คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : '' > P a s s i o n 6 [NC!!] >> แถม มิโซ *{rewrite แก้คำผิด
ภายในรถสปอร์ตเฟอร์รารี่สีดำที่มีเพียงแต่ความเงียบ ได้ยินเพียงแต่เสียงด้านนอกดังอึกทึกตามอารมณ์ของเมืองหลวง แม้กระทั่งยามเย็น ก็ยังมีผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ แต่ภายในยานยนต์สีดำนี้กลับเงียบสนิท เงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่เปิดเบาที่สุด
“โซฮี หิวรึเปล่า” ซอนมีถามขึ้นทำลายความเงียบ
“ไม่ล่ะค่ะ” โซฮีตอบแล้วเมินหน้าไปทางนอกหน้าต่าง
“อยากไปที่ไหนรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ” โซฮีตอบเสียงห้วนก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งกร้าว “คุณไม่มีความจำเป็นจะต้องทำแบบนี้เลยนะคะ”
“จำเป็นสิ” ซอนมีชะลอรถให้จอดที่สี่แยกไฟแดง
“เรา ไม่ได้รู้จักกันซักหน่อย คุณไม่ต้องมาใส่ใจฉันหรอก” โซฮีเอ่ยเสียงเยือกเย็น ทุกคำพูดที่เธอคนนั้นพูดออกมานั้น เหมือนมีดนับพันกรีดแทงหัวใจเธอ...แต่การกระทำนั้นของโซฮีกลับกระตุ้นให้ซอนมีฉีกยิ้ม เธอหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าไปในซอยแคบที่ใกล้ที่สุดทันทีทันที
“จะทำอะไร” โซฮีถามขึ้นแล้วกวาดสายตาดุดันไปมองคนขับรถที่ฉีกยิ้มอย่างน่ากลัว
ไม่มีคำตอบจากซอนมี ใบหน้าสวยยังคงฉีกยิ้มอยู่เช่นเดิม รอยยิ้มที่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ไม่สามารถอ่านความคิดได้เลย และนั่นเป็นครั้งแรกที่โซฮีรู้สึกกลัวคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างที่สุด
ซอนมีจับแขนเธอแล้วค่อยๆ โน้มตัวเข้ามาใกล้ จนแทบจะหายใจร่วมกัน โซฮีถอยไปจนชนกระจกหน้าต่าง เธอเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่ซอนมีไวกว่าที่จะล็อครถเพื่อไม่ให้ร่างเล็กหนีไปได้
“จะ... จะทำอะไร?” โซฮีถามอีกครั้ง
“ระหว่างที่พี่ไม่อยู่ข้างเธอ... เธอมีใครเป็นพิเศษรึเปล่า”
“อะไรของคุณ”
“พูดจาห่างเหินจังเลยนะ”
“ฉันไม่รู้จักคุณนะ” โซฮีปฏิเสธเสียงแข็ง... มารื้อฟื้นมันทำไม!!?
“โกหกไม่เก่งเลย เด็กน้อย ฉันก็คือพี่ซอนมีของเธอไง ลืมไปแล้วหรอ”
“ไม่! พี่ซอนมีตายไปแล้ว” โซฮีตวาดเสียงดัง
“ใครว่า พี่ก็อยู่ตรงหน้าเธอแล้วนี่ไง”
“คุณไม่ใช่!!”
“เธอต้องการฉัน ฉันรู้”
“ไม่!! คุณไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น” โซฮีโวยวาย ทุบตีคนตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง อยากจะกรีดร้องดังๆ ให้อีกฝ่ายเลิกพูดเรื่องงี่เง่านี่เสียที น้ำตามากมายไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย
“ชู่ว์ โซฮี...” ซอนมีวางนิ้วชี้เรียวยาวลงบนริมฝีปากอิ่มของคนตัวเล็กกว่า แล้วดึงโซฮีเข้ามากอดไว้ “อย่าร้องไห้สิ”
“ไม่... อย่ามายุ่งกับฉัน” โซฮีสะอื้นพลางผลักไสอ้อมกอดอบอุ่นที่เธอโหยหามานาน... ไม่ว่าจะนานแค่ไหน อ้อมกอดนี้ก็ทำให้เธอเย็นลงได้เสมอ จนเกือบลืมไปแล้วว่าตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก
“เธอยังไม่ได้บอกพี่เลยนะ เธอมีใครเป็นพิเศษรึเปล่า”
โซฮีส่ายหัวไปมาเบาๆ แทนคำตอบ ซอนมียิ้มออกมาแล้วผละออกจากร่างเล็กก่อนกระซิบเสียงแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มอย่างมีชัย “งั้นเธอก็ยังคงเป็นของพี่อยู่สิ”
โซฮีเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนั้นพร้อมกับที่ริมฝีปากบางถูกครอบครอง ขณะที่เธอกำลังตกใจและไม่ทันตั้งตัวลิ้นร้อนก็ถูกดันส่งเข้ามาภายในโพรงปากร้อนอย่างรวดเร็ว ตวัดเกี่ยวกับลิ้นเล็กอย่างชำนาญและดูเหมือนร่างเล็กจะตอบสนองจุมพิตนั้นเป็นอย่างดี เธอรู้สึกได้ถึงรสหวานของสตรอว์เบอร์รี่จากลิปสติกของอีกฝ่าย จู่ๆ ซอนมีก็ละริมฝีปากออก
“โซฮี... เธอยังเป็นของพี่อยู่รึเปล่า” คำพูดนั้นเป็นการเตือนสติโซฮีให้กลับมาอีกครั้ง
“ฉันไม่เป็นของๆ ใครทั้งนั้น!!”
“งั้นพี่จะทำให้เธอเป็นของพี่ นับตั้งแต่วันนี้ และตลอดไป” ซอนมีเอ่ยพลางกดปุ่มเก้าอี้ข้างคนขับให้เอนลงพร้อมกับถอยไปด้านหลัง
“อย่า!!”
ซอนมีรวบแขนเล็กทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเดียว ไม่ใช่เพราะเธอแรงเยอะอะไรมากมาย เพียงแต่โซฮีหมดกำลังที่จะขัดขืนอีกต่อไปแล้ว เรี่ยวแรงเหมือนถูกกลืนหายไปทุกๆ วินาทีที่ซอนมีลากปลายลิ้นร้อนไปตามคอซอกคอหอมกรุ่น
โซฮีกัดริมฝีปากตนเองเพื่อเก็บเสียงที่น่าสมเพชเอาไว้ในลำคอและเพื่อเตือนตัวเองไม่ให้ปล่อยอารมณ์ไปตามอีกฝ่าย ขณะที่ซอนมีสอดมืออีกข้างที่ว่างอยู่เข้าไปในสาบเสื้อด้านหลังของโซฮี มือนุ่มลากเบาๆ ไปตามแผ่นหลังอันบอบบาง เลื่อนมืออย่างช้าๆ ไปจนถึงตะขอเสื้อชั้นในตัวเล็ก
“พอเถอะ!! ฉันขอร้อง” โซฮีร้อง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย ซอนมีดึงเสื้อชั้นในขึ้นไปด้านบน เผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มที่ทำให้ซอนมีฉีกยิ้มอย่างพอใจแม้ภาพตรงหน้าจะถูกเสื้อเชิ้ตบางบดบังอยู่ก็ตาม
ซอนมีก้มลงใช้ปลายลิ้นร้อนสัมผัสปุ่มเล็กที่นูนผ่านเสื้อออกมา แล้วใช้ปากครอบครองกึ่งดูดเบาๆ อย่างมีความสุข โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้ฟูมฟายมากแค่ไหน เธอสอดมือเข้าไปใต้กระโปรง เข้าไปถึงชั้นในตัวเล็ก แล้วคลึงไปทั่ว นิ้วมือที่ผ่านจุดสำคัญทำให้ร่างเล็กสะดุ้งและแอ่นตัวขึ้นตอบรับสัมผัสที่วาบหวิวนั้นทันที
“อะ...อา” คิ้วขมวดมุ่นเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างอุ่นๆ แทรกเข้ามาภายในร่างกาย และมันก็เพิ่มจำนวนขึ้นจนเธอรู้สึกเจ็บจนต้องถอยหนี
ซอนมีละจากเนินอกที่เปียกชุ่มไปยังเบื้องล่าง เธอถลกกระโปรงขึ้นเผยให้เห็นต้นขาขาวเนียน เป็นที่น่าพอใจ ลากปลายลิ้นชื้นไปตามต้นขาขาวจนลึกไปถึงด้านใน ทันทีที่ปลายลิ้นร้อนสัมผัสจุดอ่อนไหว เสียงหวานครางไม่หยุด และดังขึ้นไปอีกเมื่อซอนมีใช้นิ้วแทรกเข้าไปภายในอีกครั้ง แล้วขยับเข้าออกเป็นจังหวะ
“อ๊ะ อ๊า” เมื่อเห็นร่างบางตอบรับ ซอนมีก็ยิ้มอย่างพอใจพร้อมเร่งจังหวะให้ถี่ขึ้น
“มะ...ไม่ไหวแล้ว อ๊า!” โซฮีกรีดร้องเสียงหวาน ร่างบางเกร็งกระตุกพร้อมกับรู้สึกถึงความสุขมากมายที่แฝงอยู่ในความทุกข์ตรงหน้า
ซอนมีใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆ ที่จุดอ่อนไหวไปมาพร้อมกับที่เธอกำลังลิ้มรสหญิงคนที่เธอรักราวกับเป็นขนมหวานชั้นหนึ่ง ก่อนจะขยับขึ้นไปกระซิบข้างหูร่างบางที่กำลังหอบหายใจเบาๆ
“เธอเป็นของฉันแล้ว”
-------------------------------------------------------------------------------------------
อากาศในฤดูร้อนยามเช้าสำหรับใครหลายคนแล้วมันทำให้สดชื่น ซอนเยเดินมาที่ระเบียง หวังให้อากาศยามเช้าช่วยเธอให้พ้นจากความหดหู่ สายลมอบอุ่นโอบล้อมร่างบอบบางเหมือนปลอบใจ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้หัวใจที่แตกสลายของเธอกลับคืนมาได้
ทั้งพ่อและแม่ก็จากไป ไม่มีแม้แต่ถ้อยคำล่ำลา
ทั้งๆ ที่พบเจอกับคนที่คิดว่าดี แต่กลับถูกเขาผู้นั้นทำร้ายอย่างสาหัส
ซอนเยให้สัญญากับตัวเองว่าเธอจะไม่ไว้ใจใครอีก ไม่เด็ดขาด หากการไว้ใจมันทำให้เธอเหมือนคนตายทั้งเป็นแบบนี้ เธอขอเลือกที่จะดำรงชีวิตเพียงลำพังจะดีซะกว่า หรืออาจจะเลือกอีกทาง.....
ตายซะเลยดีมั้ย
ซอนเยจ้องลงมองเบื้องล่างอย่างเหม่อลอย เธอเห็นพื้นสนามหญ้าสีเขียว ที่มีดอกไม้ปลูกเป็นหย่อมๆ ดูสดชื่นสำหรับคนอื่น แต่ซอนเยกำลังคิดว่า หากสีเขียวนั้น จะถูกย้อมด้วยสีแดงล่ะ...
ถ้าเธอจะขอเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดินตรงนั้น...
“ยัยโง่! ทำบ้าอะไรของเธอ!” เสียงเย็นชาที่คุ้นหูดังขึ้นเบื้องหลัง พร้อมกับเจ้าตัวตรงรี่เข้ามากระชากเธอออกจากจุดที่เธอยืนอยู่ ซอนเยเพิ่งรู้ตัวว่าเธอปีนออกไปยืนอยู่นอกระเบียง พร้อมที่จะดิ่งลงไปตามที่เธอต้องการ
“อยากตายหรอ อยากตายมากใช่มั้ย?” ยูบินถามพลางจับร่างบางเขย่าไปมา
“ปะ...เปล่า” ซอนเยตอบโดยไม่สบตาอีกฝ่าย เธอรู้สึกได้ว่ามันน่ากลัวเหลือเกิน
“แล้วที่ไปยืนอยู่นอกระเบียง... มันคืออะไร!!”
ซอนเยนิ่งเงียบ ไม่มีประโยชน์ที่จะตอบอะไรออกไป
“เงยหน้าขึ้น” ยูบินออกคำสั่ง แต่ซอนเยยังคงนิ่งเหมือนเดิม
“ฉัน บอก ให้ เงย หน้า!!” ยูบินตวาดแล้วบีบคางเล็กให้เงยขึ้น
เมื่อซอนเยเงยหน้าขึ้นมาก็ชนกับวัตถุสีดำมันวาวที่ฆ่าเธอได้โดยไม่ต้องออกแรงจ่ออยู่กลางหน้า หัวใจดวงน้อยเต้นระทึกจนกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยินเสียงมัน
“อยากตายใช่มั้ย”
“อะ...อื้อ อื้อออ” ซอนเยส่ายหน้าไปมาอย่างรุนแรง น้ำตาเริ่มไหลรินมาอีกครั้งทั้งๆ ที่คิดว่ามันหมดไปแล้ว
แกร๊ก!
มีเพียงความว่างเปล่าที่ออกมาจากกระบอกปืน ซอนเยหอบหายใจด้วยความกลัว สองมือเล็กกำแขนยูบินแน่น.... ยูบินตั้งใจจะยิงเธอจริงๆ ... หากในนั้นมีกระสุนอยู่....
“กลัวใช่มั้ยล่ะ” ยูบินพูดแล้วปล่อยมือออกจากคางมน ซอนเยพยักหน้าแทนคำตอบ
“จำเอาไว้ให้ดี ความรู้สึกนี้น่ะ แต่ถ้าเธอยังต้องการ ก็เชิญ” ยูบินผายมือไปทางระเบียง หน้าตาไม่ทุกข์ร้อน
ซอนเยเงยหน้ามองยูบินเล็กน้อย เห็นคนตรงหน้าใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว โดยมีเนคไทสีดำผูกไว้
อย่างเรียบร้อย กับกระโปรงดำสั้นเหนือเข่าโชว์เรียวขาที่ปกปิดด้วยถุงน่องบางๆ สีดำ ดูราวกับมาเฟียก็ไม่ปาน
“ฉันจะไปทำงานแล้ว อาจจะกลับดึกหน่อย” ยูบินเอ่ยเนิบๆ พลางเดินไปหยิบเสื้อสูทมาสวม เธอเดินไปที่ประตูก่อนจะหันมาสั่งร่างเล็ก
“เป็นเด็กดีล่ะ” เอ่ยพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็นเหมือนปิศาจร้าย
ซอนเยพยักหน้าหงึกๆ พร้อมน้ำตา และจ้องมองประตูห้องอยู่อย่างนั้นแม้ยูบินจะออกไปแล้วก็ตาม ซักพักเธอก็ตั้งสติได้ สะบัดหัวเล็กน้อยให้ตัวเองหลุดจากภวังค์ก่อนยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนช้าๆ
ซอนเยคิดพลางเดินไปหยิบเสื้อผ้าของเธอที่พับไว้อยู่บนโซฟาด้วยท่าทางเหมือนคนไร้วิญญาณแล้วเดินตรงไปที่ห้องน้ำ แต่เมื่อเธอกำลังปิดประตูห้องน้ำ เธอก็พบว่ามีสายโซ่คล้องรอบข้อเท้าเธอไว้อีกปลายด้านหนึ่งของมันนั้นน่าจะ อยู่ที่ขาเตียง โซ่เส้นนั้นยาวพอที่จะให้เธอเดินไปมาได้รอบๆ ห้องได้
เธอควรจะหงุดหงิดโวยวาย ร้องไห้เพราะความโกรธมากกว่า แต่ซอนเยกลับยิ้มบางๆ ให้กับตัวเองแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป...
เวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายชั่วโมง ซอนเยเอาแต่จ้องมองภาพในจอทีวีโดยไม่ทำอะไรเลย ไม่แม้กระทั่งจะดื่ม หรือกินอาหาร เธอไม่รู้สึกใดๆ เลย มีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น จนกระทั่งภาพในทีวีเปลี่ยนไปเป็นรายการข่าว ทำให้เธอรู้ว่ามันเป็นเวลาเที่ยงแล้ว
‘คิมยูบิน ประธานบริษัทสาวไฟแรงได้เปิดแถลงข่าวโปรเจคใหม่.......’
เสียงของผู้ประกาศข่าววัยกลางคนนั้นทำให้เธอมองทีวีอย่างตั้งใจเป็นครั้งแรก
ยูบินอยู่ในชุดเดรสยาวสีดำประกายเพชร ผมสีดำถูกดัดให้เป็นลอน ดูสมกับเป็นกุลสตรีผู้เป็นใหญ่เป็นโต ใบหน้าที่เธอคิดว่าเย็นชากลับมีรอยยิ้มจางๆ ดูเป็นมิตรกับทุกคน ซอนเยคิดว่าผู้หญิงคนนี้ดูสง่างามมากเลยทีเดียวและดูเหมือนว่าจะเก่งในทุกๆ ด้านด้วย เทียบกับเธอ...
เธอก็รู้สึกเหมือนเป็นแค่ของไร้ค่าที่ไม่มีใครสนใจ
แกร๊ก!
เสียงประตูห้องเปิดออก ซอนเยสะดุ้ง มือไม้ควานหารีโมททีวีอย่างร้อนรน
“เป็นอะไรของเธอ” ยูบินเดินมายืนดูทีวีที่ข้างๆ โซฟา มองกระต่ายหน่อยของตนลนลานปิดทีวี ขณะที่ปลดเนคไทออกจากคอ “เธอใส่ชุดนี้แล้วน่ารักดีนิ่”
“ฉันไม่ดีใจหรอกนะ” ซอนเยตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย
ยูบินหัวเราะในลำคอขณะที่กำลังดื่มน้ำหน้าตู้เย็น ซอนเยเหลือบตามองเล็กน้อย พยายามไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว แต่ดูเหมือนจะตรงกันข้าม
“มีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่า”
“ไม่มี...” ซอนสะดุ้งเล็กน้อยตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย นึกสงสัยว่ายูบินรู้ได้ไงว่าถูกมอง
“งั้นเหรอ” ยูบินเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วหยิบแก้วทรงสูงมารินแชมเปญ
“คุณ...ทำแบบนี้กับฉันทำไม”
“ทำไมน่ะเหรอ” ยูบินยกแก้วขึ้นจิบแชมเปญ เธอไม่ตอบในทันที เธอเขย่าแก้วในมือเบาๆ ก่อนที่จะตอบคำถามพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“อืมม.... ก็เพราะฉันชอบเธอไงล่ะ”
“ชอบ? คุณจับฉันมาทรมาน แล้วบอกว่าชอบงั้นเหรอ!?” ซอนเยลุกขึ้นตวาดเสียงดัง ร็สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกราวกับคำพูดนั้นเป็นมีดแหลมทิ่มแทง “คุณมันบ้า!!”
“นี่... มินซอนเย” ยูบินเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล เธอจ้องมองแชมเปญสีเหลืองอ่อนในแก้วแทนที่จะมองอีกฝ่ายที่โกรธจนหายใจหอบ “ฉันไปทรมานเธอตอนไหนกัน นึกให้ดีสิ มินซอนเย”
“..... พูดบ้าอะไร”
“ไม่รู้งั้นเหรอ งั้นฉันจะบอกให้นะ” ยูบินวางแก้วทรงสูงลงบนโต๊ะที่เธอยืนพิงอยู่นมนาน เธอตรงรี่เข้ามาหาซอนเย แล้วผลักให้ล้มลงไปนั่งบนโซฟาก่อนที่จะมอบจุมพิศเร่าร้อนให้ริมฝีปากบาง
ซอนเยพยายามขัดขืน แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่สามารถสะบัดหลุดจากพันธนาการนี้ได้เลย
ร่างกายกลับต้อนรับลิ้นอุ่นของยูบินที่รุกล้ำเข้ามาเป็นอย่างดี
ยูบินถอนริมฝีปากออกแล้วเลียริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะตอบพร้อมรอยยิ้ม
“เห็นมั้ย เธอก็ออกจะชอบมัน”
“ไม่!!!”
“ซอนเย...” ยูบินจับคางมนให้เงยขึ้นสบตากับตนเอง “เธอต้องการมัน ยอมรับซะเถอะ... แล้วฉันก็ไม่ได้บังคับให้เธอไปตายซะหน่อย ไอ้ที่ล่ามเนี่ยะ เธอทำตัวเธอเองนะ”
“คุณมันเลว! เลวที่สุด!”
“หึ ปากดีแบบนี้ อยากโดนแบบเมื่อวานอีกซักรอบรึไง” ยูบินฉีกยิ้มน่ากลัวแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ซอนเยจนจมูกชนกัน ซอนเยผลักยูบินออกไป ยูบินไม่ได้ทำอะไรอีก เธอหัวเราะแล้วเดินไปที่แก้วแชมเปญอีกครั้ง.... เสียงหัวเราะนั้น ราวกับปิศาจร้าย ที่มาทำลายชีวิตเธอจนพังพินาศ
“คืนนี้เธออยู่คนเดียวไปก่อนนะ ฉันมีงานต้องทำอีกเยอะ... แล้วอย่าทำอะไรโง่ๆ อีกล่ะ” ยูบินวางแก้วแชมเปญลงแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ซอนเยอยู่กับความเงียบงันและน้ำตาที่ไหลรินอีกครั้ง...
__________________________________________________________________
ลงครั้งแรก : 28 มี.ค. 52แก้ไขล่าสุด : 17 ธ.ค. 54
ความคิดเห็น