ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WG :: Passion Desire :: [Yoobin x Sunye]

    ลำดับตอนที่ #9 : '' > P a s s i o n 8

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 52


    /> /> />
    โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!! T[]T
    ชอกช้ำอุรามาก
    ข้อสอบแกต-แพต มันช่าง โคตรยากเบบี๋!
    แกตไม่เท่าไหร่ แพตเลขอ่ะดิ มันออกมาให้เทพทำเหรอ? ห๊าา?!!
    คนไร้สมองอย่างฉานจะไปทำไรได้เน๊??

    หวานทำเสร็จตั้งแต่ชั่วโมงแรกแล้ว จริงๆ เรียกว่า มั่วเสร็จจะดีกว่า
    ทำได้ข้อเดียวจริงๆ นะ -*-
    เฮ้อ เหมือนถูกส่งไปตายแท้ๆ เลย
    สมาร์ท1 ยังเ็ป็นอะไรที่ดีกว่ามาก!

    วันนี้ก็เลยนั่งแต่งฟิคแก้ช้ำใน
    ในตอนนี้หวานไม่รู้ว่ามันสั้นไปรึเปล่าน๊า

    พรุ่งนี้ยังต้องไปตายในสนาม แพตวิทย์ อีกรอบ
    บอกลาแพตวิดวะไปเลย ย๊ากก~ =[]=

    โอว ว ว...
    โอปป้าชางมิน! มาช่วยเค้าทำข้อสอบหน่อยเถอะ
    [เพ้อๆๆๆ]

    และต้องขอโทษที่ดองนานอีกแล้ว T__T
    คือมันไม่ว่างจริงจริ๊งงง
    งานเยอะมากเลยยย
    อย่าว่าแต่ดองฟิคเลยค่ะ
    การบ้านหวานก็ดองได้ดองดีเหมือนกันน่อ!

    ไปอ่านเถอะค่ะ
    ขออภัยที่รบกวน
    55555+


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    อากาศในห้องอบอุ่นด้วยฮีตเตอร์ แม้ข้างนอกฝนจจะตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย

    มันตกต่อเนื่องมาหลายชั่วโมงแล้ว ทั้งๆ ที่แดดแรงอยู่แท้ๆ กลับมีพายุลูกใหญ่พัดผ่านซะนี่ แถมยังไม่ยอมเคลื่อนตัวไปไหนอีกด้วย ลมพายุรุนแรงพัดกระแทกใส่หน้าต่างส่งเสียงดังกึกกักอยู่ตลอดเวลา

     

    ซอนเยค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาแล้วกลอกตาไปรอบๆ ห้อง

    ห้องนั้นมืดสลัว มีเพียงแสงเล็กน้อยจากข้างนอกที่ผ่านมาทางหน้าต่าง

    จากนั้นเธอก็ค่อยๆ รับรู้ถึงเสียงหยดน้ำและลมพายุที่พัดกระแทกหน้าต่างอย่างรุนแรงเป็นระยะๆ

     

    ร่างบางค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วหันไปมองอีกร่างที่นอนหลับสนิทอยู่เคียงข้าง

    เธอยิ้มจางๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นใบหน้ายามหลับของบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเย็นชานักหนา

    แต่ที่แท้...ก็คือผู้หญิงที่มีหัวใจแข็งกระด้างคนนึง คนที่ต้องการใครซักคนมาเคียงข้าง แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธความจริงนั้นก็ตาม...

     

    ซอนเยเอื้อมมือไปลูบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเบาๆ แต่เมื่อเธอสัมผัสผิวเนื้อของยูบิน

    เธอก็รู้ทันทีว่ายูบินกำลังมีไข้สูง

     

    เธอไม่รีรอที่จะไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้หญิงสาวที่หลับใหลไม่รู้เรื่องรู้ราว

     

    เกลียดคนๆ นี้ไม่ลงจริงๆ...

     

    “ไม่ว่าจะทำยังไง... ถึงเรื่องร้ายๆ ที่คุณทำมันจะให้อภัยไม่ได้ และฉันก็จะไม่ลืมมัน

    แต่... ฉันเกลียดคุณไม่ได้...” ซอนเยพึมพำขณะที่กำลังเช็ดใบหน้าสวยเข้ม... ยิ่งมองยิ่งน่าหลงใหล

     

    “คนทำร้ายฉันก็คือคุณ... แต่คนที่ช่วยฉันให้หลุดจากความว่างเปล่าก็คือคุณ... ฉันจะทำยังไงดี?

    ฉันกำลังสับสน... เพราะคุณอีกแล้ว”

     

    ยิ่งพูดก็ยิ่งอยากจะร้องไห้ น้ำตาพาลจะไหลอีกครั้งจนทำให้ต้องยกมือขึ้นขยี้ตาก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาจริงๆ

     

    พลันมือที่ร้อนด้วยพิษไข้ก็แตะที่แก้มเธอ ซอนเยหยุดขยี้ตาแล้วจ้องมองเจ้าของมืออบอุ่นนี้

    “ตะ..ตื่นนานแล้วเหรอ?”

     

    “นานพอ...ทีจะได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นของเธอ” เสียงของยูบินแหบแห้งจนน่ากลัว

     

    ซอนเยกุมมือนั้นไว้ น้ำตาที่อุตส่าห์กลั้นไว้มันก็ไหลออกมาอีกครั้ง

    ไม่ใช่เพราะความเสียใจ... แต่มันเป็นความรู้สึกอื่นที่บอกไม่ถูก มันจุกอยู่ที่อก...

     

    “อย่าร้องไห้สิ” ยูบินยิ้มเล็กน้อยก่อนจะไอค่อกแค่กเพราะคอแห้งหลังจากที่ไม่ได้ดื่มน้ำมานาน

     

    “ฉันจะไปเอาน้ำมาให้” ซอนเยเช็ดน้ำตาพร้อมกับจะลุกขึ้นจากเตียง

    แต่ก็ถูกยูบินคว้าข้อมือเอาไว้ก่อนที่จะเดินไป

     

    “อยู่ข้างๆ ฉันนะ”

     

    “เรื่องนั้น... ฉันก็อยู๋กับคุณนี่ไง... แต่ว่าคุณต้องดื่มน้ำนะคะ”

     

    ยูบินเงียบเมื่อได้ยินประโยคแรก แล้วก็ยิ้มออกมา

    ถึงซอนเยจะพูดเสียงแผ่วเบาเหมือนกระซิบ แต่เธอก็ได้ยินชัดเจน มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยทีเดียว

     

    เมื่อซอนเยออกจากห้องไป ยูบินลืมตาโพลงมองเพดาน เอามือก่ายหน้าผาก รอคอยน้ำจากร่างบาง

     

    ไม่คิดเลยว่า... จะถูกแผนการของตัวเองเล่นงานตัวเองแบบนี้

    ทั้งๆ ที่คิดว่าจะไม่ยึดติด แต่กลับรู้สึกหวงจนทนไม่ไหว ต้องการที่จะเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว

     

    ซอนเย... ฉันติดกับสิ่งที่ฉันคิดเอาไว้ซะเองหมดเลย

     

    จากการทำลาย...กลายเป็นความรัก

     

    ความสุขที่ได้อยู่กับเธอ มันจะมีไปถึงเมื่อไหร่นะ

    มันจะเป็นยังไงต่อ และมันจบยังไง... ฉันไม่รู้อะไรเลย

     

    ฉันกำหนดมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว.... นี่เป็นครั้งแรกที่คิมยูบินรู้สึกกำลังอับจนหนทาง

     

    ถ้าเธอรู้เบื้องหลังชีวิตของฉัน เธอจะหนีฉันไปรึเปล่า?

    ชีวิตตายด้านของคนๆ หนึ่งที่มีอิทธิพลอันน่าขยะแขยง

    อยู่กับสิ่งน่าขยะแขยงและความสกปรก ความหลอกลวง ความโลภ จับต้องแต่ของน่ารังเกียจ....

     

    ถ้าถึงเวลานั้น เธอจะเกลียดฉันมั๊ย?

     

     

    ร่างบางเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำใบโต เธอนั่งลงบนเตียงช้าๆ อย่างระมัดระวังไม่ให้น้ำหก

    ยูบินขยับตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง จิบน้ำจากแก้วใบใหญ่ทีละน้อย ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

     

    “คุณควรจะทานอะไรหน่อย อยากทานอะไรรึเปล่าคะ?”

     

    “อืม... ไม่รู้สิ ฉันกินอะไรก็ได้ที่มันกินได้”

     

    “ของกินมันก็ต้องกินได้สิคะ... ฉันหมายถึงคุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”

     

    “เธอชอบกินอะไรล่ะ”

     

    “ฉันชอบกินหม้อไฟ”

     

    “งั้นฉันก็กินนั่นแหละ”

     

    “อะไรกัน -,.-

     

    ยูบินหัวเราะเล็กน้อยกับความน่ารักของคนตรงหน้า

     

    “ฝนมันตกอยู่อย่างงี้ แล้วเธอจะไปยังไงเล่า... เวลาแบบนี้บะหมี่สำเร็จรูปก็พอแล้ว”

     

    “จริงด้วยสิ... งั้นเดี๋ยวฉันลงไปซื้อข้างล่าง” ซอนเยลุกขึ้นยืนก่อนจะหันมามองยูบิน “เอาอะไรมั๊ยคะ”

     

    “ไม่ล่ะ” ยูบินส่ายหน้าแล้วยกแก้วน้ำอุ่นขึ้นจิบ มองแผ่นหลังบอบบางจนออกจากห้องไป

     

    ถ้าบอกว่า.... ฉันรักเธอ

    มันจะเห็นแก่ตัวไปรึเปล่า?

    ฉันจะทำให้เธอต้องมาข้องเกี่ยวกับความวุ่นวายพวกนั้นด้วยรึเปล่า?

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

     

    “หืมม! อร่อยสุดยอด!” ซอนเยร้องขึ้นขณะเคี้ยวเส้นบะหมี่หนานุ่ม

     

    “มันก็รสชาติของมันไม่ใช่รึไง”

     

    “อะไรกัน? ฉันปรุงเองตะหากล่ะ คุณนี่ไม่รู้อะไรเลย”

     

    “งั้นหรอกเหรอ?” ยูบินเลิกคิ้ว

     

    หญิงสาวนั่งกินบะหมี่ด้วยกันอยู่หน้าทีวีเครื่องใหญ่ เสียงฝนต่างนอกกลบเสียงทีวีไปจนหมดสิ้น

    แต่ทั้งสองคนไม่สนใจที่จะดูมันเท่าไหร่นะ แค่เปิดไว้ให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นเท่านั้น

     

    “คุณยูบินกินหมูด้วยสิคะ ฉันทำมันเองนะ”

     

    “อ่า...เธอนี่ จะเป็นแม่ฉันรึไงนะ”

     

    “พูดงี้ได้ไง? คุณไม่สบายนะ ต้องกินๆ เข้าไปสิ -O-

     

    “ฉันยอมแพ้” ยูบินคีบเนื้อหมูเข้าปาก

     

    “ผักด้วยสิคะ”

     

    ยูบินต้องยอมทำตามทุกอย่างที่ซอนเยบอก เธอเกลียดผัก แต่เธอก็ต้องยอมกินมันเพราะซอนเยประเคน
    ให้ถึงปาก เธอไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องยอมผู้หญิงคนนี้มากมายขนาดนี้

     

    “ซอนเย ฉันว่า เธอไปให้ห่างจากฉันเถอะ”

     

    “...........................” ซอนเยชะงัก เธอรู้สึกหน้าชาทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นจากยูบิน ก่อนจะเค้นเสียงเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “ทะ...ทำไมล่ะคะ”

     

    “มันจะดีกว่า ถ้าเธอไปจากฉัน” ยูบินยังคงเอ่ยถ้อยคำทำร้ายจิตใจด้วยใบหน้านิ่งเฉย

     

    “ไม่มีทาง ฉันบอกคุณไปแล้วว่าฉันตัดสินใจแล้ว... สิ่งที่ฉันตัดสินใจแล้วมันก็คือทางของฉัน และฉันเลือกที่จะอยู่ข้างคุณไปแล้ว”

     

    ยูบินเงยหน้าขึ้นสบตากับซอนเย แววตานั้นมุ่งมั่นและหนักแน่นเกินกว่าที่เธอจะพูดอะไรออก

    ทำไม? ทำไมถึงต้องเลือกเส้นทางที่มันเป็นไปได้ยาก...

     

    “เธอแน่ใจแล้วเหรอ ว่าจะอยู่ข้างฉัน”

     

    “ค่ะ!

     

    “ชีวิตฉันมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดหรอกนะ”

     

    “จะเป็นยังไงก็ช่างเถอะค่ะ... คุณคงได้ยินที่ฉันพูดตอนเย็นแล้วใช่มั๊ย? ฉันเอง...ตอนนี้ก็สับสนอยู่ แต่เส้นทางของฉันนั้น ฉันได้เลือกไปแล้ว... ฉันไม่มีใครอื่นแล้ว ฉันน่ะ... อ๊ะ!?

     

    ซอนเยร้องเสียงหลงเมื่อยูบินผลักเธอให้ลงไปนอนกับพื้นแล้วเอาตัวขึ้นคร่อม

     

    “จะ..จะทำอะไรน่ะ?!!!” ซอนเยพยายามผลักคนเบื้องบนออกไป แต่ก็ถูกรวบแขนเอาไว้ได้

     

    “จะไม่เปลี่ยนใจแน่นะ แม้กระทั่งฉันทำแบบนี้... ก็เอาด้วยเหรอ” ยูบินกระซิบข้างหู ก่อนจะบรรจงขบเม้มซอกคอขาวเบาๆ เป็นการเชิญชวน

     

    “พอเถอะค่ะ! ฉันรู้ว่าคุณกำลังฝืนตัวเองอยู่นะ!! ซอนเยรวบรวมแรงทั้งหมดผลักยูบินออกไป แต่ยูบินที่กำลังมึนๆ เพราะไข้ จึงเสียหลักล้มลงกับพื้น แล้วก็ถูกซอนเยเป็นฝ่ายคร่อมโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป
    มือเล็กๆ กระชากคอเสื้อยูบินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและน้ำตา...

     

    “คุณเลิกทำแบบนี้เถอะค่ะ!! ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากทำมัน!! ฉันน่ะ... ฉันจะไม่ไปไหนเด็ดขาด... ฮึก”
    พูดจบก็ซบลงบนอกอุ่นของยูบิน เธอไม่รู้พูดอะไรออกไปบ้าง เธอไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง... เธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น ตอนนี้ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้... ขอแค่นี้

     

    ยูบินนิ่งเงียบ เธอลูบหัวปลอบร่างบางที่นอนอยู่บนตัวเธอพลางแหงนหน้ามองเพดานอย่างเหม่อลอย

    วันนี้ซอนเยร้องไห้ไปเท่าไหร่แล้ว... เพราะเธอ... ไม่อยากให้คนๆ นี้ต้องร้องไห้อีกแล้ว

     

    “ฉันน่ะ ไม่ใช่ประธานบริษัทหรอกนะ... มันเป็นแค่สิ่งบังหน้าเท่านั้นแหละ” ยูบินพูดขึ้นในที่สุด

    “มือคู่นี้ ฆ่าคนมามากมายนับไม่ถ้วน มันแปดเปื้อนเลือดมานับร้อยครั้งแล้ว...”

     

    ซอนเยเงียบและตั้งใจฟัง เธอแปลกใจที่ได้ยินเรื่องนี้จากยูบิน

     

    “พ่อฉันเป็นเจ้าของบ่อนพนันบ่อนใหญ่ที่สุดในโซล ลูกค้าที่ติดหนี้... คนที่ตามล่าพวกเขา คือฉันเอง...

    แต่พอมีบริษัทนี้ขึ้นมา ฉันก็ได้เป็นประธาน ทำให้ฉันไม่ต้องลงมือฆ่าคนพวกนั้นด้วยตัวเอง...”

     

    “คุณทำได้ยังไง?” ซอนเยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ

     

    “ฉันไม่รู้... แม่ของฉันน่ะ ไม่ได้ตายเพราะรถบรรทุกชนหรอกนะ...” ยูบินหยุดพูดไป เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ แม้พยายามจะลืมเท่าไหร่ก็ลืมไม่ลง “วันนั้น... แม่กับฉันนั่งอยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่น จู่ๆ พ่อก็เดินเข้ามาหาแม่ พร้อมกับปืนพก จ่อมาที่แม่... เขาพูดอะไรที่ฉันไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ... แต่มันเป็นต้นเหตุ ที่พ่อยิงแม่ตาย ต่อหน้าต่อตาฉัน...”

     

    “ไม่จริง...” ซอนเยพึมพำด้วยความตกใจ แล้วขยับตัวขึ้นเพื่อมองหน้ายูบิน “คุณพูดเล่นใช่มั๊ย?”

     

    ยูบินไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอกลับเล่าเรื่องต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย

     

    “หลังจากนั้น ฉันก็กลายเป็นแบบนี้... สิ่งที่ฉันไม่อยากเป็น แต่ฉันกลัว... กลัวว่าซักวันฉันจะเป็นเหมือนแม่

    ฉันพยายามทำตัวให้เข้มแข็งจนกลายเป็นคนเก็บตัว ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงเหมือนกัน... มันผ่านไปเร็วมาก ทุกครั้งที่ฉันออกไปทำสิ่งที่พ่อสั่ง... เล็ง...เหนี่ยวไก ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วมาก... ฉันไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง

    แทบจำอะไรไม่ได้เลย...”

     

    “พอ! พอได้แล้ว....” ซอนเยโพล่งขึ้นมา “คุณจะตอกย้ำตัวเองไปทำไม อดีตมันแก้ไม่ได้แล้ว จำไม่ได้ก็ช่างมัน! แต่อนาคตของคุณ มันก็ยังเป็นของคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

     

    “อนาคตของฉัน... ฉันไม่ได้เป็นคนกำหนดมันซักหน่อย”

     

    “เปล่า... คุณแค่กำหนดให้มันเป็นไปตามเกมของคนอื่นต่างหากล่ะ”

     

    ยูบินชะงักไปกับคำพูดของซอนเย... ก่อนจะฉีกยิ้มจางๆ ให้กับซอนเยที่มองมาด้วยแววตาดุดัน

    เหมือนกำลังจะสั่งสอนเธอ

     

    “ขอบคุณนะ... แต่ช่วยลุกไปหน่อยเถอะ ฉันหายใจไม่ออก”

     

    “อ๊ะ!! ขอโทษค่ะ!!” ซอนเยรีบลุกออกไปทันที พอเธอรู้ตัวว่าเธอนอนอยู่บนตัวยูบิน ใบหน้าขาวผ่องก็กลายเป็นสีแดงเหมือนลูกตำลึงสุกทันที เธอก้มหน้าเพื่อหลบใบหน้าไม่ให้ยูบินเห็น

     

    “ขอบคุณที่ช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้นนะ”

     

    “คุณจะไม่ไล่ฉันไปแล้วใช่มั๊ย?”

     

    ยูบินหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยิน

     

    “ไม่แล้วล่ะ... ถ้าไม่มีเธอ ฉันก็คงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”

     

    “แล้วตอนนี้คุณจะทำยังไง”

     

    “ฉันเองก็ไม่รู้ ปัญหามาเมื่อไหร่ค่อยแก้ ตอนนี้ฉันไม่รู้หรอก... โลกของฉันมันเดาอะไรไม่ได้”

     

    “อ๊ายยย! บะหมี่อืดหมดเลย โธ่!” ซอนเยหันกลับไปโวยวายเส้นบะหมี่ที่บวมเป่งเหมือนกิ้งกือนอนขดกันอยู่ในชามบะหมี่ แต่เธอก็ยังพยายามกินมันต่อให้หมด

     

    ยูบินมองซอนเยแล้วยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่จริงใจที่สุด... รอยยิ้มที่เธอเองก็ไม่เคยรู้ว่าตัวเองมี

    มันคือรอยยิ้มจากความสุข...

     

    จากนั้นยูบินก็เข้าร่วมกินบะหมี่เส้นอืดๆ กับซอนเย พร้อมดูทีวีไปด้วยกันอย่างสนุกสนาน

    เสียงหัวเราะที่ไม่เคยมีมาก่อนในห้องทะมึนๆ ตอนนี้ดังขึ้นเป็นระยะๆ

     

    ความสุขที่ก่อตัวขึ้นทีละน้อยนี้ ช่วยกลบเกลื่อนความทุกข์ในใจของคิมยูบินไปทีละน้อย

    เพราะผู้หญิงที่ชื่อมินซอนเย...

    แม้จะรู้ตัวดีว่าความสุขมันอยู่ได้ไม่นาน แต่ก็อยากจะขอที่จะเก็บเกี่ยวมันเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    “ซอนเย...”

     

    “หือ?” ซอนเยหันมาตามเสียงเรียกโดยอัตโนมัติ

     

    แต่แทนที่จะเป็นการคุยธรรมดา ยูบินยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เพื่อให้ซอนเยหันมาจูบเธอพอดี

     

    เมื่อริมฝีปากสัมผัสกัน ซอนเยเบิกตาโพลงด้วยความตกใจและแปลกใจ แต่เธอไม่คิดจะคัดค้านอะไร

    มือของเธอกำลังถูกกอบกุมด้วยมืออุ่นๆ ของยูบิน... ความอบอุ่นที่เธอหลงใหล เธอปิดเปลือกตาลง

    ปล่อยให้ร่างกายรับรู้เพียงแต่รสจูบอ่อนโยนชวนให้เคลิบเคลิ้ม...

     

    ยูบินที่อ่อนโยนและอบอุ่น....

     

    ฉันอยากจะบอกคุณเหลือเกินว่า ฉันรักคุณ

     

    รักมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตัวฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×