กับคิมแจจุงนี่น่ะเหรอ... มันผิดแล้วล่ะ เขารู้ดีว่ายุนโฮโกหกเต็มคำ แค่จับอะไรบางอย่างในคำพูดที่หวานหูนั้นได้ทันที
“นี่~! ที่หลังก็อย่าทำอย่างนี้นะ” ตีต้นแขนล่ำเบาๆ พร้อมกับสั่งเตือนคล้ายกับว่าเจ้าตัวกำลังอายในคำพูดของเขายิ่งทำให้ยุนโฮสนิทใจว่าแจจุงคงไม่สงสัยอะไรในตัวเขาอีก ยุนโฮยิ้มกริ่มออกมา
“ครับ...จะไม่ทำอย่างนี้แล้ว สัญญา...” พูดจบมือหนาลูบเส้นไหมสีดำนุ่มลื่นนั้นเบาๆทั่วทั้งศีรษะพร้อมทั้งจูบหน้าผากมนอย่างอ่อนโยนให้คนสวยต้องเขินเล่น ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มหล่ออย่างมีเสน่ห์ที่สุดออกมาให้กับแจจุง การันตีได้เลยรอยยิ้มแบบนี้มีแด่เมียรักเพียงผู้เดียว
“เย็นนี้จะรอ... ตั้งใจทำงานนะที่รัก” สุ้มเสียงหวานรื่นหูพูดปิดท้ายไปจากนั้นคนตัวโตที่ต้องรีบไปทำงานค้างต่อจากเมื่อวานต้องรีบเข้าไปในรถแล้วได้รีบเหยียบคันเร่งของรถสปอร์ตคันงามเคลื่อนตัวออกไปจากบ้านหลังน้อยๆ .....หลังที่ยุนโฮได้ตัดสินใจซื้อให้เป็นของขวัญกับแจจุง บ้านหลังที่มีความอบอุ่นและมีทุกสิ่งทุกอย่าง...และกำลังจะเปลี่ยนไป...
จากการคำนวณเวลาที่ผ่านไปยี่สิบนาทีของแจจุง ซึ่งคาดว่าเวลานี้ยุนโฮน่าจะถึงโต๊ะทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นิ้วเรียวสวยกดเบอร์คนสนิทเพื่อจะติดต่อให้ช่วยดูแลสอดส่องเรื่องของคนสำคัญทุกฝีก้าวในเวลาที่ไม่ได้อยู่กับตน รอไปเพียงไม่นานนักปลายทางนั้นก็ได้รับสายด้วยน้ำเสียงเรียบอย่างเคย
“มีอะไรให้รับใช้อีกเหรอครับ...เจ้าหญิง” พูดอย่างรู้ใจเช่นเดิมแต่ต่อท้ายด้วยคำที่แจจุงไม่ชอบใจนักทุกครั้ง ร่างบางแอบทำหน้าไม่พอใจเพียงครู่เดียวแล้วรีบกรอกเสียงนิ่มๆ ลงไปเกรงว่าอีกฝ่ายจะรอนาน
“นายอยู่ไหนน่ะ...ยูชอน”
“กลัวฉันจะอู้งานหรือไงครับคุณแจจุง”
“ฉันถามนายอยู่นะ!!” คล้ายกับจะตวาด แจจุงไม่พอใจอย่างมากในช่วงเวลาที่เร่งรีบอย่างนี้ที่ยูชอนยังจะมาพูดจาวนช้าๆให้เสียเวลา แต่อีกฝั่งของยูชอนก็ได้แต่ยิ้มกว้างออกมากับความใจร้อนขี้เอาแต่ใจของแจจุงเจ้าหญิงแห่งวงการมืดที่เป็นอย่างนี้ทุกๆวันไม่เคยเปลี่ยน
“อยู่แถวที่ทำงานของแฟนนายน่ะ”
“หรอ... เข้าไปในนั้นได้แล้ว” เอ่ยเสียงเรียบและใจเย็นกว่าครู่ที่ผ่านมาเมื่อรู้ว่ายูชอนไม่ได้อยู่ไหนไกลและอยู่ใกล้ๆจุดเป้าหมาย
“หืม...อะไรกัน ป่านนี้เนี่ยนะจะให้ฉันเข้าไป” ยูชอนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยจู่ๆ แจจุงจะให้เขาเข้าไปในบริษัททั้งที่มันเพิ่งเช้าอยู่เลย และไม่รู้อีกด้วยซ้ำว่าป่านนี้บริษัทนั่นจะเปิดแล้วหรือยัง
“ก็ใช่น่ะสิ สั่งให้เข้าแล้วยังจะมาถามอีก”
“นายจะบ้าไปแล้วเหรอแจจุง”
“ฉันยอมบ้า แต่ยุนโฮไปทำงานแล้วนะยูชอน” ได้รู้เหตุผลของแจจุงก็ร้องถึงบางอ้อ ที่แท้ไอ้สามีตัวดีของคิมแจจุงมาทำงานเช้าเกินปกตินี่เอง เขารู้ดีว่ากลิ่นมันแปลกอีกเหมือนเดิม หน้าที่ของเขาที่เจ้าหญิงสั่งกีมีง่ายๆ ...ตามติดพฤติกรรมชองยุนโฮ
“ทราบแล้วครับเจ้าหญิง ...ไม่นานคงได้รู้คำตอบกัน” เมื่อรู้หน้าที่สำคัญแล้วก็อย่ามัวรอให้เสียเวลาไปก่อนที่จะไม่ทันการ ยูชอนถือวิสาสะรีบวางหูโทรศัพท์ก่อนแจจุงแล้วรีบเข้าบริษัทนั่นไปทันที
เมื่อมาถึงบริษัทแห่งนี้ที่ยุนโฮและเขาทำงานอยู่ ยูชอนได้เลือกที่จะเบี่ยงเข้าประตูหลังของตึกแทนที่จะเข้าทางประตูหน้าของบริษัท บริเวณหน้าประตูหลังของบริษัทนี้เป็นลานจอดรถสำหรับพนักงานและลูกค้า ซึ่งตอนนี้มีรถเข้ามาจอดแล้วถึงสองคันในโซนพนักงาน....หนึ่งในนั้นเป็นรถของชองยุนโฮที่เขาจำได้ดี ส่วนรถอีกคันที่ใกล้ๆนั้นดูจากตุ๊กตาและเครื่องใช้ภายในรถแล้วน่าจะเป็นรถของผู้หญิง
เรื่องนี้อย่างน่ะดูง่ายจะตายไป เพียงสงสัยว่าทำไมถึงต้องมาเล่นเช้าๆ กันอย่างนี้นะ....
แน่นอนว่าคนจมูกไวอย่างปาร์คยูชอนคงไม่ต้องทำงานพลาด กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงคนนั้นแตะเข้ามาโสตประสาทของเขา ยูชอนเดินตามกลิ่นนั้นไปเรื่อยๆ เพราะเหมือนว่าเพิ่งจะเข้ามาในนี้ได้ไม่นานเช่นกัน
ไม่ผิดคาดเลยสักนิด.... นี่คือหน้าห้อง ‘ประธานกรรมการชอง ยุนโฮ’
เฟี้ยว~!! ฉึก!! ฉึก!! ฉึก!! ฉีก!!
เสียงมีดสั้นปลายแหลมคมกริบสีเงินวาวกว่าห้าเล่มพุ่งตรงไปยังมะเขือเทศลูกกลมสุกที่ตั้งวางเรียงบนแท่นไม้ระดับอก...เมื่อความแม่นยำไม่เคยมีพลาด มีหรือมะเขือเทศน้อยลูกสดนั้นที่ต้องมารองรับคนเจ้าอารมณ์จะคงสภาพดีดังเดิมได้ เศษมะเขือเทศชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายเต็มบริเวณใกล้เคียง ขอบคุณที่นี่ไม่ใช่หัวของใครสักคน...
แปะ...แปะ...แปะ~!!
เสียงปรบมือคล้ายประชดประชันหรือชื่นชมก็ไม่เชิง ร่างบางหันไปยังต้นเสียงปรบมือที่ก็รู้อยู่ว่าเป็นใคร ตากลมมองไปยังร่างสูงโปร่งนั้นที่กำลังเดินปรบมือเข้ามาหาพลางคว้ามีดเงินสั้นอีกอันมาโยนเล่น
“ฝีมือดีไม่มีตก...เจ้าหญิงแห่งวงการฯ” น้ำเสียงยียวนแล่นเข้ามาสู่ประสาทยิ่งเพิ่มระดับอารมณ์ที่สูงอยู่แล้วทำให้แจจุงอยากจะปามีดที่อยู่ในมืออันนี้เสียบหัวไอ้คนพูดซะ เขาไม่ชอบเลยจริงๆ คำว่า...เจ้าหญิงแห่งวงการมืด...
“เพราะพี่...ไงล่ะ ไม่งั้นฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าฉันมันแม่นแค่ไหน” กล่าวออกไปตามความจริงให้กับผู้ที่ได้สอนให้รู้จักกับการเล่นมีดต่างๆ หากพ่อของเขาไม่ส่งให้มารู้จักกับคนอย่างหมอนี่ล่ะก็...ไม่มีวันที่แจจุงจะจับมีดจับปืนและใช้ศิลปะการป้องกันตัวต่างๆ ได้ดีขนาดนี้
“อย่างอื่นล่ะ....”
“ชางมิน...หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ!” แจจุงปรามก่อนที่ร่างสูงนั้นจะพูดเรื่องน่าเบื่อซ้ำๆ มาตั้งแต่หลายปีก่อน ขายาวยังคงก้าวต่อมาเรื่อยๆจนถึงระยะชิดพอกับร่างบาง ชางมินแสยะยิ้มออกมาอย่างสมเพชตัวเองอย่างที่ไม่สมควรที่สุดกับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งของเขา
“ไอ้หมอนั่น...ชองยุนโฮ ทำอะไรให้อีกล่ะเราถึงโกรธมันขนาดนี้” ชางมินเอ่ยไปตามเรื่องอย่างที่รู้จากการกระทำของแจจุงทุกครั้ง ทุกครั้งที่ร่างเพรียวบางรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจอะไรยุนโฮ แจจุงก็จะมาหาเขาก่อนทุกครั้งแตกต่างจากโดยปกติหากไม่มีเรื่องอะไร แค่ชวนไปไหนมาไหนก็ยากเต็มทน
“เปล่าซะหน่อย....ฉันไม่ได้ทะเลาะกับเค้า”
“เอ๋...ไม่อยากจะเชื่อ” พูดไปก็เจ็บปวดซะเปล่าๆ ที่ต้องทำเป็นเอ่ยถึงมัน แต่เขายังต้องทนเพราะคนตรงหน้า...หากไม่ทำร้ายจิตใจส่วนใดของแจจุงก็ตามล่ะก็ ชองยุนโฮคงตายไปนานตั้งแต่เพิ่งเจอแจจุงแรกๆ แล้ว
“ยูชอน...บอกว่าวันนี้มีสาวออฟฟิศนัดให้ยุนโฮเข้าบริษัทแต่เช้า เพื่อไปอึ้บกันก่อนเข้าทำงาน...!” พูดจบมีดเงินก็พุ่งลอยไปเสียบกับมะเขือเทศผลที่เหลือแตกเละไม่เหลือเป็นชิ้นดี
“ ”
“เค้าหลอกฉัน.....เกลียดนังนั่น!! ฉันเกลียดนั่งผู้หญิงหน้าด้านคนนั้น!! ฉันเกลียดมันๆๆ” ตะโกนออกไปเสียงดังพลางใช้กำปั้นเล็กทุบแขนชางมินเพื่อระบายอารมณ์ มือหนาจับรวบข้อมือเล็กนั้นเพื่อให้หยุดการกระทำที่ค่อนข้างไร้สติ ตากลมมาไปยังมือคู่นั้นที่กำลังจับเขาอยู่แล้วเงยขึ้นมองไปยังหน้าคนได้สติผู้ชื่อว่าเป็นบุคคลผู้มีอำนาจรองจากพ่อของตน
“แต่เราไม่เคยโทษยุนโฮ...”
เหมือนมีก้อนแข็งจุกตรงกลางลำคอ แจจุงไม่เถียง...เขาไม่เถียง พูดไม่ออกเลย เขาไม่เคยโทษยุนโฮเลยสักครั้ง แม้ความเป็นจริงนั้นยุนโฮก็มีส่วนผิดด้วยก็ตาม แต่เขากลับโทษผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาก้าวก่ายวุ่นวายกับตัวยุนโฮที่ดูมากกว่าเพื่อนร่วมโลก
ชางมินอยากกุมขมับทุกเป็นสิบครั้งที่ต้องพูดหรือนึกถึงเรื่องวุ่นวายของแจจุง สองปีมานี้เขาแทบทำใจไม่ได้เรื่องที่แจจุงหนีแยกไปอยู่นอนกับชายอื่นทั้งที่หมั้นกับเขามานานก่อนหน้านี้ ยิ่งวันนี้ยิ่งทำให้เห็นว่าเขาสมควรเก็บไอ้ชองยุนโฮมากแค่ไหนหากว่าผลที่ตามมาคือแจจุงไม่มีทางหันกลับสนใจเขาแม้แต่น้อย ซึ่งคิดดูอยู่คงรอให้เวลามันพาพิสูจน์ไปว่ายุนโฮที่แจจุงมั่นใจนักมั่นใจหนาว่าคนนี้แหละใช่....มันจะตรงข้ามเสียทุกอย่าง
“เค้าไม่ผิด....” เสียงหวานพึมพำคล้ายละเมอเอ่ยออกมา ยิ่งคำว่ายุนโฮไม่ผิด...ชางมินก็อยากจะอธิบายเป็นขั้นๆ ว่าไอ้นั่นมันเลวยังไงบ้าง แต่ผลที่ผ่านมาก็คือ...แจจุงไม่ฟัง
“มันไม่ได้แต่งงานกับเรานะ เราแค่อยู่กินกันกับมันเฉยๆ การที่ผู้หญิงพวกนั้นเข้ามาหาน่ะก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วกับผู้ชายที่ไม่ได้ประกาศตัวว่าแต่งงานหรือมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แจจุง...พี่อยากให้เราสนใจอนาคตของพวกเราบ้าง” พยายามเฉไฉเข้าประเด็นของตัวเองให้จนได้ แต่แจจุงก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าแค่อยู่กินกับยุนโฮเฉยๆโดยไม่ได้มีพิธีแต่งงานประกาศให้คนทั่วโลกรู้ แต่ความหึงหวงมันก็บังเกิดขึ้นเป็นธรรมดาของมนุษย์ เมื่อความรักสามีมันบังตาแยกแยะไม่ออกใครถูกใครผิดจะให้เขาทำอย่างไร!!
“ฉันสนใจอนาคตของเราตลอดนะ....เมื่อไหร่พี่จะถอนหมั้นฉันเสียที!!” พูดจบก็คว้ากระเป๋าออกไปทันทีโดยทิ้งคำอำลาที่แสนปวดใจนักสำหรับคนฟัง ชางมินนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรงกับคนหัวดื้ออย่างแจจุง เขาหวังว่าสักวันหนึ่งแจจุงจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยทำให้ลงไปว่านั่นแหละคือความรัก...
ใกล้เวลาพักกลางวันของยุนโฮแล้ว แจจุงรีบกลับบ้านมาอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะเตรียมข้าวใส่กล่องให้กับคนกินอาหารไม่ค่อยตรงเวลาหลังจากส่งเมสเสสบอกไปแล้วว่าวันนี้จะนำข้าวกลางวันไปให้ถึงที่ห้องทำงาน เน้น...ถึงห้องทำงาน ไม่ต้องมีคนกลางเอาไปให้หรอก เจอตัวถึงตัวแน่ๆ วันนี้ไม่ต้องปล่อยให้ชะนีน้อยคนไหนพาออกไปหาร้านอร่อยๆกินกันกระหนุงกระหนิงอย่างที่สายเคยรายงานมา เมื่อเมียจ๋าที่รักที่เคยบอกว่าทำอาหารฝีมือดีที่สุดมาประเคนให้ถึงที่
แจจุงในชุดเสื้อยืดคอวีตัวโคร่งสีส้มสดใสที่ยาวเกือบถึงขาอ่อนบวกกับสร้อยเงินรูปนางฟ้าที่สายยาวห้อยอยู่ตรงกลางอกและกางเกงรัดรูปสีขาวที่ทำให้คนสวยอย่างแจจุงดูสวยสดใสร่าเริงขึ้นกว่าเดิมหากใครได้มองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่คือนางฟ้าเดินดิน ร่างบางตรวจเช็คเสื้อผ้าหน้าผมในกระจกบนรถอีกครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจก่อนที่จะหิ้วกล่องข้าวออกมา ขาเรียวก้าวด้วยท่วงทางที่งดงามเข้ามาในตัวตึกบริษัทซอฟต์แวร์เรียกสายตาบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้หันมามองเป็นแถว เข้ามาได้ไม่กี่ก้าวทันใดมีหนุ่มหน้าซาลาเปาใจกล้าเข้ามาถามไถ่เมื่อเห็นว่าแจจุงอาจจะเป็นลูกค้าของบริษัท
“ไม่ทราบว่า... คุณคนสวยมีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ” เอ่ยเสียงหล่อจากที่ปกติไม่เคยพูดทำให้ฟังดูตลก ตาเรียวเล็กแอบเสียมารยาทเล็กน้อยกับคุณลูกค้าเมื่อมองไปยังต้นคอขาวๆ ไล่มาถึงไหล่บางนั้นที่เปิดเปลือยออกมาเนื่องจากคอเสื้อมันเปิดกว้างไปนิด....นึกเสียอีกทีทำไมไอ้คอเสื้อนี่มันไม่ลึกไปกว่านี้นะไม่อย่างนั้นคงจะเจอของดี....
มองไล่ขึ้นลงไปมาคงพูดได้อีกต่อ แม่จ้าว...ขาวจริงๆ คนลามกคิดได้แต่คิดอกุศลไปแค่นั้น แจจุงรู้ว่าไอ้คนข้างหน้ากำลังแทะโลมเขาด้วยสายตาอย่างหื่นกระหายอยู่ หากถ้าไม่ถือว่าที่นี่คือที่สาธารณะผู้ชายตรงหน้าอาจคางแตกคอหักถึงขั้นพิการก็เป็นได้
“ฉันมาหาประธานกรรมการชอง ยุนโฮ” แจจุงบอกจุดประสงค์ที่ต้องการทำให้พนักงานบริษัทที่มาบริการรู้สึกแปลกใจ
“เอิ่ม...ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับท่านประธานฯหรือเปล่า”
“มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรหรอกนะ ช่วยเรียนให้ท่านทราบด้วยนะว่าภรรยามาหา!!”
หลังจากทำไอ้หนุ่มเตี้ยหน้าซาลาเปานั้นช็อคมาไม่นาน ก็มีพนักงานบริษัทสาววัยกลางคนพาร่างบางขึ้นมาถึงห้องท่านประธานฯ
คิดไม่ผิดจริงๆ เข้ามาถึงก็มีนังเลขามาคอยทำป้อนโน่นเสิร์ฟหน่อยให้กับท่านประธานฯชองอยู่เรื่อย อารมณ์โกรธมันพลุ่งพล่านขึ้นอย่างแน่นอนแต่แจจุงเลือกที่จะเดินเข้าไปทำตัวเป็นนางฟ้าผู้จิตใจอ่อนโยนที่ทำต่อหน้ายุนโฮมาตลอดแทน กลีบปากแดงยิ้มหวานออกมาให้กับยุนโฮและคุณเลขาฯเพื่อที่จะบ่งบอกว่ามาดี
ตาเรียวมองไปยังผู้มาเยือนใหม่ที่ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะมาได้เร็วขนาดนี้ทั้งที่เลขาฯของเขาเข้ามาบอกยังไม่ทันถึงห้านาที
“แจจุง....” พูดชื่อคนสำคัญออกมาคล้ายกับครางเบาๆอย่างกลัวเกรงเมื่อแจจุงเข้ามาถึงทั้งที่เลขาฯของเขาเธอยังไม่ได้ออกจากห้องไปเลย แต่ความตกใจกลับต้องหายไปหมดเมื่อความเคลิบเคลิ้มและชื่นใจเข้ามาแทนที่เมื่อเห็นรอยยิ้มนางฟ้าที่งดงามของแจจุง
“ยุนโฮ...หิวหรือยัง...” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นอย่างเย้ายวนพลางวางกล่องข้าวลงบนโต๊ะ แจจุงทำเป็นไม่สนใจว่ามีใครอีกคนที่เป็นบุคคลที่ถามยังอยู่อีกด้วย
“หิวสิครับแจจุง...อยากกินทั้งข้าว...อยากกินทั้งคุณ...” ยุนโฮเองก็เช่นกันที่กลิ่นหอมๆของมื้อกลางวันตรงหน้าเขาที่ภรรยารักอุตส่าห์เตรียมมาให้ทำให้คนดีๆอย่างท่านประธานกรรมการชองล่องลอยจนสติเลือนหายไปหมดโดยที่ยุนโฮทำเหมือนกับลืมความสัมพันธ์กับเลขาฯเมื่อเช้าไป ทำให้ซูฮยอนที่เพิ่งได้เสียกับร่างสูงเป็นครั้งแรกเกิดอาการไม่พอใจ
“คุณยุนโฮคะ!!? นี่ใครกัน!?” ถามทั้งกระแทกเสียงที่ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ หญิงสาวอดรู้สึกแปลกไมได้กับผู้มาเยือนใหม่ตรงหน้า...หากสัญชาติญาณไม่ผิดแปลกไปล่ะก็...นี่คงเป็นเจ้าของของยุนโฮตัวจริงเป็นแน่!!
ตอบให้ดีนะยุนโฮ...!!
“อ่า...นี่แจจุงเมียผมครับคุณซอจูฮยอน” บอกได้เต็มปากเต็มคำว่า ‘เมีย’ ถึงกับทำให้หญิงสาวใจหล่นหายไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะเร็วขนาดนี้ทั้งที่อุตส่าห์พยายามทำดีกับยุนโฮแทบตายหลายสัปดาห์หลังจากเพิ่งได้รับตำแหน่งเลขาฯ
“มะ..เมียคุณเหรอคะ...”
“ใช่...ฉันเป็นเมียเค้าเอง หากคุณมีมารยาทพอก็ขอช่วยออกไปให้ผัวเมียเค้าได้ใช้เวลาส่วนตัวหน่อยนะ” แจจุงพูดเสริม เมื่อจูฮยอนได้ฟังจนจบเธอถึงกับวิ่งออกไปในทันที แจจุงขอบอกว่า...เธอไม่ใช่คนแรกที่มายุ่มย่ามกับชีวิตยุนโฮ แต่ขอดูไปก่อนสักระยะนึงว่าจะพอมีมารยาทและสันดานของผู้ดีหรือไม่ว่าผู้ชายเขามีเมียแล้วอย่าไปยุ่ง หากไม่มี....ก็คงไม่ต้องบอกว่าจะต้องทำอย่างไร...
หลังจากเลขาซูฮยอนคนสวยออกไปจากห้องแล้ว แจจุงก็เริ่มบทสนทนาคนทำตาละห้อยอย่างที่ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจกัน
“เลขาฯใหม่เหรอ...”
“อ่า...ครับ คนใหม่เมื่อไม่นานนี้เอง”
“คนเก่าล่ะ...ฮึ” แกล้งถามอย่างนั้นแหละ...ทั้งที่ก็รู้ๆ อยู่ แจจุงรอฟังคำตอบจากยุนโฮเผื่อมีใครทำเรื่องหลุดออกมา
“ผมไม่ทราบครับ...ไม่รู้จริงๆ” ตอบไปตามความจริงเหมือนเลขาคนก่อนๆ จะขอลาออกเฉพาะกิจกันอ้างกันว่ามีเหตุจำเป็นต้องขอไปจริงๆ บ่อยเหลือเกินโดยที่จริงๆ ยุนโฮก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายอยู่แล้ว
“คนใหม่นี้สวยดีนะ...” แจจุงว่าบอกไปตามที่เห็น หน้าตาสวยดีอย่างนี้น่ะเหรอยุนโฮจะไม่เข้าไปหลงกลมัน ไม่มีทางล้านเปอร์เซ็นต์...
“แต่แจจุงเมียผมสวยกว่านะ”
“ปากหวาน....”
“ผมพูดจริง!!!”
“งั้นก็ช่วยพิสูจน์ให้ฉันเห็นอีกทีสิ...ว่าฉันมีดีเหนือว่าใครทั้งหมด”
กราบสวัสดีงามๆ นะคะ~~
ตอนแรกต่อจากตอนอินโทรครั้งที่แล้วคือว่า อยากจะทราบว่า....
1.ดำเนินเรื่องเร็ว หรือ ยืดเกินไปเปล่าคะ
2.บรรยายห่วยไปเปล่าคะหรือว่าเน้นคำพูดมากขึ้น
3.เรื่องนี้ควรมีคู่อื่นมั้ยคะ แบบควรมี ยูซู รีเปล่า?
ยังไงก็ฝากให้สับ!! โขลก!! ตามสบายเลยนะคะ
อย่าลืมเม้นต์ๆกันหน่อยนะคะ ..ขอบคุณค่ะ...
23/08/09
ความคิดเห็น