ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    WG :: Passion Desire :: [Yoobin x Sunye]

    ลำดับตอนที่ #5 : '' > P a s s i o n 4 *{rewrite

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 54


    สาวน้อยร่างบางนั่งกอดเข่าอยู่ริมระเบียงห้องนอนของเธอ ใบหน้ากลมแหงนขึ้นมองดูแสงระยิบระยับบนท้องฟ้าสีดำทะมึน

    ผมตรงสีดำยาวถึงกลางหลังสยายไปตาสายลมเย็นที่พัดมาเรื่อยๆ ริมฝีปากบางเล็กเม้มเข้าหากันเล็กน้อยอย่างขมขื่นใจ

    ภาพท้องฟ้าที่มีแสงระยิบระยับยามนี้ ทำให้เธอนึกถึงใครอีกคนที่อยู่ไกลออกไป

    ทั้งๆ ที่คยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันแท้ๆ ทั้งที่เคยบอกว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน....

    .... โกหกกันชัดๆ ....

    "พี่คะ... พี่จะไปไหน?" สาวน้อยตัวเล็กจ้องมองพี่สาวที่ตัวสูงกว่าเธอด้วยดวงตาเรียวเล็ก

    "พี่ เหรอ... พี่จะตามหาฝันของตัวเองไง" พี่สาวยิ้มให้เด็กน้อย แล้วจับพวงแก้มยุ้ยที่เสริมให้โครงหน้าของน้องสาวตัวเล็กดูเหมือนซาลาเปามาก ขึ้น

    "พี่อยากเป็นเหมือนในหนังง่ะ" ว่าแล้วเธอก็หัวเราะ

    "พี่จะไปนานมั๊ยคะ"

    "อืม... ไม่รู้สิ แต่พี่สัญญาว่าจะกลับมาหาเธอนะ ซาลาเปาน้อย ^^"

    "หนูไม่อยากให้พี่ไปเลย" สาวน้อยเริ่มมีน้ำตา

    "อ่า... อย่าร้องไห้สิคะ ทำอย่างงี้พี่เสียใจนะ โอ๋ๆๆ เดี๋ยวพี่กลับมาล้วจะเอาของฝากมาให้นะ"

    พี่สาวโอบกอดน้องสาวที่กำลังงอแงเอาไว้ แล้วลูบเส้นผมดำที่นุ่มสลวยราวกับใยไหมเบาๆ

    "ฮึก... สัญญานะคะ" สาวน้อยผละออก ยื่นนิ้วก้อยไปด้านหน้า

    "จ้ะ สัญญา โซฮีต้องรอพี่นะ" พี่สาวเกี่ยวก้อยสัญญา แล้วยิ้มให้ "พี่ต้องไปแล้วล่ะ... ยิ้มให้พี่หน่อยสิคะ"

    สาวน้อยได้แต่ยืนมองพี่สาวอันเป็นที่รักเดินขึ้นรถไฟไปด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ

    มือเล็กๆ ยกขึ้นโบกไปมาเมื่อรถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา เด็กน้อยก้าวขาวิ่งตามรถไฟ

    "โซฮี อย่าวิ่ง! เดี๋ยวล้มนะ" พี่สาวในรถไฟตะโกนออกมา

    "อย่าลืมหนูนะ อย่าลืมสัญญาของเรานะ...."

    "พี่ซอนมี!!"

    เฮือก!

    ร่างเล็กสะดุ้งตื่นขึ้น .... ใบหน้าของคนที่รักยังคงตราตรึง หลายๆ ครั้งที่ฝันแบบนี้ ราวกับย้ำเตือนตัวเองว่าถูกทิ้งไปแล้ว... ทำไมถึงเป็นแบบนี้....

    พี่ซอนมี....

    ------------------------------------------------------------------------------------------------

    "รุ่นพี่เยอึนคะ"

    "หืม?" หญิงสาวผู้เป็นรุ่นพี่เงยหน้าจากแฟ้มคดีที่กองสุมๆ กันอยู่ตรงหน้าขึ้นมามองตามเสียงเรียก

    "เราพบหลักฐานอีกชิ้นเกี่ยวกับคดีเมื่ออาทิตย์ก่อนค่ะ" เยอึนรับซองสีน้ำตาลมาจากรุ่นน้อง แล้วเปิดดูภายใน

    "เอ๋?! จี้ล็อกเก็ตเหรอ"

    "ค่ะ หน่วยเก็บหลักฐานพบอยู่ในลิ้นชักของโต๊ะข้างเตียงในห้องนอนใหญ่"

    "ข้างในนี้เป็นรูปใครล่ะเนี่ย" เยอึนพึมพำพลางใช้เล็กแงะร่องข้างล็อกเก็ต เพียงแต่... มันเปิดไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น

    เยอึนนิ่งเงียบไปจนกระทั่งเสียงของรุ่นน้องที่ยืนมองอยู่ดังขึ้น เรียกให้เธอหันกลับมาสนใจกับสิ่งที่ถืออยู่

    เป็นอะไรไปคะ รุ่นพี่?”

    มันเปิดไม่ออกน่ะ เอามันส่งไปกองพิสูจน์หลักฐานทีนะ บางทีข้างในนี้มันอาจจะมีเบาะแสอะไรก็ได้

    เยอึนเอาล็อกเก็ตเงินรูปหัวใจใส่ซองพลาสติกแล้วนำใส่ซองสีน้ำตาลเหมือนเดิมก่อนจะยื่นให้ซอนมี ซอนมีรับมาโดยไม่เอ่ยปากถามอะไร แต่เธอสงสัยในท่าทีของเยอึนมาก...

    ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... เยอึนชอบทำตัวลึกลับมานานแล้ว... คงไม่มีอะไรหรอก...

    ------------------------------------------------------------------------------------------------

    อุว้าวว!! O_O” ซอนเยอ้าปากค้างแล้ววิ่งเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมอันดับต้นๆ ร้านหนึ่ง

    คุณยูบิน ดูสิ ตัวสวยจังเลย และเธอก็ยังไม่ลืมผู้มีพระคุณของเธอ ที่ยืนยิ้มแปลกๆ อยู่หน้าร้านและกำลังเดินเข้ามาหา

    อยากได้ตัวไหนก็บอกนะ ฉันซื้อให้

    เอ๋?!!!” ซอนเยร้องเสียงดังจนถูกยูบินเอ็ด ประโยคหลังเธอจึงพูดเบาราวกับกระซิบ แต่ว่ามันแพงนะคะ

    เอาเถอะ ถือว่าฉันเลี้ยง....

    เลี้ยงอะไรคะ?”

    เลี้ยง...ก็เลี้ยงเธอไงล่ะ.... เอาเถอะ ฉันจะเป็นนำความสุขมาให้เธอเอง เหตุผลมีเท่านี้แหละ เข้าใจรึยัง?”

    “.....” ซอนเยไม่ได้ตอบอะไร เธอก้มหน้าลง .... ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงก่ำไปกับถ้อยคำของอีกฝ่ายจนทำตัว ไม่ถูกแล้ว... ทำไมกันนะ ทำไม???

    แต่คุณจะมาสนใจคนอย่างฉันทำไม?

    .... เวลาต่อมา ....

    สองสาวนั่งดื่มกาแฟราคาแพงลิบลิ่วจนแทบจะกินไม่ลง แต่เมื่อยูบินบอกว่าเธอต้องการเลี้ยง (เลี้ยงอีกแล้ว เลี้ยงอะไรหว่า??) ซอนเยก็ไม่อยากจะขัดใจผู้มีพระคุณนัก

    เกรงใจจังเลยซอนเยพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักให้ยูบินที่เดินไปหยิบถ้วยกาแฟมาให้

    ไม่เป็นไรยูบินยิ้มบางๆ ถึงจะบอกว่าเกรงใจก็เถอะ แต่คุณเธอเล่นซื้อเสื้อราคาหลายพันไปเกือบสิบตัว....

    คุณยูบินทำงานอะไรหรอคะ ทำไมรวยจัง

    อ่า...ยูบินกลอกตาขึ้นมองเพดาน ทำงาน....อะไรดีล่ะ เจ้าแม่มาเฟียล่ะมั้ง.... พ่อฉันเป็นนักธุรกิจ ฉันดูแลแฟนไชน์ของพ่อที่เกาหลีนี่แหละ

    โอ้โห ดูหรูจังเลยนะคะเนี่ยซอนเยยิ้มอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของเธอทำให้ใจของอีกฝ่ายเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่รอยยิ้ม... ทุกๆ การกระทำของเธอที่อยู่ในสายตาคู่นั้นก็ด้วย.... แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ

    ถ้าไม่ได้คุณ....ซอนเยก้มหน้าลง ใช้หลอดเขี่ยนกาแฟปั่นเล่น ฉันคงแย่แน่ๆ... บางทีอาจจะตายไปแถวไหนแล้วก็ไม่รู้

    ยูบินนิ่งเงียบ ยกกาแฟขึ้นดื่ม วางมันลงก่อนจะมองหน้าสาวน้อยตรงข้าม

    อดีตก็คืออดีต มันก็มีทั้งที่ดีและไม่ดี เธอควรพยายามลืมไอ้ที่มันไม่ดีไปให้ได้ดีกว่า.... เก็บมันไว้ก็เจ็บปวดไปเปล่า

    นั่นสินะคะ...

    นั่นสิ?” ยูบินทวนคำ เธอพูดแบบนั้นแต่ยังทำหน้าแบบนี้ มันก็หมายความว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด

    อ่า... ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ!” ซอนเยยืดตัวขึ้น เงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสดใสเหมือนเคยอย่าทำให้คำพูดของฉันต้องเป็นคำพูดเท็จล่ะ

    เอ๋?!

    ที่บอกว่า... ฉันจะเป็นคนนำความสุขมาให้เธอไง...กล่าวจบ ยูบินก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกจากร้านไปทันที ซอนเยนั่งมองอย่างไม่เข้าใจ แต่เธอก็ลุกขึ้นและเดินตามยูบินไป

    การกระทำที่ขัดกับคำพูดพวกนั้น... มันหมายความว่ายังไงกัน?

    ------------------------------------------------------------------------------------------------

    ร่างสูงสง่าของเจ้าแม่มาเฟียยืนเหม่ออยู่ริมหน้าต่าง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไปยังพื้นด้านล่างอย่างว่างเปล่าดังเช่นทุกครั้งที่เคยทำ ความรู้สึกเดิมๆ ก็ยังคงอยู่ในใจไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย

    .... น่าเบื่อ ....

    เพียงแต่เหตุผลที่ทำให้เธอ เบื่อ นั้นเพราะเธอกำลังขาดเสียงเจื้อยแจ้วของใครบางคนราวกับตัวเธอเป็นดอกไม้ขาดน้ำอะไรทำนองนั้น

    ยูบินเดินมานั่งที่โต๊ะ เหม่อไปยังโทรศัพท์ ถอนหายใจอีกครั้ง จะโทรไปก็กลัวเจ้าตัวเรียนอยู่ ทั้งๆ ที่เดี๋ยวตอนเย็นก็ได้เจอแล้ว แถมยังได้อยู่ด้วยกันอีกต่างหาก....แบบนี้ไม่ไหวเลยแฮ

    ใจอ่อนจริงๆ....

    แกร๊ก!

    ยูบินจ๋า~

    ป๊า !!” ยูบินร้องขึ้นเมื่อเห็นหน้าบุรุษที่จู่ๆ ก็พรวดพราดเข้ามาในห้อง... ตัววุ่นวายมาอีกแล้ว.... มาทำไมตอนนี้เนี่ย

    ว่าไงลูก เห็นป๊าทำหน้าอย่างกับเห็นผี อ๊ะ! หรือว่าป๊าดูแก่ลงไปงั้นหรอ??”

    เฮ้ออ อ~” ยูบินถอนหายใจเฮือกใหญ่ หมุนเก้าอี้ตัวใหญ่หนีใบหน้าหล่อเหลาอ่อนกว่าวัยอันควร ก่อนจะพูดขึ้นเนือยๆ ป๊ามาทำไม?”

    ก็มาเยี่ยมลูกไงผู้เป็นพ่อโผล่หน้ามายืนตรงหน้าลูกสาวพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่มักจะเห็นได้เสมอ

    เยี่ยม?” ยูบินเลิกคิ้ว ทวนคำอย่างหงุดหงิดในใจ หนูไม่ได้นอนโรงบาลนะป๊า เยี่ยมอะไรกันเล่า คนที่ป๊าควรจะเยี่ยมน่าจะเป็นคุณแม่มากกว่า

    รายนั้นป๊าก็ไปเยี่ยมมาแล้วล่ะ เก็บหญ้าข้างหลุมมาฝากหนูด้วยนะ

    อย่ามาบ้าน่ะ!” ยูบินสะบัดหน้าหนีมุกตลกแป้กสุดแป้กของผู้เป็นพ่ออย่างเอือมระอา.... เมื่อไรจะเลิกติงต๊องซักทีนะ

    หึหึชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ แล้วเรื่องนั้น เป็นไงบ้างล่ะ

    ยูบินหันกลับมา เมื่อรู้ว่าพ่อเลิกเล่นเป็นเด็กเนิร์ดแล้ว แม้ใบหน้าของคนตรงหน้ายังคงรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเดิม เพียงแต่เขาเปลี่ยนเป็นคนละคนจากเมื่อกี้ กลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที

    หนูกำลังสนุกอยู่เลยล่ะ

    อย่าเล่นให้มากนักล่ะ เดี๋ยวจะตกหลุมพรางไม่รู้ตัว

    ฝันไปเถอะ คนอย่างหนูไม่มีทางตกหลุมพรางของใครทั้งนั้น ยูบินเหยีบดยิ้มน่ากลัวอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเธอ แล้วคว้าเสื้อคลุมที่พาดอยู่บ้นเก้าอี้มาพร้อมกับลุกขึ้นยืน

    หนูไปล่ะ มีธุระ

    เมื่อลูกสาวเดินออกจากห้องไปแล้ว ชายหนุ่มจึงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ซึ่งมีแต่เขาและยูบินเท่านั้นที่จะนั่งได้

    ขาเรียวยาวพาดขึ้นบนโต๊ะทำงาน ท่าเดียวกับลูกสาวเป๊ะไม่ผิดองศา ห้องเงียบงันที่ดูไม่มีอะไร หากแต่คนที่เข้ามาจะรู้ได้ถึงความกดดันอย่างยิ่ง จากบุคคลที่นั่งอยู่กลางห้อง.... รอยยิ้มยังคงระบายอยู่บนใบหน้า ไม่ใช่รอยยิ้มอ่อนโยน แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนรู้สึกถึงอันตรายที่ก่อตัวขึ้นช้าๆ

    บุคคลนี้อันตรายมากกว่าคิมยูบินเป็นไหนๆ ....

    เพียงแต่ตอนนี้เขากำลังเป็นห่วงยูบิน.... กับ เกม ของเธอที่มักจะเล่นกับใครต่อใครตามที่เธอถูกใจ แต่เขาคิดว่า เกมในครั้งนี้ มันไม่ง่ายอย่างที่ยูบินคิด ยูบินไม่สามารถละทิ้งมันได้ง่ายๆ แน่นอน

    หึ.... ป๊าเตือนแล้วนะ ยูบิน...ชายหนุ่มพึมพำ แล้วหยิบแฟ้มงานที่จะต้องทำมาเปิดอ่าน

     ------------------------------------------------------------------------------------------------

    ภายในห้องเรียน....

    เสียงเอะอึกทึกที่ทุกโรงเรียนจะต้องมีหลังจากเลิกเรียนแล้ว

    ซอนเยเก็บการบ้านลงกระเป๋าพลางฮัมเพลงอย่างสบายใจ หลังจากหยุดเรียนไปหลายวัน การบ้านเธอท่วมหัวแทบจะเอาตัวไม่รอด... ก็ยูบินอีกนั่นแหละ ที่ช่วยเธอปั่นการบ้านจนเสร็จเกือบหมด แถมยังติวพิเศษให้อีก

    ดีจริงๆ น๊า ~

    ซอนเย...

    หือ?”

    เธอนี่ดีจังเลยนะ ลัลล้าได้ง่ายๆ ขนาดเจอเรื่องแบบนั้นแท้ๆ เก่งจัง

    ไม่หรอก โซฮีซอนเยยิ้ม ฉันไม่ได้เป็นแบบนี้เพราะตัวฉันหรอกนะ ฉันได้กำลังใจดีน่ะซอนเยกับโซฮีเดินลงบันไดมาเรื่อยๆ ซอนเยกะว่าจะแนะนำยูบินให้รู้จัก จึงชวนโซฮีลงมาด้วยกัน

    ที่ฉันเป็นแบบนี้ได้เพราะคนๆ นั้นล่ะซอนเยพยักเพยิดไปทางต้นไม้ใหญ่ประจำโรงเรียน

    โซฮีหันหน้าไปตามทางที่ซอนเยบอก.... นั่นน่ะหรอ? คิมยูบินที่ว่า...

    กำลังคุยอยู่กับใครอีกคน....

    ข้างๆ นั่นใครน่ะ?” โซฮีเอ่ยถามขึ้น

    เอ.... ไม่รู้สิ แต่คุ้นๆ อยู่นะ ไปดูมั๊ยล่ะ

    อ่ะ...อื้ม

    คุณยูบินน~” ซอนเยตะโกนเรียกแล้ววิ่งเข้าไปหาทันที ไม่ต้องรอให้เจ้าของชื่อหันมา

    อ๊ะ! คุณ! สวัสดีค่ะ คุณตำรวจซอนเยหันไปโค้งกับคนข้างๆ ผู้เป็นคู่สนทนาของยูบินอย่างร่าเริง

    หวัดดีจ้ะ

    ซอนเย ทำไมไม่รอกันบ้างเลยเสียงบ่นจากคนน่ารักดังขึ้นด้านหลัง

    อ๊า... ขอโทษที... นี่ไง คนนี้คิมยูบิน คุณยูบินคะนี่เป็นฉันชื่ออันโซฮีค่ะ

    อืมยูบินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปมองโซฮี ยินดีที่รู้จักนะ

    โซฮีพยักหน้าตอบ เธอไม่กล้าสบกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเลย...น่ากลัวจนบอกไม่ถูก.... เป็นดวงตาที่เดาความคิดของเจ้าของไม่ได้เลย... ดั่งน้ำทะเลลึก....

    อ้อ แล้วคนนี้... ตำรวจสาวที่ทำคดีพ่อกับแม่ของฉันอยู่....  ซอนเยพูดขึ้นอีกครั้ง

    คุณซอนมี....

    !!!

    ___________________________________________________________


    ลงครั้งแรก : 16 ธ.ค. 51
    แก้ไขล่าสุด : 3 ธ.ค. 54


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×