คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : '' > P a s s i o n 4 *{rewrite
สาวน้อยร่างบางนั่งกอดเข่าอยู่ริมระเบียงห้องนอนของเธอ ใบหน้ากลมแหงนขึ้นมองดูแสงระยิบระยับบนท้องฟ้าสีดำทะมึน
ผมตรงสีดำยาวถึงกลางหลังสยายไปตาสายลมเย็นที่พัดมาเรื่อยๆ ริมฝีปากบางเล็กเม้มเข้าหากันเล็กน้อยอย่างขมขื่นใจ
ภาพท้องฟ้าที่มีแสงระยิบระยับยามนี้ ทำให้เธอนึกถึงใครอีกคนที่อยู่ไกลออกไป
ทั้งๆ ที่คยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันแท้ๆ ทั้งที่เคยบอกว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหน....
.... โกหกกันชัดๆ ....
"พี่คะ... พี่จะไปไหน?" สาวน้อยตัวเล็กจ้องมองพี่สาวที่ตัวสูงกว่าเธอด้วยดวงตาเรียวเล็ก
"พี่ เหรอ... พี่จะตามหาฝันของตัวเองไง" พี่สาวยิ้มให้เด็กน้อย แล้วจับพวงแก้มยุ้ยที่เสริมให้โครงหน้าของน้องสาวตัวเล็กดูเหมือนซาลาเปามาก ขึ้น
"พี่อยากเป็นเหมือนในหนังง่ะ" ว่าแล้วเธอก็หัวเราะ
"พี่จะไปนานมั๊ยคะ"
"อืม... ไม่รู้สิ แต่พี่สัญญาว่าจะกลับมาหาเธอนะ ซาลาเปาน้อย ^^"
"หนูไม่อยากให้พี่ไปเลย" สาวน้อยเริ่มมีน้ำตา
"อ่า... อย่าร้องไห้สิคะ ทำอย่างงี้พี่เสียใจนะ โอ๋ๆๆ เดี๋ยวพี่กลับมาล้วจะเอาของฝากมาให้นะ"
พี่สาวโอบกอดน้องสาวที่กำลังงอแงเอาไว้ แล้วลูบเส้นผมดำที่นุ่มสลวยราวกับใยไหมเบาๆ
"ฮึก... สัญญานะคะ" สาวน้อยผละออก ยื่นนิ้วก้อยไปด้านหน้า
"จ้ะ สัญญา โซฮีต้องรอพี่นะ" พี่สาวเกี่ยวก้อยสัญญา แล้วยิ้มให้ "พี่ต้องไปแล้วล่ะ... ยิ้มให้พี่หน่อยสิคะ"
สาวน้อยได้แต่ยืนมองพี่สาวอันเป็นที่รักเดินขึ้นรถไฟไปด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ
มือเล็กๆ ยกขึ้นโบกไปมาเมื่อรถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา เด็กน้อยก้าวขาวิ่งตามรถไฟ
"โซฮี อย่าวิ่ง! เดี๋ยวล้มนะ" พี่สาวในรถไฟตะโกนออกมา
"อย่าลืมหนูนะ อย่าลืมสัญญาของเรานะ...."
"พี่ซอนมี!!"
เฮือก!
ร่างเล็กสะดุ้งตื่นขึ้น .... ใบหน้าของคนที่รักยังคงตราตรึง หลายๆ ครั้งที่ฝันแบบนี้ ราวกับย้ำเตือนตัวเองว่าถูกทิ้งไปแล้ว... ทำไมถึงเป็นแบบนี้....
พี่ซอนมี....
------------------------------------------------------------------------------------------------
"รุ่นพี่เยอึนคะ"
"หืม?" หญิงสาวผู้เป็นรุ่นพี่เงยหน้าจากแฟ้มคดีที่กองสุมๆ กันอยู่ตรงหน้าขึ้นมามองตามเสียงเรียก
"เราพบหลักฐานอีกชิ้นเกี่ยวกับคดีเมื่ออาทิตย์ก่อนค่ะ" เยอึนรับซองสีน้ำตาลมาจากรุ่นน้อง แล้วเปิดดูภายใน
"เอ๋?! จี้ล็อกเก็ตเหรอ"
"ค่ะ หน่วยเก็บหลักฐานพบอยู่ในลิ้นชักของโต๊ะข้างเตียงในห้องนอนใหญ่"
"ข้างในนี้เป็นรูปใครล่ะเนี่ย" เยอึนพึมพำพลางใช้เล็กแงะร่องข้างล็อกเก็ต เพียงแต่... มันเปิดไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น
เยอึนนิ่งเงียบไปจนกระทั่งเสียงของรุ่นน้องที่ยืนมองอยู่ดังขึ้น เรียกให้เธอหันกลับมาสนใจกับสิ่งที่ถืออยู่
“เป็นอะไรไปคะ รุ่นพี่?”
“มันเปิดไม่ออกน่ะ เอามันส่งไปกองพิสูจน์หลักฐานทีนะ บางทีข้างในนี้มันอาจจะมีเบาะแสอะไรก็ได้”
เยอึนเอาล็อกเก็ตเงินรูปหัวใจใส่ซองพลาสติกแล้วนำใส่ซองสีน้ำตาลเหมือนเดิมก่อนจะยื่นให้ซอนมี ซอนมีรับมาโดยไม่เอ่ยปากถามอะไร แต่เธอสงสัยในท่าทีของเยอึนมาก...
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... เยอึนชอบทำตัวลึกลับมานานแล้ว... คงไม่มีอะไรหรอก...
------------------------------------------------------------------------------------------------
“อุว้าวว!! O_O” ซอนเยอ้าปากค้างแล้ววิ่งเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมอันดับต้นๆ ร้านหนึ่ง
“คุณยูบิน ดูสิ ตัวสวยจังเลย” และเธอก็ยังไม่ลืมผู้มีพระคุณของเธอ ที่ยืนยิ้มแปลกๆ อยู่หน้าร้านและกำลังเดินเข้ามาหา
“อยากได้ตัวไหนก็บอกนะ ฉันซื้อให้”
“เอ๋?!!!” ซอนเยร้องเสียงดังจนถูกยูบินเอ็ด ประโยคหลังเธอจึงพูดเบาราวกับกระซิบ “แต่ว่ามันแพงนะคะ”
“เอาเถอะ ถือว่าฉันเลี้ยง....”
“เลี้ยงอะไรคะ?”
“เลี้ยง...” ก็เลี้ยงเธอไงล่ะ.... “เอาเถอะ ฉันจะเป็นนำความสุขมาให้เธอเอง เหตุผลมีเท่านี้แหละ เข้าใจรึยัง?”
“.....” ซอนเยไม่ได้ตอบอะไร เธอก้มหน้าลง .... ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงก่ำไปกับถ้อยคำของอีกฝ่ายจนทำตัว ไม่ถูกแล้ว... ทำไมกันนะ ทำไม???
แต่คุณจะมาสนใจคนอย่างฉันทำไม?
.... เวลาต่อมา ....
สองสาวนั่งดื่มกาแฟราคาแพงลิบลิ่วจนแทบจะกินไม่ลง แต่เมื่อยูบินบอกว่าเธอต้องการเลี้ยง (เลี้ยงอีกแล้ว เลี้ยงอะไรหว่า??) ซอนเยก็ไม่อยากจะขัดใจผู้มีพระคุณนัก
“เกรงใจจังเลย” ซอนเยพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักให้ยูบินที่เดินไปหยิบถ้วยกาแฟมาให้
“ไม่เป็นไร” ยูบินยิ้มบางๆ ถึงจะบอกว่าเกรงใจก็เถอะ แต่คุณเธอเล่นซื้อเสื้อราคาหลายพันไปเกือบสิบตัว....
“คุณยูบินทำงานอะไรหรอคะ ทำไมรวยจัง”
“อ่า...” ยูบินกลอกตาขึ้นมองเพดาน ทำงาน....อะไรดีล่ะ เจ้าแม่มาเฟียล่ะมั้ง.... “พ่อฉันเป็นนักธุรกิจ ฉันดูแลแฟนไชน์ของพ่อที่เกาหลีนี่แหละ”
“โอ้โห ดูหรูจังเลยนะคะเนี่ย” ซอนเยยิ้มอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของเธอทำให้ใจของอีกฝ่ายเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่รอยยิ้ม... ทุกๆ การกระทำของเธอที่อยู่ในสายตาคู่นั้นก็ด้วย.... แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ
“ถ้าไม่ได้คุณ....” ซอนเยก้มหน้าลง ใช้หลอดเขี่ยนกาแฟปั่นเล่น “ฉันคงแย่แน่ๆ... บางทีอาจจะตายไปแถวไหนแล้วก็ไม่รู้”
ยูบินนิ่งเงียบ ยกกาแฟขึ้นดื่ม วางมันลงก่อนจะมองหน้าสาวน้อยตรงข้าม
“อดีตก็คืออดีต มันก็มีทั้งที่ดีและไม่ดี เธอควรพยายามลืมไอ้ที่มันไม่ดีไปให้ได้ดีกว่า.... เก็บมันไว้ก็เจ็บปวดไปเปล่า”
“นั่นสินะคะ...”
“นั่นสิ?” ยูบินทวนคำ “เธอพูดแบบนั้นแต่ยังทำหน้าแบบนี้ มันก็หมายความว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด”
“อ่า... ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ!” ซอนเยยืดตัวขึ้น เงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสดใสเหมือนเคย“อย่าทำให้คำพูดของฉันต้องเป็นคำพูดเท็จล่ะ”
“เอ๋?!”
“ที่บอกว่า... ฉันจะเป็นคนนำความสุขมาให้เธอไง...” กล่าวจบ ยูบินก็ลุกขึ้น แล้วเดินออกจากร้านไปทันที ซอนเยนั่งมองอย่างไม่เข้าใจ แต่เธอก็ลุกขึ้นและเดินตามยูบินไป
การกระทำที่ขัดกับคำพูดพวกนั้น... มันหมายความว่ายังไงกัน?
------------------------------------------------------------------------------------------------
ร่างสูงสง่าของเจ้าแม่มาเฟียยืนเหม่ออยู่ริมหน้าต่าง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองไปยังพื้นด้านล่างอย่างว่างเปล่าดังเช่นทุกครั้งที่เคยทำ ความรู้สึกเดิมๆ ก็ยังคงอยู่ในใจไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
.... น่าเบื่อ ....
เพียงแต่เหตุผลที่ทำให้เธอ เบื่อ นั้นเพราะเธอกำลังขาดเสียงเจื้อยแจ้วของใครบางคนราวกับตัวเธอเป็นดอกไม้ขาดน้ำอะไรทำนองนั้น
ยูบินเดินมานั่งที่โต๊ะ เหม่อไปยังโทรศัพท์ ถอนหายใจอีกครั้ง จะโทรไปก็กลัวเจ้าตัวเรียนอยู่ ทั้งๆ ที่เดี๋ยวตอนเย็นก็ได้เจอแล้ว แถมยังได้อยู่ด้วยกันอีกต่างหาก....แบบนี้ไม่ไหวเลยแฮ
ใจอ่อนจริงๆ....
แกร๊ก!
“ยูบินจ๋า~”
“ป๊า !!” ยูบินร้องขึ้นเมื่อเห็นหน้าบุรุษที่จู่ๆ ก็พรวดพราดเข้ามาในห้อง... ตัววุ่นวายมาอีกแล้ว.... มาทำไมตอนนี้เนี่ย
“ว่าไงลูก เห็นป๊าทำหน้าอย่างกับเห็นผี อ๊ะ! หรือว่าป๊าดูแก่ลงไปงั้นหรอ??”
“เฮ้ออ อ~” ยูบินถอนหายใจเฮือกใหญ่ หมุนเก้าอี้ตัวใหญ่หนีใบหน้าหล่อเหลาอ่อนกว่าวัยอันควร ก่อนจะพูดขึ้นเนือยๆ “ป๊ามาทำไม?”
“ก็มาเยี่ยมลูกไง” ผู้เป็นพ่อโผล่หน้ามายืนตรงหน้าลูกสาวพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่มักจะเห็นได้เสมอ
“เยี่ยม?” ยูบินเลิกคิ้ว ทวนคำอย่างหงุดหงิดในใจ “หนูไม่ได้นอนโรง’บาลนะป๊า เยี่ยมอะไรกันเล่า คนที่ป๊าควรจะเยี่ยมน่าจะเป็นคุณแม่มากกว่า”
“รายนั้นป๊าก็ไปเยี่ยมมาแล้วล่ะ เก็บหญ้าข้างหลุมมาฝากหนูด้วยนะ”
“อย่ามาบ้าน่ะ!” ยูบินสะบัดหน้าหนีมุกตลกแป้กสุดแป้กของผู้เป็นพ่ออย่างเอือมระอา.... เมื่อไรจะเลิกติงต๊องซักทีนะ
“หึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “แล้วเรื่องนั้น เป็นไงบ้างล่ะ”
ยูบินหันกลับมา เมื่อรู้ว่าพ่อเลิกเล่นเป็นเด็กเนิร์ดแล้ว แม้ใบหน้าของคนตรงหน้ายังคงรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นเดิม เพียงแต่เขาเปลี่ยนเป็นคนละคนจากเมื่อกี้ กลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
“หนูกำลังสนุกอยู่เลยล่ะ”
“อย่าเล่นให้มากนักล่ะ เดี๋ยวจะตกหลุมพรางไม่รู้ตัว”
“ฝันไปเถอะ คนอย่างหนูไม่มีทางตกหลุมพรางของใครทั้งนั้น” ยูบินเหยีบดยิ้มน่ากลัวอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเธอ แล้วคว้าเสื้อคลุมที่พาดอยู่บ้นเก้าอี้มาพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“หนูไปล่ะ มีธุระ”
เมื่อลูกสาวเดินออกจากห้องไปแล้ว ชายหนุ่มจึงทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ซึ่งมีแต่เขาและยูบินเท่านั้นที่จะนั่งได้
ขาเรียวยาวพาดขึ้นบนโต๊ะทำงาน ท่าเดียวกับลูกสาวเป๊ะไม่ผิดองศา ห้องเงียบงันที่ดูไม่มีอะไร หากแต่คนที่เข้ามาจะรู้ได้ถึงความกดดันอย่างยิ่ง จากบุคคลที่นั่งอยู่กลางห้อง.... รอยยิ้มยังคงระบายอยู่บนใบหน้า ไม่ใช่รอยยิ้มอ่อนโยน แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนรู้สึกถึงอันตรายที่ก่อตัวขึ้นช้าๆ
บุคคลนี้อันตรายมากกว่าคิมยูบินเป็นไหนๆ ....
เพียงแต่ตอนนี้เขากำลังเป็นห่วงยูบิน.... กับ เกม ของเธอที่มักจะเล่นกับใครต่อใครตามที่เธอถูกใจ แต่เขาคิดว่า เกมในครั้งนี้ มันไม่ง่ายอย่างที่ยูบินคิด ยูบินไม่สามารถละทิ้งมันได้ง่ายๆ แน่นอน
“หึ.... ป๊าเตือนแล้วนะ ยูบิน...” ชายหนุ่มพึมพำ แล้วหยิบแฟ้มงานที่จะต้องทำมาเปิดอ่าน
------------------------------------------------------------------------------------------------
ภายในห้องเรียน....
เสียงเอะอึกทึกที่ทุกโรงเรียนจะต้องมีหลังจากเลิกเรียนแล้ว
ซอนเยเก็บการบ้านลงกระเป๋าพลางฮัมเพลงอย่างสบายใจ หลังจากหยุดเรียนไปหลายวัน การบ้านเธอท่วมหัวแทบจะเอาตัวไม่รอด... ก็ยูบินอีกนั่นแหละ ที่ช่วยเธอปั่นการบ้านจนเสร็จเกือบหมด แถมยังติวพิเศษให้อีก
ดีจริงๆ น๊า ~
“ซอนเย...”
“หือ?”
“เธอนี่ดีจังเลยนะ ลัลล้าได้ง่ายๆ ขนาดเจอเรื่องแบบนั้นแท้ๆ เก่งจัง”
“ไม่หรอก โซฮี” ซอนเยยิ้ม “ฉันไม่ได้เป็นแบบนี้เพราะตัวฉันหรอกนะ ฉันได้กำลังใจดีน่ะ”ซอนเยกับโซฮีเดินลงบันไดมาเรื่อยๆ ซอนเยกะว่าจะแนะนำยูบินให้รู้จัก จึงชวนโซฮีลงมาด้วยกัน
“ที่ฉันเป็นแบบนี้ได้เพราะคนๆ นั้นล่ะ” ซอนเยพยักเพยิดไปทางต้นไม้ใหญ่ประจำโรงเรียน
โซฮีหันหน้าไปตามทางที่ซอนเยบอก.... นั่นน่ะหรอ? คิมยูบินที่ว่า...
กำลังคุยอยู่กับใครอีกคน....
“ข้างๆ นั่นใครน่ะ?” โซฮีเอ่ยถามขึ้น
“เอ.... ไม่รู้สิ แต่คุ้นๆ อยู่นะ ไปดูมั๊ยล่ะ”
“อ่ะ...อื้ม”
“คุณยูบินน~” ซอนเยตะโกนเรียกแล้ววิ่งเข้าไปหาทันที ไม่ต้องรอให้เจ้าของชื่อหันมา
“อ๊ะ! คุณ! สวัสดีค่ะ คุณตำรวจ” ซอนเยหันไปโค้งกับคนข้างๆ ผู้เป็นคู่สนทนาของยูบินอย่างร่าเริง
“หวัดดีจ้ะ”
“ซอนเย ทำไมไม่รอกันบ้างเลย” เสียงบ่นจากคนน่ารักดังขึ้นด้านหลัง
“อ๊า... ขอโทษที... นี่ไง คนนี้คิมยูบิน คุณยูบินคะนี่เป็นฉันชื่ออันโซฮีค่ะ”
“อืม” ยูบินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปมองโซฮี “ยินดีที่รู้จักนะ”
โซฮีพยักหน้าตอบ เธอไม่กล้าสบกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเลย...น่ากลัวจนบอกไม่ถูก.... เป็นดวงตาที่เดาความคิดของเจ้าของไม่ได้เลย... ดั่งน้ำทะเลลึก....
“อ้อ แล้วคนนี้... ตำรวจสาวที่ทำคดีพ่อกับแม่ของฉันอยู่....” ซอนเยพูดขึ้นอีกครั้ง
“คุณซอนมี....”
“!!!”
___________________________________________________________
ลงครั้งแรก : 16 ธ.ค. 51
แก้ไขล่าสุด : 3 ธ.ค. 54
ความคิดเห็น